ตอนที่ 8
ตามคืนรัก
“ไปแก้มาใหม่”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจ้านายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งโยนแฟ้มเอกสารงานที่ผิดพลาดของพนักงานที่ทำมาลงบนโต๊ะด้วยความหัวเสียตลอด สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้าหน้าเขาติดแม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของเขา ต่างพากันสงสัยไม่น้อยว่าเจ้านายที่มักอารมณ์ดีกลับอารมณ์ร้ายเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาอารมณ์ดีแม้แต่น้อย
“เอาไปแก้มาใหม่ ฉันให้เวลายี่สิบนาทีงานต้องพร้อม”
“ครับ” ลูกน้องน้อมศีรษะให้กับเจ้านายเล็กน้อยก่อนค่อย ๆ หายไปออกไปจากห้อง ถ้าหากอยู่ร่วมห้องเพียงเสี้ยววินาทีระเบิดคงลงหัวเป็นแน่
“หายไปไหนของเขานะ” พชรกรบ่นกับตัวเองพลางมองกล่องเนกไทที่เขาเจออยู่ในห้องนอนของอารยาภายในถังขยะพร้อมกับโน๊ต ‘สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณเพชร’ พลอยทำให้เขารู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับหญิงสาว แต่เขากลับรู้สึกผิดยิ่งกว่าเมื่อเจอคนที่เมียของตนพาไปลองเนกไทเข้ามาพักที่โรงแรมกับคนรัก มิหนำซ้ำยังได้ยินเสียงที่คุยกับอารยาเรื่องของขวัญด้วย
มันยิ่งทำให้เขาอยากขอโทษเธอวันนั้นเขารีบตรงกลับเพนท์เฮาส์หลังจาก
บทที่ 1“ปะป๋าขา น้องกิ่งอยากมีแบบนั้นจังค่ะ”น้ำเสียงเจื้อยแจ้วน่ารักของ เด็กหญิงกุลณดา กฤษฎิ์หิรัญ วัยห้าขวบพูดขึ้นพร้อมทั้งชี้ไปยังครอบครัวหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารแห้งหนึ่ง โดยผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มลูกสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันและยังมีคนเป็นแม่อยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกันก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในร้านอาหารพร้อมกับพนักงาน“อยากไปกินข้าวเหรอคะ” เขาเอ่ยกับลูกสาวอย่างเสียงอ่อนเสียงหวานกัณฑ์ธรณ์ กฤษฎิ์หิรัญ ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของชายหนุ่มยิ้มละมุนให้เจ้าตัวเล็ก ร่างสูงโปร่งย่อกายลงในระดับเดียวกับลูกสาวพลางลูบศีรษะทุยเบาอย่างแสนรักเบา ๆ“หนูไม่อยากกินข้าว หนูอยากมีแม่ค่ะ” กุลณดาบอกและมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสายตาอ้อนวอนคำพูดของแม่หนูน้อยทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งชะงักไปเล็กน้อย“ผมว่าเจ้านายต้องหานายหญิงแล้วละครับ” “นั่นสิครับนายผมได้ยินน้องกิ่งพูดแบบนี้บ่อยแล้วนะ”สองลูกน้องคนสนิทที่เห็นกุลณดามาตั้งแต่เป็นเด็กทารกเอ่ยเสริมกับคุณหนูของพวกเข
บทที่ 2 ภายในร้านกาแฟเล็กมีร่างสูงเพรียวที่กำลังวุ่นกายกับการชงกาแฟในเมนูต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่ส่งจากทางหน้าร้าน สั่งกลับบ้าน และสั่งผ่านแอพลิเคชันต่าง ๆ มากมายหลายแก้ว จนแทบไม่มีเวลาพักเหนื่อยแม้แต่น้อยแต่พอจะมีเวลาได้นั่งพักเล็กน้อยก็มีออร์เดอร์เข้ามาอีกสามแก้ว ทำเอาพนักงานสาวสามคนบ่นอุบอิบ“วันนี้มันอะไรกันนะ คนสั่งกาแฟเยอะมากเลย” ถึงแม้ว่าปากของพนักงานผมยาวประบ่าคนนั้นจะบ่นแต่ก็ยังคงทำงานอยู่ไม่ห่าง“นั่นสิ วันนี้สั่งกลับบ้านรวม ๆ เกือบสี่สิบแก้วแล้วนะ” พนักงานผมสั่นที่ทำงานอยู่หน้าตู้ขายเบเกอรี่เอ่ยสมทบ“ตะวันว่านะ อากาศมันคงร้อนมากเกินไปมั้ง เลยสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ ไปกิน” วาดตะวันตอบกลับเพื่อนพลางตัดเครื่องดื่มลงถุงกระดาษของร้านและหันไปรับเค้กวานิลลาครีมสดจากเพื่อนพนักงานลงใส่ถุงและส่งให้ลูกค้าพร้อมกล่าวขอบคุณตามกฏของทางร้าน“เออนี่ ...ตะวันจะทำงานพิเศษที่ร้านจนถึงวันไหนเหรอ”เพื่อนร่วมงานหันถามเมื่อจัดการในมือเรียบร้อยจนหมดแล้
บทที่ 3 “เมื่อไรพี่คนสวยจะมาคะ” กุลณดารู้เรื่องที่พี่สาวคนสวยที่เจอกันครั้งนั้นจะมาเป็นพี่เลี้ยง ทำเอาเด็กน้อยดีใจยกใหญ่ หลังจากที่รู้เรื่องจากกัณฑ์ธรณ์ยัยตัวเล็กก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวเข้านอนเองด้วยความรวดเร็วเพราะอยากจะตื่นมาเจอพี่เลี้ยงคนใหม่เร็ว ๆ“คุณหนูขา พี่คนสวยของคุณหนูยังไม่มาหรอกค่ะ”ป้านวลจันทร์เอ่ยตอบคุณหนูของตนรอบที่สามเห็นจะได้ เด็กน้อยวิ่งเข้ามาถามตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนนี้ที่ตนกำลังเตรียมอาหารเช้าให้เจ้านายทั้งสองของตน“มันนานแล้วนะคะ ทำไมยังไม่มาอีก” หนูน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจาเริ่มที่จะงอแงเสียแล้วที่พี่เลี้ยงคนใหม่ยังไม่มาสักที“งั้นเอาแบบนี้ไหมคะคุณหนู ไปอาบน้ำกับย่าก่อน ยังไงวันนี้ก็ต้องอยู่กับพี่คนสวยทั้งวัน ถ้าพี่คนสวยมาแล้วเห็นเด็กเกเรไม่ยอมอาบน้ำจะเป็นยังไงน้า” นวลจันทร์หลอกล้อเด็กน้อยให้ไปอาบน้ำหลังที่ตนเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย“จริง ๆ นะคะพี่คนสวยจะมาแล
บทที่ 4เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งช่วงค่ำของวันเดียวกัน หลังจากที่ป้อนอาหารให้หนูน้อยจนเสร็จเรียบร้อย จึงขอตัวกลับก่อนเพราะจากคอนโดมิเนียมของวาดตะวันกับที่นี่ค่อนข้างที่จะห่างกันพอสมควรกว่าจะเดินทางไปถึงค่อนข้างที่จะใช้เวลานานมากก่อนที่หญิงจะกลับก็แจ้งกับนวลจันทร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างพรุ่งนี้เธอจะต้องมาแต่เช้า เพราะหนูน้อยกุลณดาได้ร้องขอเอาไว้ว่าอยากรับประทานอาหารฝีมือของพี่เลี้ยงคนใหม่“พี่เลี้ยงคนใหม่ของน้องกิ่งไปไหนแล้วล่ะครับ” เจ้าของบ้านกลับมาถามขึ้นทันทีที่กวาดสายตามองรอบ ๆ พบเพียงแค่นวลจันทร์กับกุลณดากำลังนั่งดูโทรทัศน์ที่เปิดรายการเด็กอยู่เท่านั้น“กลับไปแล้วค่ะ เธอบอกว่าที่พักของเธอค่อนข้างไกลจากที่นี่เลยขอกลับก่อน พรุ่งนี้จะมาแต่เช้าค่ะ” นวลจันทร์รีบรายงานทันทีวันนี้การที่มีวาดตะวันมาคอยช่วยดูแลกุลณดานั้นช่วยแบ่งเบาแรงของคนแก่อย่างเธอได้เยอะทีเดียว มีบางครั้งที่ยัยหนูของนางงอแงดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะคอยจัดการได้อยู่หมัดไม่น้อย“พรุ่งนี้น้องกิ่งจะให้พี่ตะวันทำอาหารเช้าให้กินด้วยค่ะ” เด็กน้อยที่กำลังเพลินกับก
บทที่ 5“ฮัลโหล สวัสดีค่ะครู”วาดตะวันผละออกมาเพื่อคุยโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งของบ้าน ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียดและกดดันไม่น้อย“ฮัลโหลตะวันลูก”“ครูมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับที่บ้านเหรอคะ”“แย่แล้วลูก เขากำลังจะมาไล่บ้านเราแล้วลูก”“เป็นไปได้ยังไงคะครู ไหนว่าเขาให้เวลาเราหาเงินอีกสามเดือนไงคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อได้คุยกันเมื่อคราวก่อนจะยืดเวลาในการหาเงินมาจ่ายค่าบ้าน แค่ทำไมตอนนี้เขาถึงย่นเวลามาขนาดนี้ล่ะ“ครูก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของเก่าไปพูดหรือทำอะไรถึงจะให้เราออกจากที่นี่”“แล้วถ้าเราหาเงินห้าแสนได้ล่ะคะ”“เราจะไปหาจากไหน ตอนนี้ตะวันได้งานใหม่ เดี๋ยวจะวันจะลองเข้าไปคุยกับเจ้าของดูนะคะว่าจะยืดเวลาออกไปได้ไหม”“ขอบใจนะลูก ถ้าครูไม่ได้ตะวันช่วยน้อง ๆ มาตลอดไม่งั้นแย่แน่”“ตะวันต่างหากล่ะคะ ถ้าไม่ได้ครูเลี้ยงดูมาตะวันคงไม่มีวันนี้หรอกค่ะ”“ขอบใจนะตะวัน”“ตะวันยินดีค่ะ”หลังจากวางสายใบหน้าที่เครียดจัดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเท่าทวี ตอนนี้เธอเหมือ
บทที่ 6 หนึ่งเดือนผ่านไปทุกการกระทำของวากตะวันถูกนวลจันทร์เป็นคนจับจ้องและมาคอยรายงานกัณฑ์ธรณ์ตามคำสั่ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นางต้องมารายงานให้เจ้านายได้รับรู้หลังจากที่หญิงสาวขอตัวกลับก่อนเวลาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับป้า” “ผ่านไปด้วยดีค่ะ คุณหนูเชื่อฟังคุณตะวันมากกว่าป้าเสียอีกนะคะ” นางว่าด้วยน้ำเสียติดน้อยใจคุณหนูน้อยของเธอที่เห็นคนใหม่แล้วลืมคนแก่อย่างตน “โธ่ป้านวลอย่างอนยัยหนูไปเลยครับ ที่ยัยหนูเชื่อฟังเพราะอยากได้วาดตะวันมาเป็นแม่น่ะ” “จริงเหรอคะคุณกันต์” นางถามอย่างตกใจ พอเห็นเจ้านายหนุ่มของตนพยักหน้ารับก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
บทที่ 7 หลังจากวันที่เธอตอบตกลงที่จะจดทะเบียนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกัณฑ์ธรณ์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านมาได้เกือบสามเดือนกว่าเข้าไปแล้วทุกอย่างไปด้วยดีหมดยกเว้น ชีวิตประจำวันของวาดตะวันก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะผู้ชายคนนั้น จากที่ต้องเช้าตื่นมาต้องดูแลตัวเองเพียงคนเดียว แต่ทุกวันนี้เธอต้องดูแลทั้งสองคนพร้อมกัน ไหนจะจัดหาเสื้อผ้าเอาไว้ให้กัณฑ์ธรณ์ กุลณดา รวมทั้งเตรียมอาหารมื้อเช้า มันทำให้เธอเหนื่อยเท่าทวีเลยล่ะ “มะมี้ขา...น้องกิ่งอยากไปห้างค่า”“พี่ตะวันบอกว่ายังไงคะ”“หนูไม่เรียกพี่ตะวันแล้ว ปะป๋าบอกว่าให้เรียกพี่ตะวันว่ามะมี้ได้” หนูน้อยตอบกลับตาใส่แป๋วบอกตามที่ที่บิดาเคยว่าเอาไว้“อะ ก็ได้จ้ะมะมี้ก็มะมี้” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ ก่อนย่อกายลงหาแม่หนูตัวน้อย “ถ้าจะไปข้างนอกต้องทำการบ้านให้เสร็จหนึ่งหน้าและโทรบอกปะป๋าของหนูด้วย”“ได้ค่า”หลังจากที่สองสาวตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วาดตะว
บทที่ 8“ทำไมวันนี้คุณไม่บอกผมว่าจะกลับไปที่คอนโด” เขานั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนผ้าเนื้อดี ถามคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องหลังจากที่หญิงสาวพากุลณดาเข้านอนแล้ววาดตะวันย้ายเข้ามานอนห้องเดียวกันกับกัณฑ์ธรณ์ตามคำของเขา ชายหนุ่มว่าหากนอนแยกห้องเดี๋ยวกุลณดาจะสงสัยเอาได้จึงต้องมานอนร่วมห้อง“ไม่ได้เข้าไปนาน เลยแวะไปทำความสะอาดน่ะ”“แล้วทำไมไม่บอก”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะ” หญิงสาวตอบลอยหน้าลอยตาก่อนคว้าผ้าขนหนูสีขาวสะอาดกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ถูกร่างสูงเดินตามหลังมาทำให้เธอต้องหันกลับไปเอ็ดคนเจ้าเล่ห์“ไม่ต้องเดินตามมาเลย ไอ้คนลามก”“แค่จะเข้าไปช่วยถูกหลัง” เขาตอบแววตาแพรวพราว“ไม่ต้อง!”วาดตะวันตอกกลับเสียงแข็งพร้อมทั้งผลักอกแกร่งให้ออกห่าง และรีบเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะตามมาอีกกัณฑ์ธรณ์มองเมียตีทะเบียนหายลับเข้าไปในห้องน้ำพลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู คืนนี้เขาจะต้องทำให้เธอยอมเมีย เมียของตนทั้งกายและใจอีกครั้งนับตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนตกถึงท้องเ
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”
บทที่ 9สามวันผ่านไปอาการป่วยของสริตาเริ่มจะดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงแม้ในยามค่ำคืนจะมีร่างสูงโปร่งเข้ามานอนข้าง ๆ ก็ตาม ชายหนุ่มไม่ได้ล่วงเกินเธอแต่อย่างใด สงสัยคงเห็นเพราะว่าไม่สบายอยู่คงอยากให้นอนหลับเต็มอิ่มจะได้กลับไปทำงานที่หยุดมาหลายวัน“จะไปไหน” เสียงเข้มของอัทธ์ดังขึ้นมาจากทางประตูห้องน้ำทำให้คนที่กำลังลุกออกจากเตียงถึงกับชะงัก “ไปบ้านท้ายเกาะค่ะ” “หายแล้วเหรอถึงจะไปที่นั่น”สริตาไม่ตอบนอกเสียจากพยักหน้ารับเท่านั้น “รอก่อน” เขาสั่งเสียงแข็ง มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่กำลังทำท่าทำทางไม่พอใจ“กลัวฉันหนีเหรอคะ”“อย่างเธอน่ะจะหนีไปไหนได้”เขาว่าอย่างเย้ยหยันก่อนเดินหายไปแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ทว่ากลับไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเสียอย่างนั้น อัทธตรงมาหยุดที่หน้าของสริตา ทำเอาสาวเจ้างวยงงกับชายหนุ่มไม่น้อย“ทำไมไม่ติดกระดุมล่ะคะ”“ติดกระดุมให้หน่อยสิ”แต่หญิงสาวยังคงยื่นนิ่งไม่ทำตามในสิ่งที่เขาบอก แต่แล้วก็ต้องทำตามเพราะคำขู่ของชายหนุ่ม
บทที่ 8เวลาล่วงเลยผ่านไปจนค่ำ สริตาที่กำลังหลับพริ้มอย่างสบายใจอยู่ภายในห้องนอนและเพิ่งรู้สึกตัวขึ้น ค่อย ๆ ยันกายให้ลุกนั่งพิงพนักหัวเตียงพลังกวาดสายตาหวานมองไปรอบ ๆ ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนที่เธอใช้นอนประจำที่ท้ายเกาะที่อัทธ์กักขังเธอเอาไว้ แล้วนี่มันที่ไหนกันมันไม่คุ้นเอาเสียเลยแต่แล้วทุกสิ่งก็กระจ่างเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกด้วยผีมือของใครบางคน เธอพยายามเพ่งมองว่าคนนั้นเป็นใครและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเดินเข้ามา และไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจาก อัทธ์คนใจร้าย“ตื่นแล้วเหรอ” อัทธ์ถามเอเสียงเข้มในมือของชายหนุ่มถือถาดอะไรบางอย่างเข้ามาด้วยก่อนจะวางมันลงกับตู้ที่อยู่ข้าง ๆ หัวเตียงสริตามองไปยังของที่เขาเพิ่งวางเมื่อครู่ พบว่ามันคือข้าวต้มร้อน ๆ กับน้ำและยาที่วางอยู่ด้วยกัน ก่อนหันหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่เขาใจว่าเขาจะมาดูแลเธอทำไมไม่ปล่อยให้เธอตายไปเสีย“ฉันถามทำไมไม่ตอบ” เมื่อไร้คำตอบจากหญิงสาวเขาจึงถามขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งหย่อนกายนั่งกับเตียงของตน“คุณก็เห็นนี่คะ ว่าฉันตื่นแล้ว”คนป่วยต่อปากต่อคำถึงแม้ว่าน้ำเสียงข
“ปวดหัวชิบ”แสงสว่างที่สองผ่านมายังหน้าต่างกระทบเข้ากับใบหน้าคมที่เพิ่งจะนอนได้ไม่นานให้ตื่นจากนิทราด้วยความงัวเงีย ก่อนจะยันกายแกร่งขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงด้วยอาการหนักหัวไม่น้อย ไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้างเพราะเขาดื่มไปเยอะพอสมควร ลันสายตาของชายหนุ่มไปสะดุดกับเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นห้องมันมีทั้งเสื้อผ้าของเขาและของ...สริตามันต้องเป็นเสื้อผ้าของหญิงสาวแน่นอนเขาจำได้ และที่นี่คือบ้านที่ใช้ขังเธอเอาไว้ เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดแผ่นหลังขาวเนียน ร่างเปลือยเปล่าที่หลับพริ้มอยู่ข้าง ๆ คือสริตานี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อัทธ์พยายามคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าตนทำอะไรลงไป สิ่งที่จำได้จะมีเพียงว่า ‘เขาไม่อยากซ้ำรอยของใคร’ ในคราแรกเขาไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร แต่ตอนนี้ในเมื่อเธอเป็นของเขาแล้วและจะไม่มีวันได้เป็นของผู้ชายคนไหนอีกคนตัวโตกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนโน้มกายเข้าหาคนที่นอนหันหลังให้เขาพยายามปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาวท่ามกลางเสียงพึมพำคล้ายรบกวนการนอนฝันดีของตน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพลิกกายเพื่อป
บทที่ 6ร่างกายเล็กบอบบางที่แสนเหนื่อยล้าจากการถูกใช้งานอย่างหนักของสริตากับคำสั่งของอัทธ์ที่ตอบดูการกระทำเธอแทบจะทุกฝีก้าว แทบจะสลบเมื่อพาตัวเองมายังโซฟาตัวนุ่มสีน้ำตาลที่ใช้นั่งเล่นเป็นประจำ หญิงสาวอยากจะงีบเสียหน่อยแต่ก็กลัวตัวเองจะเผลอหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำคงไม่ดีแน่หลังจากที่ร่างอ่อนล้าพักให้หายเหนื่อยครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าทำงานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อโยนลงตะกร้าผ้าเตรียมซักและคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่มาพันรอบกายสวยแล้วเข้าไปจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนออกไปเตรียมอาหารเย็นเป็นข้าวไข่เจียวหอมเมนูที่สุดแสนจะง่ายดายก่อนจะพาตัวเองเข้านอนด้วยความปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมด“กินข้าวแล้วก็นั่งย่อสักพักแล้วกันค่อยนอน”สริตารวบช้อนเอาไว้กลางจานที่เพิ่งรับประทานเสร็จแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง ๆ แล้วลุกไปจัดการล้างจานที่ทำอาหารเอาไว้ในอ่างให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้เธอรู้สึกง่วงเล็กว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะว่าเพิ่งกินอิ่มหนังท้องตึงหนังตาก็ย่อนเสียแล้วกว่ายี่สิบนาที่ที่สริตาล้างจานพร้อมทั้งทำความสะอาดบ้านให้เส
บทที่ 5เวลาผ่านไปร่วมสัปดาห์สริตายังคงอยู่ที่บ้านพักบนเกาะของอัทธ์อย่างกระวนกระวนกระวายใจเหมือนทุกครั้ง ถึงแม้วันนี้ชายหนุ่มจะสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูให้เธอออกมาเลิกเล่นรอบ ๆ ตัวบ้านก็ตาม แต่มองไปทางไหนก็ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าทั้งนั้น กวาดสายตาพลางขบคิดเรื่องทางหนีแต่ทว่ามันแทบจะไม่มีที่ไปเลยถ้ามีก็คงต้องว่ายน้ำข้ามทะเลไป แต่ใครจะทำล่ะ“หาทางหนีอยู่หรือไง”เสียงเข้มดั่งขึ้นทำลายความเงียบและสมาธิของคนที่กำลังขบคิดอยู่ในภวังค์ของตนต้องสะดุ้งน้อง ๆ แม้ว่าไม่ได้หันหลังกลับไปมองเธอก็รู้ว่าใครแต่มันไม่ใช่ลูกน้องของอัทธ์หรอกต้องเป็นเขา“อะไรของคุณ ฉันไม่ได้หาทางหนีสักหน่อย” เธอตอบเสียงสูงพยายามกลบเกลื่อนสิ่งที่คิดอยู่ในตอนนี้“แน่ใจนะ” เขาเลิกคิ้วถามอย่างไม่เชื่อ“ไม่เชื่อใจกันเหรอคะ” เธอถามเขาเสียงเรียบมองดวงตาคู่คมที่จ้องอย่างไม่ลดละราวกับจะฆ่าเธอให้ตายเสียอย่างนั้น“ฉันไม่เชื่อเธอตั้งแต่วันนั้นแล้ว”“จะไม่ฟังนิลอธิบายจริง ๆ เหรอคะ”สริตาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนอ้อนวอนอยากจะอธิบายกับเขา ชายหน
บทที่ 4พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติในต่างจังหวัด หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่กันด้วยความสงบสุขเพื่อนบ้านต่างพึ่งพาอาศัยเอื้อเฟื้อซึ่งกันเละกัน เช่นเดียวกับครอบครัวของสริตากับป้าข้างบ้านที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอสิริกรมารดาของสริตาที่ย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมลูกสาวตามความต้องการเพราะต้องการที่จะปกป้องครอบครัวจากคนใจร้ายพวกนั้น นางเลี้ยงหลานชายหน้าตาน่ารักที่เค้าโครงไม่เหมือนผู้เป็นแม้ จะมีคล้ายเพียงดวงตาเท่านั้น“ตานนท์แม่เราหายไปไหนเนี่ยไม่โทรกลับมาเลย”ผู้เป็นยายคุยกับหลานน้อยวัยน่ารักที่นั่งอยู่บนตักตรงใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านในช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ที่แดดไม่ร้อนและลมที่พัดผ่านกำลังสบายเจ้าหนูส่งยิ้มให้คนตรงหน้าทำเอาคนที่พบเห็นใคร ๆ ก็พากันเอ็นดูหนูน้อยอนล“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าสิรี” ใครคนหนึ่งถามไถอย่างเป็นกันเองและเปิดประตูรั้วเล็กเข้ามาเหมือนคนที่คุ้นเคยมานาน“ไม่มีอะไรหรอกแค่ยัยนิลไม่โทรกลับมาบ้าน”“นิลคงงานยุ่งมั้งครับป้า”“นั่นสิเจตน์ ถ้าจัดการงานเสร็จคงกลับมาแหละ” นางว่าอย่างปลง ๆ เพราะคุ้นชินเสียแล้วว่าห