หลิ่วหรูเยียนมองหลี่หลงหลินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย: “องค์รัชทายาทพูดแบบนี้ อาจจะหลอกเด็กๆ ได้ แต่ข้าเคยลิ้มรสความเย็นชาของคน ได้เห็นความโหดร้ายในโลกใบนี้มาแล้ว…” หลี่หลงหลินนิ่งอึ้งไป ถูกจับได้หรือ? น่าอายจริงๆ! ก็จริงอยู่ มีแต่ซูเฟิ่งหลิงเด็กโง่นั่นเท่านั้น คนที่มีความรู้สึกแรงกล้าในความยุติธรรม มักจะเชื่อในคำพูดที่ดูสูงส่งและมีคุณธรรม ซึ่งหลิ่วหรูเยียนไม่เชื่อ หลี่หลงหลินเกาศีรษะของตนเอง ด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย: “หมายความว่า พี่สะใภ้สี่ไม่ต้องการทำให้มือตนเองแปดเปื้อน ช่วยข้าสร้างเรื่องหลอกลวงและใส่ความซ่งชิงหลวนใช่หรือไม่?” “ไม่ใช่” หลิ่วหรูเยียนส่ายหัวเล็กน้อย แววตาเป็นประกาย: “องค์รัชทายาทไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรทั้งนั้น! เพียงแค่พระองค์สั่งการ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ข้าก็จะทำ” ภาพเหตุการณ์นอกศาลาริมทาง ผุดขึ้นในห้วงความคิดของนาง หลี่หลงหลินจับมือที่สั่นของนางแล้วแทงมีดไปที่หัวใจของโจวซิง! เขาคือองค์รัชทายาท เพื่อตนแล้ว เขายอมทำให้มือตนเองสกปรก แล้วตัวนางเองล่ะ? หลี่หลงหลินแสดงสีหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษด้วย ที่ทำให้เจ้าต้องทำเรื่องไม่ดี” หลิ่วห
นับพันปีมาแล้ว ตระกูลกงซูยังคงยึดมั่นในการประดิษฐ์และพัฒนาวิทยาการ ในนั้นมีความคิดที่น่าทึ่งมากมาย! เช่น วัวไม้และม้าไหลที่ไม่ต้องใช้แรงคน ก็สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง หรือเช่น นกไม้ที่สามารถบินอยู่บนฟ้าได้นานสามวันโดยไม่ตกลงมา เพราะผู้มีอำนาจไม่ให้ความสำคัญ ทำได้เพียงเก็บไว้บนหิ้งสูง สุดท้ายก็ต้องประสบชะตากรรมดั่งไข่มุกที่ถูกฝุ่นจับ จนสูญหายไปในที่สุด หลี่หลงหลินทำสีหน้าจริงจัง มองไปที่หน้าอกของกงซูหว่าน: “วิทยาการต้องพัฒนา! การต่อสู้ทางการเมืองก็ต้องมี! ต้องทำทั้งสองอย่างให้แข็งแกร่ง! เพียงแค่นี้ วิทยาการที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ถึงจะไม่ถูกละเลย นำมาซึ่งแคว้นที่มั่งคั่งและประชาชนที่เข้มแข็ง!” “ให้เจ้าดูแลเรื่องวิทยาการ ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองให้ข้าจัดการ!” กงซูหว่านกำหมัดแน่น มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาลึกล้ำ: “ดี! แต่ข้ายังต้องเตือนพระองค์สักหน่อยว่า ความรักคือมีดที่คม…” “อ๊ะ?”หลี่หลงหลินตกใจ: “ความรัก? ข้ามีหรือ?”กงซูหว่านไม่ใช่คนโง่ตรงกันข้าม นางเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอย่างยิ่งนางแน่ใจว่าบรรยากาศในตระกูลซูเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่สะใภ้ใหญ
วันถัดมา ตามถนนใหญ่ตรอกซอยต่างๆ ในเมืองหลวง บรรดาเด็กขายหนังสือพิมพ์ถือหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเร่ขายไปทุกหนทุกแห่ง นี่คือความคิดของหลี่หลงหลิน ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว ผู้คนเริ่มเตรียมของใช้สำหรับปีใหม่ ประชาชนในเมืองหลวงย่อมไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังมีเงินอยู่ในมือ แต่ผู้อพยพนอกเมืองกว่าแสนคนล่ะ? เหล่าผู้อพยพต่อสู้กันอย่างเต็มที่เพียงเพื่อมีชีวิตรอด ขอเพียงแค่ผ่านพ้นปีนี้ไปได้ รอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ก็จะได้กลับบ้านเกิดแล้ว ถึงตอนนั้นชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ การจะผ่านปีไปได้นั้นเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงไปหาลั่วอวี้จู๋ และบอกความคิดของเขาว่าจะรับเด็กๆ จากกลุ่มผู้อพยพมาขายหนังสือพิมพ์ แจกจ่ายเครื่องแต่งกายแบบเดียวกันให้พวกเขา ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันความหนาวเย็นและให้ความอบอุ่น แต่ยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้า ทำให้คนมองปราดเดียวก็รู้ว่า พวกเขากำลังขายหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ย สำหรับการขายหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ เขาจะให้ส่วนแบ่งเด็กๆ สองเหวิน แม้จะไม่มาก แต่ก็เพียงพอให้พวกเขาได้กินข้าวอิ่มในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บนี้ เม
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นข่าวซุบซิบนินทาของบัณฑิตซ่งผู้ซึ่งกำลังจะเป็นนักปราชย์ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ ตอบสนองความต้องการของพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น ทำให้คนไม่น้อยรู้สึกสาแก่ใจหนังสือพิมพ์วิชาการของต้าเซี่ย นี่ต่างหากเรียกว่าหนังสือพิมพ์!ไม่เพียงราคาถูก หนำซ้ำเนื้อหายังเต็มไปด้วยสาระสำคัญเทียบกันแล้ว หนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยของลอกเลียนแบบพรรค์นั้นจะเทียบอะไรได้ ราคาแพง ซ้ำยังน่าเบื่ออีกด้วย!อีกทั้งยังมีคนคิดว่าหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยเขียนโอ้อวดเกินไป ไม่น่าเชื่อถือ “บัณฑิตซ่ง เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษา! เหตุใดจึงมีข่าวฉาวโฉ่มากมายถึงเพียงนี้ หรือว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อปรักปรำเขา?”เพียงเขาเปล่งถ้อยวาจานี้ออกมา ก็ถูกคนโต้แย้งในทันใด “กุเรื่องขึ้นมา? ความหมายที่เจ้าต้องการจะสื่อ คือรัชทายาทปรักปรำซ่งชิงหลวนงั้นหรือ?”“รัชทายาท ไม่มีทางเป็นคนประเภทนั้น!”“ข้ายังได้ยินอีกว่าหัวหน้าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยคือหลิ่วหรูเยียน เดิมทีนางก็คือนางคณิกาของสำนักการสังคีต รู้เรื่องภายในมากมาย! หาไม่แล้ว จะเขียนว่าบัณฑิตซ่งไปร่ำสุราเคล้านารีที่สำนักก
ทะลุหลักล้าน!ลั่วอวี้จู๋ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น กำหมัดแน่นๆเดิมทีนางยังคิดว่าขายหนังสือพิมพ์เป็นการค้าที่ทุ่มเทโดยเสียเปล่า ไร้ซึ้ง “อนาคตความร่ำรวย”ยกตัวอย่างเช่นหนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยที่องค์ชายใหญ่ทำได้ยินว่าขายออกเพียงหนึ่งร้อยฉบับ!ฉบับละห้าร้อยอีแปะ นั่นก็คือเงินห้าสิบตำลึงลั่วอวี้จู๋สืบมาแล้ว เพียงแค่แผ่นทองแดง ยังมีกระดาษเซวียนโจว ไปจนถึงค่าแรง ก็ต้องใช้เงินหลายแสนตำลึงคราวนี้องค์ชายใหญ่ขาดทุนมากถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าขาดทุนยับเยินลั่วอวี้จู๋มิได้รู้สึกมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่น แต่กังวลอย่างลึกซึ้งกระดาษเฉกเช่นเดียวกันเหตุใดหนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยถึงขายได้เพียงหนึ่งร้อยฉบับ?หรือว่าราษฎรในเมืองหลวงหมดความสนใจความแปลกใหม่อย่างหนังสือพิมพ์ไปแล้ว?หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยจะเดินรอยตามหนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยหรือไม่?หากภายภาคหน้ายอดขายต่ำลงเรื่อยๆ จะทำเช่นไร?ทว่าบัดนี้ ยอดขายหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยพุ่งกระฉูด ทำสถิติใหม่อีกครั้ง ชนิดที่ว่าทะลุหนึ่งล้านฉบับแล้ว ทำให้ความกังวลภายในใจของลั่วอวี้จู๋หายไปราวกับหมอกผ่านตาเนื้
หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ง่ายยิ่งนัก! พ่อค้าลงมืออย่างไรเล่า!”“พ่อค้า?”ลั่วอวี้จู๋กะพริบตาปริบๆ สบมองอย่างไม่เข้าใจหลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น อธิบาย “พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้เด็กขายหนังสือพิมพ์ หนึ่งวันสามารถหาเงินได้มากน้อยเพียงใด?”ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิด “เด็กขายหนังสือพิมพ์กระตือรือร้นว่องไวที่สุด สามารถหาเงินได้หนึ่งตำลึง! แต่เฉลี่ยแล้ว หนึ่งวันเป็นเงินสี่ถึงห้าร้อยอีแปะ นั่นก็เท่ากับครึ่งตำลึง!”มุมปากหลี่หลงหลินเจือรอยยิ้ม “ใช่แล้ว! หนึ่งวันครึ่งตำลึง หนึ่งเดือนก็คือสิบห้าตำลึง! นี่ยังเป็นรายได้ของเด็กขายหนังสือพิมพ์อีกด้วย! พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเชี่ยวชาญด้านการค้า จะต้องเข้าใจแน่ว่าภายในนี้มีกำไรมากเพียงใด!”“การได้กลิ่นของพ่อค้าว่องไวมากนัก”“หลังพวกเขาพบโอกาสทางการค้านี้แล้ว ก็นำเงินมาซื้อนับหมื่นฉบับ!”ลั่วอวี้จู๋ชะงัก “นับหมื่นฉบับ? พวกเขาคิดจะทำอันใด?”หลี่หลงหลินหัวเราะ “ยังจะทำอันใดอีกเล่า? ก็ย่อมต้องขาย! หรือว่าจะเอาไปแปะผนังเล่นกันเล่า? พวกเขาซื้อหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยแล้ว จากนั้นเร่งม้าเร็วฟาดแส้ ขนส่งไปทั่วแคว้น เพิ่มราคาขายออก”“เช่นนี้แล้ว ยอดขายหนังสือพิมพ์วิชาการต้
คุกเสิ่นชิงโจวอยู่เพียงลำพังคนเดียว กำลังวางหมากอย่างผ่อนคลายเสียงฝีเท้าลนลานพลันดังขึ้น องค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่โผล่พรวดพราดเข้ามา สีหน้าตกตะลึงรับมือไม่ทัน“จะกระวนกระวายอะไร?”“บัณฑิต ต้องสุขุมเยือกเย็น”เสิ่นชิงโจวเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ตะคอกใส่ “ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ เหตุใดจึงได้ลนลานถึงเพียงนี้ ไม่มีความล้ำลึกเลยแม้แต่น้อย?”หลี่เทียนฉี่ถูกสั่งสอน ก้มหน้าลงพูดว่า “อาจารย์ ท่านสั่งสอนถูกแล้ว”เสิ่นชิงโจววางหมาก เอ่ยปากเสียงเรียบ “หนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยของพวกเราขายได้กี่ฉบับ?”หลี่เทียนฉี่เอ่ยตอบตามสัตย์จริง “หนี่ง...หนึ่งร้อยฉบับ”หนึ่งร้อย?ได้ยินจำนวนนี้ เสิ่นชิงโจวตกตะลึงพรึงเพริดในทันใดอิงตามที่เขารู้ หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยของหลี่หลงหลิน ฉบับแรกขายได้ถึงหนึ่งแสนฉบับแม้ว่าหนังสือพิมพ์ปรัชญาขงจื๊อต้าเซี่ยเป็นของเลียนแบบ ต่างกันเพียงคำเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งใจวางขายก่อนหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยอีกด้วยอย่างน้อยยอดขายก็ควรขายได้หนึ่งหมื่นฉบับกระมัง?ต่อให้เป็นห้าพันฉบับ ก็ถือว่ายังดี!หนึ่งร้อยฉบับคืออะไรกัน?เสิ่นชิงโจวใค
“นี่...”“นี่คืออะไรกัน!”“บทความเหลวไหลไร้สาระ!”เว้นเสียแต่นวนิยายของหลิ่วหรูเยียนแล้ว เรื่องอื่นล้วนเป็นเรียงที่ความเกี่ยวข้องกับซ่งชิงหลวนพาดหัวข่าวใหญ่ที่สุด ‘สัมพันธ์ฉาบฉวยของบัณฑิตซ่งชิงหลวนและนางคณิกา’สำหรับพาดหัวข่าวอื่น ไม่มีอันใดน่าสนใจมิน่าเล่าซ่งชิงหลวนอ่านแล้ว ก็กระอักโลหิตหมดสติไปแม้แต่เสิ่นชิงโจวได้อ่านแล้ว ก็รู้สึกอึดอัดคับข้องใจนี่ต่ำช้าเกินไป เหลวไหลเกินไปแล้วดีชั่วอย่างไรซ่งชิงหลวนก็เป็นบัณฑิต ต่อให้ละโมบไปบ้าง อีกทั้งยังเลี้ยงดูอนุ แต่เรื่องนางคณิกาสำนักการสังคีตนี้ คือการถูกใส่ร้าย!“ช่างเหลวไหลสิ้นดี!”“หลี่หลงหลินอ้างฐานะรัชทายาทของตน ถึงขั้นเขียนเรื่องเหลวไหล ปรักปรำความบริสุทธิ์ของคนอื่น!”“มิอาจทนไหวอีกต่อไปแล้ว!”เสิ่นชิงโจวโมโหเกรี้ยวกราด เกือบสิ้นสติไปเหตุผลง่ายมากแม้ว่าหลี่หลงหลินปรักปรำซ่งชิงหลวน แต่แท้จริงแล้วกำลังโจมตีสำนักปราชญ์ชัดๆ!หากไม่มีหนัง ไฉนเลยจะมีขน?หากชื่อเสียงสำนักปราชญ์ถูกทำลาย เช่นนั้นเสิ่นชิงโจวอยู่ในสำนักปราชญ์ก็สูญเสียสิทธิ์ในการพูดแล้ว!นี่คือดึงฟืนใต้หม้ออย่างแท้จริง!ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้หลี่หลงหลินสามาร
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ