"เฮ้อ… สาวน้อยเป่ยเยี่ยน เจ้าดูจะตื่นเต้นมิน้อยเลย เจ้าคงมิได้คิดว่าแค่ชนะพวกเขา จะเท่ากับชนะทั้งวงการวรรณกรรมของแผ่นดินต้าเหยียนหรอกใช่หรือไม่?" เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นสอง มองลงมายังมู่หรงจื่อเยียนจากมุมสูง ชายผู้นั้นดูมีอายุราวสามสิบกว่า ร่างกำยำบึกบึน กล้ามเนื้อแขนแข็งแกร่ง ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ที่ฝึกฝนตนอย่างชำนาญ ฉงชูโม่ที่อยู่ตรงข้ามก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเขา นางรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง ด้วยความสงสัย นางจึงลุกขึ้นยืนแล้วแอบมองไปที่หน้าต่างฝั่งตรงข้าม ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ “เป็นเขานี่เอง! เขาก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?” เซี่ยหลานที่สังเกตเห็นชายร่างใหญ่ที่อยู่หน้าต่างอีกฟากเช่นกัน จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ชูโม่ ชายร่างใหญ่คนนั้นเป็นใครกัน เจ้ารู้จักเขาหรือ?” ฉงชูโม่มิได้ตอบคำถามในทันที นางใช้ดวงตาคู่งามกวาดมองด้านหลังของชายร่างใหญ่คนนั้น ราวกับกำลังมองหาใครบางคน ขณะเดียวกัน มู่หรงจื่อเยียนที่อยู่ชั้นล่างก็จ้องชายร่างใหญ่คนนั้น ก่อนจะกล่าวอย่างดูถูก "หึ สาวน้อยเช่นข้าชนะบัณฑิตแห่งต้
เซี่ยหลานยิ่งมิอยากเชื่อเข้าไปใหญ่ ในความคิดของนาง องค์รัชทายาทฉินซูเป็นเพียงคนโง่ไร้การศึกษา เอาแต่หลงมัวเมาในสุราและนารี จะให้นางเชื่อว่าประโยคกลอนนี้เป็นของฉินซู นางยอมเชื่อเสียเองว่าตัวนางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งหลงเฉิงยังง่ายเสียกว่า เรื่องนี้เป็นไปมิได้เลยฉงชูโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "จากที่ข้าได้รู้จักองค์รัชทายาทช่วงนี้ ข้ามิแปลกใจเลยหากเขาจะสามารถคิดกลอนประโยคที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้""มิจริงหรอก ชูโม่… เจ้าคงถูกองค์รัชทายาทล่อลวงเสียแล้ว ถึงได้เข้าข้างเขาเช่นนี้" เซี่ยหลานมองชูโม่อย่างประหลาดใจ ราวกับนางมิเคยรู้จักสหายของตัวเอง ขณะเดียวกัน "ตงฟางไป๋" ก็เยาะเย้ยขึ้นว่า "อย่างไรเล่า? พวกเจ้าชาวเป่ยเยี่ยนที่เมื่อกี้ทำเป็นกร่าง ตอนนี้กลับต่อกลอนที่คุณชายข้าคิดขึ้นมามิได้แล้วรึ?" มู่หรงจื่อเยียนเริ่มร้อนใจ หันไปกระซิบถามเหล่าบัณฑิตที่มาด้วย "พวกเจ้าคิดกลอนประโยคต่อไปออกหรือยัง? บอกข้ามาเร็ว!" เหล่าบัณฑิตมองหน้ากันไปมา แต่ทุกคนกลับส่ายหัวพร้อมกันอย่างมิเต็มใจ"พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ!" มู่หรงจื่อเยียนตะโกนอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากหนาน
เงาฝ่ามือยังมิทันตกลงมา แต่กระแสลมจากพลังฝ่ามือก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว หนานกงจื่อชินหรี่ตาลงทันที ก่อนจะคว้าตัวมู่หรงจื่อเยียนให้หลบไปอยู่ด้านหลัง และในขณะเดียวกันก็เร่งลมปราณขึ้นมาก่อนจะส่งฝ่ามือออกไปเพื่อรับมือกับพลังนั้น"ปัง!!"กระแสลมปราณระเบิดออกอย่างรุนแรง ทำให้กลุ่มคนจากแคว้นเป่ยเยี่ยนต่างกระเด็นลอยออกไปทุกทิศทาง! แม้แต่หนานกงจื่อชินเองก็ยังมิสามารถควบคุมร่างกายได้ เขาถูกแรงกระแทกจนลอยไปชนกับโต๊ะไม้ด้านหลังอย่างแรง"โครม!!"โต๊ะไม้ถูกทุบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ส่วนหนานกงจื่อชินก็ถูกถูกซากไม้ทับร่างอยู่ในกองเศษไม้ เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างมองขึ้นไปยังชั้นสองด้วยความตกตะลึงมู่หรงจื่อเยียนเมื่อได้สติ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปประคองหนานกงจื่อชินด้วยความร้อนใจ นางถามด้วยความกังวล "พี่จื่อชิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?" "ข้ามิ..." หนานกงจื่อชินยังพูดมิทันจบ ก็รู้สึกว่าพลังลมปราณภายในร่างพลุ่งพล่านมิหยุด สุดท้ายก็รู้สึกคาวในลำคอ เลือดสด ๆ คำหนึ่งไหลออกมาจากมุมปากอย่างมิอาจควบคุมได้"พี่จื่อชิน!!" มู่หรงจื่อเยียนตกใจจนแทบสิ้นสติ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นกลัว คนที่สามารถทำร้ายหนานกงจื่อชิ
“ดีเลย อยากจะตบหม่อมฉันสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือสิ หม่อมฉันฉงชูโม่ หากกะพริบตาแม้แต่นิดเดียว ถือว่าท่านชนะ!” ฉงชูโม่พูดอย่างแน่วแน่ พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉินซูเห็นใบหน้าสวยงามน่าทะนุถนอมตรงหน้า สมองพลันร้อนวูบ เขายื่นปากเข้าไปจุมพิตเบา ๆ หนึ่งที“!!!” ฉงชูโม่เบิกตาโต ใบหน้าอ่อนหวานเต็มไปด้วยความมิเชื่อ หลังจากนั้น นางก็สะบัดมือตบออกไปโดยสัญชาตญาณ!“เพียะ… ครืน… โครม!!”ฉินซูถูกนางตบจนลอยทะลุหน้าต่างอีกฝั่ง แล้วร่วงลงมาจากชั้นสองของโรงสุรา“องค์รัชทายาท!!” พี่น้องตระกูลตงฟางหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ รีบกระโดดจากหน้าต่างตามลงไปเซี่ยหลานเองก็ตกตะลึง รีบวิ่งมาหาฉงชูโม่ พลางยกนิ้วโป้งให้“ชูโม่ ทำได้ดีมาก ข้ารู้สึกสะใจเหลือเกินที่เห็นองค์รัชทายาทจอมเจ้าชู้ถูกซัดเยี่ยงนี้!”ฉงชูโม่พูดด้วยความเสียใจ “เมื่อครู่ข้าเผลอใช้พลังเต็มที่ไปหน่อย!”“ว่ากระไรนะ!!” เซี่ยหลานหน้าซีดเผือด หัวใจนางเต้นมิเป็นจังหวะฉงชูโม่มีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน ทั้งเมืองยอมรับว่าเป็นรองเพียงเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง แล้วองค์รัชทายาทที่อ่อนแอเช่นนั้นจะทนต่อการตบเต็มแรงของนางไหวได้อย่างไร จะมิตายคาที่หรอกหรือ!?เซ
เมื่อเห็นฉงชูโม่หัวเราะอย่างมีความสุขจนตัวสั่นไปทั้งร่าง ฉินซูก็ถึงกับกลอกตาและเริ่มบ่นออกมา "เจ้าตบข้าจนตกจากชั้นสองแล้ว ยังจะมีหน้ามาหัวเราะได้อีก มิรู้สึกผิดบ้างเลยหรือ?""หึ! ท่านสมควรโดนแล้ว ว่าแต่ เหตุใดท่านถึงมิเป็นอะไร?" ฉงชูโม่เอ่ยด้วยความสงสัยในใจเพราะก่อนหน้านี้ นางจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่ลงมือ นางมิได้ออมแรงไว้แม้แต่น้อยปกติแล้วจอมยุทธ์ทั่วไป หากโดนนางตบไปขนาดนี้ ต่อให้มิตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส แต่ฉินซูตอนนี้กลับมีเพียงรอยฝ่ามือแดงก่ำที่แก้ม และบวมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือว่า ฉินซูจะแอบซ่อนฝีมือไว้ แสร้งทำตัวเป็นหมูอ่อนแอ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเสือซ่อนเล็บ?ฉงชูโม่คิดในใจอย่างระแวงมากขึ้น ขณะมองฉินซูด้วยสายตาสงสัยฉินซูทำท่าโกรธแล้วพูดว่า "ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า การที่ข้ามิเป็นอะไรนี่ ดูเหมือนเจ้าจะผิดหวังมากเลยนะ อย่างนี้เจ้าคงอยากจะฆ่าข้าให้ตายจริง ๆ ล่ะสิ เจ้าคิดหรือว่าจะรับโทษฐานปลงพระชนม์องค์รัชทายาทไหว?"ฉงชูโม่รีบแจง "หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนั้น หม่อมฉันแค่แปลกใจ เหตุใดท่านถึงมิเป็นอะไรเลย ในเมื่อตอนตบ ข้าใช้ลมปราณไปด้วย""เจ้าน่าจะจำผิดแล้วล่ะ หากเจ้าใช้
เพราะเซี่ยเหอปู่ของนาง นับตั้งแต่ที่ฉินซูได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท เขาได้ยื่นฎีกาต่อหน้าธารกำนัลมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อถอดถอนฉินซู และเสนอให้แต่งตั้งอ๋องฉีเป็นองค์รัชทายาทแทนหากฉินซูได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิคืนมา คนแรกที่เขาต้องจัดการต้องเป็นปู่ของนางอย่างแน่นอน!เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยหลานก็มิได้มีท่าทีแข็งกระด้างแล้วและฝืนยิ้มด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง“โอ้ องค์รัชทายาท หม่อมฉันเพียงแค่เย้าเล่นเท่านั้น จะทรงจริงจังอะไรถึงเพียงนั้นเล่าเพคะ จริง ๆ เลย มาเพคะ ให้หม่อมฉันตรวจดูหน่อยว่าท่านบาดเจ็บที่ใดหรือไม่”เซี่ยหลานนั่งยอง ๆ ข้างฉินซูพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงเริ่มตรวจร่างกายให้อีกฝ่ายฉินซูที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสตรีงามทั้งสองมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับรู้สึกมีความสุขในเวลานี้ทั้งเซี่ยหลานและฉงชูโม่ต่างก็ก้มตัวลงมา โดยมีความงามที่ไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏอยู่ใต้คออันนวลเนียนฉินซูส่งเสริมหลักการที่ว่า หากจะมิมองก็น่าเสียดาย เขาจึงเหลือบมองเป็นครั้งคราวเซี่ยหลานกำลังยุ่งอยู่กับการตรวจร่างกายของฉินซู จึงมิทันสังเกตเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขาฉงชูโม่ตระหนักรู้ดีว่ามีบางอย่
“ชูโม่ พระ… พระองค์คงมิได้แกล้งทำใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินซูกระอักเป็นเลือด เซี่ยหลานก็พูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกแต่ในขณะเดียวกัน นางก็กังวลว่านี่อาจเป็นกลอุบายของฉินซู ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามฉงชูโม่หันกลับมาโดยมิพูดอะไร พร้อมกับพุ่งมาหาฉินซูและคว้าข้อมือของอีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียวจากนั้นนางก็ใช้วิชายุทธ์อย่างเงียบ ๆ และปราณบริสุทธิ์ก็ซึมผ่านข้อมือของฉินซูเข้าไปหลังจากนั้นมินาน สีหน้าของฉงชูโม่ก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังเพราะนางตรวจพบว่า ลมปราณในร่างกายของฉินซูนั้นผิดปกติเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันนางก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของฉินซูซีดลงกว่าเดิมนางถามด้วยความมิอยากเชื่อ “ท่านได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!”“ถามมาได้ เมื่อครู่ใครตบข้าจนร่วงเล่า… แค่ก แค่ก...”ฉินซูพูดได้เพียงครึ่งประโยคก่อนที่เขาจะที่จะไออีกครั้งเขามิได้เสแสร้ง ด้วยกลัวว่าจะถูกเปิดเผยว่าตนเป็นจอมยุทธ์ ดังนั้นตอนที่ฉงชูโม่ตบเขาที่โรงเตี๊ยมเมื่อครู่ เขามิได้ต่อต้าน แต่ใช้กายเนื้อเพื่อรับแรงตบเนื่องจากกำลังภายในของฉงชูโม่ถูกใช้หมดแล้ว ฉินซูจึงได้รับบาดเจ็บภายในมานิดหน่อย แต่ก็มิได้เบาหรือสาหัสอะไรฉงชูโม่
“ที่ท่านนำยาพิษออกมาก็เพื่อให้พวกเรากินมันเข้าไปรึ?!”ซุยฮ่าวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ “ถูกต้อง แต่พวกเจ้ามิต้องกังวลมากเกินไปหรอก พวกนี้เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ตราบใดที่กินยาแก้พิษเป็นระยะ ๆ ก็จะไม่มีทางตายเพราะพิษ”“คุณชายซุย แม้ข้าต้องการจะทำอาชีพขุนนางอย่างสดใส ทว่าหากต้องกินยาพิษและถูกควบคุมโดยคนอื่น ชาตินี้ข้าก็มิอยากเป็นขุนนางแล้ว”“ข้าก็เช่นกัน หากมิมีอิสระ ข้าก็ขอไปอยู่อย่างสันโดษในป่าในเขาดีกว่า”“ข้าเองก็มิเอาด้วย ขอลา!”ขณะพูด คนส่วนใหญ่ก็พากันหันหลังกลับซุยฮ่าวยิ้มเย็นพลางพูดว่า “มาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าคิดว่าจะออกไปได้หรือ?”พูดจบ หน้าต่างบนชั้นสามก็ถูกใครบางคนเปิดออกหลังจากนั้น ชายฉกรรจ์หลายคนก็กระโดดลงมาจากชั้นบนและขวางทางเหล่าบัณฑิตเมื่อเห็นดาบใหญ่แวววาวในมือของอีกฝ่าย บรรดาบัณฑิตทั้งหลายก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว มิกล้าแม้แต่จะหายใจซุยฮ่าวไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วพูดอย่างใจเย็น “ข้าว่าพวกเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปกระมัง ที่ข้าให้พวกเจ้ากินยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าชนิดนี้ก็เพื่อให้พวกเจ้าเชื่อฟังมากขึ้นและมิทรยศตระกูลซุย ตราบใดที่พวกเจ้าเชื่อฟัง ข้ารับประกันว่ามิเพียงชีวิ
ฉินซูโบกมือแล้วตะโกนสั่งกับทหารผู้นั้น "ไป นำตัวตวนมู่หาให้ข้า!"“รับพระบัญชา!”ทหารผู้นั้นรับคำอย่างนอบน้อมแล้วนำคนอีกสองคนเดินอย่างรวดเร็วไปยังคุกเพียงชั่วครู่ ตวนมู่ก็ถูกนำตัวมาในตอนนี้ เขาถูกใส่โซ่ตรวนที่มือและเท้า ดูคล้ายกับนักโทษอย่างไรอย่างนั้นฉินซูเลิกคิ้ว พลันถามว่า "ตวนมู่ ข้าได้ยินมาว่า ทั่วป๋าชื่อสั่งให้เจ้าฆ่าข้า มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?"ตวนมู่กวาดสายตามองสถานการณ์ภายในลาน เมื่อเห็นเศษแขนขาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ม่านตาของเขาก็หดตัวในฉับพลันความคิดในหัวของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว มินานก็วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าได้เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงรีบเอ่ยตอบ "องค์รัชทายาท เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงมิทำตามคำสั่งของเขา?”“องค์รัชทายาท ท่านคือรัชทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งแผ่นดิน หากลงมือกับท่านก็เท่ากับการก่อกบฏ เป็นที่สาปแช่งทั้งฟ้าดิน ข้าน้อยยอมตายเสียดีกว่าทำเรื่องที่ไร้ความจงรักภักดีและอกตัญญูเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”คำพูดของตวนมู่แฝงความมิจริงใจอยู่บ้าง แต่เขารู้ดีว่าบัดนี้ฉินซูได้กุมอำนาจในสถานการณ์นี้ไว้แล้วดังนั้นหากมิแสดงความจงรักภักดีเสียตอนนี้แล
ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่พูดมิกี่คำก็สามารถทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนหันดาบมาทำร้ายตนได้ นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง!อูมู่โกรธจนตัวสั่น เขาตะโกนสั่งกลุ่มพลธนูของเขาว่า "ยิงธนู ฆ่าพวกทรยศพวกนี้ให้หมด!"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!ลูกธนูนับสิบพุ่งทะลวงกลางอากาศไปอย่างรวดเร็วทหารที่ทรยศเหล่านั้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกยิงจนเต็มไปด้วยลูกธนูล้มลงไปนอนในแอ่งเลือดอูมู่ตวาดลั่น "เห็นหรือยัง นี่คือจุดจบของคนทรยศ ใครกล้าชี้ดาบใส่คนในเผ่าตนอีก ข้าจะฆ่ามันมิปรานี!"เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าทหารก็พากันหวาดกลัวจนมิกล้าขยับตัว“นี่ ข้ามอบของดีให้พวกเจ้า!”เสียงหัวเราะเย้ยหยันของฉินซูดังขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็โยนบางสิ่งไปยังตำแหน่งของกลุ่มพลธนูเหล่านั้นอูมู่ซึ่งมีปฏิกิริยารวดเร็ว คว้ามันไว้ในมือทันที!เมื่อมองดูชัด ๆ จึงพบว่ามันคือลูกเหล็กกลม ๆ ลูกหนึ่ง!ปลายด้านบนของลูกกลมยังคงพ่นควันโชยออกมาเขามองดูสิ่งของแปลกประหลาดในมือ และกำลังจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนสงสัยแต่ยังมิทันที่จะได้ถาม ก็ได้ยินเสียง…ตูม เสียงครึกโครมดังสนั่น ลูกกลมในมือของอูมู่ระเบิดอย่างรุนแรง!ร่างของอูมู่ถูกระเบ
ถานเหวยโกรธจนกัดฟันกรอด พลันตะโกนด่าด้วยความโมโห "ทั่วป๋าชื่อ เจ้านี่ช่างบ้าบิ่น การลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทคือโทษประหารล้างชั่วโคตร! หากพวกเจ้ากล้าก่อเรื่องในวันนี้ ก็จงรอรับมือกองทัพจากราชสำนักที่จะมากวาดล้างพวกเจ้าทั้งเผ่าโครยอให้สิ้นซากได้เลย!”“หึ ในเมื่อข้ากล้าลงมือ ข้าก็เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เจ้าคิดว่ามีใครในพวกเจ้าในวันนี้จะหนีรอดไปได้หรือ?”อูมู่ยังหัวเราะเยาะหยัน "เพียงแค่พวกเราฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด องค์จักรพรรดิจะมีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา?"“ใช่แล้ว แถบพื้นที่ฉงซานมีสัตว์ร้ายอาละวาดหนัก ถึงตอนนั้นทุกคนคงคิดว่ารัชทายาทผู้ตกอับถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย ใครเล่าจะสงสัยมาถึงพวกเราชนเผ่าโครยอ?”กานรุ่ยสีหน้าเคร่งขรึม และเอ่ยเสียงเบา "องค์รัชทายาท พวกเขาพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ เมื่อพวกเขากล้าลงมือ แสดงว่าต้องวางแผนไว้อย่างรัดกุมแล้ว อีกเดี๋ยวท่านโปรดหาโอกาสหลบหนี พวกเราจะยอมสละชีวิตเพื่อเปิดทางให้เองพ่ะย่ะค่ะ"หลังจากพูดจบ เขาก็ชักดาบออกจากฝักเหล่าทหารที่ติดตามต่างก็ชักกระบี่ออกมาเช่นกันด้วยท่าทีพร้อมสละชีวิตทั่วป๋าชื่อตะโกนเสียงดัง "ฉินซู ยังมิรีบปลิดชีพตนอีกรึ จ
“ดวนมู่ เจ้าคิดมากเกินไป หากทุกคนเหมือนเจ้า คอยแต่ลังเลเช่นนี้ แล้วจะสร้างความสำเร็จได้อย่างไร!”“ถูกต้อง หากมิทำการรวดเร็วเด็ดขาด เราชาวเผ่าโครยอจะต้องรออีกนานเพียงใดจึงจะฟื้นฟูชนเผ่าของเราได้ พวกเรารอมาหลายสิบปีแล้ว จะให้รอไปอีกหลายสิบปีหรือ?”ตวนมู่ยังคิดจะโต้แย้ง แต่ในตอนนั้นทั่วป๋าชื่อก็พลันโบกมือขัดจังหวะด้วยท่าทีแน่วแน่!“หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ในเมื่อพวกเราตัดสินใจจะร่วมมือกับท่านผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นเราก็ต้องแสดงความจริงใจ มิเช่นนั้นจะเอาอะไรไปต่อรองในภายหลัง”หลี่ว์ชุ่นและอูมู่เอ่ยพร้อมกันว่า "ท่านหัวหน้าฉลาดล้ำ!"เมื่อเห็นว่าทั่วป๋าชื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตวนมู่จึงได้แต่ถอนหายใจและมิพูดอะไรอีกทั่วป๋าชื่อสั่งหลี่ว์ชุ่น รีบรวบรวมทหารทั้งหมด รวมตัวกันที่ลานฝึกซ้อม ข้าจะให้รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดนั้นได้เห็นถึงความเก่งกาจของเผ่าเรา!""ขอรับ!"หลี่ว์ชุ่นรับคำสั่งด้วยความเคารพก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็วอูมู่พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม "ท่านหัวหน้า สตรีที่ติดตามเจ้าชายนั้นดูเหมือนจะมีฝีมือมิธรรมดา ข้าจะนำกองพลธนูไปจับตาดูนางเป็นพิเศษ""ดีมาก ไปเถอะ!"อูมู่โค้งคำนับแล้วจึงเดินออ
หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็หยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมากินขณะที่เขากำลังจะเอามันเข้าปาก ถานเหวยก็รีบเตือน "องค์รัชทายาท เกรงว่าทั่วป๋าชื่ออาจจะเล่นตุกติกกับอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ โปรดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“หากทั่วป๋าชื่อหาญกล้าเช่นนั้น ตอนที่ถูกข้าดูหมิ่นเมื่อครู่ เขาคงสั่งให้ทหารสองหมื่นนายของเขาลงมือไปแล้ว”ฉินซูพูดพลางเริ่มกินอย่างมิสนใจใบหน้าของถานเหวยเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ คิดในใจว่าองค์รัชทายาทประมาทเกินไป จึงรีบหันไปส่งสายตาให้กู้เสวี่ยเจี้ยนกู้เสวี่ยเจี้ยนเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ "ไม่มีพิษ สบายใจได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ถานเหวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้ดีว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หากมีพิษในอาหาร ต้องไม่มีทางรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางไปได้แน่หลังจากนั้น ถานเหวยและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกินตามเช่นกันพวกเขากินดื่มอยู่ข้างลานฝึกทหารพลางมองดูเหล่ากองทหารของชนเผ่าโครยอฝึกซ้อมประจำวันฉินซูเดาะลิ้นแล้วเอ่ยชมเชย "ทหารโครยอเหล่านี้ช่างมิธรรมดาจริง ๆ แต่ละคนล้วนแข็งแรงกำยำ ทั้งยังมีทักษะธนูที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย"“ใช่แล้ว ดูจากการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั่วป๋าชื่อก็เหลือบมองฉินซูอย่างสงสัยในใจเขาเต็มไปด้วยความฉงน มิเข้าใจว่าการกระทำของฉินซูมีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือเขาจะคิดว่าตนกำลังวางแผนกบฏ ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงให้เขานำกองทหารมาปราบปราม?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วป๋าชื่อก็รีบร้อนอธิบาย "องค์รัชทายาทกล่าวเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทหารของพวกเราเหล่านี้จะนับเป็นกองทหารมีฝีมือได้อย่างไร ก็แค่กลุ่มคนหนุ่มที่รวมตัวกันเองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเผ่าเท่านั้น เพราะเมื่อคนมากขึ้น ความขัดแย้งก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย”“จะเป็นกองกำลังฝีมือดี หรือเป็นแค่กลุ่มที่รวมตัวกันเองก็ตามที วันนี้ตัวข้าก็อยากจะดูสักหน่อย หัวหน้าทั่วป๋าผลัดข้ออ้างไปมา หรือว่าเจ้ามีอะไรบางอย่างที่มิอยากให้ข้ารู้?”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ หากองค์รัชทายาทต้องการชม เช่นนั้นก็เชิญเสด็จไปที่ลานฝึกทหารเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทั่วป๋าชื่อพูดพลางทำท่าทางเชื้อเชิญด้วยความสุภาพ แล้วจึงนำคณะของฉินซูไปยังลานฝึกทหารลานฝึกนั้นมีขนาดกว้างขวาง อุปกรณ์ฝึกซ้อมต่าง ๆ ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครันในลานยังมีคนจำนวนมิน้อยกำลังฝึกซ้อมอยู่ทั่วป๋าชื่อทำใจดีสู้เสือพลางเอ่ย "เหล่าคนหน
ทั่วป๋าชื่อคิดว่าตนเองปกปิดมันไว้อย่างดีแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า ฉินซูมองเห็นเจตนาสังหารในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจนฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าออกจากอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อพ้นจากพันธนาการ ทั่วป๋าชื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยการพยุงของเหล่าผู้นำผู้นำคนหนึ่งกระซิบข้างหูทั่วป๋าชื่อ "ท่านหัวหน้า องค์รัชทายาทหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีบางสิ่งในมือเป็นที่พึ่งพา มิแน่ว่าทัพหลวงของราชสำนักอาจซุ่มอยู่รอบ ๆ นอกเผ่า ขอเพียงเรายอมถอยก่อน ย่อมมิเสียเปรียบ”สีหน้าของทั่วป๋าชื่อเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้าเบา ๆจากนั้นเขาก็นำบรรดาผู้นำเหล่านั้นคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูด้วยความเคารพนอบน้อม“ข้าน้อยขอคารวะองค์รัชทายาท”เหล่าทหารรักษาการณ์และชาวบ้านที่ผ่านไปมาก็รีบคุกเข่าตามเช่นกันฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา แต่มิได้สั่งให้พวกเขาลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฉินซูจงใจทำให้ตนอับอาย ทั่วป๋าชื่อก็ก้มศีรษะต่ำลงอีกเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นบรรดาผู้นำที่อยู่ข้างหลังเขากัดฟันคำนับแก่ฉินซูถานเหวยมองเจตนาของฉินซูออก จึงพูดกับทั่วป๋าชื่ออย่างเย็นชา "ทั่วป๋าชื่อ เจ้า
เมื่อบ้วนออกมา ปรากฏว่าเป็นเศษฟันหลายซี่!ทั่วป๋าชื่อโกรธจนตัวสั่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ฉินซูก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของเขาไว้!"ท่านหัวหน้า!!"หลังจากที่เหล่าผู้นำได้สติกลับมา พวกเขาทั้งหมดก็ชักดาบออกมาทันทีและจ้องมองไปยังฉินซูด้วยสายตาดุร้าย!เหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมืองเห็นเหตุการณ์ก็ชักอาวุธเตรียมพร้อมทันทีเช่นกันเมื่อเห็นเช่นนี้ ถานเหวยก็ตะโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด "บังอาจ! กล้าชักดาบต่อหน้าองค์รัชทายาท พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ต้องการก่อกบฏรึ?"ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยเสียงหนักแน่น "ใต้เท้า พวกเรามิได้ตั้งใจหาเรื่อง แต่องค์รัชทายาทเป็นฝ่ายลงมือก่อน!"“ใช่แล้ว รีบปล่อยหัวหน้าของพวกเราเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเรามิเกรงใจ!"ฉินซูแสยะยิ้มเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้ว่าดาบของพวกเจ้าจะเร็ว หรือเท้าของข้าจะไวกว่า!"เมื่อพูดจบ เขาก็เพิ่มแรงกดเท้าลงไปอีกทันใดนั้นก็มีเสียง กร๊อบ ดังขึ้นจากกระดูกหน้าอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ บรรดาผู้นำต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าหวาดหวั่น และรีบยอมแพ้ในทันที“องค์รัชทายาท หากมีอะไ
ทั่วป๋าชื่อหันไปถามทหารคนเดิม "รัชทายาทไร้ประโยชน์นั่นพาคนมาเท่าใด?""ท่านหัวหน้า พวกเขามากันเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น!”“ว่ากระไรนะ แค่สิบกว่าคน?”“ขอรับ อีกทั้งคนที่ติดตามมาด้วยก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จากอำเภอฉงซาน หลายคนยังเป็นหน้าเดิมที่เคยเห็นกันอยู่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทั่วป๋าชื่อก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า! รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นช่างกล้าจริง ๆ! แค่สิบกว่าคนก็กล้าบุกเข้ามาในชนเผ่าโครยอของข้า คิดว่าชนเผ่าโครยอของเรายังอ่อนแอเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนหรืออย่างไร!”ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ท่านหัวหน้า รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นกล้ามาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องมีอะไรให้พึ่งพาอยู่เป็นแน่ เราอย่าประมาทเลย"ทั่วป๋าชื่อโบกมือไปมา เอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “หึ ๆ เขาเป็นแค่รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด จะมีอะไรให้พึ่งพาได้!"“ท่านหัวหน้า ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้รัชทายาทเปลี่ยนไปมาก เมื่อมินานมานี้ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เขายังสามารถเอาชนะบัณฑิตของเป่ยเยี่ยนได้อย่างหมดจด แม้แต่ขุนนางอาวุโสของสำนักหอสมุดหลวงแห่งเป่ยเยี่ยนก็ยังแพ้ให้เขา"“เจ้าคิดมากไปแล้ว! เ