"น้องสอง สวีเซี่ยงเฉียน พวกเจ้าสองคนอยู่คุ้มครององค์รัชทายาทและพวกใต้เท้าถาน ส่วนที่เหลือตามข้ามา!"ตงฟางไป๋พูดจบ ก็ยกดาบรบขึ้นฟ้า นำหน้าพุ่งเข้าโรมรันหลังจากพุ่งเข้าไปในกลุ่มศัตรู ดาบรบในมือของเขาก็ฟาดฟันอย่างรุนแรง ฟันคนไปหลายคนราวกับผ่าแตงคนอื่น ๆ ก็ตามเข้าไปต่อสู้กับโจรป่าที่บ้าคลั่งเหล่านี้แม้ว่าวรยุทธ์ของโจรป่าเหล่านี้จะมิแข็งแกร่งนัก แต่ก็มีจำนวนมากแม้ตงฟางไป๋กล้าหาญถึงเพียงนี้ แต่ก็มิสามารถฆ่าพวกมันให้หมดได้ในคราวเดียวตงฟางโซ่วและสวีเซี่ยงเฉียนที่เฝ้าอยู่หน้ารถม้า จ้องมองการต่อสู้อย่างมิกะพริบตา ดาบรบในมือของพวกเขาพร้อมที่จะฟาดฟันได้ทุกเมื่อในขณะที่การต่อสู้กำลังดุเดือด จู่ ๆ ก็มีร่างคนสองร่างพุ่งออกมาจากป่าข้าง ๆ !ทั้งสองปิดหน้า สวมชุดดำ คนหนึ่งกระโดดเข้ามา โจมตีฉินซูที่อยู่ข้างรถม้า"บังอาจนักเจ้าพวกโจร!!"ตงฟางโซ่วคำราม พลันกระทืบเท้ากับพื้น ร่างพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่สวีเซี่ยงเฉียนก็มิยอมแพ้ โบกดาบรบในมือใส่ชายชุดดำอีกคนในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ตะลุมบอนกับคนชุดดำ ร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากราวป่าหลังจากปรากฏตัว เท้าทั้งสองของเขาก็เหยียบหินก้อนใหญ่ข้า
ในขณะนั้นเสียงของฉินซูก็ดังมาจากป่าข้าง ๆ"ไว้ชีวิต!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดาบที่พวกตงฟางโซ่วสองคนฟันลงมาครึ่งทางก็หยุดชะงักคนชุดดำทั้งสองก็ตกใจจนเหงื่อเย็นเยียบไหลรินออกมา ราวกับได้เดินผ่านประตูนรกสวีเซี่ยงเฉียนพูดกับตงฟางโซ่ว "เจ้าเฝ้าพวกมันไว้ ข้าจะไปช่วยองค์รัชทายาท!""มิต้อง องค์รัชทายาทมียอดฝีมือช่วยเหลืออยู่ วรยุทธ์ของเราเข้าไปก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายเปล่า ๆ คอยคุ้มครองพวกใต้เท้าเซี่ยเถิด""ก็ได้ ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่า ใครกันที่บังอาจลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!"สวีเซี่ยงเฉียนพูดจบ ก็เอื้อมมือไปดึงผ้าปิดหน้าของคนชุดดำทั้งสองออกและได้เห็นว่าคนทั้งสองมีใบหน้าขาวสะอาด ไม่มีหนวดเครา ลักษณะอ้อนแอ้นเหมือนสตรีเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของคนทั้งสอง สวีเซี่ยงเฉียนก็ชะงักไปเขายื่นมือไปจับที่เป้าของคนทั้งสอง จากนั้นก็อุทาน "ให้ตายสิ พวกเจ้าเป็นขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ!!"เมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าคนทั้งสองคุ้นหน้ามาก รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ใดมาก่อนยามนี้เมื่อรู้ว่าคนทั้งสองเป็นขันที เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเคยเจอพวกเขาที่สำนักขันทีฝ่ายพิธีการขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการก
'ฉึก!'เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เข่าซ้ายของคนชุดดำถูกปราณดัชนีของฉินซูเจาะทะลุเลือดสีแดงสดพุ่งออกมา!และคนชุดดำก็เสียหลักทรุดลงไปสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตะลึงจนพูดมิออก!หลังจากตั้งสติได้ เขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนพื้น ร่างก็พุ่งออกไป!เขางอนิ้วทั้งสิบ มือทั้งสองราวกับกรงเล็บอินทรี จิกเข้าที่คอของฉินซูอย่างแรงด้วยปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่ง นิ้วทั้งสิบของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล็กกล้า!"แมลงหวังโค่นต้นไม้ใหญ่ มิเจียมตัว!"ฉินซูหัวเราะเยาะ ยื่นมือออกไป จับข้อมือของคนชุดดำไว้ได้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็ออกแรงอย่างรุนแรง!'กร๊อบ กร๊อบ!'หลังจากเสียงดังกรอบแกรบสองครั้ง กระดูกข้อมือของคนชุดดำก็แตก!กระดูกแหลมคมแทงทะลุเนื้อออกมา น่าขนลุกขนพอง"อ๊าก! มือข้า!!"คนชุดดำร้องโหยหวน หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ท่าน ท่านเป็นผู้มีพลังระดับสวรรค์จริง ๆ!"เหตุผลที่เขาพูดเช่นนี้เป็นเพราะเขาเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงสุดพลังระดับนี้ แต่กลับไร้แรงต่อต้านเมื่อเผชิญหน้ากับฉินซู นี่แสดงให้เห็นว่า พลังของฉินซูแข็งแกร่งกว่าระดับปฐพี นั่นก็คือระดับสวรรค์
ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าความตายเพียงครู่เดียว คนชุดดำก็ถูกทรมานจนหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ไหลลงมาตามแก้มมิหยุดและสิ่งที่ทำให้เขาทนมิได้มากที่สุดคือ บัดนี้เขาขยับร่างกายมิได้แม้แต่น้อย อยากจะเอื้อมมือไปเกาก็ทำมิได้เขาทนมิไหวอีกต่อไป รีบพูด "หยุด... ขอร้องหยุดเถิด ข้าน้อยจะพูด ข้าน้อยจะพูดทุกอย่าง รีบหยุดเถิด..."ฉินซูโบกมือ!เข็มเงินที่ปักอยู่ที่จุดเจียนอวี๋บนไหล่ของเขาก็บินกลับมาที่มือของตนหลังจากเข็มเงินหลุดออก คนชุดดำก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และหายใจหอบหนัก"พูดมา หากเจ้ากล้าปดแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านี้"เมื่อได้ยินฉินซูพูดเช่นนี้ คนชุดดำก็อกสั่นขวัญแขวน!เมื่อครู่เขายังรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว เขามิกล้าลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบพูด "ข้าน้อย... ข้าน้อยเป็นหนึ่งในขันทีผู้ดูแลสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ นามว่าเกาส่วง ได้รับคำสั่งจากพระสนมเสียนเฟยให้มาลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"เกาส่วงกลัวว่าฉินซูจะทรมานเขาต่อไป จึงพูดหมดเปลือกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย เลิกคิ้วถาม "สำน
เกาส่วงมิเข้าใจความหมายของฉินซู แต่ตอนนี้เขามิกล้าโกหกอีก จึงทำได้เพียงพยักหน้า"ตอนที่ข้าน้อยอยู่จวนอ๋องหนิง ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลจวน ดังนั้นลายมือของอ๋องหนิง ข้าน้อยรู้จักดีพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็นำจดหมายที่ได้มาจากทั่วป๋าเฮ่าออกมา จากนั้นเขาก็แสดงให้ดูเพียงบางส่วน แล้วถามว่า "นี่ใช่ลายมือของฉินเซียวหรือไม่?"เกาส่วงมองดูแล้วตอบ "ใช่แน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ""ดีมาก!"ฉินซูพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดกับสวีเซี่ยงเฉียนว่า "ดูแลพวกเขาให้ดี หากพวกเขาตาย เจ้าก็เอาหัวมาประเคนข้าได้เลย!"สวีเซี่ยงเฉียนจิตใจกระตุกวูบ รีบกล่าว "องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย รับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!"เมื่อพูดจบ เขาก็เรียกให้ลูกน้องมัดเกาส่วงและคนอื่น ๆ เอาไว้ตงฟางไป๋สอบถาม "องค์รัชทายาท จะจัดการกับโจรป่าเหล่านี้อย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?"ฉินซูตั้งใจจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วก็กล่าวว่า "เจ้านำคนไปส่งยังที่ว่าการอำเภอเหยียนอัน ให้ผู้ว่าการอำเภอเอาตัวพวกมันไปตัดหัวประจานกลางตลาดเสีย"ถานเหวยกล่าวสรรเสริญ "องค์รัชทายาททรงพระปรีชาสามารถ ด้วยวิธีนี้ ยังทำให้พวกคนต่ำช้าที่มีใจคิดคดหวาด
"แต่ท่านอ๋อง..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินเซียวก็กล่าวแทรกขึ้นมาก่อน "มิคัดลอกก็ตาย พวกเจ้าเลือกเอาเอง!"เมื่อฉินเซียวพูดจบ องครักษ์หน้าประตูก็ชักดาบรบออกมาเมื่อได้ยินเสียงดาบแหลมคม นักปราชญ์ทั้งสามก็หน้าซีด ตัวอ่อนปวกเปียกทรุดลงกับพื้นฉินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง "ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้าเลียนแบบลายมือบนนั้นแล้วคัดลอกเท่านั้น อีกอย่างเรื่องนี้ก็มีแค่พวกเราที่รู้ ข้าจะมิแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป พวกเจ้าจะกลัวหาปะไร!""ที่สำคัญ ตราบใดที่พวกเจ้าทำตามที่ข้าบอก ทองเหล่านี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า เมื่อมีเงินเหล่านี้ก็พอที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสบาย หรือแม้แต่รับอนุภรรยาอีกสักสองสามคนก็ยังเหลือเฟือ พวกเจ้าจะลังเลกระไรเล่า?"เมื่อได้ยินฉินเซียวพูดเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้า"พ่ะย่ะค่ะ พวกเราจะทำตามที่ท่านอ๋องบัญชา!""ดีมาก ใครก็ได้ จัดเตรียมพู่กันและหมึกให้ที!"จากนั้นอาจารย์สอนเขียนอักษรทั้งสามคนก็เลียนแบบลายมือบนจดหมายหลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็เลียนแบบลายมือบนนั้นได้สำเร็จ คัดลอกออกมาคนละชุดฉินเซียวมองดูแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ "ดีมาก ลำบากพวกเจ้าแล้ว ทอง
อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามคนตกใจจนแทบสิ้นสติ ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น!เห็นดาบกำลังจะฟันลงบนร่างพวกเขาแต่ในขณะนั้นเอง เสียงแหวกอากาศแหลมคมก็ดังขึ้น'ฟิ้ว!'ลูกธนูแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว ปักเข้าที่หน้าอกของอวี๋เฟิงอย่างแม่นยำ!ร่างของอวี๋เฟิงไหวเอน หันกลับไปมองอย่างยากลำบากเห็นเพียงข้างหลังมิไกล อ้ายเถียนง้างธนูยิงออกมาอีกดอก!หลังจากอวี๋เฟิงถูกยิงอีกดอก ก็ล้มลงกับพื้น พลันสิ้นใจทันใด!เมื่อเห็นดังนั้น อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามก็คุกเข่าลงกับพื้น ขอบคุณฉินเหยี่ยนและพรรคพวก"ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต!"ฉินเหยี่ยนโบกมือ ถามเสียงเรียบ "บอกมา เหตุใดอ๋องหนิงจึงส่งคนมาสังหารพวกเจ้า?""เอ่อ..."อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามมองหน้ากัน มีความกังวลฉินเหยี่ยนคำราม "ตัวข้าช่วยพวกเจ้าได้ ก็ฆ่าพวกเจ้าได้ บอกความจริงมา!"เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเรียกแทนตัวว่า 'ตัวข้า’ ทั้งสามก็เข้าใจในทันใดว่า คนตรงหน้าคือองค์ชาย!จึงรีบเล่าเรื่องการเลียนแบบลายมือ คัดลอกจดหมายให้แก่อ๋องหนิงจนหมดเปลือกเมื่อรู้ว่าจดหมายที่คัดลอกเป็นถ้อยความหมิ่นเบื้องสูง ฉินเหยี่ยนก็มีสีหน้าเคร่ง
หวังฉือเพิ่งกินอาหารเย็นเสร็จ กำลังจะกลับไปที่ห้องตำราในขณะนั้นคนรับใช้ก็มารายงานว่า "ใต้เท้าหวัง ท่านเสนาธิการหลิวมาขอพบ บอกว่ามีเรื่องด่วนขอรับ""หลิวเว่ยมาหรือ? เชิญเขาเข้ามาเร็ว""ขอรับ!"ครู่ต่อมา หลิวเว่ยก็เดินพรวดพราดเข้ามา "ใต้เท้าหวัง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เมื่อครู่ศาลต้าหลี่ของเราได้รับจดหมายนิรนาม เนื้อความดูหมิ่นเบื้องสูง ข้าน้อยมิกล้าตัดสินใจเอง จึงต้องมาปรึกษาท่าน"เขาพูดพลางยื่นจดหมายให้หวังฉือกวาดตาอ่านพร้อมด้วยสีหน้าตกตะลึง!"เหลวไหล เมืองหลวงอยู่ใต้พระบาทองค์จักรพรรดิ ยังมีคนกล้าพูดจาบจ้วงเช่นนี้ คนส่งจดหมายเป็นใครกัน?""มิเห็นตัวคน เพียงแต่ถ้อยความหมิ่นเบื้องสูงเช่นนี้ หากมิระวังอาจจะถูกบั่นคอได้ ใต้เท้าหวัง ท่านคิดว่าใครเป็นคนทำ?"หวังฉือหรี่ตาลง กล่าวว่า "ช่วงนี้ในราชสำนัก องค์รัชทายาทกำลังตกเป็นจุดสนใจ เกรงว่าจะมีคนใช้เรื่องนี้ใส่ร้ายพระองค์ มิได้การ ข้าต้องไปหาเนี่ยหงที่สำนักผู้ตรวจการ"พูดจบเขาก็รีบร้อนออกจากประตูไปแต่เมื่อถึงหน้าประตูจวน ก็เห็นเนี่ยหงเดินมาอย่างรีบร้อน"ใต้เท้าเนี่ย ข้ากำลังจะไปหาท่านพอดี ท่านมาได้อย่างไร?"เนี่ยหงกล่าวด้วยสีหน้าเค
เซวียหมิงมองไปยังทิศทางที่ฉินซูและพรรคพวกจากไปพลางพึมพำกับตัวเอง“คิดมิถึงเลยว่าจะได้เจอกับคนที่สามารถกลืนกินปราณเลือดอาถรรพ์ได้ จีอันหรือ? ข้าจะจำเจ้าเอาไว้!”“แล้วก็ฉินซู เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ สักวันข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนอยู่ต่อมิไหว จะตายก็มิได้!”“แค่นี้ก็น่าจะพอให้ข้าใช้แล้ว”เขาพูดพลางมองลูกแก้วสีแดงอมม่วงในมือภายในลูกแก้วนั้นคือปราณเลือดอาถรรพ์จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของเขาคือต้องการหามหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต เพื่อขอยืมปราณเลือดอาถรรพ์มาใช้แต่เมื่อเข้าใกล้บริเวณนี้ ก็เห็นเฉินซีถูกฉงชูโม่ล่อลวงไปแล้ว ส่วนสาวกของสำนักจันทราโรหิตก็บาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เขาจึงฉวยโอกาสจัดการสาวกที่เหลือของสำนักจันทราโรหิต จากนั้นก็เข้าไปในถ้ำจนได้พบกับแท่นบูชาต่อมาก็ฉวยโอกาสที่ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิทันระวังจัดการอีกฝ่ายจนสลบไป และเก็บรวบรวมปราณเลือดอาถรรพ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นเซวียหมิงก็หันหลังเดินออกจากที่นี่ไปเช่นกันขณะที่เขาเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าเหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเป็นขลุ่ยกระดูกสีขาวบริสุทธิ์เขายกมันขึ้นมาด
ในเวลานี้ แสงสีเลือดใต้รอยแตกของผนึกได้หายไปหมดจนแล้ว เหลือเพียงความมืดมิดจีอันลูบก้นพลางเดินเข้ามาเขาหยิบกระดาษยันต์สีเหลืองสองแผ่นออกมาจากอกเสื้อแล้วแปะลงบนรอยแตกของผนึกนั้นลงไปจากนั้นก็เดินไปข้าง ๆ ยกก้อนหินขนาดใหญ่กว่าวัวทั้งตัวขึ้นมาวางทับกระดาษยันต์ทั้งสองแผ่นนั้นไว้ฉินซูได้แต่มองตาค้าง ก้อนหินนั้นอย่างน้อยก็หนักสักตันสองตันกระมัง แต่จีอันกลับยกมันขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่าเขามองด้วยความสงสัยเต็มใบหน้าแล้วถามว่า “จีอัน ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับใด?”“ข้าน้อยมิรู้ อาจารย์มิได้บอกข้าน้อย”“มิจริงน่า? ระดับของตัวเจ้าเอง เจ้าจะมิรู้ได้อย่างไร?”จีอันพยักหน้าอย่างซื่อ ๆ แล้วถามกลับว่า “ปราณบริสุทธิ์ภายในของท่านเข้มข้นและประหลาดถึงเพียงนี้ พระองค์เล่าอยู่ระดับใด?”ฉินซูยักไหล่ “ข้าก็มิแน่ใจ”“หึ มิพูดก็ช่าง ท่านแข็งแกร่งเพียงนี้ อาจารย์คงแก่จนเลอะเลือนแล้ว ถึงให้ข้าน้อยลงใต้มาคุ้มครองท่าน”จีอันบ่นพึมพำแล้วย่อเข่าลง จากนั้นร่างก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจกระสุนปืนใหญ่ ชั่วพริบตาก็กระโจนขึ้นไปข้างบนฉินซูอดสงสัยมิได้ว่า เจ้านี่น่าจะเลือกเส้นทางสายฝึกกาย มิฉะนั้นจะหนังหนาถึงเพียงนี้ได้อย
ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของฉินซู ร่างของจีอันก็พุ่งลงไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเข้ากับพื้นหุบเหวลึกเบื้องล่าง'ปัง' เสียงดังสนั่น พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่แต่จีอันกลับมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!พลันเห็นเขาปีนขึ้นมาจากหลุมแล้วตบ ๆ ปัดฝุ่นออกจากตัวอย่างมิยี่หระราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเห็นภาพนั้น ฉินซูยกย่องเขาอย่างสุดซึ้ง ถามด้วยความสงสัยว่า “ชูโม่ จีอันผู้นี้หนังหนาไปหน่อยกระมัง? เขาอยู่ระดับใดหรือ?”“หม่อมฉันก็มิแน่ใจ แต่ในบรรดาศิษย์ทั้งเจ็ดคนของหัวหน้าโหรหลวงเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้วเพคะ”“เช่นนี้นี่เอง เจ้าอยู่ดูแลตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่นี่ไปนะ ข้าจะลงไปช่วยเขา”ฉินซูพูดจบก็กระโดดลงไปเช่นกันต่างจากจีอัน ฉินซูในยามนี้ราวกับขนนกเบาหวิวที่ลอยลงไปอย่างแผ่วเบาเมื่อมาถึงก้นหุบเหว เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าพื้นของแท่นบูชานี้เต็มไปด้วยอักขระเวทสีแดงในยามนี้อักขระเวทเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีแดงเลือด ทั้งมีเสน่ห์แบบลึกลับและทั้งแปลกประหลาดจีอันมองฉินซูผาดหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านคอยอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา”พูดจบเขาก็สาวเท้าเข้าไปหาแสงโลหิตนั้นอย่างรวดเร็ว
แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่แฝงอยู่ในนั้น แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์ประหลาด เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มิควรอยู่ที่นี่แล้ว รีบไปกันก่อนเถิด”“มิได้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยังอยู่ที่เขาหัวสิงห์ ที่นั่นต้องเกิดเรื่องกระไรขึ้นแน่ รีบไปดูกันเถิดเพคะ”ฉงชูโม่ยังมิทันจะพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปยังทิศทางของเขาหัวสิงห์แล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็จำต้องตามไปด้วยเมื่อสังเกตว่าความเร็วของฉงชูโม่เร็วกว่าเดิมมาก ฉินซูก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ มิได้เจอกันนาน พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“หม่อมฉันกินโอสถลับของสำนักหอดูดาวหลวง โอสถลูกกลอนนั้นสามารถเพิ่มความคล่องแคล่วของกระบวนท่าได้เพคะ”“เช่นนี้นี่เอง!”ฉินซูจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจเงียบ ๆทั้งสองใช้ทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับภูตผี เพียงแค่ชั่วครู่ก็มาถึงตีนเขาหัวสิงห์เมื่อเงยหน้ามอง แสงสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายังคงแรงกล้ามิได้เจือจางลงแม้แต่น้อย ในความว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยเมฆดำและเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าพิศวงนี้ ฉินซูก็
ฉินซูกล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “เฮ้อ เจ้าอย่าได้หึงหวงนักเลย เจ้าเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาทของข้านะ”“ถุย ใครเขาตอบตกลงเป็นพระชายาองค์รัชทายาทของท่านกัน อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”“ชูโม่อย่าล้อเล่นสิ ข้าพูดจริงนะ เจ้ายังมิเข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกหรือ?”ฉงชูโม่หยุดเดิน พลันหันขวับกลับไปกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉินซู หากท่านมิอยากให้ฝ่าบาททรงระแวง ท่านก็ควรกลืนคำพูดเมื่อครู่นี้กลับลงท้องไปเสีย”ฉินซูขมวดคิ้ว “ข้าชอบเจ้า แล้วมันผิดด้วยหรือ?”เมื่อเห็นฉินซูแสดงความในใจ ฉงชูโม่ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกยินดีเล็กน้อย แต่ก็ยังคงส่ายหน้าพลางอธิบายอย่างอดทน“ผิดสิเพคะ ท่านลองไตร่ตรองดู ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท กลับคิดจะรับแม่ทัพขั้นหนึ่งมาเป็นพระชายาองค์รัชทายาท หากองค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์จะทรงรู้สึกอย่างไร? อย่าลืมว่าเรื่องวันชุนเฟินปีหน้ายังมิจบสิ้น ดังนั้นมิว่าจะมองอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพคะ”“แต่… แต่ข้าได้ยึดครองหนานเยวี่ยทั้งหมดมาเป็นของต้าเหยียน ด้วยความดีความชอบเช่นนี้ การรับเจ้ามาเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็มิ...”ยังมิทันที่ฉินซูจะพูดจบ เขาก็เข
เมื่อเห็นว่าศพแห้งทำกระไรฉินซูมิได้ เสียงขลุ่ยของเฉินซีก็เปลี่ยนทำนองกะทันหัน ศพแห้งเหล่านั้นหันหลังวิ่งหนีป่าราบทันที“ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้ากับศพแห้งเหล่านี้ ข้าจะเอาไปทั้งหมด!”เมื่อฉินซูพูดจบ ก็ตบฝ่ามือใส่เฉินซีรูม่านตาของเฉินซีหดเล็กลง ยังมิทันได้ลงมือก็ 'ฟู่' ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันใดเมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชุดดำก็ใจหายวาบ รีบวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมิลังเลฉินซูหัวเราะเย็นชา จากนั้นก็โบกมือชายชุดดำวิ่งออกไปได้มิไกลนัก ร่างก็ชะงักกึก จากนั้นก็ถูกแรงดึงดูดลากให้ลอยกลับไปยังมิทันเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น คอของเขาก็ถูกฉินซูบีบเอาไว้เสียแล้ว“บัดนี้เพิ่งคิดจะหนี มิคิดว่าสายเกินไปหน่อยรึ?” ฉินซูมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยชายชุดดำตกใจจนหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยความยากลำบากว่า “อย่า อย่าฆ่าข้าเลย....”“ใครส่งเจ้ามา?”“ประ… ประมุขแห่งยุทธภพหนานเยวี่ย”ฉินซูหัวเราะเย็นชา “สำเนียงหลงเฉิงของเจ้าชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้ ใกล้ตายแล้วยังคิดจะหลอกข้าอีกรึ? ในเมื่อเจ้ามิรู้สำนึก ข้าก็จะให้เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าตายทั้งเป็น”เมื่อเขาพูดจบ ก็จิ้มไปที่จุดตันจงบนหน้าอกของชายชุดดำอย่างแรงเสี้ยวขณะต่
ชายชุดดำพยักหน้าขึงขัง “ข้าเห็นกับตาตัวเอง จะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร”เฉินซีกลับหัวเราะแล้วส่ายหน้า กล่าวอย่างมิเห็นด้วยว่า “ตบยอดฝีมือระดับสวรรค์ให้กลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว เป็นไปได้อย่างไร ข้าว่านี่เป็นเพียงกลอุบายพวกภาพมายาเท่านั้น”ชายชุดดำคิดดูแล้วก็เห็นด้วยเฉินซีมองฉินซูอย่างดูถูก “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด ยามนี้ข้างกายข้ามียอดฝีมือระดับสวรรค์เพิ่มมาอีกคน เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมิรีบยอมจำนนแต่โดยดีอีก รอกระไรอยู่เล่า?”“ใช่แล้ว ฉินซู เจ้าฆ่าตัวตายไปเสียยังดีเสียกว่า เช่นนั้นจะได้มิต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเจ้าสองคนพูดมากเกินไปแล้ว!”พูดจบ เขาก็หันกลับไปถามฉงชูโม่ว่า “จะเก็บไว้สอบปากคำหรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็ชะงักไปแต่แล้วก็ส่ายหน้าส่วนเฉินซีโกรธขึ้งจนแค่นหัวเราะออกมาแทน “เจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้านี่ช่างปากกล้าเหลือเกิน สงสัยจะอวดอ้างเกินจริงเสียแล้วกระมัง ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวของสำนักจันทราโรหิตของข้า!”จากนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยกระดูกออกมาจากอกเสื้อก่อ
เจ้าห้าเป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์อย่างแท้จริง แต่กลับถูกฉินซูตบจนมิเหลือซาก แสดงให้เห็นชัดเจนว่าวรยุทธ์ของฉินซูน่าสะพรึงกลัวเพียงใดในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ระดับสวรรค์เช่นกัน เขาใช้วิชาตัวเบาหลบหนีอย่างสุดกำลัง ความเร็วยิ่งยวดจนน่าตกใจเช่นกันชั่วขณะหนึ่ง ฉินซูถึงกับตามมิทันได้ในทันทีแต่ยามนี้ฉินซูตั้งเป้าอีกฝ่ายไว้อย่างแน่วแน่ และไล่หลังตามติดไปอย่างมิยอมปล่อยหลังจากไล่ล่ากันไปได้ครึ่งชั่วยาม อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงบันดาลดังขึ้นว่า “สารเลว หากมีฝีมือก็อย่าหนี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นฤทธิ์เดชของสำนักจันทราโรหิตของข้าเสียบ้าง!”“หากเจ้ามีฝีมือก็อย่าตามมาสิ!”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ฉินซูก็มิได้ไล่ตามชายชุดดำคนนั้นต่อไป แต่กลับพุ่งไปยังต้นทางของเสียงนั้นมินานนัก ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏแก่สายตาฉินซูกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ชูโม่ เกิดอันใดขึ้น?”“องค์รัชทายาท ไฉนท่านจึงมาอยู่ที่นี่?” ฉงชูโม่หยุดชะงักอย่างอดมิได้นางล่อเฉินซีลงมาจากเขาหัวสิงห์ได้สำเร็จ แต่กลับสลัดอีกฝ่ายมิหลุดมินึกเลยว่าเมื่อวิ่งมาถึงที่นี่ กลับมาเจอเข้ากับฉินซูเมื่อเห็นนางหยุด เฉินซีก็หัวเ
ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วยิ่งยวด ชายชุดดำคว้าลูกธนูที่ชิวก่วนยิงออกมาไว้ในมือได้แต่เขามองข้ามปัญหาที่ร้ายแรงไปอย่างหนึ่ง นั่นคือลูกธนูนั้นผูกติดอยู่กับระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ยังมิทันสิ้นถ้อยคำดูแคลนของเขา ระเบิดสายฟ้าก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงร่างของเขากระเด็นออกไปทันทีพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น กระแทกลงพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปอย่างแรงแขนขวาและแก้มครึ่งซีกของเขาถูกระเบิดจนเนื้อตัวเหวอะหวะ อาภรณ์ขาดวิ่นทั้งตัว ดูน่าสังเวชอย่างยิ่งเมื่อเห็นภาพนั้น สหายของเขามีสีหน้าตกตะลึง รีบถามว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“แค่ก ๆ ...ยังมิตาย บัดซบ ข้าประมาทไปหน่อย”ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าเจ้าห้าสบถแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น“เจ้าถ่วงเวลาเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นไว้ ข้าจะจัดการเจ้าสารเลวนั่นแล้วไปช่วยเจ้า!”เมื่อเจ้าห้าพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าใส่ชิวก่วนเมื่อเห็นเช่นนั้น ชิวก่วนก็หนังตากระตุกอย่างอดมิได้ รีบง้างธนูใส่ศรเตรียมยิงแต่ฉินซูกลับกล่าวว่า “อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ หากมันตั้งรับ ลูกธนูของเจ้าก็ทำกระไรมันมิได้ จงหลบไปอยู่ห่าง ๆ”ขณะพูด ฉินซูก็กระโดดตัวลอยพุ่งเข้าหาเจ้าห้าทันทีเมื่อ