เพราะมีทหารจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั่งอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่จึงไม่สามารถตำหนิองค์ชายสี่ต่อหน้าได้มากนัก เพราะกลัวว่าเรื่องภายในจะถูกเปิดเผยออกไป และทำให้คนภายนอกหัวเราะเยาะ ดังนั้น ฮ่องเต้หวู่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และหันไปถามกงซูหว่าน: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานของสถาบันวิจัยภูเขาประจิมหรือ?” กงซูหว่านพยักหน้าและตอบว่า: “กราบทูลฝ่าบาท ใช่เพคะ!” ฮ่องเต้หวู่ยิ้มออกมาอย่างยินดี: “เยี่ยมมาก! สถาบันวิจัยภูเขาประจิม เพิ่งตั้งขึ้นได้ไม่นาน แต่สามารถมีผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ได้ มีความดีความชอบมาก เราจะให้ประทานรางวัลให้เจ้าอย่างหนัก…” กงซูหว่านส่ายหัวและพูดความจริง: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานที่หม่อมฉันดำเนินการศึกษาและพัฒนา แต่ผู้ประดิษฐ์ที่แท้จริงคือองค์ชายเก้า! ถ้าฝ่าบาทจะให้ประทานรางวัล ก็ขอให้ประทานให้กับองค์ชายเก้าเถอะ หม่อมฉันไม่กล้ารับ…” เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ เป็นผลงานขององค์ชายเก้าอีกแล้วหรือ? หรือลมบนฟ้าทั้งใต้หล้านี้ จะพัดให้เจ้าคนเดียวหรือ? หลี่จือคบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
เมืองหลวงจวนตระกูลซูพรึ่บ!ณ ลานกลางจวน ลำแสงสีเงินเคลื่อนผ่าน!นั่นไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลำแสงสะท้อนจากหอกยาว!เงาตามติดการเคลื่อนไหวของหอก หอกพุ่งตัวดุจดั่งมังกร!นางสวมเสื้อเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัด ไม่ได้สวมหมวกเกราะ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังมัดรวบเป็นหางม้า พริ้วไหวขึ้นลงวีรชนผู้กล้าหาญ สตรีไม่แพ้บุรุษ!สตรีผู้นั้นคือซูเฟิ่งหลิงหลานสาวแม่ทัพผู้เฒ่าซู!ตึ้ง!หอกยาวในมือซูเฟิ่งหลิงทิ่มแทงด้วยความรุนแรง เจาะทะลุหุ่นไม้ แตกเป็นเสี่ยงๆ!บนศีรษะของหุ่นไม้มีแผ่นกระดาษติดไว้ สามตัวอักษร...หลี่หลงหลิน!หญิงสาวข้างกายปรบมือ “คุณหนู วิชาหอกของคุณหนูพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น ทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาหงส์น้ำตารื้น พูดด้วยความโมโห “วิชาหอกเก่งกาจ มีประโยชน์อะไร? ข้าเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารไอ้คนสารเลวหลี่หลงหลินด้วยตนเอง ไม่อาจแก้แค้นให้ตระกูลซูที่จงรักภักดีได้!”พวกสตรีได้ยินเช่นนั้น ต่างก้มหน้าลง สีหน้าฉายความโกรธเคืองตระกูลซูจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน ภักดีต่อต้าเซี่ย!เพราะคนสารเลวหลี่หลงหลิน ทำให้ผู้ชายของตระกูลซูตายอย่างอนาถ เหลือเพียงห
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”คนทั้งตระกูลซูพากันทำความเคารพหญิงชราแม้ซูเฟิ่งหลิงจะหยุดการกระทำของตน ทว่ายังเจ็บใจยิ่งนัก “ท่านย่า! แทงครั้งเดียว ข้าก็สังหารเจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลินได้แล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูหัวเราะในลำคอ “โชคดีที่ข้ามาทันเวลา หากเจ้าทำให้เว่ยกงกงบาดเจ็บ เช่นนั้นเจ้าก็เท่ากับว่าเจ้าทำความผิดร้ายแรง! ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”ซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าซูเวลาโมโหเท่านั้น แม้จะเจ็บใจ แต่นางก็ถอยไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟังทว่าดวงตาหงส์คู่นั้น ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน แทบอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!เว่ยซวินดึงสติกลับมา ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วทำเคารพ “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าซู! ไม่พบเจอกันนาน ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นเช่นไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”เว่ยกงกงเป็นขันทีคนโปรดของฮ่องเต้หวู่ ถูกขนานนามว่าเก้าพันปีแต่กระทั่งเก้าพันปีท่านนี้ ยังต้องทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างว่าง่าย!เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้ไม่เพียงมีอำนาจในตระกูลซู แม้แต่ในราชสำนัก ก็น่าเกรงขามยิ่งนัก!ถึงอย่างไร ทหารรักษาแคว้นสิบแปดนายของตระกูลซู นางเป็นคนสอนมากับมือ!เมื่อครั้นฮ
ฮูหยินผู้เฒ่าซูอ่านจดหมายเลือดวนซ้ำหลายรอบ พูดด้วยความไม่เข้าใจ “หลี่หลงหลิน! เหตุใดท่านไม่เอาจดหมายเลือด ให้ฝ่าบาท เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง “ไม่มีใครรู้จักลูกชายดีเท่ากับบิดา! นิสัยของเสด็จพ่อ ข้ารู้จักเป็นอย่างดี! ด้วยความหวาดระแวงและดื้อรั้นของเสด็จพ่อ จะเชื่อข้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเงียบนางเองก็รู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่เป็นคนอย่างไรตระกูลซู จงรักภักดีต่อต้าเซี่ย ปกป้องดินแดนทางเหนือมาหลายชั่วอายุคน ไม่รู้ว่ามีวิญญาณจงรักภักดีมากมายเพียงใดที่ถูกฝังในต่างแดน แต่ฮ่องเต้หวู่กลับยังคงหวาดระแวงและคอยกดตระกูลซูสถานการณ์ในราชสำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็พอได้ยินมาบ้างขุนนางฝ่ายบุ๋นรักเงินทอง ขุนนางฝ่ายบู๊รักชีวิตบวกกับฮ่องเต้หวู่ไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกจากองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินที่เสเพลเกินไป ไม่มีขุนนางคนใดสนับสนุนขุนนางคนอื่นล้วนลอบสนับสนุนองค์ชายพระองค์ เสมือนองค์ชายทั้งเก้าในสมัยราชวงศ์ชิงช่วงชิงบัลลังก์!หลายฝ่ายในราชสำนักแก่งแย่งชิงดี โจมตีซึ่งกันและกัน จนโกลาหลเสียงร้องทุกข์ของไพร่ฟ้าท่วมท้องถนน ชีวิตลำบากข้นแค้น!เวลานี้
หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทหารที่เหลืออยู่หนึ่งพันนายของตระกูลซู บุกเข้าวัง ปรับราชวงศ์เปลี่ยนรัชสมัย! เขายืมมือของตระกูลซูกำจัดผู้เห็นต่าง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อให้ตระกูลซูถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ให้อาชญากรรมทั้งหมดตกอยู่กับตระกูลซู! ” “หากเขาสังหารตระกูลซู ล้างมลทินให้ตนเอง ยกดินแดนให้คนป่าเถื่อนเป็นการชดเชย เขาก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง!” “นี่คือภาพรวมแผนการของเขา!” “ยอดแม่ทัพยืนหยัดบนหมื่นกระดูก!” “ไม่ว่าจะเป็นข้า หรือตระกูลซู ล้วนเป็นบันไดของคนผู้นี้!” “คนไร้ประโยชน์อย่างข้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย!”“แต่ตระกูลซูมีแต่ด้วยความภักดี กลับต้องกลายเป็นกบฏ ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ทิ้งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปชั่วลูกชั่วหลาน!” คําพูดนี้ ทําลายกำแพงในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูไปโดยสิ้นเชิง!ตุ้บ!ฮูหยินผู้เฒ่าซูนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น ดวงตาของนางว่างเปล่า ร้องไห้คร่ำครวญ: “ไม่กลัวหากร่างกายจะแหลกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงใจภักดิ์ไว้ในประวัติศาสตร์! ตระกูลซูของเราไม่กลัวความตาย! เพียงแต่หากตระกูลซูกลายเป็นกบฏจริงๆ แล้วข้าจะมีหน้าไปเจอบรรพบุรุษของตระกูลซูได้ยังไง...
ในท้องพระโรงฝ่าบาทกําลังมีประชุมฉุกเฉินเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างยืนสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศภายในจริงจังเป็นอย่างมากเส้นเลือดบนหน้าผากฝ่าบาทปูดขึ้น พักตรมังกรโกรธจัด: “มีกองทหารหลายแสนนายทางตอนเหนือ กลับไม่สามารถหยุดการย่ำยีประชาชนอย่างทารุณของเผ่าหมานนับหมื่นได้! ตอนนี้กองทัพเผ่าหมานได้เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว! ”“ต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่มีแม่ทัพและทหารที่สามารถสู้รบได้เลย!”“หรือต้องให้ข้านำทัพไปทำสงครามเอง?”เหล่าขุนนางทุกคนต่างก้มหน้าและไม่มีใครกล้าพูดฝ่าบาทเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้: “ไร้ประโยชน์! ล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์ ขุนนางเข้าใจข้าผิด! ศัตรูอยู่ตรงหน้า คุณธรรมอยู่ที่ใด? ”ในเวลานี้หลี่เซวียนองค์ชายหกยืนขึ้น: “เสด็จพ่อ กระหม่อมมีวิธีแก้ไขวิกฤตในเมืองหลวงพะยะค่ะ!”ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกายขึ้น: “เจ้าหก เจ้าฉลาดและมีไหวพริบมาตั้งแต่เด็ก! วิธีที่ว่าคืออะไร ไหนลองพูดมาสิ! ”หลี่เซวียนเอ่ยขึ้น: “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!การต่อต้านทหารม้าเผ่าหมาน จำเป็นต้องมีผู้นำทัพชั้นยอด! ภายใต้การบัญชาทัพของเสด็จพ่อ แล้วยังมีราชองครักษ์อ
เพราะมีทหารจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั่งอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่จึงไม่สามารถตำหนิองค์ชายสี่ต่อหน้าได้มากนัก เพราะกลัวว่าเรื่องภายในจะถูกเปิดเผยออกไป และทำให้คนภายนอกหัวเราะเยาะ ดังนั้น ฮ่องเต้หวู่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และหันไปถามกงซูหว่าน: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานของสถาบันวิจัยภูเขาประจิมหรือ?” กงซูหว่านพยักหน้าและตอบว่า: “กราบทูลฝ่าบาท ใช่เพคะ!” ฮ่องเต้หวู่ยิ้มออกมาอย่างยินดี: “เยี่ยมมาก! สถาบันวิจัยภูเขาประจิม เพิ่งตั้งขึ้นได้ไม่นาน แต่สามารถมีผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ได้ มีความดีความชอบมาก เราจะให้ประทานรางวัลให้เจ้าอย่างหนัก…” กงซูหว่านส่ายหัวและพูดความจริง: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานที่หม่อมฉันดำเนินการศึกษาและพัฒนา แต่ผู้ประดิษฐ์ที่แท้จริงคือองค์ชายเก้า! ถ้าฝ่าบาทจะให้ประทานรางวัล ก็ขอให้ประทานให้กับองค์ชายเก้าเถอะ หม่อมฉันไม่กล้ารับ…” เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ เป็นผลงานขององค์ชายเก้าอีกแล้วหรือ? หรือลมบนฟ้าทั้งใต้หล้านี้ จะพัดให้เจ้าคนเดียวหรือ? หลี่จือคบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของฮ่องเต้หวู่ชัดเจนแจ่มแจ้ง เห็นได้ทุกสิ่งแม้แต่เส้นขนเล็กๆ ก็มองเห็นได้ การที่มันถูกเรียกว่า "ตาพันลี้" อาจจะเกินจริงไปบ้าง แต่การมองได้ไกลหลายร้อยจ้างก็ไม่ใช่ปัญหา! ขุนนางทั้งหลายที่เห็นท่าทางของฮ่องเต้หวู่ ต่างก็รู้สึกอยากลองใช้งานบ้าง รู้สึกราวกับมีลูกแมวกำลังใช้เล็บข่วนอยู่ กล้องส่องทางไกลนี้มันน่าอัศจรรย์ขนาดนี้เลยหรือ? หลี่หลงหลินหันไปถามกงซูหว่าน: “พี่สะใภ้รอง เจ้ายังมีกล้องส่องทางไกลอีกหรือไม่?” กงซูหว่านพยักหน้า: “ช่องก่อนหน้านี้ข้าเบื่อๆ เลยทำมาอีกสิบกว่าตัว!” ทันใดนั้น กงซูหว่านก็สั่งให้คนเอากล้องส่องทางไกลสิบตัวมา และแบ่งให้เหล่าชนชั้นสูงและข้าราชการ วันนี้ที่ภูเขาประจิม เต็มไปด้วยเสียงคึกคักของผู้คน มีเหล่าชนชั้นสูง ข้าราชการและทหารมากกว่าร้อยนาย แต่กลับมีกล้องส่องทางไกลเพียงสิบอัน จำนวนไม่พอกับความต้องการ ขุนนางบางคนก็รีบแย่งชิงอย่างไม่กลัวเสียกิริยา “ให้ข้าดูบ้าง…” “ข้าก่อน!” “ข้าตำแหน่งสูงกว่าเจ้า!” “เจ้าคือใครกัน? ข้าเป็นกั๋วกง!” “ว้าว เห็นชัดจริงๆ นี่มันวิธีการของเทพเจ้าชัด ๆ!” ข
ฮ่องเต้หวู่ชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เราห่างจากลานฝึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอันตรายอีกหรือ?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง: “ปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามีพลังทำลายล้างมหาศาล สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เสด็จพ่อโปรดย้ายไปที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะดีกว่า!” เซียวเซวียนเช่อเบ้ปากและเอ่ยประชดประชัน: “องค์ชายเก้า นอกจากจะพูดเก่งแล้ว ก็ยังโกหกเก่งสุดในใต้หล้าอีกด้วย!” หลี่หลงหลินหัวเราะเยือกเย็น: “ท่าราชครู ถ้าท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่แหละ!” เซียวเซวียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะกลัวว่าจะตกหลุมพรางของหลี่หลงหลินอีก จึงเอ่ยว่า: “หึ! ข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่องค์หญิงทรงเป็นสตรีร่างกายมีค่าดั่งทองพันชั่ง ย่อมไม่สามารถเสี่ยงภัยได้!” เซียวเม่ยเอ๋อร์สองมือเท้าสะเอว เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น: “ปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาของเจ้า ต้องระเบิดภายในแน่! ข้าไม่อยู่ที่นี่หรอก!” พูดจบ ทุกคนก็เดินออกจากลานฝึก และมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก “ไปให้ไกลกว่านี้! ไปให้ไกลกว่านี้อีก!” หลี่หลงหลินเร่งเร้า จนกระทั่งทุกคนเดินไปถึงประตูใหญ่ของโรงเรียนทหารซีซาน จึงพูดว่า: “ที่นี่น่าจะ
หรือว่าเหมือนกับหลักการของน้ำตาลทรายขาว ที่เมื่อดินปืนดำถูกกลั่นกรองเพิ่มเติม ก็จะกลายเป็นดินปืนเหลืองที่มีพลังทำลายแรงขึ้น? กงซูหว่านรู้สึกเหมือนความรู้ที่นางมีถูกพลิกกลับไปหมด! ในขณะเดียวกัน นางกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สำหรับคนที่มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างนางแล้วนั้น สิ่งที่ไม่รู้จักย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างรุนแรง ทำให้คนอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดได้! กงซูหว่านจึงถามขึ้นว่า: “แต่ว่า ถ้าจะใส่ดินปืนเยอะขนาดนี้ มันจะไม่ทำให้ปืนแตกจริงๆหรือ?” ผนังของถังเหล็กบางเกินไป การที่ปืนแตกคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลี่หลงหลินส่ายหัวและอธิบายว่า: “ถังเหล็กพอจะหนาพอสมควร หากฝังมันในดินและตั้งมุมให้ถูกต้อง ปืนจะไม่แตก! และที่ทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเราต้องการให้ดินปืนระเบิดออกไป!” หลี่หลงหลินอธิบายหลักการของปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาให้กงซูหว่านฟัง ในขณะที่กงซูหว่านก็สนใจเรื่องอาวุธปืนไม่น้อย อีกด้านหนึ่ง ในอนาคตการประดิษฐ์อาวุธปืนอื่นๆ ก็ต้องอาศัยความสามารถของกงซูหว่านด้วย ด้วยความฉลาดของกงซูหว่านเมื่อเข้าใจหลักการแล้ว นางคงสามารถประดิษฐ์อาวุธปืนที่มี
เซียวเม่ยเอ๋อร์เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ ดวงตาสวยจ้องมองที่หลี่หลงหลิน พร้อมกับเยาะเย้ยถากถาง: “องค์ชายเก้า ท่านแพ้แน่นอน! แค่ของเล่นพวกนี้ จะไปสู้กับปืนใหญ่หงอีได้ยังไง!” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเหยียดๆ สีหน้าไม่แยแส: “โอ้? องค์หญิงช่างมั่นใจจริงๆ! งั้นกล้าเดิมพันกับข้าสักครั้งหรือไม่?” เดิมพัน? เซียวเม่ยเอ๋อร์ชะงักไป ก่อนจะเลียริมฝีปากแดงแล้วพูดว่า: “เดิมพันยังไง?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ถ้าข้าแพ้ ข้าจะเป็นสวามีของท่าน และเป็นข้ารับใช้ของท่านไปตลอดชีวิต! แต่ถ้าท่านแพ้ ต้องให้กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกจากชายแดนเขตเหนือทันที!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หยุดหายใจไปชั่วขณะ การเดิมพันนี้น่าสนใจจริงๆ! และในสายตาของนาง ย่อมต้องชนะแน่นอนไม่มีทางแพ้! “ตกลง...” เซียวเม่ยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจตอบตกลง แต่เซียวเซวียนเช่อเห็นท่าทางของนางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดขัดขึ้นจังหวะ: “องค์หญิง รอเดี๋ยว! พลาดครั้งหนึ่ง ได้บทเรียนแล้ว! ข้าเคยเดิมพันกับองค์ชายเก้า ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้ยับเยิน! ต้องระวังให้ดี อาจมีเล่ห์เหลี่ยม!” เคยถูกงูกัดครั้งห
เดี๋ยวก่อนนะ ตนต้องหลบให้ห่างไว้ หลีกเลี่ยงการต้องโดนลูกหลง! ในใจเว่ยซวิน เองก็แอบหวาดหวั่น จึงเอ่ยกับฮ่องเต้าหวู่ด้วยเสียงเบา: “ฝ่าบาท หรือเราจะถอยออกไปไกลๆ สักหน่อย…” ฮ่องเต้าหวู่หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า: “ยังไม่ได้เห็นอาวุธปืนของหลี่หลงหลินเลย จะกลัวอะไร?”ความหมายก็คือ ค่อยดูอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินสร้างขึ้นก่อนค่อยว่ากันถ้าดูแล้วไม่น่าเชื่อถือจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องถอยออกไปไกลๆหน่อย ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา คงได้น่ากลัวแน่! หลี่หลงหลินมองไปยังเซียวเซวียนเช่อ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านราชครู ท่านคิดผิดแล้ว! ประสิทธิภาพของสถาบันวิจัยภูเขาประจิม ไม่ใช่สิ่งที่หมานอี๋จะจินตนาการได้! อย่าว่าแต่ถังเหล็กหนึ่งถังเลย ร้อยถังแล้วจะเป็นไรไป?” “คนมานี่หน่อย!” “นำปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามา!” สิ้นคำสั่ง กงซูหว่านในชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา นำช่างฝีมือกลุ่มหนึ่ง เข็นรถเข็นไม้หลายคันเข้ามา บนรถเข็นเต็มไปด้วยวัตถุทรงกลมๆ ที่แท้ก็เป็นถังเหล็กจริงๆ! ขนาดของมันใหญ่กว่าถังเหล็กทั่วไปเล็กน้อย ผนังถังบางมาก ซึ่งมีความหนาประมาณนิ้วเดียวเท่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะล
หลังจากตีกลอง และสั่งถอยทัพแล้ว ซูเฟิ่งหลิงก็นำทหารม้าต้าเซี่ยถอยกลับไปยังข้างนอกลานฝึก ทุกคนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ฝุ่นควันค่อยๆ สลายไป ฮ่องเต้หวู่มองไปยังกลางลานฝึก เหยลวี่เกอและทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นอนกองอยู่บนพื้น เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ภาพนั้นช่างน่าอนาถ! เซียวเซวียนเช่อหน้าซีดเผือด รีบสั่งให้คนยกทหารที่บาดเจ็บกลับไป เพื่อทำการรักษา ซูเฟิ่งหลิงลงมืออย่างรู้จักประมาณการ มีคนเจ็บจำนวนมาก และแทบทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่เหยลวี่เกอยังถูกม้าเหยียบจนขาหักไปข้างหนึ่ง ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือด แต่ก็ยังไม่มีใครต้องสละชีวิตเลย! นี่ก็เป็นคำสั่งของหลี่หลงหลิน การทำให้ชาวหมานตายไปง่ายๆ นั้น คงง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา! ต้องทำเหมือนแมวเล่นกับหนู ค่อยๆ แกล้งพวกเขาไป! ซูเฟิ่งหลิงลงจากคู่ใจ สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ ประสานมือคำนับ: "ฝ่าบาท!" ฮ่องเต้หวู่ยิ้มอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวชมเชย: "ทำได้ดีมาก!" ฮูหยินผู้เฒ่าซูจับมือซูเฟิ่งหลิงไว้ด้วยความเป็นห่วง: "เด็กดี เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่?" ซูเฟิ่งหลิ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ตอบ นางใช้เรียวเล็บยาวของหัวแม่มือขวา กรีดลากผ่านลำคอ! เชือดคอ! เซียวเม่ยเอ๋อร์สั่งเหยลวี่เกอให้ฆ่าซูเฟิ่งหลิงโดยไม่ต้องใจอ่อน! เหยลวี่เกอพยักหน้า แล้วหันไปมองซูเฟิ่งหลิง ดวงตาส่องประกายเจตนาฆ่าที่กำลังคุกรุ่น: "พระชายา ลงจากม้าเถอะ! ข้าจะประลองกับเจ้าสักครั้ง!" หลี่หลงหลินหัวเราะอย่างเย็นชา: "ลงจากม้าหรือ? ในสนามรบนี้ใครไปจะสู้กับพวกไร้ม้ากัน?" พวกไร้ม้าหรือ? เมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของหลี่หลงหลิน ทุกคนในสนามต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ฮ่องเต้าหวู่ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล: "เจ้าเก้า ด่าได้ดีจริงๆ!" ส่วนเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พวกเขาแอบสาบานในใจว่า หากมีโอกาส จะต้องหั่นหลี่หลงหลินให้เป็นชิ้นๆ! เหยลวี่เกอหน้าดำคร่ำเครียด: "ไม่ยอมลงจากม้ารึ? ได้! แค่ให้เจ้าขี่ม้าแล้วจะสักแค่ไหนเชียว! อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว! จู่โจม! ฆ่านางซะ!" ฮูลา ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ล้อมไว้เป็นครึ่งวงกลม และให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ตรงกลาง ซูเฟิ่งหลิ
เมื่อหลี่หลงหลินมีเหตุผลจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาขอม้าศึกของเซียวเซวียนเช่ออีกครั้ง“เด็กเวร!”ใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาราชครูของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือผู้นี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าม้าศึกเพียงร้อยตัวจะสามารถทำให้เขาไม่อาจลงจากหลังเสือได้ เกือบจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!เซียวเม่ยเอ๋อร์เริ่มหงุดหงิดแล้ว “ท่านราชครู เจ้าจะชักช้าไปไย! ก็แค่ม้าศึกไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ก็ถือเสียว่าไล่ขอทาน ให้เขาไปก็สิ้นเรื่อง!”เซียวเซวียนเช่อตกตะลึง “ถ้าไม่มีม้า แล้วจะสู้กับกองทัพทหารใหม่ขอตระกูลซูได้อย่างไร?”เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเยาะเย้ยไปว่าต้าเซี่ยไม่มีม้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้เซียวเม่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น “ไม่มีม้าแล้วจะอย่างไร? ก็สู้ด้วยการเดินสิ นักรบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะไม่แพ้ต้าเซี่ยแน่นอน!”เซียวเซวียนเช่อมองไปที่เหยลวี่เกอแล้วพูดว่า “แม่ทัพเหยลวี่ ถ้าต่อสู้ด้วยการเดิน เจ้ามั่นใจเพียงใด?”เหยลวี่เกอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยการเดิน อย่างน้อยก็เก้าส่วนขอรับ!”คำพูดนี้พูดด้วย