Share

บทที่ 639

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“ต่อให้กองทัพต้าเหยียนจะจงใจแสร้งทำทีเพื่อขู่ขวัญพวกเรา ท่านสามารถต้านทานระเบิดสายฟ้าและธนูทดกำลังได้หรือไม่เล่า? หากมิอาจทำได้ การยกทัพกลับในยามนี้ อีกทั้งการทูลรายงานเรื่องราวนี้ต่อจักรพรรดิแห่งหนานเยวี่ยของท่านย่อมเป็นหนทางที่ดีที่สุด

หากยังคงดึงดันอยู่ที่นี่ต่อแล้วต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของกองทัพต้าเหยียนอีกครา เกรงว่ากำลังพลนับแสนในมือของท่านจะต้องสูญเสียไปอีกมิใช่น้อย ถึงเวลานั้นท่านจะชี้แจงต่อจักรพรรดิของท่านอย่างไร?”

ในที่สุดเติ้งหม่างก็พยักหน้าตามการโน้มน้าวอย่างมีหลักการของฉินซู

“ท่านผู้อาวุโสช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล หลังจากกลับถึงราชสำนัก ข้าจะทูลขอให้แต่งตั้งท่านผู้อาวุโสเป็นกุนซือให้จงได้ ถึงเวลานั้นเราทั้งสองจะร่วมมือกัน บดขยี้กองทัพต้าเหยียนให้สิ้นซาก และความแค้นอันใหญ่หลวงของท่านผู้อาวุโสก็จะได้รับการสะสางเสียที”

ในใจฉินซูพลันปลาบปลื้มใจ ทว่าสีหน้าภายนอกกลับสงบนิ่งราวกับผิวน้ำในทะเลสาบ

“ตราบใดที่ล้างแค้นได้ การเป็นกุนซือให้พวกท่านก็มิใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง”

เติ้งหม่างปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ดีเหลือเกินที่ท่านผู้อาวุโสตอบรับเช่นนั้น ขอท่านโปรดวางใจ ฝ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 640

    แม้แต่จ้าวควงบนบัลลังก์มังกร เมื่อมองฉินซู แววตายังทอประกายร้อนแรงขึ้นหลายส่วน!จอมยุทธ์ระดับสวรรค์ นับเป็นตัวช่วยที่หายากยิ่ง!เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับฉินซู “ท่านผู้อาวุโสช่วยเหลือแม่ทัพคนโปรดของข้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างงาม แต่ก่อนหน้านั้น ข้ายังอยากทราบชื่อแซ่ของท่านผู้อาวุโสสักหน่อย อีกทั้งมาจากแห่งหนใดหรือ?”ฉินซูประสานมือคารวะ “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยแซ่ตงฟาง นับแต่เยาว์วัยก็ติดตามผู้คนพเนจรไปทั่วทุกสารทิศ ด้วยเหตุนี้ชื่อแซ่และถิ่นกำเนิดของข้าน้อยเองก็จำมิได้ ภายหลังเมื่อก้าวเข้าสู่ยุทธภพจวบจนบัดนี้ยังมิเคยพานพบความปราชัย ด้วยเหตุนี้ผู้คนในยุทธภพจึงขนานนามข้าน้อยว่าปู้ป้ายพ่ะย่ะค่ะ”จ้าวควงมีสีหน้าประหลาดใจ “ตงฟางปู้ป้าย? นามของท่านผู้อาวุโสช่างทรงพลังเสียจริง!!”ฉินซูแย้มยิ้มอย่างกระดากอาย “ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงชื่อเสียงลมปากเท่านั้น ขออภัยที่ทำให้ฝ่าบาทต้องรับรู้เรื่องน่าขันเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้ ท่านผู้อาวุโสถ่อมตัวเกินไปแล้ว แม้จอมยุทธ์ระดับสวรรค์จะหายากดุจขนหงส์เขากิเลน หากแต่ท่านผู้อาวุโสท่องยุทธภพโดยมิเคยพานพบคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้ ย่อมเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าพละกำลังของท่าน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 641

    “กราบทูลฝ่าบาท อย่างเร็วที่สุดอ๋องฉู่น่าจะได้รับสาส์นในวันพรุ่ง ส่วนสาส์นตอบกลับของพระองค์ คาดการณ์ว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะส่งกลับมาถึง ขอฝ่าบาทโปรดทรงอดทนรอ!”“เอาเถิด ช่วงสองสามวันนี้ให้เหล่าทหารได้พักผ่อนหย่อนใจให้เต็มที่เสียก่อนก็แล้วกัน”จ้าวควงพูดจบ ก็จ้องมองฉินซู “ท่านผู้อาวุโส หากอ๋องฉู่ทรงยินยอมที่จะพบปะหารือ อย่างไรคงต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสติดตามแม่ทัพเติ้งไปด้วยกัน และช่วยให้คำชี้แนะแก่เขาด้วย”ฉินซูรับคำอย่างยินดี “ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ราวหนึ่งเค่อต่อมา ฉินซูก็เดินออกมาจากพระราชสถานหนานเยวี่ยเมื่อเขากลับมาถึงโรงพักม้า ตงฟางไป๋ก็กุลีกุจอเข้ามาสอบถาม“องค์… อะแฮ่ม หัวหน้าใหญ่ สถานการณ์คืบหน้าไปถึงขั้นใดแล้วขอรับ?”ฉินซูกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้เราแค่ต้องรอคอยการตอบรับจากฉินอวี่!”“หากเป็นเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องดีเกินคาด แต่คาดมิถึงว่าอ๋องฉู่จะกล้าคิดก่อการกบฏ หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปง ใคร ๆ ย่อมรู้ว่าต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่”เพียงคิด ตงฟางไป๋ก็รู้สึกขวัญผวาจนแทบตั้งสติมิอยู่ฉินซูหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย แล้วพึมพำว่า “หากเรื่อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 642

    เมืองหลงเฉิง ต้าเหยียนภายในจวนอ๋องฉู่ ฉินอวี่ก้มหน้าก้มตาอ่านสาส์นในมือ พลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของเขาก็พลันแน่วแน่ขึ้นมาทันใด เขาผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวเท้าออกจากประตูจวนอย่างรวดเร็วมิช้า เขาก็เดินทางมาถึงหน้าจวนเสนาบดีกรมกลาโหมเมื่อบ่าวรับใช้เฝ้าประตูเห็นฉินอวี่ ก็ตกใจสะดุ้งโหยง รีบคุกเข่าลงคำนับฉินอวี่โบกมือ “มิต้องมากพิธี รีบเข้าไปแจ้งเถิด บอกว่าข้ามีธุระสำคัญจะพบเสนาบดีเหวิน”“เชิญเสด็จเข้าไปรอด้านในก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้ทราบ”บ่าวรับใช้ค้อมกายคารวะก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปด้านในส่วนฉินอวี่ก็เดินทางไปยังห้องโถงเพื่อรอคอยผ่านไปชั่วครู่ เหวินเยวี่ยนซานก็กุลีกุจอเดินเข้ามา“โอ้ ท่านอ๋องฉู่ ช่างเป็นแขกที่พบได้ยากยิ่ง เชิญพ่ะย่ะค่ะ เชิญประทับด้านในก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เขากล่าวเชื้อเชิญฉินอวี่ให้นั่งลง พร้อมกับตะโกนออกไปนอกประตู “ใครก็ได้ รีบรินชามาถวายเร็วเข้า!”รอจนกระทั่งบ่าวรับใช้นำชามารินให้ เหวินเยวี่ยนซานจึงเอ่ยถาม “วันนี้ท่านเสด็จมาถึงจวนของข้าน้อย มีสิ่งใดจะชี้แนะหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวี่จิบชาเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบ “มิบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 643

    โชคดีที่ฉินอู๋ต้าวเพียงยิ้มและกล่าว "รัชทายาทมิเคยออกรบมาก่อน ข้าเองก็รู้สึกมิสบายใจนัก แต่เมื่อเจ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ ก็ไปเถิด"ฉินอวี่แสดงสีหน้ายินดี "ขอบพระทัยเสด็จพ่อ เช่นนั้นลูกขอทูลลากลับจวนไปเตรียมตัวสักเล็กน้อย แล้วจะออกเดินทางลงใต้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!"ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย มองตามหลังฉินอวี่ไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยกล่าวถึงฉินอวี่หลังจากออกจากพระราชวัง เขาก็มุ่งหน้ากลับจวนอ๋องฉู่โดยมิรีรอทันทีที่ก้าวเข้าประตูจวน เขาก็สั่งการคนสนิทผู้หนึ่ง "คังเหวย เจ้าพกป้ายหยกคาดเอวประจำตัวข้าไปตงไห่ด้วย"คังเหวยแสดงสีหน้าตกตะลึง เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา "ท่านอ๋องฉู่ ท่านจะลงมือแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?"ฉินอวี่พยักหน้าน้อย ๆคังเหวยมองไปรอบ ๆ อีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วกล่าวต่อ "อ๋องฉู่ เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เกรงว่าตอนนี้เวลามิเหมาะสม รออีกหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""รอมิได้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้รับรายงานลับ กองทัพหนานเยวี่ยพ่ายแพ้แล้ว หลังจากที่ฉินซูกลับมา ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเขาก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เหลือทางเลือกสุดท้ายเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น""แต่ท่านอ๋อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 644

    "ดินแดนหนานเยวี่ยมีภูเขาสูงและป่าทึบ ด่านปราการยิ่งกว่าปราการสวรรค์ ป้องกันง่ายโจมตียาก หากองค์รัชทายาททรงนำทัพรุกไล่ตีต้อน เกรงว่าจะต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วง" เหลยเจิ้นแสดงสีหน้ากังวลฉินอู๋ต้าวยิ้มจาง ๆ "ถือเสียว่าให้เขาได้เรียนรู้ หากต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วงจริง ๆ ความดีความชอบจะถูกหักล้างกันเอง ข้าก็มิต้องปวดหัวเรื่องนี้อีก"ความดีความชอบอันใหญ่หลวงที่ฉินซูสั่งสมไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพียงพอที่จะทำให้เขามีที่ยืนในราชสำนักในยามนี้ยังขับไล่กองทัพใหญ่หนานเยวี่ยให้ล่าถอยไปได้อีก กล่าวได้ว่ามีความดีความชอบยิ่งใหญ่เป็นที่สุดเมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา ฉินอู๋ต้าวก็ยังมิรู้ว่าจะตกรางวัลแก่เขาอย่างไรดียามนี้ฉินซูนำทัพรุกไล่ตาม หลังจากพ่ายแพ้แล้ว ความดีความชอบก็จะหักล้างกัน มิต้องตกรางวัลและมิต้องลงโทษ ฉินอู๋ต้าวจึงโล่งใจขึ้นมิน้อยส่วนกำลังพลที่สูญเสียไป ต้าเหยียนมิได้ขาดแคลนกำลังคน เรียกเกณฑ์มาใหม่ก็สิ้นเรื่องความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจฉินอู๋ต้าวเหล่านี้ เหลยเจิ้นย่อมล่วงรู้กระจ่างแจ้ง เขาเพียงแต่แย้มยิ้มอย่างขมขื่น พลางส่ายหน้าโดยมิได้กล่าวอันใดฉินอู๋ต้าวดูเหมือนจะยังมิสาแก่ใจนั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 645

    "ท่านผู้อาวุโสคาดการณ์แม่นยำราวเทพพยากรณ์ อ๋องฉู่ทรงตอบรับคำเชิญ ตกลงที่จะพบปะหารือกับพวกเราที่หุบเขาเหล่าเถียวแล้ว!""เมื่อใด?""คืนนี้ขอรับ ข้าเดินทางมาครานี้ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้อาวุโสเตรียมตัวเล็กน้อย จากนั้นเราจะออกเดินทางไปพร้อมกัน!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้ามิได้มีสิ่งใดต้องเตรียมพร้อม สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา"เติ้งหม่างแค่นเสียงหัวเราะ "ยอดเยี่ยม เช่นนั้นพวกเราก็รีบออกเดินทางกันเสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า มิฉะนั้นตกกลางคืนแล้วจะเดินทางไปมิถึงหุบเขาเหล่าเถียว"ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะติดตามเติ้งหม่างออกจากโรงพักม้าไปการเดินทางครั้งนี้ เขาตัดสินใจมิพาพี่น้องตงฟางไป๋ไปด้วย เนื่องจากอ๋องฉู่เคยพบเห็นหน้าค่าตาคนทั้งสองแล้วฉินอวี่มิได้หูเบาเชื่อคนง่ายเหมือนหูก่วงเซิง หากถึงเวลาเกิดความสงสัยขึ้นมา เช่นนั้นจะเป็นการอธิบายยากหลังจากออกจากโรงพักม้าหูก่วงเซิงก็เดินทางมาถึงเช่นเดียวกันจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ควบม้าอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหล่าเถียวเมื่อพวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองไปได้มินาน ตงฟางไป๋ก็เดินทางออกจากเมืองถัวเฉิงอย่างเงียบเชียบ!ราตรีกาลมาเยือน ลมหนาวโชยมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 646

    บุรุษร่างกำยำกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง "ท่านแม่ทัพเติ้ง นี่เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ หากปล่อยให้หลุดลอยไป หนานเยวี่ยของพวกท่านจะหาโอกาสที่ดีถึงเพียงนี้มิได้อีกแล้ว"อีกคนกล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว อีกอย่างยังมีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องเข้าใจ ท่านอ๋องฉู่ของพวกเรามิได้ทรงคาดหวังให้พวกท่านยกทัพไปฝ่ายเดียวจึงจะประสบความสำเร็จ แต่ให้คอยเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก็เท่านั้น ท่านจะร่วมมือหรือไม่ จงตอบมาตามตรง เราจะได้นำความกลับไปทูลรายงาน!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็เหลือบมองฉินซูอย่างลังเล "ท่านผู้อาวุโส ท่านมีความเห็นเช่นไร?"เมื่อเห็นว่าเติ้งหม่างผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย ในยามนี้กลับหันมาไต่ถามความคิดเห็นจากบุรุษหน้าตาธรรมดามิสะดุดตาผู้หนึ่ง คนสนิททั้งสองของฉินอวี่อดมิได้ที่จะพินิจพิจารณาบุรุษซึ่งเป็นฉินซูปลอมตัวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกหลายคราฉินซูลูบเคราบนคางพลางแสร้งทำทีครุ่นคิดผ่านไปอึดใจหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย "สิ่งที่เขากล่าวมาเมื่อครู่ถูกต้องแล้ว ครานี้เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ มิอาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้งโปรดยินยอมให้ความร่วมมือกับพวกเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 647

    ”ได้ รีบเข้ามาเถอะ”หลังจากที่ฉงชูโม่เชื้อเชิญให้ตงฟางไป๋เข้าไปในกระโจมแล้ว นางก็สอดส่ายสายตามองข้างนอกอีกสองสามคราเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนภายนอกล่วงรู้ นางจึงปิดม่านประตูลงนางเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย "ตอนนี้องค์รัชทายาททรงเป็นเช่นไรบ้าง? ทรงตกอยู่ในอันตรายใด ๆ หรือไม่?""องค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี อีกทั้งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ดังนั้นท่านแม่ทัพชูโม่โปรดวางใจ"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ความกังวลในใจพลันคลายลงไปมิน้อยนางซักถามต่อไป "ไยองค์รัชทายาทต้องเสี่ยงภัยถึงเพียงนั้น พระองค์มิรู้หรือไรว่าดินแดนหนานเยวี่ยนั้นเป็นแดนอันตราย หากมีคนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของพระองค์ ผลลัพธ์ย่อมมิอาจคาดเดาได้!""ครานั้นข้าน้อยเองก็เคยทัดทานแล้ว หากแต่ทัดทานมิอยู่ องค์รัชทายาทตรัสว่า มิเข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร โชคดีที่ในยามนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความคาดหมาย!""เช่นนั้นเจ้าเดินทางกลับมาในยามวิกาลเช่นนี้ เพราะพระองค์มีรับสั่งมาถึงข้าหรือ?"ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ยื่นสาส์นฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ "นี่คือสาส์นที่องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งใ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 702

    เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 701

    ในเวลานี้ แสงสีเลือดใต้รอยแตกของผนึกได้หายไปหมดจนแล้ว เหลือเพียงความมืดมิดจีอันลูบก้นพลางเดินเข้ามาเขาหยิบกระดาษยันต์สีเหลืองสองแผ่นออกมาจากอกเสื้อแล้วแปะลงบนรอยแตกของผนึกนั้นลงไปจากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ ยกก้อนหินขนาดใหญ่กว่าวัวทั้งตัวขึ้นมาวางทับกระดาษยันต์ทั้งสองแผ่นนั้นไว้ฉินซูได้แต่มองตาค้าง ก้อนหินนั้นอย่างน้อยก็หนักสักตันสองตันกระมัง แต่จีอันกลับยกมันขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่าเขามองด้วยความสงสัยเต็มใบหน้าแล้วถามว่า “จีอัน ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับใด?”“ข้าน้อยมิรู้ อาจารย์มิได้บอกข้าน้อย”“มิจริงน่า? ระดับของตัวเจ้าเอง เจ้าจะมิรู้ได้อย่างไร?”จีอันพยักหน้าอย่างซื่อ ๆ แล้วถามกลับว่า “ปราณบริสุทธิ์ภายในของท่านเข้มข้นและประหลาดถึงเพียงนี้ พระองค์เล่าอยู่ระดับใด?”ฉินซูยักไหล่ “ข้าก็มิแน่ใจ”“หึ มิพูดก็ช่าง ท่านแข็งแกร่งเพียงนี้ อาจารย์คงแก่จนเลอะเลือนแล้ว ถึงให้ข้าน้อยลงใต้มาคุ้มครองท่าน”จีอันบ่นพึมพำแล้วย่อเข่าลง จากนั้นร่างก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจกระสุนปืนใหญ่ ชั่วพริบตาก็กระโจนขึ้นไปข้างบนฉินซูอดสงสัยมิได้ว่า เจ้านี่น่าจะเลือกเส้นทางสายฝึกกาย มิฉะนั้นจะหนังหนาถึงเพียงนี้ได้อย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 700

    ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉินซู ร่างของจีอันก็พุ่งลงไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้ากับพื้นหุบเหวลึกเบื้องล่าง'ปัง' เสียงดังสนั่น พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่แต่จีอันกลับมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!พลันเห็นเขาปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วตบ ๆ ปัดฝุ่นออกจากตัวอย่างมิยี่หระราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเห็นภาพนั้น ฉินซูยกย่องเขาอย่างสุดซึ้ง ถามด้วยความสงสัยว่า “ชูโม่ จีอันผู้นี้หนังหนาไปหน่อยกระมัง? เขาอยู่ระดับใดหรือ?”“หม่อมฉันก็มิแน่ใจ แต่ในบรรดาศิษย์ทั้งเจ็ดคนของหัวหน้าโหรหลวงเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้วเพคะ”“เช่นนี้นี่เอง เจ้าอยู่ดูแลตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่นี่ไปนะ ข้าจะลงไปช่วยเขา”ฉินซูพูดจบก็กระโดดลงไปเช่นกันต่างจากจีอัน ฉินซูในยามนี้ราวกับขนนกเบาหวิวที่ลอยลงไปอย่างแผ่วเบาเมื่อมาถึงก้นหุบเหว เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าพื้นของแท่นบูชานี้เต็มไปด้วยอักขระเวทสีแดงในยามนี้อักขระเวทเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีแดงเลือด ทั้งมีเสน่ห์แบบลึกลับและทั้งแปลกประหลาดจีอันมองฉินซูผาดหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านคอยอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา”พูดจบเขาก็สาวเท้าเข้าไปหาแสงโลหิตนั้นอย่างรวดเร็ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 699

    แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่ในนั้น แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์ประหลาด เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มิควรอยู่ที่นี่แล้ว รีบไปกันก่อนเถิด”“มิได้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยังอยู่ที่เขาหัวสิงห์ ที่นั่นต้องเกิดเรื่องกระไรขึ้นแน่ รีบไปดูกันเถิดเพคะ”ฉงชูโม่ยังมิทันจะพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปยังทิศทางของเขาหัวสิงห์แล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็จำต้องตามไปด้วยเมื่อสังเกตว่าความเร็วของฉงชูโม่เร็วกว่าเดิมมาก ฉินซูก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ มิได้เจอกันนาน พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“หม่อมฉันกินโอสถลับของสำนักหอดูดาวหลวง โอสถลูกกลอนนั้นสามารถเพิ่มความคล่องแคล่วของกระบวนท่าได้เพคะ”“เช่นนี้นี่เอง!”ฉินซูจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจเงียบ ๆทั้งสองใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับภูตผี เพียงแค่ชั่วครู่ก็มาถึงตีนเขาหัวสิงห์เมื่อเงยหน้ามอง แสงสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายังคงแรงกล้ามิได้เจือจางลงแม้แต่น้อย ในความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยเมฆดำและเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าพิศวงนี้ ฉินซูก็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 698

    ฉินซูกล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “เฮ้อ เจ้าอย่าได้หึงหวงนักเลย เจ้าเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาทของข้านะ”“ถุย ใครเขาตอบตกลงเป็นพระชายาองค์รัชทายาทของท่านกัน อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”“ชูโม่อย่าล้อเล่นสิ ข้าพูดจริงนะ เจ้ายังมิเข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกหรือ?”ฉงชูโม่หยุดเดิน พลันหันขวับกลับไปกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉินซู หากท่านมิอยากให้ฝ่าบาททรงระแวง ท่านก็ควรกลืนคำพูดเมื่อครู่นี้กลับลงท้องไปเสีย”ฉินซูขมวดคิ้ว “ข้าชอบเจ้า แล้วมันผิดด้วยหรือ?”เมื่อเห็นฉินซูแสดงความในใจ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่ก็ยังคงส่ายหน้าพลางอธิบายอย่างอดทน“ผิดสิเพคะ ท่านลองไตร่ตรองดู ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท กลับคิดจะรับแม่ทัพขั้นหนึ่งมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาท หากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์จะทรงรู้สึกอย่างไร? อย่าลืมว่าเรื่องวันชุนเฟินปีหน้ายังมิจบสิ้น ดังนั้นมิว่าจะมองอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพคะ”“แต่… แต่ข้าได้ยึดครองหนานเยวี่ยทั้งหมดมาเป็นของต้าเหยียน ด้วยความดีความชอบเช่นนี้ การรับเจ้ามาเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็มิ...”ยังมิทันที่ฉินซูจะพูดจบ เขาก็เข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 697

    เมื่อเห็นว่าศพแห้งทำกระไรฉินซูมิได้ เสียงขลุ่ยของเฉินซีก็เปลี่ยนทำนองกะทันหัน ศพแห้งเหล่านั้นหันหลังวิ่งหนีป่าราบทันที“ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้ากับศพแห้งเหล่านี้ ข้าจะเอาไปทั้งหมด!”เมื่อฉินซูพูดจบ ก็ตบฝ่ามือใส่เฉินซีรูม่านตาของเฉินซีหดเล็กลง ยังมิทันได้ลงมือก็ 'ฟู่' ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันใดเมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชุดดำก็ใจหายวาบ รีบวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมิลังเลฉินซูหัวเราะเย็นชา จากนั้นก็โบกมือชายชุดดำวิ่งออกไปได้มิไกลนัก ร่างก็ชะงักกึก จากนั้นก็ถูกแรงดึงดูดลากให้ลอยกลับไปยังมิทันเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น คอของเขาก็ถูกฉินซูบีบเอาไว้เสียแล้ว“บัดนี้เพิ่งคิดจะหนี มิคิดว่าสายเกินไปหน่อยรึ?” ฉินซูมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยชายชุดดำตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยความยากลำบากว่า “อย่า อย่าฆ่าข้าเลย....”“ใครส่งเจ้ามา?”“ประ… ประมุขแห่งยุทธภพหนานเยวี่ย”ฉินซูหัวเราะเย็นชา “สำเนียงหลงเฉิงของเจ้าชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้ ใกล้ตายแล้วยังคิดจะหลอกข้าอีกรึ? ในเมื่อเจ้ามิรู้สำนึก ข้าก็จะให้เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”เมื่อเขาพูดจบ ก็จิ้มไปที่จุดตันจงบนหน้าอกของชายชุดดำอย่างแรงเสี้ยวขณะต่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 696

    ชายชุดดำพยักหน้าขึงขัง “ข้าเห็นกับตาตัวเอง จะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร”เฉินซีกลับหัวเราะแล้วส่ายหน้า กล่าวอย่างมิเห็นด้วยว่า “ตบยอดฝีมือระดับสวรรค์ให้กลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว เป็นไปได้อย่างไร ข้าว่านี่เป็นเพียงกลอุบายพวกภาพมายาเท่านั้น”ชายชุดดำคิดดูแล้วก็เห็นด้วยเฉินซีมองฉินซูอย่างดูถูก “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด ยามนี้ข้างกายข้ามียอดฝีมือระดับสวรรค์เพิ่มมาอีกคน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมิรีบยอมจำนนแต่โดยดีอีก รอกระไรอยู่เล่า?”“ใช่แล้ว ฉินซู เจ้าฆ่าตัวตายไปเสียยังดีเสียกว่า เช่นนั้นจะได้มิต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเจ้าสองคนพูดมากเกินไปแล้ว!”พูดจบ เขาก็หันกลับไปถามฉงชูโม่ว่า “จะเก็บไว้สอบปากคำหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ชะงักไปแต่แล้วก็ส่ายหน้าส่วนเฉินซีโกรธขึ้งจนแค่นหัวเราะออกมาแทน “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้านี่ช่างปากกล้าเหลือเกิน สงสัยจะอวดอ้างเกินจริงเสียแล้วกระมัง ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวของสำนักจันทราโรหิตของข้า!”จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยกระดูกออกมาจากอกเสื้อก่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 695

    เจ้าห้าเป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์อย่างแท้จริง แต่กลับถูกฉินซูตบจนมิเหลือซาก แสดงให้เห็นชัดเจนว่าวรยุทธ์ของฉินซูน่าสะพรึงกลัวเพียงใดในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์เช่นกัน เขาใช้วิชาตัวเบาหลบหนีอย่างสุดกำลัง ความเร็วยิ่งยวดจนน่าตกใจเช่นกันชั่วขณะหนึ่ง ฉินซูถึงกับตามมิทันได้ในทันทีแต่ยามนี้ฉินซูตั้งเป้าอีกฝ่ายไว้อย่างแน่วแน่ และไล่หลังตามติดไปอย่างมิยอมปล่อยหลังจากไล่ล่ากันไปได้ครึ่งชั่วยาม อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงบันดาลดังขึ้นว่า “สารเลว หากมีฝีมือก็อย่าหนี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นฤทธิ์เดชของสำนักจันทราโรหิตของข้าเสียบ้าง!”“หากเจ้ามีฝีมือก็อย่าตามมาสิ!”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ฉินซูก็มิได้ไล่ตามชายชุดดำคนนั้นต่อไป แต่กลับพุ่งไปยังต้นทางของเสียงนั้นมินานนัก ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏแก่สายตาฉินซูกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ เกิดอันใดขึ้น?”“องค์รัชทายาท ไฉนท่านจึงมาอยู่ที่นี่?” ฉงชูโม่หยุดชะงักอย่างอดมิได้นางล่อเฉินซีลงมาจากเขาหัวสิงห์ได้สำเร็จ แต่กลับสลัดอีกฝ่ายมิหลุดมินึกเลยว่าเมื่อวิ่งมาถึงที่นี่ กลับมาเจอเข้ากับฉินซูเมื่อเห็นนางหยุด เฉินซีก็หัวเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 694

    ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วยิ่งยวด ชายชุดดำคว้าลูกธนูที่ชิวก่วนยิงออกมาไว้ในมือได้แต่เขามองข้ามปัญหาที่ร้ายแรงไปอย่างหนึ่ง นั่นคือลูกธนูนั้นผูกติดอยู่กับระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ยังมิทันสิ้นถ้อยคำดูแคลนของเขา ระเบิดสายฟ้าก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงร่างของเขากระเด็นออกไปทันทีพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น กระแทกลงพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปอย่างแรงแขนขวาและแก้มครึ่งซีกของเขาถูกระเบิดจนเนื้อตัวเหวอะหวะ อาภรณ์ขาดวิ่นทั้งตัว ดูน่าสังเวชอย่างยิ่งเมื่อเห็นภาพนั้น สหายของเขามีสีหน้าตกตะลึง รีบถามว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“แค่ก ๆ ...ยังมิตาย บัดซบ ข้าประมาทไปหน่อย”ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าเจ้าห้าสบถแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น“เจ้าถ่วงเวลาเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นไว้ ข้าจะจัดการเจ้าสารเลวนั่นแล้วไปช่วยเจ้า!”เมื่อเจ้าห้าพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าใส่ชิวก่วนเมื่อเห็นเช่นนั้น ชิวก่วนก็หนังตากระตุกอย่างอดมิได้ รีบง้างธนูใส่ศรเตรียมยิงแต่ฉินซูกลับกล่าวว่า “อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ หากมันตั้งรับ ลูกธนูของเจ้าก็ทำกระไรมันมิได้ จงหลบไปอยู่ห่าง ๆ”ขณะพูด ฉินซูก็กระโดดตัวลอยพุ่งเข้าหาเจ้าห้าทันทีเมื่อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status