ชายชราที่เล่นหมากรุกไม่พูดมากอีก ชี้ไปที่ด้านตรงข้ามของกระดานหมากรุก ส่งสัญญาณให้เซียวเซวียนเช่อนั่งลงแม้ว่าเซียวเซวียนเช่อจะเป็นเผ่าหมาน ตอนที่เดินทางมาต้าเซี่ย ก็ได้เรียนรู้มาบ้างแล้วเพียงแต่ทักษะการเล่นหมากรุกของเขาแย่มากเท่านั้นหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พ่ายแพ้ให้กับชายชราใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อแดงก่ำ ก่อนจะยอมแพ้ “ท่านอาจารย์ ข้าแพ้แล้ว!”ชายชราพยักหน้า “แล้วเจ้ารู้วิธีเอาชนะใครสักคนหรือไม่?”เซียวเซวียนเช่อคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “สูงกว่าทักษะหมากรุกของฝ่ายตรงข้ามหรือ?”“ผิดแล้ว!”ชายชราหยิบหมากรุกขึ้นมาแล้วโยนมันลงในสระน้ำลึกข้างๆ ความเฉียบคมในแววตาปรากฏชัดขึ้น “วิธีที่ดีที่สุดคือทำลายเขา!”ตัวหมากรุกจมลงสู่ก้นสระน้ำ ไร้ร่องรอยให้ติดตาม!หัวใจของเซียวเซวียนเช่อ สั่นไหว และดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าชายชราหมายถึงอะไรชนะหรือแพ้ไม่สำคัญหลี่หลงหลินแพ้ร้อยครั้งได้ พันครั้งได้ หรือหมื่นครั้งได้ด้วยการสนับสนุนจากฮ่องเต้หวู่ที่หนุนหลังเขาอยู่ จึงสามารถปรากฏตัวบนกระดานหมากรุกต่อไปได้นอกเสียจากว่า...ทำลายล้างเขาให้สิ้นซาก!เซียวเซวียนเช่อโค้งคำนับทำความเคารพ “ศิษย์ได้เรียน
หลี่หลงหลินอยากดูว่าเซียวเซวียนเช่อและคนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะเล่นลูกไม้อะไร“พาเข้ามา!” หลี่หลงหลินสั่งหลังจากนั้นไม่นาน พ่อค้าข้าวหลายคนก็ตามลั่วอวี้จู๋ มาถึงด้านหน้าหลี่หลงหลินคนแรกคือเถ้าแก่หม่าเขาทักทายหลี่หลงหลินด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าน้อยขอคารวะองค์ชายเก้า!”หลี่หลงหลินมองพวกเขา แล้วพูดอย่างไม่สุภาพ “ถ้าพวกเจ้าจะมาหาข้าเพราะอยากให้ข้าลดราคาละก็ ไม่ต้องพูดแล้ว! กลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้า ว่าข้าไม่มีวันยอมให้!”เถ้าแก่หลายคนมองหน้ากันเดิมทีพวกเขาคิดว่าจะแสดงสักหน่อยแต่คิดไม่ถึง หลี่หลงหลินรู้ความจริงว่าพวกเขาเป็นคนจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!เถ้าแก่หม่ายิ้มเจื่อน “องค์ชายเก้า ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ได้ยินมาว่าเขาทิศประจิมกำลังรับซื้อข้าว พวกเราก็มีข้าวตุนเก็บไว้มากมาย ไม่ทราบว่าท่านสนใจจะรับซื้อทั้งหมดหรือไม่?”“แน่นอน ตามราคาตลาดแล้ว พ่อค้าอย่างเราไม่อาจขาดทุนได้”หลี่หลงหลินตะลึง สงสัยว่าตนได้ยินผิดหรือไม่อีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อรองราคาแต่มาเพราะจะขายข้าว?เซียวเซวียนเช่อมีแผนการอะไรกันแน่?เหตุใดเขาถึงจะขายข้าวที่เขารับซื้อมาอย่างยากลำบากด้วย?หรือว่าข้
เผื่อไว้ก่อนหลี่หลงหลินขอให้ซุนชิงไต้พี่สะใภ้สามให้มาช่วย ขอให้นางรับผิดชอบในการตรวจสอบเมล็ดข้าว“องค์ชายเก้า!”ทันทีที่ซุนชิงไต้เห็นหลี่หลงหลิน นางก็เริ่มบ่นว่า “มันเทศพวกนั้นจะสุกเมื่อไร ข้ามองดูทุ่งมันเทศทุกวัน จับแมลง กำจัดวัชพืช ก็เพิ่งจะงอกขึ้นมา”ด้วยประสบการณ์ของผงปรุงรสไก่และน้ำตาลทรายขาว ซุนชิงไต้น้ำลายไหลเพราะมันเทศมานานแล้วถึงอย่างไรหลี่หลงหลินเป็นทั้งสิ่งของเทพ เป็นทั้งยาอายุวัฒนะ โม้เรื่องมันเทศจนลอยขึ้นฟ้า ให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกท้อที่หวางหมู่เหนียงเหนียงปลูกการเอ่ยถึงมันเทศทำให้ซุนชิงไต้ผู้ที่เป็นนักชิมถึงกับน้ำลายไหลหากหลี่หลงหลินไม่เตือนซุนชิงไต้ ว่ามันเทศชอบความแห้งแล้งและกลัวน้ำขัง อย่าได้รดน้ำมากเกินไปล่ะก็นางคงรดน้ำทุ่งมันเทศไม่วันละสิบรอบก็แปดรอแน่นอนหลี่หลงหลินคำนวณวัน “มันเทศต้องใช้เวลาสามเดือนหรือครึ่งปีกว่าจะสุก! สิ่งที่เราปลูกในเทศกาลไหว้พระจันทร์ อย่างไรก็ต้องรอจนฤดูหนาวถึงจะเก็บเกี่ยวได้! จริงๆ แล้วก็รออีกหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น พี่สะใภ้อดทนเอาไว้ก่อน”“ก็ได้!”เมื่อซุนชิงไต้ได้ยินว่านางต้องรอหนึ่งหรือสองเดือนก่อนถึงจะได้กินมันเทศย่า
หอละอองฝนท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราและสง่างามบนชั้นสองหลังฉากกั้นภูเขาและแม่น้ำ ไอน้ำม้วนตัวลอยขึ้นมาในอ่างอาบน้ำเคลือบสีแดง มีเสียงน้ำ “ซ่าๆ” และมีกลีบดอกไม้จำนวนมากลอยอยู่บนน้ำหลังจากก้าวออกจากอ่างอาบน้ำด้วยขาหยกสีขาวเหมือนงูหลามสีขาว หลิ่วหรูเยียนที่ห่อตัวตัวเองด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหม คลุมร่างกายที่สวยงามของนางเอาไว้แน่นหนา นางมองไปรอบๆ ตรวจดูให้แน่ใจว่าประตูและหน้าต่างถูกปิดแน่นแล้ว ค่อยเดินออกไปตั้งแต่คราวก่อน ที่ถูกหลี่หลงหลินพบอุปกรณ์เล็กๆ ที่หลิ่วหรูเยียนจะใช้ในการปลิดชีพนางก็ถึงได้รู้ว่าความลับของนางถูกหลี่หลงหลินพบแล้ว!โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาบน้ำ หลิ่วหรูเยียนจะระแวงและระวังมากอย่างไรก็ตามทันทีที่นางเดินออกจากฉากกั้น นางก็พบร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังดื่มชาอย่างช้าๆ“อ๊า!”หลิ่วหรูเยียนตกใจมากจนหน้าซีด แล้วเกือบจะเป็นลมมีชายแปลกหน้าแอบเข้ามาในห้องของนางตอนที่นางอาบน้ำอยู่เขาคิดจะทำอะไร?ต้องคิดไม่ดีไม่ร้อยกับตนเป็นแน่!หลิ่วหรูเยียนเสียใจมาก ที่เชื่อฟังหลี่หลงหลินทิ้งกรรไกรและมีดทั้งหมดไป ตอนนี้ไม่เหลืออะไรจะปกป้องตัวเองแล้ว!จะทำอย่าง
หลิ่วหรูเยียนรู้สึกซาบซึ้งใจ มองไปที่หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านมาที่หอละอองฝน คงไม่ได้มาพูดเรื่องนี้กับบ่าวโดยเฉพาะกระมัง?”หลี่หลงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี เลยอยากมาพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับเจ้า...”หลิ่วหรูเยียนดีใจมาก ยิ้มราวกับดอกไม้ พยักหน้าแล้วพูดว่า “องค์ชาย โปรดรอสักครู่... ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน!”หรือจะให้หลิ่วหรูเยียนพูดคุยเรื่องวรรณกรรมกับหลี่หลงหลินในชุดคลุมอาบน้ำเช่นนี้แบบนั้นจะไม่เหมาะเกินไปแล้วบนฉากกั้น เผยให้เห็นรูปร่างอรชรเผยส่วนนูนของ หลิ่วหรูเยียนออกมา เต็มไปด้วยเสน่ห์และทำให้คนจินตนาการไปไกลในอนาคตอันใกล้นี้หลิ่วหรูเยียนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น ผมของนางถูกรวบมัดขึ้นสูง สวมกระโปรงยาวลากพื้น งดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง หลี่หลงหลินมองจนตะลึงไปแล้ว!หลิ่วหรูเยียนหน้าแดง ยิ่งทำให้นางมีเสน่ห์มากขึ้น “องค์ชาย วันนี้ท่านอยากจะพูดอะไร? บทกวีหรือบทเพลง?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากคุยเรื่องนิยายกับเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?”สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนพลันมืดมนลง นางยิ้มอย่างขมขื่น “นิยาย เขียนยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีเรื่อ
หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจ นางมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ “ท่านทำงานยุ่งทุกวัน ยังมีเวลามาศึกษาเรื่องพวกนี้อีกหรือ? แล้วยังเขียนเค้าโครงนิยายด้วย? หรือว่าไปคัดลอกจากหนังสือเล่มอื่นมา?” หลี่หลงหลินกะพริบตาแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าลองดูเองสิ!” หลิ่วหรูเยียนหยิบเค้าโครงขึ้นมาอ่านด้วยความกังขา สิ่งที่เรียกว่าเค้าโครง ก็คือบทสรุปเรื่องราว หลี่หลงหลินใช้เรื่องความฝันในหอแดงเป็นต้นแบบ พร้อมกับเพิ่มองค์ประกอบยอดนิยมของนิยายแนวโลกีย์เข้าไป กลายเป็นนิยายผสม ชื่อเรื่องก็ง่าย ๆ และตรงไปตรงมา เรียกว่าดอกเหมยในหอแดง เพื่อเป็นการเคารพผู้เขียนต้นฉบับ พูดตามตรง นิยายผสมแบบนี้ย่อมไม่อาจเทียบต้นฉบับได้ แต่หลิ่วหรูเยียนกลับอ่านแล้วราวกับตกอยู่ในภวังค์ สุดท้ายนางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา หยดน้ำตาของนางราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่น “องค์ชาย...” “เรื่องราวนี้ ท่านเขียนขึ้นมาเพื่อบ่าวใช่หรือไม่?” “บ่าวมองเห็นเงาของตัวเองในเรื่องราวนี้!” “บ่าวซาบซึ้งใจเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนซบลงในอ้อมอกของหลี่หลงหลิน จนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา หลี่หลงหลินตอบด้วยท่าทีกึ่งเล่นกึ่งจริง “ก็ถือว่
ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ “ปัญหาหนี้สินยังพอถ่วงเวลาได้! แต่ปัญหาคือเงินทุนหมุนเวียนของพวกเราเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารของนักเรียนในโรงเรียนที่ภูเขาทิศประจิม หรือค่าเลี้ยงดูทหารใหม่ แค่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ประจำวัน ก็เป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว!” หลี่หลงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วธุรกิจอื่น ๆ ล่ะ?” หลังจากที่หลี่หลงหลินบริหารจัดการมาอย่างดีแล้ว ตอนนี้ตระกูลซูก็มีธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ละวันมีรายรับเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของลั่วอวี้จู๋แม่บ้านคนนี้ หลี่หลงหลินในฐานะเจ้าของที่ไม่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง กลับทำตัวเหมือนผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เอาแต่พักผ่อน ลั่วอวี้จู๋หยิบสมุดบัญชีออกมายื่นให้หลี่หลงหลิน “องค์ชาย ท่านลองตรวจสอบเองเถิด!” หลังจากที่หลี่หลงหลินตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้ตอนนี้เขาจะมีธุรกิจอยู่มากมาย ทั้งน้ำตาลทรายขาวและเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งที่มีมูลค่ามหาศาล แต่สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ที่ไม่สะดวกในการขาย ส่วนน้ำหอมดอกไม้และแว่นสายตายาวกลับมีปริมาณการผลิต
แต่แล้วเมื่อคิดหาวิธีที่ดีกว่าได้ สายตาของหลี่หลงหลินก็สว่างวาบขึ้น “พี่สะใภ้!” “ข้านึกอะไรดีๆ ออกแล้ว!” หลี่หลงหลินตบหน้าผากตัวเองด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า“ธัญพืชเก่าเก็บที่กองอยู่เต็มยุ้งฉาง เราสามารถนำไปกลั่นเป็นสุราได้! ไม่เพียงแต่จะขายได้เงิน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกด้วย!” ลั่วอวี้จู๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้มเจื่อน “องค์ชาย ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว! เรื่องการกลั่นสุรานั้นไม่มีทางเป็นไปได้!” หลี่หลงหลินแปลกใจ “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?” ลั่วอวี้จู๋พูดด้วยสีหน้าจำใจ “องค์ชาย ท่านไม่ทราบหรือว่าในดินแดนต้าเซี่ย เกลือ เหล็ก และสุรา ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของราชสำนัก? หากเป็นการกลั่นไว้ดื่มเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากนำออกขายล่ะก็ ถือเป็นโทษถึงตาย!” หลี่หลงหลินพลันนึกขึ้นได้ ในประวัติศาสตร์ มีหลายราชวงศ์ที่มีกฎหมายห้ามกลั่นสุราเอง เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรก สุราเหมือนกับเกลือและเหล็ก สามารถเก็บภาษีในอัตราสูงได้ ประการที่สอง การกลั่นสุราใช้ธัญพืชเป็นวัตถุดิบ หากเป็นยุคที่ธัญพืชเหลือเฟือ การนำมากลั่นสุราย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ต้าเซี่ยในปัจจุบันกลับอยู่
นักปราชญ์ใหม่แห่งสำนักปราชญ์?คำคำนี้ดังราวกับสายฟ้าฟาด ก้องกังวานในหูของทุกคนอะไรกัน?ข้าคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม!เมื่อครู่รัชทายาทเพิ่งบอกว่าตนเองเป็นนักปราชญ์ใหม่แห่งสำนักปราชญ์?นักปราชญ์ใหม่ก็คือนักปราชญ์คนใหม่!รัชทายาทหมายความว่า ตนเองสามารถเทียบได้กับนักปราชญ์อันดับสอง ซึ่งก็หมายความว่า เขาเป็นนักปราชญ์อันดับสามของสำนักปราชญ์ในรอบพันปีหรือ?นี่ นี่ นี่...นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!เหลือเชื่อยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันตกเสียอีก!“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เสิ่นชิงโจวชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นกุมท้องหัวเราะจนตัวงอเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและบัณฑิตทั้งหลาย ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง“รัชทายาท ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?”“นักปราชญ์คนใหม่แห่งสำนักปราชญ์? ท่านหมายความว่า ท่านคือปราชญ์ของสำนักปราชญ์อย่างนั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า! องค์ชายเสเพลผู้ไร้ความรู้ความสามารถเช่นท่าน กล้าประกาศตนเป็นนักปราชญ์ ช่างน่าขันเสียจริง!”“ถ้าท่านเป็นนักปราชญ์ เช่นนั้นคนทั้งโลกก็คงเป็นปราชญ์กันหมดแล้ว!”ซูเฟิ่งหลิงถึงกับอึ้ง ใบหน้างดงามแฝงความตกตะลึง ดวงตาหงส์จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ริมฝ
เสิ่นชิงโจวต้องมีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น จึงกล้าลงมือเสี่ยงอันตรายคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ฮ่องเต้หวู่ตาสว่าง พลันเข้าใจทุกอย่างทันทีเสิ่นชิงโจวไม่เพียงไม่พอใจที่จะเป็นขุนนาง แม้แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ยังไม่อาจทำให้เขาพึงพอใจเขาต้องการเป็นเจ้าลัทธิ!เขาต้องการเลียนแบบศาสนากางเขนของชาวตะวันตก เปลี่ยนขงจื๊อจากเพียงแนวคิดให้กลายเป็นศาสนา แล้วขึ้นครองอำนาจเหนืออำนาจฮ่องเต้แม้แต่ฮ่องเต้ ก็ยังต้องรับการสถาปนาจากเจ้าลัทธิ!ความทะเยอทะยานเช่นนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้แต่ฮ่องเต้หวู่เอง ยังรู้สึกราวกับสายเลือดทั่วร่างถูกแช่แข็งอีกด้านหนึ่งเสิ่นชิงโจวรู้สึกเหมือนถูกชกเข้ากลางอกอย่างแรง สีหน้าหม่นหมองถึงขีดสุดชัดเจนแล้วว่าหลี่หลงหลินเดาถูกต้อง!ทำไมเสิ่นชิงโจวจึงปลุกปั่นความวุ่นวาย แท้จริงแล้วเป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่?หากมนุษย์ไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินย่อมลงทัณฑ์เขาไม่ได้ทำเพื่อองค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ แต่ทำเพื่อตัวเอง!ความสำเร็จของฮ่องเต้ ก็คือการขยายแผ่นดินและอาณาเขตความสำเร็จของขุนนางมาจากการสนับสนุนและปกป้องผู้นำของตนหากหลี่เทียนฉี่ไม่ก่อกบฏ แต่ขึ้นครองบัลลังก์อย่างสงบเ
“ฮึๆ”หลี่หลงหลินหัวเราะเสียงเยียบเย็น หันมองเสิ่นชิงโจวแวบหนึ่ง สบถด่าออกมาโดยตรง “อาจารย์ฮ่องเต้บ้าบออะไร! ถึงรู้จักแต่วิธีการต่ำช้าเช่นนี้! ตัดรากถอนโคนหลักขงจื๊อ ล้มเลิกการสอบขุนนาง? นี่ข้าเคยพูดตั้งแต่ยามใด?”สีหน้าเสิ่นชิงโจวงุนงงไปคิดดูให้ดี หลี่หลงหลินคล้ายไม่เคยพูดมาก่อนจริงสุภาพชนมองผ่านการกระทำมิใช่จิตใจต่อให้ปากเจ้าไม่พูด แต่การกระทำทุกอย่าง กลับตั้งตนเป็นศัตรูกับสำนักปราชญ์ ตัดรากถอนโคนสำนักปราชญ์!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “รัชทายาท ตกลงเจ้าหมายความเยี่ยงไร? เรางงไปหมดแล้ว”หลี่หลงหลินเงยหน้า พูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ นักปราชญ์นั้นดี หลักขงจื๊อนั้นก็ดี การสอบขุนนางเองก็ดี! หากไม่ใช่นักปราชญ์ ไม่ใช่หลักขงจื๊อ ต้าเซี่ยของข้าจะเจริญรุ่งเรืองได้เยี่ยงไร?”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนล้วนตกตะลึงรัชทายาทกำลังทำอันใด?เสิ่นชิงโจวเป็นบัณฑิตทรงคุณวุฒิ ยอมรับว่าสำนักปราชญ์มีความผิด ทำให้สำนักปราชญ์มีชื่อเสียงฉาวโฉ่หลี่หลงหลินกลับดี ถึงขั้นทำตรงข้ามกัน ล้างมลทินให้สำนักปราชญ์กระนั้น?ต่อให้ปากเขาพูดว่าหลักขงจื๊อ ไม่ใช่สำนักปราชญ์ ผิดไปหนึ่งคำแต่ในสายตาคนส่วนใหญ่ สำนักปราชญ์และหลักข
สำนักปราชญ์มีมาอย่างยาวนานนับพันปี เสิ่นชิงโจวก็เป็นเพียงหนึ่งเมล็ดข้าวในมหาสมุทรก็เท่านั้น!หรือว่า เราจะทำอย่างที่เจ้าเก้าพูด ใช้อำนาจล้มเลิกการสอบขุนนาง ทำลายสำนักปราชญ์ให้สิ้นซาก?ทว่าหากล้มเลิกการสอบขุนนาง แล้วจะใช้อะไรมาแทนที่เล่า?หรือว่าจะฟื้นฟูการสอบขุนนางในอดีต คัดเลือกขุนนางโดยยึดหลักความกตัญญูและคุณธรรม อาศัยการแนะนำจากชนชั้นสูง เลือกเฟ้นผู้มีความสามารถกระนั้น?นี่คือถอยหลังลงคลองกลับสู่ประวัติศาสตร์!ระบบในอดีตมีเล่ห์เหลี่ยมและทุจริตมากเสียยิ่งกว่า อำนาจตกอยู่ในมือของตระกูลขุนนาง!หลี่เทียนฉี่เห็นฮ่องเต้หวู่ลังเล ฉวยโอกาสนี้ลุกออกมา “เสด็จพ่อ สำนักปราชญ์เป็นรากฐานของต้าเซี่ย! สำนักปราชญ์จะล่มสลายไม่ได้! จะล้มเลิกการสอบขุนนางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! หากท่านคิดล้มเลิกการสอบขุนนาง นี่ไม่เพียงแค่ลูก ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนัก ยังมีบัณฑิตทั่วหล้าล้วนไม่มีวันยอมรับ!”เหล่าขุนนางต่างพากันคุกเข่า พูดประสานเสียง “จะล้มเลิกการสอบขุนนางไม่ได้ สำนักปราชญ์จะล่มสลายไม่ได้! ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยด้วย ถอนรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ภายในกลุ่มราษฎรเองก็มีคนลังเลไม่น้อยพวกเขามารับชมความครึกครื้น
“ยอมรับผิดอีกแล้ว?”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “เสิ่นชิงโจว หรือว่าท่านตั้งใจยื้อเวลา? นี่น่าเบื่อเกินไปแล้ว”เขากลับอยากให้เสิ่นชิงโจวต่อต้านอย่างดื้อรั้น กัดฟันแน่น เป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรก็ไม่ยอมแพ้เช่นนี้แล้วล่ะก็เขาสามารถตบหน้าเสิ่นชิงโจวแรงๆ อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมได้สรุปคือเสิ่นชิงโจวไม่มีเจตนาต่อสู้ทำให้หลี่หลงหลินรู้สึกเบื่อหน่ายอาจารย์ของฮ่องเต้! ราชครู!แค่นี้เองหรือ?หลี่หลงหลินพูดเสียงเย็น “ความผิดครั้งนี้ของท่าน คงไม่คิดโยนความผิดให้เหล่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิเพื่อเอาตัวรอดอีกหรอกกระมัง?”เสิ่นชิงโจวส่ายหน้า “ไม่! ครั้งนี้ข้ายอมรับผิดอย่างแท้จริง! ทุจริตการสอบขุนนาง ฆ่าคนปิดปาก รับสินบนทำผิดกฎหมาย ข้าขอยอมรับความผิดทั้งหมดเหล่านี้! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแค่ข้า ยังมีบัณฑิตทรงคุณวุฒิคนอื่นอีกด้วย!”“สำนักศึกษาทั้งหมดล้วนมีส่วนร่วม”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนล้วนเงียบงันลานไป๋อวี้ขนาดใหญ่ แม้แต่เข็มตกก็สามารถได้ยินไม่ว่าขุนนางหรือราษฎร สีหน้าล้วนแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะเหล่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิ อ้าปากค้าง ลืมตากว้าง คล้ายเห็นผีก็มิปาน จับจ้องเสิ่นชิงโจวตาเขม็งอาจารย
เสิ่นชิงโจวเป็นคนล้ำลึก ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษาความสุขุมเอาไว้ได้ฉินฮั่นหยางและบัณฑิตทรงคุณวุฒิคนอื่นกลับทนไม่ไหวแล้ว สีหน้ากระวนกระวายหวาดกลัวสุดขีด คล้ายหายนะกำลังมาเยือนครู่ต่อมาพวกเขาสบตากัน ทำเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึงและเหลือเชื่อเห็นบัณฑิตทรงคุณวุฒิทั้งหมดถลันขึ้นไป ฉีกจดหมายนิรนามเหล่านั้น ยัดเข้าปากและพยายามกลืนลงไป“หา?”“ตาเฒ่ากลุ่มนี้คิดทำลายหลักฐานความผิด!”“ไม่ต้องการหน้าตาแล้วกระมัง?”“คิดว่าฝ่าบาทตาบอดหรือ?”เหล่าราษฎรตกตะลึงหน้าถอดสี สบถด่าเสียงดังเดิมทีซูเฟิ่งหลิงอยากเข้าไปห้ามหลี่หลงหลินกลับยื่นมือออกไปขวางซูเฟิ่งหลิงไว้ ยิ้มเย็นพลางพูด “เข้ามา เอาจดหมายนิรนามที่เหลือทั้งหมดเข้ามา!”ครู่ต่อมาองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดก็แบกตะกร้าขนาดใหญ่มากมายเข้ามายังลานไป๋อวี้ซ่า...เทของในตะกร้าออกมา ทั้งหมดล้วนคือจดหมายนิรนามกองโตเท่าภูเขาลูกเล็กหลี่หลงหลินเดินขึ้นไปหยุดต่อหน้าฉินฮั่นหยาง บีบปลายคางของเขา ยิ้มเย็นพูดว่า “บัณฑิตฉิน จดหมายนิรนามเหล่านี้อร่อยหรือไม่? ในเมื่อเจ้าชอบกินถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าขอเลี้ยงเจ้าจนพอใจเลยแล้วกัน!”พวกฉินฮั่นหยางตกตะลึงพรึงเพร
กระดูกภายในหีบ ทั้งหมดล้วนขุดออกจากหน้ารูปปั้นนักปราชญ์ที่หลังเขาสำนักศึกษา?บนลานไป๋อวี้ เงียบสงัดไปทั้งผืนไม่ว่าขุนนางหรือราษฎร ทั้งหมดล้วนลืมตาอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดภายในจดหมายนิรนามล้วนเป็นความจริงทุกประโยคเดิมทีสำนักศึกษาคือแดนสวรรค์สั่งสอนให้ความรู้คนบัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ปกปิดความชั่วสกปรกโสมมกระดูกขาวเหล่านี้ คล้ายกำลังพูดออกมาสองคำ...กินคน!ฮ่องเต้หวู่ปวดใจอย่างมาก เดินโงนเงนมาที่หน้าหีบ มองซากศพภายใน“ฝ่าบาท ระวังพิษจากศพพ่ะย่ะค่ะ...”เว่ยซวินยื่นผ้าเช็ดหน้าปักลายให้ เอ่ยปากร้องเตือนฮ่องเต้หวู่กลับโบกมือ ไม่ได้รับไว้ สายตาจับจ้องกระดูกขาวภายในหีบ ไม่พูดจาอยู่นานก็เหมือนที่หลี่หลงหลินพูดกระดูกส่วนใหญ่เป็นของเด็กหนุ่ม ร่างกายกำลังเจริญเติบโต แต่กลับไม่อาจเติบโตจนสำเร็จได้ไม่แปลกใจเพราะบัณฑิตที่มาขอเรียนที่สำนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีส่วนอดีตซิ่วไฉที่สอบไม่ผ่านครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจแหลกสลายจนเย็นชา ไม่อยู่ศึกษาที่สำนักศึกษาต่อ แต่เลือกกลับไปเรียนหนักที่บ้านเกิดทว่า ภายในกระดูกเหล่านี้ยังมีกระดูกของเด็กอายุราวเ
หลี่หลงหลินยิ้มเย็นทีหนึ่ง เหลือบมองเสิ่นชิงโจว “ใครพูดว่ามีเพียงพยานวัตถุ ไม่มีพยานบุคคล ก็ไม่สามารถลงโทษท่านได้เล่า! ท่านพูดว่าจดหมายนิรนามนี้ล้วนเป็นคำพูดส่งเดช ถูกสร้างขึ้นมา?”“ข้าลอบให้องครักษ์เสื้อแพรสืบตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว”“อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดส่วนก็คือเรื่องจริง!”ซี้ด...เสียงหายใจเย็นดังขึ้นระลอกหนึ่งหลี่หลงหลินเตรียมการไว้รอบด้านไม่ผิดไปดังคาด!เขาถึงขั้นส่งองครักษ์เสื้อแพรออกไปลอบสืบจดหมายนิรนาม ยิ่งไปกว่านั้นยังได้หลักฐานที่แท้จริงคดีทุจริตการสอบขุนนางมีมานานมากแล้วช่วงล่าสุดก็คือหนึ่งถึงสองปีก่อนช่วงเวลายาวนานยิ่งกว่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึง สิบปีไปจนถึงสามสิบสี่สิบปีก็ล้วนมีทั้งสิ้นจดหมายนิรนามไร้สาระที่สุดหนึ่งฉบับพูดว่าคือเมื่อห้าสิบปีก่อน อดีตฮ่องเต้ยังครองบัลลังก์ ฮ่องเต้หวู่ยังไม่ได้รับสืบทอดบัลลังก์จากเรื่องนี้สามารถมองออกว่าสำนักปราชญ์ผูกขาดการสอบขุนนาง ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ แต่มีมานานมากแล้วน่ากลัวว่ายามต้าเซี่ยเพิ่งสถาปนาแคว้น รากหายนะก็หยั่งลงลึกแล้วคนเขียนจดหมายนิรนามมีความโกรธแค้นอย่างลึกซึ้งต่อสำนักปราชญ์ กอปรกับมุมม
กลยุทธ์ถ่วงเวลา ที่ใช้หมื่นครั้งได้ผลหมื่นครั้งครั้งนี้กลับพ่ายแพ้ยามอยู่ต่อหน้าหลี่หลงหลินเสิ่นชิงโจวขมวดคิ้วแน่น สีหน้าไม่สบอารมณ์อีกฝ่ายมิได้ต่อสู้ส่งเดช แต่เตรียมการมาก่อน...รับมือยากยิ่ง!หน้าท้องพระโรง ฮ่องเต้หวู่โบกมือสั่งคนไปยกเก้าอี้มังกรสีทองเข้ามา หลังนั่งลงไปแล้ว มุมปากก็ยกขึ้นเผยรอยยิ้มน่าสนใจ!กลยุทธ์ถ่วงเวลานี้ แม้แต่เราก็ปวดหัวมาก ไม่มีหนทางรับมือเจ้าเก้ากลับจัดการได้อย่างผ่อนคลาย ทำให้เสิ่นชิงโจวรับมือไม่ทันจากนี้ไปเขายังมีอุบายอันใดอีก?ฮ่องเต้หวู่นั่งบนเก้าอี้มังกร สนใจอย่างมาก นั่งดูเสือต่อสู้กันหลี่หลงหลินหันหน้า สายตาตกลงที่ราษฎรทั้งหมด “ข้ารู้พวกเจ้ารู้สึกโกรธเคืองภายในใจ! ข้ายังรู้อีกว่าพวกเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาด มีความกล้าลุกออกมา ต่อสู้กับสำนักปราชญ์เน่าเฟะอย่างสุดชีวิต!”“แต่ ไม่จำเป็น!”“มีตัวอักษรอันเป็นหยาดโลหิตและน้ำตาของพวกเจ้าในจดหมายนิรนาม นี่ก็เพียงพอแล้ว!”“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องลุกออกมาเปิดเผยฐานะเพื่อเสี่ยงอันตราย!”“ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าเอง!”เหล่าราษฎรอึ้งงันรัชทายาทถึงขั้นห้ามมิให้บุคคลนิรนามลุกออกมา?หรือว่า