หลี่หลงหลินรีบดึงซุนชิงไต้เข้ามาตรงหน้า แล้วกล่าวว่า “นางคือสะใภ้สามของข้า หมอเทวดาซุนชิงไต้! นางรักษาอาการเบื่ออาหารของเสด็จพ่อได้! ท่านไม่ต้องห่วง นางมีวิธีรักษาอาการป่วยของท่านอย่างแน่นอน”ซุนชิงไต้เข้าใจว่าหลี่หลงหลินตั้งใจกล่าวเช่นนี้เพื่อปลอบใจหลินกุ้ยเฟยดังนั้นนางจึงแสดงคล้อยตามไปด้วย “ใช่แล้ว กุ้ยเฟย อาการป่วยของท่านรักษาได้ง่ายมาก”หลินกุ้ยเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ในเมื่อ พูดเช่นนั้น ข้าก็ไม่กังวลแล้ว!”หลี่หลงหลินเอ่ยปลอบใจ “เสด็จแม่ ท่านพักผ่อนเยอะๆ เถอะ! เดี๋ยวพอข้าต้มยาเสร็จแล้ว ข้าจะส่งให้!”หลินกุ้ยเฟยทนไม่ไหวแล้วจริงๆ นางจึงหลับตาลง ไม่นานก็หลับไปหลี่หลงหลินไปหาขวานมาหนึ่งด้าม และพาซุนชิงไต้ไปที่สวน เขารีบหาต้นจินจีน่าแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ นี่คือต้นจินจีน่าที่สามารถรักษาโรคมาลาเรียได้!”“เจ้าเคยเห็นที่อื่นบ้างหรือไม่?”ซุนชิงไต้นึกตั้งนาน ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน! ดูเหมือนว่าต้นไม้ต้นนี้จะมาจากต่างแดนจริงๆ! แต่ต้นไม้ต้นนี้สามารถรักษาโรคมาลาเรียได้จริงหรือ? เจ้าไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?”หลี่หลงหลินยิ้มเจื่อน “ข้าอ่านมาจากหนังสือ
ข่าวว่าไทเฮาทรงประชวรหนักก็ได้แพร่สะพัดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ทราบเรื่อง ก็พากันเข้าวังโดยเฉพาะองค์ชายเหล่านั้น ต้องวิ่งมาเร็วกว่าใคร!เหล่าสนมทั้งหลายที่มาความกตัญญูต่อหน้าฮ่องเต้ ก็มารวมตัวกันในตำหนักชิงหนิงและร้องไห้เสียงดังระงมแม้แต่ฮองเฮาหลู่และฉินกุ้ยเฟยก็มาด้วยตั้งแต่ฉินกุ้ยเฟยดื่มน้ำอุจจาระ มันก็ทำให้ความอยากอาหารของนางลดลงอย่างมาก นางผอมจนเสียรูปลักษณ์ และยิ่งทำให้นางดูน่ากลัวมากขึ้น!นางมองไปรอบๆ ไม่พบเงาของหลี่หลงหลินหรือหลินกุ้ยเฟย ก็กล่าวด้วยความโกรธ “ฮองเฮา องค์ชายเก้าคอยพร่ำบ่นว่าตนเองกตัญญูนักหนาทุกวันไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดเขากับหลินกุ้ยเฟยถึงได้มาช้าล่ะ?”“ความกตัญญูของเขาคงไม่ได้แกล้งทำออกมากระมัง?”ฮองเฮาหลู่ขมวดคิ้ว แล้วพูดกับฮ่องเต้หวู่ “เจ้าเก้ากับหลินกุ้ยเฟย ทำเกินไปแล้วจริงๆ!”ฮ่องเต้หวู่อธิบายว่า “เจ้าเก้ามาที่นี่แต่แรกแล้ว! เขาบอกว่าเขามีวิธีอาการประชวรของเสด็จแม่ เขากำลังไปหายา! ส่วนหลินกุ้ยเฟย ข้าเองก็ไม่แน่ใจ...”เหล่าราชวงศ์คนอื่นๆ ได้ยินว่าองค์ชายเก้าอาสารักษาไข้มาลาเรีย จึงเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ทันที“เจ้าเก้า ชอบคุยโวจ
“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลินแล้วพูดอย่างเย็นชา “จริงหรือ?”หลี่หลงหลินไม่ปฏิเสธ “เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ!”ปัง!ฮ่องเต้หวู่เดือดดาลมาก “วุ่นวายมาตั้งนาน! เสด็จแม่ถูกหลินกุ้ยเฟยทำร้ายจริงๆ! เจ้าเก้า เจ้ายังมีอะไรจะพูดหรือไม่?”หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา สายตาจ้องมองไปที่ฉินกุ้ยเฟยและพูดว่า “เมื่อครู่นี้ลูกพูดเพียงว่า เสด็จแม่ของลูกป่วย แต่ไม่ได้พูดว่าป่วยเป็นไข้มาลาเลีย! ลูกแค่อยากจะทราบว่าฉินกุ้ยเฟยรู้ได้อย่างไรว่าเสด็จแม่ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย?”“หรือว่าเจ้ารู้นานแล้ว?”สีหน้าของฉินกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะถูกหลี่หลงหลินตบ ชั่วขณะหนึ่งก็กังวลมากจนพูดความจริง“ข้าก็แค่เดา...ไม่ได้หรือ?”ฉินกุ้ยเฟยอ้ำอึ้ง ก่อนจะโต้แย้งหลี่หลงหลินมีสีหน้าเย็นชา แล้วตะคอกไปว่า “เดาหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็เดาเก่งมากเลยนะ! ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองทายดูสิว่าใครจะเป็นโรคมาลาเรียรายต่อไป? เสด็จพ่อหรือเปล่า!”เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ส่งเสียงฮือฮาก็เท่ากับว่าหลี่หลงหลินตำหนิฉินกุ้ยเฟยว่านางคือเบื้องหลังของการแพร่ระบาดไข้มาลาเรีย!และไม่ใช่แค่หลินกุ้ยเฟยกั
รุ่งเช้าเกี้ยวก็มาถึงตำหนักชิงหนิงขันทีวิ่งเหยาะๆ ไปข้างฮ่องเต้หวู่แล้วกระซิบ “ฝ่าบาท หลินกุ้ยเฟเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ตกใจ เงยหน้าขึ้นทันที “หลินกุ้ยเฟย? นางป่วยเป็นไข้มาราเรียไม่ใช่หรือ? เหตุใดนางถึงมาที่ตำหนักชิงหนิง? ตามข้าไปดู!”องค์ชายและเหล่าสนมต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ฉินกุ้ยเฟยดูก็เอ่ยเสียงขุ่นเคือง “ฮึ เป็นไข้มาลาเรียหรือ แต่ยังวิ่งไปไหนมาไหนไปทั่ว ดูท่าคงจะแกล้งป่วย”องค์ชายสี่และพวก ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันหลี่หลงหลินขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา แต่เดินตามฮ่องเต้หวู่ไปที่เกี้ยวม่านเปิดออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามแต่ซีดขาวของหลินกุ้ยเฟย“เสด็จแม่...”ดวงตาของหลี่หลงหลินแดงก่ำ เขารีบก้าวไปข้างหน้าช่วยพยุงหลินกุ้ยเฟย “เสด็จแม่ เหตุใดท่านไม่พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ?”หลินกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์ชาย แม่ดื่มยาของเจ้าแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นมาก ไทเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหัว เอ่ยด้วยสีหน้ามืดมน “เสด็จแม่ยังไม่ฟื้น...”หลินกุ้ยเฟยปลอบใจนาง “ฝ่าบาท พระองค์ทำใจให้สบาย! ยาของเจ้าเก้ามีผลมหัศจรรย์! ในเมื่อรักษาหม่อมฉันได้ ก็ต้องรักษาไทเฮาได้เช่
แม้ว่านางจะอ่อนแอมาก แต่อย่างน้อยก็สามารถกินอาหาร ดื่มโจ๊กได้บ้าง สติก็ยังชัดเจนมากฮ่องเต้หวู่ดีใจจนแทบคลั่ง ในที่สุดก็วางใจลงได้แล้ว กลับไปนอนต่อสักพักเมื่อเหล่าราชวงศ์องค์ชายเห็นว่าไทเฮาพ้นขีดอันตรายแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรน่าสนุกให้ดูอีก ก็พากันขอตัวลาหลี่หลงหลินช่วยพยุงหลินกุ้ยเฟยขึ้นไปบนเกี้ยว แล้วกลับไปที่ตำหนักฉางเล่อ“องค์ชาย!”“ครั้งนี้ เจ้ารักษาอาการประชวรของไทเฮาได้ ถือว่าสร้างความดีใหญ่หลวงนัก!”“ฮ่องเต้จะตอบแทนเจ้าอย่างงามแน่นอน!”หลินกุ้ยเฟยจับมือหลี่หลงหลินพร้อมกับยิ้มด้วยความรักความเมตตาหลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่! ท่านเองก็พักผ่อนเถอะ! อย่าลืมฆ่ายุงด้วย! ข้ามีงานอื่นต้องทำ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมท่าน!”หลินกุ้ยเฟยโบกมือ “เจ้าทำงานเหนื่อยมานานแล้ว ก็ควรกลับไปพักผ่อนบ้าง!”หลี่หลงหลินเดินออกจากประตูตำหนักฉางเล่อ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป กลายเป็นสีหน้าถมึงทึงแทนซุนชิงไต้ที่ตามหลังหลีหลงหลิน เห็นสีหน้าเจตนาร้ายของเขา นางก็ถามอย่างสงสัย “องค์ชายเก้า ไทเฮากับหลินกุ้ยเฟยก็เกือบจะหายจากไข้มาลาเรียแล้ว! เจ้าควรจะดีใจมิใช่หรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว
ซุนชิงไต้มีสีหน้าตะลึง ดวงตาคู่งามนั้นจ้องมองหลี่หลงหลินเว่ยซวินมาจริงๆ ด้วย!หรือว่าหลี่หลงหลินจะสามารถหยั่งรู้โชคชะตาได้ หรือว่าเขาเป็นเทพเซียนบนสวรรค์?ซุนชิงไต้ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วคิดอย่างจริงจังดูเหมือนว่านี่จะเป็นความเป็นไปได้ที่ไร้สาระถ้าเขาไม่ใช่เทพเซียน แล้วเขาจะทำผงปรุงรสไก่ที่อร่อยขนาดนี้ออกมาได้อย่างไรกระทั่งยังรู้จักต้นจินจีน่าที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้อีกเว่ยซวินก้าวไปข้างหน้า คว้าแขนของหลี่หลงหลินเอาไว้แน่น “องค์ชายเก้า โชคดีที่ท่านยังไม่ไป! ช่วยด้วย...”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วยด้วย? ชีวิตใคร?”เว่ยซวินเอ่ยด้วยสีหน้าโศกเศร้า “แน่นอนว่าเป็นชีวิตของข้า! องค์ชายเก้า ข้าพูดเรื่องดีๆ ของท่านต่อหน้าฝ่าบาทไปไม่น้อย! ท่านห้ามเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยเด็ดขาด!”นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกตั้งแต่หลี่หลงหลินให้ข้อเสนอกับฮ่องเต้หวู่ หลังจากก่อตั้งองครักษ์เสื้อแพรเว่ยซวินก็ได้รับประโยชน์มากมายแม้ว่าเว่ยซวินจะเป็นขันที แต่นิสัยเดิมก็ยังคงโลภมากแต่เขาเป็นคนฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชำนาญเรื่องการเลือกข้างไม่เช่นนั้น เขาก็คงยืนหยัดอยู่ในราชสำนักไม่ได้มาหลายสิบปีขนาดนี้
น้ำหอมดอกไม้ไล่ยุง จริงๆ แล้วมันคือของนำเข้าในยุคนี้ของต้าเซี่ย ไม่มีสิ่งนี้อยู่ไม่น่าแปลกใจที่หญิงคณิกาของสำนักการสังคีต และสนมวังหลังจะไม่เพียงแต่กินยาลูกกลอนหอมเท่านั้น แต่ยังอาบน้ำด้วยกลีบดอกไม้บ่อยๆ เพื่อให้น้ำหอมในร่างกายของตัวเองส่งกลิ่นหอมออกไปดึงดูดบุรุษ!ถ้าพูดเช่นนี้ ถ้าตนคิดค้นน้ำหอมดอกไม้ขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าสามารถสร้างกำไรก้อนโตได้เลยหรือ?หลี่หลงหลินรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ สำหรับเว่ยซวินแล้ว “เว่ยกงกง พวกยุงเหล่านี้ จะจัดการให้หมดโดยอาศัยแค่กำลังคนไม่ได้!”เว่ยซวินกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ใช่หรือไม่เล่า! ฝ่าบาทกำลังสร้างความลำบากใจให้ข้าอยู่ชัดๆ”หลี่หลงหลินกล่าวต่อ “แต่จุดประสงค์หลักของพวกเรา คือการป้องกันไข้มาลาเรีย ไม่ใช่การกำจัดยุง! ตราบใดที่ยุงไม่กัดคน เท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”เว่ยซวินตกตะลึง “แล้วยุงที่ไหนไม่กัดคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้สูตรหนึ่งเรียกว่าน้ำหอมดอกไม้ ไม่เพียงแต่ไล่ยุงได้เท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอมด้วย หากถูกยุงกัด ก็ยังสามารถยับยั้งอาการคันและสลายพิษได้!”“ไม่กล้าบอกว่าจะสามารถทำให้ยุงทั้งหมดไม่กัดได้ แต่อย่างน้อยมันก็ลดปร
หอเทียนเซียงหลี่หลงหลินสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ และมองดูซุนชิงไต้กำลังสวาปาม พลางตอบข้อสงสัยของนางด้วย“ง่ายมาก”“ข้าสงสัยว่าไข้มาลาเรียในวังนั้นอาจจะเป็นฝีมือของใคร!”ปากของซุนชิงไต้ยัดน่องไก่ไปเต็มคำ สีหน้าของนางดูตกใจ “จริงหรือ?”หลี่หลงหลินไม่ได้แปลกใจกับปฏิกิริยาของซุนชิงไต้จากมุมมองของคนยุคโบราณ โรคระบาดถือเป็นภัยธรรมชาติแม้แต่หมอเทวดาอย่างซุนชิงไต้ก็นึกไม่ออกว่าจะมีคนสามารถควบคุมโรคระบาด หรือปฏิบัติการด้วยสงครามเชื้อโรคและสงครามไวรัสหลี่หลงหลินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “นี่เป็นเพียงการเดาของข้า! หวังว่าข้าจะเดาผิด! แต่... หากมีใครใช้ยุงจงใจแพร่เชื้อมาลาเรีย! ที่อยู่ของคนผู้นี้ก็ต้องมียุงน้อยที่สุด!”ซุนชิงไต้เข้าใจหลักการนี้แล้วผู้ที่แพร่กระจายโรคระบาดรู้ดีว่าไข้มาลาเรียนั้นน่ากลัวเพียงใด และแน่นอนว่าจะต้องฆ่ายุงล่วงหน้า และป้องกันอย่างดีแล้วซุนชิงไต้กลืนขาไก่ลงไป “หลังจากที่เจ้ารู้แล้ว แล้วขั้นตอนต่อไปล่ะ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “ตอนนี้ยังคิดไม่เสร็จ! เอาไว้ค่อยๆ ไปทีละขั้นตอนแล้วกัน! น่าจะเป็นฉินกุ้ยเฟย เพราะนางได้เปิดเผยความลับออกมาแล้ววันนี้! แต่ข้าก็ยังต้องการหลักฐานเพิ่ม
เพราะมีทหารจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั่งอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่จึงไม่สามารถตำหนิองค์ชายสี่ต่อหน้าได้มากนัก เพราะกลัวว่าเรื่องภายในจะถูกเปิดเผยออกไป และทำให้คนภายนอกหัวเราะเยาะ ดังนั้น ฮ่องเต้หวู่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และหันไปถามกงซูหว่าน: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานของสถาบันวิจัยภูเขาประจิมหรือ?” กงซูหว่านพยักหน้าและตอบว่า: “กราบทูลฝ่าบาท ใช่เพคะ!” ฮ่องเต้หวู่ยิ้มออกมาอย่างยินดี: “เยี่ยมมาก! สถาบันวิจัยภูเขาประจิม เพิ่งตั้งขึ้นได้ไม่นาน แต่สามารถมีผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ได้ มีความดีความชอบมาก เราจะให้ประทานรางวัลให้เจ้าอย่างหนัก…” กงซูหว่านส่ายหัวและพูดความจริง: “กล้องส่องทางไกลนี้เป็นผลงานที่หม่อมฉันดำเนินการศึกษาและพัฒนา แต่ผู้ประดิษฐ์ที่แท้จริงคือองค์ชายเก้า! ถ้าฝ่าบาทจะให้ประทานรางวัล ก็ขอให้ประทานให้กับองค์ชายเก้าเถอะ หม่อมฉันไม่กล้ารับ…” เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ เป็นผลงานขององค์ชายเก้าอีกแล้วหรือ? หรือลมบนฟ้าทั้งใต้หล้านี้ จะพัดให้เจ้าคนเดียวหรือ? หลี่จือคบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของฮ่องเต้หวู่ชัดเจนแจ่มแจ้ง เห็นได้ทุกสิ่งแม้แต่เส้นขนเล็กๆ ก็มองเห็นได้ การที่มันถูกเรียกว่า "ตาพันลี้" อาจจะเกินจริงไปบ้าง แต่การมองได้ไกลหลายร้อยจ้างก็ไม่ใช่ปัญหา! ขุนนางทั้งหลายที่เห็นท่าทางของฮ่องเต้หวู่ ต่างก็รู้สึกอยากลองใช้งานบ้าง รู้สึกราวกับมีลูกแมวกำลังใช้เล็บข่วนอยู่ กล้องส่องทางไกลนี้มันน่าอัศจรรย์ขนาดนี้เลยหรือ? หลี่หลงหลินหันไปถามกงซูหว่าน: “พี่สะใภ้รอง เจ้ายังมีกล้องส่องทางไกลอีกหรือไม่?” กงซูหว่านพยักหน้า: “ช่องก่อนหน้านี้ข้าเบื่อๆ เลยทำมาอีกสิบกว่าตัว!” ทันใดนั้น กงซูหว่านก็สั่งให้คนเอากล้องส่องทางไกลสิบตัวมา และแบ่งให้เหล่าชนชั้นสูงและข้าราชการ วันนี้ที่ภูเขาประจิม เต็มไปด้วยเสียงคึกคักของผู้คน มีเหล่าชนชั้นสูง ข้าราชการและทหารมากกว่าร้อยนาย แต่กลับมีกล้องส่องทางไกลเพียงสิบอัน จำนวนไม่พอกับความต้องการ ขุนนางบางคนก็รีบแย่งชิงอย่างไม่กลัวเสียกิริยา “ให้ข้าดูบ้าง…” “ข้าก่อน!” “ข้าตำแหน่งสูงกว่าเจ้า!” “เจ้าคือใครกัน? ข้าเป็นกั๋วกง!” “ว้าว เห็นชัดจริงๆ นี่มันวิธีการของเทพเจ้าชัด ๆ!” ข
ฮ่องเต้หวู่ชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เราห่างจากลานฝึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมีอันตรายอีกหรือ?” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง: “ปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามีพลังทำลายล้างมหาศาล สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เสด็จพ่อโปรดย้ายไปที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะดีกว่า!” เซียวเซวียนเช่อเบ้ปากและเอ่ยประชดประชัน: “องค์ชายเก้า นอกจากจะพูดเก่งแล้ว ก็ยังโกหกเก่งสุดในใต้หล้าอีกด้วย!” หลี่หลงหลินหัวเราะเยือกเย็น: “ท่าราชครู ถ้าท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่แหละ!” เซียวเซวียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะกลัวว่าจะตกหลุมพรางของหลี่หลงหลินอีก จึงเอ่ยว่า: “หึ! ข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่องค์หญิงทรงเป็นสตรีร่างกายมีค่าดั่งทองพันชั่ง ย่อมไม่สามารถเสี่ยงภัยได้!” เซียวเม่ยเอ๋อร์สองมือเท้าสะเอว เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น: “ปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาของเจ้า ต้องระเบิดภายในแน่! ข้าไม่อยู่ที่นี่หรอก!” พูดจบ ทุกคนก็เดินออกจากลานฝึก และมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก “ไปให้ไกลกว่านี้! ไปให้ไกลกว่านี้อีก!” หลี่หลงหลินเร่งเร้า จนกระทั่งทุกคนเดินไปถึงประตูใหญ่ของโรงเรียนทหารซีซาน จึงพูดว่า: “ที่นี่น่าจะ
หรือว่าเหมือนกับหลักการของน้ำตาลทรายขาว ที่เมื่อดินปืนดำถูกกลั่นกรองเพิ่มเติม ก็จะกลายเป็นดินปืนเหลืองที่มีพลังทำลายแรงขึ้น? กงซูหว่านรู้สึกเหมือนความรู้ที่นางมีถูกพลิกกลับไปหมด! ในขณะเดียวกัน นางกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สำหรับคนที่มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างนางแล้วนั้น สิ่งที่ไม่รู้จักย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างรุนแรง ทำให้คนอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดได้! กงซูหว่านจึงถามขึ้นว่า: “แต่ว่า ถ้าจะใส่ดินปืนเยอะขนาดนี้ มันจะไม่ทำให้ปืนแตกจริงๆหรือ?” ผนังของถังเหล็กบางเกินไป การที่ปืนแตกคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลี่หลงหลินส่ายหัวและอธิบายว่า: “ถังเหล็กพอจะหนาพอสมควร หากฝังมันในดินและตั้งมุมให้ถูกต้อง ปืนจะไม่แตก! และที่ทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเราต้องการให้ดินปืนระเบิดออกไป!” หลี่หลงหลินอธิบายหลักการของปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหาให้กงซูหว่านฟัง ในขณะที่กงซูหว่านก็สนใจเรื่องอาวุธปืนไม่น้อย อีกด้านหนึ่ง ในอนาคตการประดิษฐ์อาวุธปืนอื่นๆ ก็ต้องอาศัยความสามารถของกงซูหว่านด้วย ด้วยความฉลาดของกงซูหว่านเมื่อเข้าใจหลักการแล้ว นางคงสามารถประดิษฐ์อาวุธปืนที่มี
เซียวเม่ยเอ๋อร์เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิ ดวงตาสวยจ้องมองที่หลี่หลงหลิน พร้อมกับเยาะเย้ยถากถาง: “องค์ชายเก้า ท่านแพ้แน่นอน! แค่ของเล่นพวกนี้ จะไปสู้กับปืนใหญ่หงอีได้ยังไง!” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเหยียดๆ สีหน้าไม่แยแส: “โอ้? องค์หญิงช่างมั่นใจจริงๆ! งั้นกล้าเดิมพันกับข้าสักครั้งหรือไม่?” เดิมพัน? เซียวเม่ยเอ๋อร์ชะงักไป ก่อนจะเลียริมฝีปากแดงแล้วพูดว่า: “เดิมพันยังไง?” หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ถ้าข้าแพ้ ข้าจะเป็นสวามีของท่าน และเป็นข้ารับใช้ของท่านไปตลอดชีวิต! แต่ถ้าท่านแพ้ ต้องให้กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือออกจากชายแดนเขตเหนือทันที!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หยุดหายใจไปชั่วขณะ การเดิมพันนี้น่าสนใจจริงๆ! และในสายตาของนาง ย่อมต้องชนะแน่นอนไม่มีทางแพ้! “ตกลง...” เซียวเม่ยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจตอบตกลง แต่เซียวเซวียนเช่อเห็นท่าทางของนางก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดขัดขึ้นจังหวะ: “องค์หญิง รอเดี๋ยว! พลาดครั้งหนึ่ง ได้บทเรียนแล้ว! ข้าเคยเดิมพันกับองค์ชายเก้า ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้ยับเยิน! ต้องระวังให้ดี อาจมีเล่ห์เหลี่ยม!” เคยถูกงูกัดครั้งห
เดี๋ยวก่อนนะ ตนต้องหลบให้ห่างไว้ หลีกเลี่ยงการต้องโดนลูกหลง! ในใจเว่ยซวิน เองก็แอบหวาดหวั่น จึงเอ่ยกับฮ่องเต้าหวู่ด้วยเสียงเบา: “ฝ่าบาท หรือเราจะถอยออกไปไกลๆ สักหน่อย…” ฮ่องเต้าหวู่หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า: “ยังไม่ได้เห็นอาวุธปืนของหลี่หลงหลินเลย จะกลัวอะไร?”ความหมายก็คือ ค่อยดูอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินสร้างขึ้นก่อนค่อยว่ากันถ้าดูแล้วไม่น่าเชื่อถือจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องถอยออกไปไกลๆหน่อย ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา คงได้น่ากลัวแน่! หลี่หลงหลินมองไปยังเซียวเซวียนเช่อ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านราชครู ท่านคิดผิดแล้ว! ประสิทธิภาพของสถาบันวิจัยภูเขาประจิม ไม่ใช่สิ่งที่หมานอี๋จะจินตนาการได้! อย่าว่าแต่ถังเหล็กหนึ่งถังเลย ร้อยถังแล้วจะเป็นไรไป?” “คนมานี่หน่อย!” “นำปืนใหญ่สายฟ้าเหินเวหามา!” สิ้นคำสั่ง กงซูหว่านในชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา นำช่างฝีมือกลุ่มหนึ่ง เข็นรถเข็นไม้หลายคันเข้ามา บนรถเข็นเต็มไปด้วยวัตถุทรงกลมๆ ที่แท้ก็เป็นถังเหล็กจริงๆ! ขนาดของมันใหญ่กว่าถังเหล็กทั่วไปเล็กน้อย ผนังถังบางมาก ซึ่งมีความหนาประมาณนิ้วเดียวเท่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะล
หลังจากตีกลอง และสั่งถอยทัพแล้ว ซูเฟิ่งหลิงก็นำทหารม้าต้าเซี่ยถอยกลับไปยังข้างนอกลานฝึก ทุกคนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ฝุ่นควันค่อยๆ สลายไป ฮ่องเต้หวู่มองไปยังกลางลานฝึก เหยลวี่เกอและทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ นอนกองอยู่บนพื้น เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ภาพนั้นช่างน่าอนาถ! เซียวเซวียนเช่อหน้าซีดเผือด รีบสั่งให้คนยกทหารที่บาดเจ็บกลับไป เพื่อทำการรักษา ซูเฟิ่งหลิงลงมืออย่างรู้จักประมาณการ มีคนเจ็บจำนวนมาก และแทบทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่เหยลวี่เกอยังถูกม้าเหยียบจนขาหักไปข้างหนึ่ง ร้องโหยหวนเหมือนถูกเชือด แต่ก็ยังไม่มีใครต้องสละชีวิตเลย! นี่ก็เป็นคำสั่งของหลี่หลงหลิน การทำให้ชาวหมานตายไปง่ายๆ นั้น คงง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา! ต้องทำเหมือนแมวเล่นกับหนู ค่อยๆ แกล้งพวกเขาไป! ซูเฟิ่งหลิงลงจากคู่ใจ สาวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังเบื้องหน้าฮ่องเต้หวู่ ประสานมือคำนับ: "ฝ่าบาท!" ฮ่องเต้หวู่ยิ้มอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวชมเชย: "ทำได้ดีมาก!" ฮูหยินผู้เฒ่าซูจับมือซูเฟิ่งหลิงไว้ด้วยความเป็นห่วง: "เด็กดี เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่?" ซูเฟิ่งหลิ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ตอบ นางใช้เรียวเล็บยาวของหัวแม่มือขวา กรีดลากผ่านลำคอ! เชือดคอ! เซียวเม่ยเอ๋อร์สั่งเหยลวี่เกอให้ฆ่าซูเฟิ่งหลิงโดยไม่ต้องใจอ่อน! เหยลวี่เกอพยักหน้า แล้วหันไปมองซูเฟิ่งหลิง ดวงตาส่องประกายเจตนาฆ่าที่กำลังคุกรุ่น: "พระชายา ลงจากม้าเถอะ! ข้าจะประลองกับเจ้าสักครั้ง!" หลี่หลงหลินหัวเราะอย่างเย็นชา: "ลงจากม้าหรือ? ในสนามรบนี้ใครไปจะสู้กับพวกไร้ม้ากัน?" พวกไร้ม้าหรือ? เมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของหลี่หลงหลิน ทุกคนในสนามต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ฮ่องเต้าหวู่ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล: "เจ้าเก้า ด่าได้ดีจริงๆ!" ส่วนเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พวกเขาแอบสาบานในใจว่า หากมีโอกาส จะต้องหั่นหลี่หลงหลินให้เป็นชิ้นๆ! เหยลวี่เกอหน้าดำคร่ำเครียด: "ไม่ยอมลงจากม้ารึ? ได้! แค่ให้เจ้าขี่ม้าแล้วจะสักแค่ไหนเชียว! อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว! จู่โจม! ฆ่านางซะ!" ฮูลา ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ล้อมไว้เป็นครึ่งวงกลม และให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ตรงกลาง ซูเฟิ่งหลิ
เมื่อหลี่หลงหลินมีเหตุผลจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาขอม้าศึกของเซียวเซวียนเช่ออีกครั้ง“เด็กเวร!”ใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาราชครูของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือผู้นี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าม้าศึกเพียงร้อยตัวจะสามารถทำให้เขาไม่อาจลงจากหลังเสือได้ เกือบจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!เซียวเม่ยเอ๋อร์เริ่มหงุดหงิดแล้ว “ท่านราชครู เจ้าจะชักช้าไปไย! ก็แค่ม้าศึกไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ก็ถือเสียว่าไล่ขอทาน ให้เขาไปก็สิ้นเรื่อง!”เซียวเซวียนเช่อตกตะลึง “ถ้าไม่มีม้า แล้วจะสู้กับกองทัพทหารใหม่ขอตระกูลซูได้อย่างไร?”เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเยาะเย้ยไปว่าต้าเซี่ยไม่มีม้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้เซียวเม่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น “ไม่มีม้าแล้วจะอย่างไร? ก็สู้ด้วยการเดินสิ นักรบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะไม่แพ้ต้าเซี่ยแน่นอน!”เซียวเซวียนเช่อมองไปที่เหยลวี่เกอแล้วพูดว่า “แม่ทัพเหยลวี่ ถ้าต่อสู้ด้วยการเดิน เจ้ามั่นใจเพียงใด?”เหยลวี่เกอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยการเดิน อย่างน้อยก็เก้าส่วนขอรับ!”คำพูดนี้พูดด้วย