Share

บทที่ 406

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินซูพูดอย่างมิสบอารมณ์ว่า “เจ้าหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะกำลังกังวลว่าจะกราบทูลเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ต่อเสด็จพ่อดีหรือไม่ ใช่หรือไม่เล่า?”

เซี่ยหลานพยักหน้าอย่างห่อเหี่ยว “ท่านเองทรงทราบถึงพระราชโองการที่ฝ่าบาทประทานให้หม่อมฉัน แต่ว่าหม่อมฉันมิอยากทรยศท่าน…”

“เฮ้อ นี่เรียกว่าทรยศที่ไหนกันเล่า พระราชโองการย่อมมิอาจฝ่าฝืน เจ้าเพียงแค่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันนี้กลับไปก็พอ”

“แต่ถ้าทำเช่นนี้ มันก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่ามียอดฝีมือช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังท่านจริง ๆ มิใช่หรือเพคะ?”

“ยืนยันก็ยืนยันสิ ถึงอย่างไรตอนนี้ทุกคนก็สงสัยเช่นนี้อยู่แล้ว”

“ทว่าหลังจากที่พวกเขายืนยันเรื่องนี้แล้ว ขั้นต่อไปพวกเขาอาจคิดหาวิธีจัดการยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังท่าน หม่อมฉันมิปรารถนาเช่นนี้เลย”

เซี่ยหลานยังคงมีสีหน้าพะว้าพะวัง

ฉินซูยิ้มบาง ๆ และเอ่ยว่า “หากเจ้ามิรายงานตามจริง ก็เท่ากับเป็นการหลอกลวงองค์จักรพรรดิ อีกทั้งแม้เจ้าจะมิปริปาก แล้วเจ้าคิดว่าพวกถานเหวยจะปิดปากเงียบได้หรือ?”

เซี่ยหลานเพื่งจะรู้ตัวก็พูดขึ้นว่า “ก็จริงเพคะ ในฐานะที่ถานเหวยเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง องค์จักรพรรดิเองก็อาจทรงมีพระ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 407

    จากนั้นเขาก็ยิ้มตาหยีพร้อมกับกล่าวว่า “องค์รัชทายาททรงเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย อย่างไรก็ขอท่านโปรดเสด็จไปยังที่ว่าการมณฑลเพื่อพักผ่อนเสียหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ นำทางเถิด” “เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ!” หนึ่งเค่อต่อมา ฉินซูและคนอื่น ๆ ก็มาถึงที่ว่าการมณฑล หลังจากเข้าไปในที่ว่าการมณฑล เฉินจางก็ยุ่งอยู่กับการเทชาและส่งน้ำอย่างเพลิดเพลินฉินซูยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วเหลือบมองจากนั้นก็จิบไปหนึ่งอึกแล้วกล่าวด้วยความสนใจว่า “กลิ่นหอมอบอวล รสชาติชุ่มคอ ชานี้มิเลวเลย ใต้เท้าเฉิน” เฉินจางยิ้มแย้มอย่างปลื้มปีติ “องค์รัชทายาท นี่คือชาเซียนหาวจากฮั่นจงชั้นยอด เก็บจากยอดแรกและยังสดใหม่ แค่มิกี่ชั่ง[footnoteRef:0]กว่าข้าน้อยจะหาซื้อมาได้ก็ยากเย็นนัก หากองค์รัชทายาททรงโปรด เมื่อเสด็จกลับก็โปรดนำกลับไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพจากข้าน้อย” [0: ชั่ง เป็นหน่วยวัดของจีน 1 ชั่ง = 0.5 กิโลกรัม] “ชาเซียนหาวจากฮั่นจงชั้นยอด ราคาคงมิถูกเลยกระมัง?” “มิถูกเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกขายกันห้าสิบหกสิบตำลึงต่อชั่งเลยทีเดียว!” ทันทีที่เฉินจางพูดจบ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หึ ใต้เท้าเฉิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 408

    “เหอะ ๆ ถึงเวลาพวกเจ้าก็รู้เอง” ดวงตาเฉินจางกลอกไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนชายชราที่มากด้วยเล่ห์โจวเซินปรับสีหน้าให้จริงจังแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าเฉิน เมื่อครู่ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมาว่า มีคนจากสามอำเภอเหรากู่ ฉงซานและเป่ยเซียงเดินทางมาที่นี่ขอรับ” เฉินจางคิ้วขมวดพลางพูดด้วยสีหน้ามิพอใจ “ส่งคนไปเฝ้าถนนเส้นหลักไว้แล้วมิใช่หรือไร เหตุใดจึงปล่อยชาวบ้านผู้ประสบภัยออกมาได้อีก?” “มิใช่ผู้ประสบภัย ครั้งนี้ที่มาคือคนของที่ว่าการอำเภอเองขอรับ” “ที่ว่าการอำเภอ? พวกเขาส่งคนมาทำอะไร?” “มาพูดเรื่องเสบียงอาหารขอรับ พวกเขายังเอาแต่พูดด้วยว่าถ้ามิได้เสบียงก็จะมิกลับ!”โจวเซินมีสีหน้ากระวนกระวายใจ เห็นได้ชัดว่าเขารังเกียจเรื่องนี้ เฉินจางโกรธขึ้นมาทันที “หึ อาจหาญนัก ถึงกลับกล้ามาข่มขู่ถึงที่ว่าการมณฑลของเรา!” เขาตะโกนใส่หัวหน้ากองตรวจการที่อยู่ข้าง ๆ “ไล่พวกมันออกไป ถ้ากล้าสร้างความวุ่นวายก็หักขาพวกมันทิ้งเสีย!” หัวหน้ากองตรวจการกำลังจะรับคำสั่ง แต่ขุนนางคนหนึ่งรีบเอ่ยว่า “ใต้เท้าเฉิน เช่นนี้มิได้ขอรับ ครั้งนี้ที่มาเป็นผู้ว่าการอำเภอทั้งสิ้น หากลงมือเกรงว่าจะทำให้เร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 409

    เมื่อนางบรรเลงเพลงจบ เฉินจางก็ปรบมือชื่นชมขึ้นมาทันที“เสียงพิณช่างเบาสบายทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้มจริง ๆ สมแล้วที่เป็นบุตรีสุดที่รักของข้าเฉินจาง!” หว่านเอ๋อร์ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านพ่อ? เหตุใดจึงกลับมาไวเช่นนี้หรือเจ้าคะ วันนี้ที่ว่าการมณฑลไม่มีงานหรือเจ้าคะ?” “มีสิมี แต่ว่าพ่อกลับมาเพราะมีเรื่องมงคลยิ่งนักมาบอกเจ้า!” “เรื่องมงคลอะไรหรือเจ้าคะ?” เฉินจางมิตอบ แต่กลับถามกลับว่า “หว่านเอ๋อร์ เจ้าบอกพ่อสิ ว่าเจ้าอยากจะโบยบินขึ้นไปบนยอดกิ่งไม้แล้วกลายเป็นนางพญาหรือไม่?” เฉินหว่านเอ๋อร์งงงวยเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่ากระไรเจ้าคะ?” “องค์รัชทายาทเสด็จมาที่เมืองเหลียงโจวของพวกเราแล้ว ตอนนี้ทรงพักผ่อนอยู่ในที่ว่าการมณฑล พ่อจึงวางแผนว่าจะเชิญองค์รัชทายาทมาเลี้ยงรับรองที่บ้านของเราคืนนี้ จากนั้นเจ้าจงทำตัวให้ดี ทำให้องค์รัชทายาทพอพระทัยให้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นนางพญาที่โบยบินไปบนยอดกิ่งไม้!” ใบหน้าของเฉินหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น แต่มินานนัก รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็แข็งทื่อ “ท่านพ่อ สถานะขององค์รัชทายาทสูงส่งนัก พระองค์จะทรงโ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 410

    จางเฟิงสีหน้าลำบากใจพร้อมกับโบกมือ “ข้าเองก็อับจนหนทาง บัดนี้ทั่วทั้งเมืองเหลียงโจวของพวกเรากำลังขาดแคลนอาหาร” ผู้ว่าการอำเภอของอำเภอเหรากู่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใต้เท้าจาง ได้ยินว่าทางราชสำนักส่งเงินบรรเทาภัยพิบัติมาถึงเหลียงโจวแล้วมิใช่หรือ? หากในเมืองไม่มีเสบียงอาหารแล้วจริง ๆ เช่นนั้นท่านก็ช่วยจัดสรรเงินนั้นให้พวกเราสักหน่อยเถิด พวกเราจะได้นำไปซื้อเสบียงที่เมืองหรืออำเภออื่น” อีกสองคนก็เห็นด้วยเช่นกัน “ใช่แล้ว เสบียงหมดแล้วก็จัดสรรเงินให้เราไปซื้อเสบียงบรรเทาภัยพิบัติเถิด” “ว่ากันว่าราชสำนักส่งเงินมาถึงห้าแสนตำลึง อำเภอฉงซานของพวกเรามีจำนวนผู้ประสบภัยมากที่สุด ยามนี้ทุกครัวเรือนขาดแคลนน้ำและอาหาร ขอให้ทางที่ว่าการมณฑลจัดสรรเงินให้เราหนึ่งแสนตำลึงเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนนี้ด้วยเถิด” จางเฟิงทำสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมตะคอกอย่างเย็นชาทันที “หนึ่งแสนตำลึงงั้นรึ? หึ เจ้าก็กล้าขออย่างเกินควรนักนะ!” “ใต้เท้าจาง ข้าน้อยหาได้ขอเกินควรไม่ จากสถานการณ์ในฉงซานยามนี้ต้องใช้เงินอย่างน้อยสองแสนตำลึงจึงจะผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้นะขอรับ” “หยุดเลย อย่าว่าแต่หนึ่งแสนตำลึง ตอนนี้แม้แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 411

    “องค์รัชทายาทประทับอยู่ในเมืองเหลียงโจวแล้วมิใช่หรือ หากวันพรุ่งที่ว่าการมณฑลยังคงนิ่งเฉย เช่นนั้นข้าก็จะมิสนใจอะไรแล้ว ข้าจะไปหาองค์รัชทายาทเพื่อขอคำอธิบายเอง” “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราสามคนเจอกันวันพรุ่ง!” “ได้ รักษาตัวด้วย!” ทั้งสามกล่าวลากัน จากนั้นก็ต่างฝ่ายต่างขนส่งข้าวร้อยต้านกลับไปยังพื้นที่ของตน ในเวลาเดียวกัน ในเมืองเหลียงโจว ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งชื่อว่าชี่ไพ่โจวเซินและสวี่โย่วไฉสองคนกำลังหารือเรื่องการซื้อเสบียงบรรเทาภัยพิบัติกับพ่อค้าขายข้าวในท้องถิ่นหลายคน ในเวลานั้นพ่อค้าข้าวหลายคนต่างมีสีหน้าหนักใจ บางคนถึงกับแสดงความมิพอใจออกมา โจวเซินยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน ข้าอธิบายชัดเจนเป็นอย่างยิ่งแล้ว อีกทั้งนี่คือความหมายของใต้เท้าเฉินด้วย พวกท่านเองก็พิจารณานานพอแล้ว ข้าขอคำตอบที่แน่ชัดเสียทีได้หรือไม่?” คนทั้งหลายต่างมองหน้ากัน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดว่า “ท่านผู้ช่วย เนื่องจากผลกระทบของภัยพิบัติเมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาข้าวจึงพุ่งสูงขึ้นทุกครั้ง แต่พวกท่านจะให้กำไรพวกเราแค่สองส่วนเท่านั้น เช่นนี้มันขาดทุนเห็น ๆ นะขอรับ” “ใช่แล้วผู้ช่วยโจว ถ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 412

    สวีหลายพูดอย่างจริงจังว่า “สังหารพวกเขาตอนนี้ก็เป็นเพียงการแหวกหญ้าให้งูตื่น จะเป็นการทำให้เฉินจางและพรรคพวกหนีรอดไปได้ พวกเราจะต้องถอนรากถอนโคนพวกนั้น!” “นับแต่โบราณนานนมราษฎรมิอาจต่อกรกับขุนนางได้ มันจะง่ายดังเช่นท่านพูดที่ไหนกัน” “สำหรับพวกเรามันยากก็จริง แต่ว่าในเมืองยามนี้มิได้มีคนที่สามารถชี้เป็นชี้ตายพวกมันได้แล้วหรือไร?” เฉิงอิงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยถาม “สามี ท่านหมายถึงองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?” สวีหลายพยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว องค์รัชทายาททรงได้รับพระราชโองการให้มาสำรวจพื้นที่ภัยพิบัติและทรงมีอำนาจประหารก่อนรายงานทีหลัง” “แต่ว่าสามี ได้ยินว่าองค์รัชทายาททรงประพฤติผิดศีลธรรม ทั้งหมกมุ่นในสุรานารีทั้งวัน พระองค์จะออกหน้าเพื่อราษฎรหรือ?” “นั่นเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ระยะหลังการแสดงออกขององค์รัชทายาทกลับโดดเด่นกว่าองค์ชายพระองค์อื่นมากนัก นอกจากนี้ข้าเคยพบเขาที่หลงโย่วเมื่อมินานมานี้ เขาทำให้ข้ารู้สึกว่า เขามิเหมือนจวิ้นอ๋องที่เอาแต่แสวงหาความสำราญเลย” เฉิงอิงยังคงกังวลอยู่ “ถึงแม้องค์รัชทายาทจะประสงค์ดูแลเรื่องนี้จริง ๆ แต่เฉินจางกับโจวเซินล้วนเป็นพวกมากเล่ห์เ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 413

    “เดิมสำนักหอดูดาวหลวงก็มีอำนาจประหารก่อนรายงานทีหลังอยู่แล้ว หากนางค้นพบหลักฐานความผิดของเฉินจางจริงก็ถือว่าเขาสมควรตาย แต่เฉินจางเป็นถึงผู้ว่าการมณฑล หลักฐานกระทำผิดจะถูกเปิดเผยง่าย ๆ ได้อย่างไร” “เช่นนั้นแล้วองค์รัชทายาทก็ยังให้กู้เสวี่ยเจี้ยนแอบไปสืบที่จวนผู้การมณฑลงั้นหรือเพคะ?” “นางเอาแต่พูดจ้อใส่หูข้ามิหยุด หูข้าแทบจะด้านอยู่แล้ว” เช่นนี้เซี่ยหลานถึงได้ยิ้มอย่างจนใจ “อารมณ์ของกู้เสวี่ยเจี้ยนนั้นยากที่จะคาดเดานักเพคะ ก่อนหน้านี้นางก็เย็นชาถึงเพียงนั้น” ฉินซูบ่นว่า “เย็นชาอะไรกัน อย่างนางเรียกว่าพวกซึนเดเระ” “ซึนเดเระหรือเพคะ?” เซี่ยหลานถามอยางสงสัย “องค์รัชทายาท ซึนเดเระหมายความว่ากระไรหรือเพคะ?” ฉินซูกำลังจะอธิบาย ตอนนี้เองตงฟางไป๋ได้เดินเข้ามา “องค์รัชทายาท มีคนด้านนอกนำจดหมายมาส่ง บอกว่ามอบให้ท่านขอรับ” ในขณะที่พูด ตงฟางไป๋ก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ ฉินซูเปิดอ่านเพียงแวบเดียวก่อนกล่าวว่า “เซี่ยหลาน ข้าต้องออกไปทำธุระสักครู่ เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน หากพวกเฉินจางถามถึงก็บอกว่าข้าออกไปเดินเล่น” “เพคะ องค์รัชทายาทโปรดทรงระวังตัวด้วย” ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อยแล้วออกไปพ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 414

    ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วสั่งตงฟางไป๋ว่า “เจ้านำคนจำนวนหนึ่งไปจับตาดูพ่อค้าขายข้าวในเมือง และต้องเฝ้าดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด!” “น้อมรับพระบัญชา!” ตงฟางไป๋กำลังจะออกไป แต่กลับลังเลเล็กน้อยและถามว่า “องค์รัชทายาท หากข้าน้อยออกไปแล้ว ท่านเพียงพระองค์เดียว…” ฉินซูตอบอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่ว่าเจ้ามิรู้ถึงพลังของข้า จะกังวลอะไรอีก” ตงฟางไป๋หัวเราะอย่างจริงใจ “นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นข้าน้อยที่คิดมากไปเอง” ตอนนี้เอง สายตาของฉินซูเย็นเยียบในฉับพลัน มือใหญ่ของเขาคว้าออกกลางอากาศโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า! “ปัง!” ประตูถูกกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชายคนหนึ่งถูกฉินซูบีบคอไว้อย่างแน่นหนา! ชายผู้นี้คิ้วโก่งและตาเหมือนหนู มองปราดเดียวก็รู้ว่ามิใช่คนดี หลังจากถูกฉินซูบีบคอ เขาตกใจจนหน้าซีด แววตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ฉินซูตะคอกถามว่า “เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ?” “ข้า… แค่ก ๆ…” ชายผู้นั้นพูดอย่างยากลำบาก ยังมิทันพูดจบประโยค ใบหน้าก็แดงก่ำฉินซูคลายมือเล็กน้อย ชายคนนั้นถึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง หลังจากตั้งสติได้ เขาพูดด้วยใบหน้าขมขื่นว่า “องค์รัชทายาท ข้าน้อยแค่ผ่านม

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 620

    ฉงชูโม่มองซ้ายขวาแล้วกล่าว “บางทีอาจจะกลับค่ายทหารไปแล้วกระมัง เขาเป็นคนของอ๋องฉู่ การที่เห็นท่านสร้างความดีความชอบ คงรู้สึกมิพอใจอยู่บ้าง มิใช่เรื่องแปลกเพคะ”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”ฉินซูเหลือบมองเหล่าทหารที่กำลังกินดื่มอย่างสำราญ จึงเอ่ยถาม “เจ้าคงมิได้ให้ทหารทั้งหมดเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยกระมัง?”“มิได้เพคะ นี่เป็นเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือล้วนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่ป่านนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีข่าวคราวมาจากทางคลังอาวุธเล่า?”ฉินซูขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติฉงชูโม่จึงสั่งทหารข้างกาย “เจ้าจงไปดูลาดเลาที่คลังอาวุธทีว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่”“ขอรับ!”ทหารผู้นั้นรีบเร่งไปยังทิศทางคลังอาวุธมินานนัก เขาก็กลับมา“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ที่คลังอาวุธเป็นปกติดีขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่จึงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น“แปลกจริง เป็นไปได้อย่างไรที่เติ้งหม่างจะอดทนได้ถึงขั้นนี้ มิส่งคนมาขโมยธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า?”“เป็นไปมิได้ เขารู้ว่าคืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย การป้องกันเมืองจึงหย่อนยานลง หากเขามิมาในคืนนี้ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 619

    หูก่วงเซิงหัวเราะเยาะ “ลำพังพวกเจ้าเพียงหยิบมือนี้น่ะหรือ? หึ ๆ ช่างประมาณตนสูงเสียจริง!”กำแพงเมืองเจียวโจวสูงหกถึงเจ็ดจั้ง เขามิคิดว่าหม่าเวยและคนเหล่านี้จะสามารถปีนขึ้นไปได้หม่าเวยกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “อย่างน้อยก่อนที่จะปะทะเข้ากับพวกเจ้า พวกเราก็ยังคงมั่นใจมากทีเดียว”“ฮ่า ๆ พวกโง่เขลาเอ๋ย เอาเถอะ ในเมื่อความดีความชอบมาประเคนให้ถึงปากประตูแล้ว มิรับไว้คงน่าเสียดายแย่ ใครก็ได้!”“ขอรับ!”“ปิดปากพวกมันทั้งหมด แล้วส่งคนสองสามคนไปเฝ้าพวกมันในป่าให้ดี!”“ท่านแม่ทัพหู ในเมื่อพวกมันเป็นสายสืบของหนานเยวี่ย ไฉนมิควบคุมตัวพวกมันกลับเมือง ไปส่งให้ท่านแม่ทัพใหญ่จัดการเล่าขอรับ?”หูก่วงเซิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “นำคนกลับไปยามนี้ แล้วพวกเราจะลอบโจมตีกองทัพหนานเยวี่ยต่อหรือไม่?”“จริงด้วย พวกมันถูกพวกเรามัดไว้แล้ว ไม่มีทางหลบหนีไปได้ ส่งคนไปเฝ้าพวกมันไว้ก็พอ รอจนกระทั่งพวกเราได้ชัยกลับมา ค่อยคุมตัวคนพวกนี้กลับเมือง เช่นนี้จะได้ความดีความชอบเพิ่มขึ้นอีกอย่างไรเล่า!”ดวงตาของหม่าเวยกลอกไปมา เอ่ยปากกล่าว “ท่าน… ท่านแม่ทัพหู ท่านแน่ใจหรือว่าจะลอบโจมตีกองทัพหนานเยวี่ยของพวกเรา?”“หากเป็นเช่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status