กระเป๋าราคาถูกๆ เพียงใบเดียวที่แหวนเก็บสมบัติใส่ลงในนั้น หล่อนเก็บข้าวของส่วนตัวตามคำสั่งของเขาลิงโลดเพราะสาวิตต์ให้ความหวังเอาไว้ หล่อนจะได้ไปอยู่ข้างนอกไกลสายตาคุณนาย เขาจะพาหล่อนไปหาที่อยู่ใหม่ เขาจะดูแลรับผิดชอบหล่อนโถ...แหวนหลงน้อยใจในตัวเขามาสองวันสองคืนเต็มๆ ที่แท้เขาก็ยังมีใจให้กับหล่อน เขาจะหาที่อยู่และอยู่กับหล่อน จะเป็นรังรักแสนหวานอบอุ่นนักเขาให้หล่อนขึ้นรถ ปิดประตูให้ แล้วรีบอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ขับรถออกจากบ้าน แล้วจอดทิ้งเอาไว้ ยังไม่ได้ปิดประตูทำให้เขาต้องลงไปปิด...แหวนพยายามจะรับอาสาแต่เขาไม่อยากให้คนในบ้านออกมาเห็นว่าแหวนออกมากับเขา ชายหนุ่มทำอย่างเร่งร้อนแม้แต่ขับรถออกสู่ถนน สวนกับรถยนต์ของมินตาเขาก็ยังมองไม่เห็นมินตาเห็นชัดว่าผู้หญิงที่นั่งหน้าระรื่นยิ้มหวานออกไปในรถยนต์ของสาวิตต์ก็คือแหวนพวกเขาจะไปไหนกัน หล่อนสงสัย แต่คงจะไม่กล้าเก็บไปถามกับสาวิตต์เป็นอันขาด“เราจะไปดูบ้านกันใช่ไหมคะ”“ใช่...” สาวิตต์บอก แล้วเมื่อรถมาถึงจุดหมายปลายทาง แหวนก็อ้าปากค้าง หล่อนแทบจะไม่เชื่อ บ้านสวยโอ่อ่า...เหมือนวัง...ในความรู้สึกของหล่อน ในความที่มีโลกแคบๆ เท่ากะละใบหนึ่ง“ลงมาซิ” เ
“เอจะออกไปไหนจ๊ะ” เธอถามต่ออ่อนหวาน เมื่อสังเกตเห็นลูกชายใส่เสื้อผ้าที่พร้อมจะออกไปนอกบ้านได้“ผมนัดเพื่อนเอาไว้ฮะ”เขาตอบแค่นั้นและเธอก็พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้มีตาทิพย์จะมองเห็นว่านัดของสาวิตต์นั้นสำคัญเพียงใด เขากำลังกระหยิ่มยิ้มย่องเพราะว่าเงินยังเต็มในกระเป๋า เป็นเงินทุนที่จะทำให้เขาไปเล่นได้เพลิดเพลินนัก“คงจะกลับดึกสักหน่อยนะฮะ”“แม่คงจะไม่รอนะ เอมาเมื่อไหร่ก็เข้านอนได้เลย”“ฮะ” เขารับคำ ออกจากบ้านด้วยความรู้สึกรื่นรมย์เป็นอันมาก เขาได้เจอลักษมี หล่อนรู้ในสิ่งที่เขากระทำลงไปแล้ว หญิงสาวรู้สึกพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายแบบเขาไม่ใช่คนที่น่านิยมยกย่องเลย เอาเด็กในบ้านมาบอกขายได้ ก็เท่ากับว่าสาวิตต์นั่นเลวร้ายกาจเต็มทน...หล่อนจำเป็นจะต้องระวังท่าทีในการคบหากับเขาเสียแล้ว ใครจะไปรู้ว่าสาวิตต์จริงใจเพียงใดในการทำดีด้วยอาจจะเป็นเพียงฉากบังหน้าเด็กคนนั้นอายุยังไม่ถึงยี่สิบดีด้วยซ้ำ ยังเด็ก ถูกข่มเหงย่ำยีก่อนแล้วจึงส่งไปขาย...ศิลาไม่ได้ปิดบังความจริงกับหล่อน เขาบอกหมดทุกอย่าง แล้วยังบอกอีกด้วยว่าเขารับซื้อเอาไว้ด้วยเงินสูงหนึ่งแสนบาทโดยไม่ได้หวังอะไรมากมายนัก นอกเสียจากว่าให้เด็กเลือกเ
เขาอยากให้หล่อนไกลห่างออกไป แต่แหวนไม่คิดแบบนั้น หล่อนไม่โง่ หล่อนรู้ว่าจริงดังที่เขาบอกว่าตัวหล่อนเองต่ำต้อย...จะมีทางใดที่ขึ้นไปเทียบเท่ากับสาวิตต์ได้ หากหล่อนขาดเงิน แหวนจึงแทบจะวิงวอนต่อศิลาหล่อนคลานเข้ามาหมอบใกล้อยู่แทบเท้า เขาทำให้ชายหนุ่มชักเท้าหดหนีเสียโดยเร็ว แหวนก้มหน้าลงต่ำ “ให้แหวนทำ...ได้ไหมคะ ให้แหวนทำงานด้วย แหวนอยากเป็นคนสวยๆ อยากมีเงินมากๆ แล้วสักวันหนึ่งแหวนจะได้ไม่ต่ำต้อยเป็นแค่สาวใช้””แหวนเงยหน้าซิ” เขาสั่งแล้วพอหล่อนทำตามเขาก็พูดต่อ “เป็นสาวใช้ก็ยังดีนะ ยังไม่ต้องขายตัวเพื่อเงิน เธอรู้ไหมว่าจะเจออะไรบ้าง ผู้ชายมากมายที่จะผ่านมา จะทำให้เธอด้านชาแล้วชีวิตเธอจะแย่ลงทุกที”แหวนส่ายหน้าน้อยๆ ท่าทางดื้อดึงเหลือร้ายนัก ก็หล่อนยังเด็กอายุยับไม่ถึงยี่สิบดีเลย หล่อนจึงไม่รู้ว่าชีวิตที่หล่อนได้เลือกนั้นมันโหดร้ายเพียงใด แหวนยังไม่เจอตรงจุดนั้น หล่อนยังไม่รู้ เขาซิได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้และเขาไม่สมควรจะปิดบังเอาไว้อีกด้วย เขาควรจะบอกให้หล่อนได้รู้เอาไว้ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าว่าหล่อนจะต้องพบเจออะไรบ้าง เห็นแววตาหวาดหวั่นของแหวน แต่หล่อนยังใจสู้“แหวนอยากได้เงินนี่” หล่อนบอกง่ายๆ
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ “ใครล่ะฮะจะมากล้าล่าผม”“อย่าเพิ่งทะนงไป...อาจจะไม่ใช่คน...อาจจะเป็นจิตใต้สำนึก อาจจะเป็นมโนธรรม แล้วพอถึงเวลานั้นเธอจะหวนคิดว่าการล่ามันไม่ใช่ความสุข แล้วเธอก็แก้ไขอะไรอีกไม่ได้ เพราะสายเกินไปแล้ว”“คนอย่างผมจะซึ้งกับสัจธรรมได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือฮะ”เขาเย้าเธอเล่นเสียอีก ยังแจ่มใส เขาเปลี่ยนไป...ดูเขากระฉับกระเฉงแจ่มใสขึ้นจนผิดตาทีเดียว อาจจะเป็นเพราะวันเวลาที่ศิลารอคอยมาได้คืบคลานเข้ามาถึงตัวเขาแล้วอย่างช้าๆ ให้ผลที่คุ้มค่ากับการรอคอย แต่พิมสุดาก็หาความสบายใจไม่ได้ ศิลาทะนงเกินไปเขาหลงลำพองว่าเขาคุมเกมไว้ได้ แต่มันจะไม่ได้เป็นไปดังที่เขาคาดหวังเสียทั้งหมด ศิลาได้ยื่นมือเกินเลยไปถึงคนที่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ความอาฆาตแค้นของเขากินวงกว้างมากเกินไปพิมสุดาหันไปเห็นร่างหนึ่งลับๆ ล่อๆ ตรงหน้าห้องเสียหล่อน “แหวนใช่ไหมนั่น เข้ามาซิ”เธอบอก แหวนพาตัวเองเข้ามา รูปโฉมแหวนดูเปลี่ยนไป ทรงผมเสื้อผ้าท่วงทีการเดิน แหวนเป็นคนใหม่ตามที่แววรัตน์เอาไปฝึกมาอย่างดี แต่พิมสุดาก็ยังไม่แน่ใจนัก เธอเฝ้าท้วงศิลามาแต่แรกแต่เขาก็ยืนกรานว่าจะต้องลองดู มันเป็นความตั้งใจของแหวนเองด้วย“แหวนจะไ
และเมื่อมองสบตากับเขา หญิงสาวได้เห็นอะไรบางอย่างในแววตานั้นมันแพรวพรายไหวระริก“คุณจะรับฟังได้แค่ไหนกันเล่า”“พูดมาเลย” เสียงหล่อนกระด้างไป พอจะเดาได้บ้างแม้จะยังไม่ชัดเจนนัก“ไปถามพี่สาวคุณเองดีกว่ามั้ง เรื่องแบบนี้ผมพูดออกไปมันจะกลายเป็นว่าผมน่ะไม่ดี กินในที่ลับอามาไขในที่แจ้ง”มินตาเข่าอ่อน...สิ่งที่หล่อนหวาดกลัว...ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ทำให้มิ่งขวัญหลงใหล เขาก้าวไปไกลกว่านั้น เขาอาศัยความเพียบพร้อมของตัวเองเข้าประชิดติดตัวมิ่งขวัญ และสัมพันธ์ที่จะเกินเลยกันไปอาจจะเกิดเพราะเขาจงใจจะให้มันเกิด เพื่อให้มิ่งขวัญเป็นเหยื่อที่ติดเบ็ดเขา...โอ...คุณพระ ดวงหน้าของมินตาถอดสี ในแสงไฟที่เพิ่งจะเปิดเห็นความตระหนกชัดเจน และยังจะเหงื่อที่ผุดขึ้นซึมเต็มมือ เต็มตามไรผมรอบหน้าผาก ทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำศิลาก็ได้เห็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนทำตกใจมากมายขนาดนั้นด้วย หล่อนน่าจะรู้จักพี่สาวของตัวเองดีกว่านี้นี่นา“คุณไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ” หล่อนคราง “คุณทำอะไรพี่มิ่งไปแล้ว”“มินตา...ผมไม่อยากจะพูดเลยนะ คุณบีบบังคับผม”“แล้วยังมีอะไรอีก...ที่ฉันยังไม่รู้”“ไม่รู้ซิ...”“คุณจะแต่งงานกับพี่มิ่งแน่ใช่ไหม”“ผมก็เห
“แหวน...” ศิลาเอ่ยเรียก “มานี่ซิ”มินตามองตาแทบจะไม่ได้กระพริบ เด็กแหวนวันนี้ที่ได้เห็นกับเด็กแหวนที่บ้านของสาวิตต์แตกต่างกันจนเห็นได้ชัดในเรื่องของเสื้อผ้า แหวนวันนี้ไม่นุ่งผ้าถุงกับเสื้อแบบเรียบๆ สีมอซออีกแล้ว แต่แหวนใส่กางเกงสีขาวและเสื้อสีชมพูหวาน แต่งหน้าเนียนสว่างเรียกว่าเป็นโฉมใหม่ที่ทำให้มินตานิ่งไปอยู่เหมือนกัน เวลาไม่ทันไรเปลี่ยนแปลงเด็กสาวคนหนึ่งได้เห็นๆ กันเพียงนี้เชียวหรือเปลี่ยนดอกไม้บ้านป่าแสนสะอาด เป็นดอกไม้ที่ถูกนำมารวมกับพรรณไม้อื่นในแจกัน ไม่เหลือเค้าเดิมของดอกไม้ป่าดอกเดิมอีกต่อไป และอีกไม่นานมันจะกลายเป็นดอกไม้ที่ยิ่งกว่าแปดเปื้อนสกปรก น่าเสียดายน้อยอยู่หรือ“แหวน จำฉันได้ไหม” มินตาเอ่ยถาม เห็นแววตาที่มองหล่อนมีร่องรอยของความตื่นตะลึง แล้วก็จึงเห็นการพยักหน้าแทนคำพูด “เธอบอกคุณเอไม่ใช่หรือว่าเธอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด”ชื่อนั้นเหมือนของแหลมทิ่มตำหล่อน แหวนอยากกรีดร้องออกไปดังๆ แต่ศิลาอยู่ด้วย หล่อนไม่อาจจะทำดังนั้นได้เขาอาจจะไม่พอใจ เขาเพิ่งตักเตือนอยู่หยกๆ นี้เองว่าจะมีคนที่หล่อนรู้จักมาที่บ้านนี้ ไม่ให้หล่อนพูดอะไรเลยนอกจากทำเฉยๆ แล้วหล่อนจะพูดอะไรได้แม้ว่ากำลัง
“คุณศิลา”เสียงเรียกจากด้านหลัง หันกลับมาเห็นแหวนเข้ามานั่งคุกเข่าเงยหน้ามองเขาอยู่ ท่าทีของหล่อนกระวนกระวายใจเหมือนอยากรู้อยากเห็นข้างหลังหล่อนคือแววรัตน์ ที่ตามมาเหมือนจะควบคุมแต่ชายหนุ่มก็รู้ด้วยการมองในแว่บเดียวว่านี้เป็นอีกคนที่อยากรู้อยากเห็นในเรื่องของมินตาผู้หญิงที่ทำงานให้กับพิมสุดาและเคยมีความสัมพันธ์กับเขานั้นมักจะทำท่าแบบเดียวกันไปหมด คือคอยจับตามองดูว่าเขาจะพอใจผู้หญิงใดเป็นพิเศษบ้าง และหล่อนก็จะพากันให้ความใส่ใจ จนลักษมีเองก็ยังเคยออกปากกับเขาว่าหล่อนอึดอัดเสมอ เมื่อมาถึงบ้านเขาและเจอกับพวกสาวๆ แววตาที่มองไม่เป็นมิตร ดวงหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มจริงใจนอกจากหวาดระแวงและริษยาชายหนุ่มไม่อยากให้ตัวเองมีความสำคัญมากมายขนาดนั้น เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นเจ้าหัวใจของผู้หญิงคนใด...ที่สัมพันธ์กันก็เพราะการเรียกร้องตามธรรมชาติของร่างกายพอปลดเปลื้องไปได้แล้วเขาก็อยากยุติลงแค่นั้น ไม่อยากทิ้งความโหยหาอาวรณ์เอาไว้ให้พวกสาวๆ คะนึงหาพิมสุดาเองก็เคยหัวเราะในเรื่องเหล่านี้ เธอให้เหตุผลเอาไว้ว่า…ผู้หญิงน่ะใช้หัวใจมากกว่าสมองเสมอ รักนี่อธิบายไม่ได้นะ เห็นหน้าก็นึกรักได้แล้ว นอนด้วยกันยิงนึกรั
ห้องโล่งกว้างนี้ คือห้องที่เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นห้องหอ นั่นคือข้ออ้างเท่านั้นเอง เขาเพียงแต่ต้องการดึงมินตาใกล้เข้ามาเท่านั้น อยากดูฝีมือของหล่อน ครรชิตคุยเอาไว้เหลือเกิดว่าลูกน้องสาวคนนี้ฝีมือเฉียบ แม้จะไม่ถึงระดับที่ถูกยกย่องกล่าวขวัญกันไปทั่วแต่มินตาก็ไม่เป็นรองใคร เขาอยากรอดูวันที่ห้องนี้จะเสร็จสมบูรณ์ หล่อนจะต้องทำงานต่อแน่นอน เขากล้ามั่นใจเพราะมิ่งขวัญจะเป็นตัวค้ำคอหล่อนมินตาก็ยังเหมือนเดิม หล่อนยอมเป็นเบี้ยล่างให้กับพี่สาว เขายังพอจดจำได้ว่ามินตาไม่เคยหือพี่สาวขึ้นเลย หล่อนมีแต่จะต้องเป็นผู้ตาม ผู้เอาอกเอาใจ และมินตาอีกนั่นแหละ ที่คอยถนอมน้ำใจของทุกคนเอาไว้ทั้งที่หล่อนเป็นคนซุกซน และค่อนข้างซุ่มซ่าม แต่น้ำใจของหล่อนนั้นมีมากกว่ามิ่งขวัญเห็นอะไรอย่างหนึ่งสีนวลๆ ตกอยู่บนพื้นห้อง เขาก้าวเข้าไปถึงก้มลงเก็บขึ้นมา ผ้าเช็ดหน้าเนื้อเกลี้ยงละเอียดแต่ปราศจากลวดลาย และเมื่อยกขึ้นจ่อตรงจมูกเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ รอยยิ้มผุดบนปากของเขา เมื่อนึกถึงว่าผู้หญิงแบบนั้นก็ใช้น้ำหอมเป็นนี่หล่อนคงจะลืมทำตกเอาไว้...ยังมีรอยเปียกชื้นอยู่...รอยเปียกเหมือนรอยน้ำตามากกว่าจะเป็นเหงื่อ อาจจะเป็นใ
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่