“พี่สะใภ้ใหญ่”หลี่หลงหลินทอดสายตามองลั่วอวี้จู๋ผู้งดงามดุจบุปผา “การค้าของร้านขายผ้าสกุลซู ตอนนี้เป็นเช่นไร?”ลั่วอวี้จู๋มุ่นคิ้วถอนหายใจ “ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง พูดได้เพียงว่าเฉยๆ...”หลี่หลงหลินชะงักเบาๆ งุนงงอยู่บ้างไม่กระมัง!การค้าร้านขายผ้าก่อนหน้านี้ แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเหตุใดจึงตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องได้เล่า?ตกลงเกิดปัญหาที่ใดกันแน่?หรือว่าการค้าไม่ดี?เป็นไปไม่ได้!การค้าของร้านขายผ้าสกุลซู ล้วนเป็นลั่วอวี้จู๋ดูแลเองกับมือมาโดยตลอดความสามารถทางการค้าของนางเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน ไม่มีทางที่แม้แต่ร้านขายผ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งจะไม่สามารถจัดการได้ดูท่าแล้วกำลังเกิดปัญหาบางอย่าง!หลี่หลงหลินถามเสียงเครียด “พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดเรื่องใดขึ้น? หรือว่าผ้าของร้านพวกเราไม่ใช่ของดีราคาถูกกระนั้น?”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตอนนี้ น่ากลัวว่าผ้าไม่ดี ราคาก็ไม่ถูกแล้ว”หลี่หลงหลินงุนงงผ้าฝ้ายของสกุลซู สาเหตุที่สามารถเปิดตลาดได้ มุ่งเน้นที่ความคุ้มค่าและราคาทว่าฟังความนัยของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วความคุ้มค่าและราคาของผ้าฝ้ายหมด
เปิดตลาด แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายขนส่ง โฆษณา แรงงานคน ทุกด้านล้วนต้องจ่ายเงินมหาศาลทว่า ลั่วชิงซานเมาแล้วก็พลั้งปาก ทำความผิดใหญ่หลวง ทำให้ความน่าครั่นคร้ามของหลี่หลงหลินตกฮวบลั่วอวี้จู๋รู้สึกผิดอยู่ภายในใจ ต้องการชดใช้ลั่วอวี้จู๋ถึงขั้นเคยคิดมาก่อน ขอเพียงหลี่หลงหลินรับปาก ต่อให้สกุลลั่วต้องล้มละลาย ก็จะควักกระเป๋า ขายผ้าทั้งหมด แก้ปัญหาเร่งด่วนหลี่หลงหลินจะไม่เข้าใจความคิดลั่วอวี้จู๋ได้อย่างไร จับจ้องนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง หวั่นไหวภายในใจพี่สะใภ้ทำเพื่อตน ยอมนำชีวิตของสกุลลั่วมาเสี่ยง!ความรู้สึกนี้ สูงเหนือภูเขา ลึกกว่ามหาสมุทรแต่หลี่หลงหลินส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “พี่สะใภ้ใหญ่ วิธีที่ท่านพูดนี้ ใช้ไม่ได้!”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึง เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเผยแววแปลกใจ “ไม่ได้? เพราะเหตุใด?”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พี่สะใภ้ใหญ่ น้ำใจของท่าน ข้ารับไว้แล้ว! แต่ ทำการค้า เดิมทีก็เพื่อหาเงิน! การค้าขาดทุน ไม่ทำยังจะดีเสียกว่า!”“การผลิตผ้าไหมของเจียงหนาน ราคาทุนต่ำยิ่งกว่าเมืองหลวง”“แม้ว่าผ้าของพวกเราที่เมืองหลวงราคาต่ำ แต่ไปที่เจียงหนาน รวมต้นทุนการขนส่งแล้ว ราคายังส
หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ภูเขาไม่มาหาข้า ข้าก็ไปพบภูเขา! แทนที่จะทำการค้าผ้าที่เมืองหลวง ขนส่งไปขายที่เจียงหนาน ยังมิสู้ทำการค้าที่เจียงหนาน ขายที่เจียงหนานโดยตรง”ลั่วอวี้จู๋ตกตะลึงพรึงเพริด ทันใดนั้นเข้าใจความนัยของหลี่หลงหลินแล้ว “ท่านกำลังพูดว่า...ส่งเครื่องทอผ้ารูปแบบใหม่ ไปที่เจียงหนาน ให้สกุลลั่วรับผิดชอบตั้งโรงงานทอผ้า?”หลี่หลงหลินพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆ “ใช่แล้ว! เจียงหนาน เดิมทีก็เป็นแหล่งกำเนิดของเส้นไหมผ้าฝ้ายลินินสดอยู่แล้ว! ค่าขนส่งลดลง ราคาวัตถุดิบก็สามารถลดลงได้อีกด้วย!”“ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ อุตสาหกรรมการทอผ้าของเจียงหนานรุ่งเรืองมาก มีช่างทอผ้าที่เชี่ยวชาญมากมาย”“ขอเพียงอบรมเพิ่มสักหน่อย พวกนางก็สามารถใช้เครื่องทอผ้าใหม่นี้ได้แล้ว ไม่คล้ายเมืองหลวง ต้องใช้เวลาอบรมนาน ต้นทุนของแรงงานคนเองก็เพิ่มขึ้น!”“ความร่ำรวยของเจียงหนาน ราษฎร์มีเงิน ขอเพียงพวกเรารับประกันความคุ้มค่าของราคาได้ จะต้องสามารถเปิดตลาดได้อย่างแน่นอน!”ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง หลี่หลงหลินไม่ได้พูดสร้างโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งที่ชายฝั่งเจียงหนาน มีข้อดีมากนักต่อให้ตลาดอิ่มตั
ซูเฟิ่งหลิงเองก็รู้ ปีนี้ขาดทุนไม่น้อยนางกลัวงบประมาณจะถูกตัดลดมากเกินไป กระทบต่อพวกทหาร นางถึงต้องระมัดระวังมากถึงเพียงนี้หลี่หลงหลินรับรายงานแผนงบประมาณจากมือซูเฟิ่งหลิง อ่านอย่างละเอียด ขมวดคิ้วน้อยๆซูเฟิ่งหลิงใจเต้นตึกตักดังคาด รายจ่ายมากเกินไปแล้วกระมัง?แต่ข้าพยายามตัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดแล้วหากลดลงมากกว่านี้ จะฝึกทหารเยี่ยงไร?หลี่หลงหลินโยนรายงานแผนงบประมาณไว้ที่ฝั่งหนึ่ง พูดเสียงเย็น “นี่สิ่งเหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า? ไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย!”เพียงซูเฟิ่งหลิงได้ยิน กำหมัดสองข้างแน่น รู้สึกอึดอัดคับข้องใจนางพยายามอย่างที่สุดแล้วจริงๆนี่คือนางเค้นสมอง ถึงสามารถวางแผนออกมาได้ทองแดงหนึ่งแผ่น ล้วนต้องหักครึ่งเพื่อใช้จ่ายไม่ได้ฟุ่มเฟือยเลยแม้แต่น้อย!สรุปคือ ได้ยินความนัยของหลี่หลงหลิน ยังไม่พอใจ คิดว่ารายจ่ายมากเกินไป!แต่กองทัพใหม่สกุลซูเป็นทหารม้า เป็นทหารชั้นยอด ทำเกินกำลังตน เดิมทีก็มีรายจ่ายมหาศาลอยู่แล้วซูเฟิ่งหลิงอับจนหนทางแล้วจริงๆ!หลี่หลงหลินถือรายงานไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนนอีกมือดีดเบาๆ “เจ้าดูตรงนี้! ไม่มีเหตุผล จะต้องแก้ไข! เหล่าทหารฝึกลำบา
แท้จริงแล้วซูเฟิ่งหลิงได้ยินทางฝั่งลั่วอวี้จู๋พูดว่าภูเขาทิศประจิมเผชิญหน้ากับความอันตรายใหญ่หลวงทางการเงิน ขาดทุนไม่น้อยหลี่หลงหลินกำลังเค้นสมอง หาทางสร้างรายได้เพราะเหตุนี้ ซูเฟิ่งหลิงจึงคิดว่าหลี่หลงหลินจะต้องตัดรายจ่ายของทหารภูเขาทิศประจิมอย่างแน่นอนสรุปคือ กลับตรงข้ามกัน หลี่หลงหลินไม่เพียงไม่ตัดรายจ่ายออก แต่ยังเพิ่มรายจ่ายมากยิ่งขึ้นยากจนอย่างไรก็ไม่สามารถยากจนไปถึงทหารได้!นี่ต่างหากคือรักทหารดุจลูกชายอย่างแท้จริง!ซูเฟิ่งหลิงซาบซึ้งใจ เปล่งเสียงสะอื้น “ข้าขอเป็นตัวแทนเหล่าทหาร ขอบคุณองค์ชาย! พวกข้าจะบุกน้ำลุยไฟ ตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”สีหน้าหลี่หลงหลินเคร่งขรึม พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ชายารัก คำเรียกแทนตนของเจ้า ต้องเปลี่ยนได้แล้วใช่หรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงชะงักคำเรียกแทนตน?ข้าสมควรเรียกว่าอะไรเล่า?หรือจะเป็น...หม่อมฉัน?ซูเฟิ่งหลิงหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงแผ่วเบา “หม่อม...หม่อมฉัน...เข้าใจแล้ว”หลี่หลงหลินเห็นท่าทางเขินอายของซูเฟิ่งหลิง พึงพอใจอย่างมากภายในใจ รูขุมขนทั่วทั้งสรรพางค์กายเปิดออก สบายอย่างบอกไม่ถูกซูเฟิ่งหลิงอายแทบตาย อยากหาแผ่นดินมุดลง
อาศัยโอกาสนี้ ข้าลอกบทกวีมีชื่อเสียงมาอีกหน่อย เปิดเผยต่อหน้านางจากนั้นหลี่หลงหลินเพิ่งเดินถึงหอละอองฝน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของหลิ่วหรูเยียน ดังออกมา“เหตุใดร้องไห้อีกแล้ว...”หลี่หลงหลินสับสนภายภาคหน้าพี่สะใภ้สี่เปลี่ยนชื่อเป็นหลินไต้อวี้ท่าจะดี!หลี่หลงหลินเดินขึ้นชั้นบน ก็มองเห็นหลิ่วหรูเยียนนั่งข้างหน้าต่าง ทอดสายตามองสีท้องฟ้าดำดุจหมึกที่ภายนอก น้ำตารินไหล กำลังร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ คนเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจับใจได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลิ่วหรูเยียนหันหน้ามา พบว่าเป็นหลี่หลงหลินก็ว้าวุ่น รีบเช็ดคราบน้ำตา ฝืนยิ้มต้อนรับ “องค์ชาย ท่านมาแล้ว...”หลี่หลงหลินเดินขึ้นมา รอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าเพิ่งผ่านหอละอองฝน ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ไม่วางใจ จึงขึ้นมาดู”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดง พูดเสียงแผ่วเบา “หม่อมฉัน...ทำให้องค์ชายตกใจ องค์ชายโปรดอภัยด้วย...”หลี่หลงหลินสบมองใบหน้างดงามเป็นอันดับหนึ่งของหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ เมื่อครู่ท่านร้องไห้ด้วยเหตุใด? หรือว่า คิดถึงท่านพี่สี่อีกแล้ว?”หลิ่วหรูเยียนรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องของท่านพี่สี่ องค์ชายท่านฆ่าเซียวเซวียนเ
หลี่หลงหลินยกต้นฉบับออกมา อ่านอย่างเชื่องช้า สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆหลังผ่านไปนาน ในที่สุดเขาก็พรูลมหายในยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่ง วางต้นฉบับในมือลง ทอดสายตามองทางหลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนตื่นเต้นมาก “องค์ชาย ท่านอ่านจบแล้วหรือ? ข้าเขียนเป็นเช่นไร?”ใบหน้าหลี่หลงหลินเผยรอยยิ้ม พยักหน้าพูดว่า “ดี! ดีมาก! นี่คือนิยายรูปเล่มที่ดีที่สุดที่ข้าเคยอ่าน!”“จริงหรือ?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึงระคนดีใจ ใบหน้าเผยแววสงสัย “องค์ชายท่านไม่ใช่ตั้งใจพูดเช่นนี้ เพื่อปลอบหม่อมฉันหรอกกระมัง?”สีหน้าหลี่หลงหลินเคร่งขรึม พยักหน้าลง “ไม่ ข้าจริงใจ”แท้จริงแล้วหลี่หลงหลินมิได้โกหกหลิ่วหรูเยียนมีพรสวรรค์ ถูกตั้งสมญานามว่าสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของต้าเซี่ยกอปรกับเค้าโครงที่หลี่หลงหลินให้หลิ่วหรูเยียนเขียน สอดรับกับชาติกำเนิดของนางภายใต้ความทุ่มเทของหลิ่วหรูเยียน เขียน ‘บุปผาในหอแดง’ ออกมาได้ แม้ที่เขียนเป็นความรักความเกลียดชังในอุทยานต้ากวน ไม่เกี่ยวข้องกับ ‘บุปผาในหอแดง’ มากมายนัก ไม่ใช่เรื่องของนางทั้งหมดแต่นิยายเล่มนี้จริงใจลึกซึ้ง เขียนได้ดีมากจริงๆ ต่อให้มิอาจเทียบ ‘บุปผาในหอแดง’ ได้
หลี่หลงหลินยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้สี่ เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป! นิยายดีๆ เช่นนี้ เหตุใดต้องปล่อยให้ผู้อื่นทำเงินไปเปล่าๆ! เราเปิดโรงพิมพ์เองไม่ดีกว่าหรือ?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง มองหลี่หลงหลินอย่างงุนงง “เปิดโรงพิมพ์เอง? นี่...นี่จะเป็นไปได้หรือ? กระดาษแพงมากนะ และค่าจ้างคัดลอกก็ไม่น้อยเลย!”“ข้าได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่พูดว่า ปีนี้ท่านเสียเงินไปมากเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“ยังต้องควักเงินออกมาช่วยข้าพิมพ์หนังสืออีก”“ข้า...ข้ารู้สึกเกรงใจยิ่งนัก”กระดาษแพง? จ้างคนคัดลอก?หลี่หลงหลินรู้สึกงุนงงเล็กน้อยตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนราคาข้าวและผ้า หลี่หลงหลินล้วนทราบดีแต่ราคากระดาษ หลี่หลงหลินไม่เคยสนใจเลยเมื่อถามดู หลี่หลงหลินก็ตกใจกระดาษของต้าเซี่ยแพงมากจริงๆ!อย่าว่าแต่ชาวบ้านทั่วไป แม้แต่บัณฑิตหลายคนก็ยังไม่มีปัญญาซื้อนิยายเล่มหนึ่ง ราคาน่าตกใจมาก ถึงกับต้องใช้เงินสิบตำลึงนี่มันปล้นกันชัดๆ!สาเหตุก็ง่ายๆต้าเซี่ยในยุคนี้ แม้จะมีเทคโนโลยีการผลิตกระดาษแล้วแต่ขั้นตอนการผลิตกระดาษนั้นซับซ้อนมาก และต้องใช้ช่างฝีมือเฉพาะทางในการผลิตไม่เพีย
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ