พบองค์ชายหกแล้วหรือ? ทุกคนต่างตกตะลึง ฮ่องเต้หวู่เอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา: “เจ้าสาม จริงหรือ? เจ้าพบเจ้าหกแล้วหรือ? คนอยู่ไหน? รีบพามาเขามาเร็ว!” หลีเฟิงอวิ๋นโค้งคำนับ: “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ! คนข้างนอกนำเขาขึ้นมา!” ทันใดนั้นก็มีองครักษ์หลายคนเข็นรถเข้ามา บนรถมีโลงศพวางอยู่! ฮ่องเต้หวู่ตะลึง: “นี่...นี่มันอะไรกัน?” หลีเฟิงอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา: “กราบทูลเสด็จพ่อ ศพของเจ้าหกอยู่ในโลงศพนี่” ข้าราชการทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างตกตะลึง องค์ชายหกสิ้นพระชนม์แล้วหรือ? สิ่งที่หลีเฟิงอวิ๋นนำกลับมาคือศพของพระองค์หรือ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หลี่หลงหลินก็มีสีหน้าตกใจ เขาจ้องมองไปที่โลงศพ ชีวิตของเจ้าหก เขาเป็นคนช่วยไว้ เพื่อล่อให้งูออกจากรู หาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง! ตอนนี้ เจ้าหกตายแล้ว! ในหัวของหลี่หลงหลินมีเพียงคำสี่คำผุดขึ้นมา - การฆ่าปิดปาก! คนที่พบศพเป็นคนแรก มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฆาตกร! กล่าวคือ ถ้าเจ้าหกตายแล้วจริง ฆาตกรก็น่าจะเป็นหลีเฟิงอวิ๋น! ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของกองทัพตระกูลซู ก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน! ร่างกายของซูเฟิ่งหลิงสั่นเทา ดวงตาจ้องมอ
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดเผ่าหมานจึงบุกเข้าคุกหลวงและจับตัวองค์ชายหกไป?ภายในนี้มีจุดน่าสงสัยมากเกินไปแล้ว!ฮ่องเต้หวู่ไม่มีวันหลงเชื่ออย่างง่ายดาย!หลี่เฟิงอวิ๋นเอ่ยปาก “เสด็จพ่อ ลูกนำศพของเผ่าหมานกลับมาด้วย! บัดนี้อยู่ที่ภายนอกพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “ไป! ตามเราออกไปดู!”เหล่าขุนนางเองก็แปลกใจมากภายในใจ เดินตามหลังฮ่องเต้หวู่ มาที่นอกตำหนักกลิ่นคาวเลือดชำแรกจมูกศพมากมายวางเกลื่อนลาน ใบหน้าบิดเบี้ยว เปียผม ก็คือคนเผ่าหมานอย่างแท้จริง!ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงพรึงเพริด “พวกเขา พวกเขาก็คือนักฆ่าที่ฆ่าเจ้าหกกระนั้นรึ?”หลี่เฟิงอวิ๋นพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ! ลูกสงสัยว่ามีคนสอดแนมเผ่าหมานจำนวนมากลอบเข้ามาถึงเมืองหลวง วางแผนชั่วร้าย! ลูกขอพระราชทานอนุญาตให้ทหารม้าหุ้มเกราะแห่งซีเหลียงสามพันคนเข้าเมืองหลวง ตามล่าคนสอดแนม ปกป้องความสงบ!”ตู้เหวินยวนคุกเข่าในทันใด “ฝ่าบาท คิดไม่ถึงมีคนเผ่าหมานมากเพียงนี้ลอบเข้าเมืองหลวง! ไม่ปลอดภัยเกินไปแล้ว! ซีเหลียงอ๋องซื่อสัตย์ภักดี ทำเพื่อปกป้องราษฎร์! ฝ่าบาทได้โปรดรับข้อเสนอของเขา ให้ทหารม้าหุ้มเกราะแห่งซีเหลียงเข้าเมืองหลวงด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่เฟิงอวิ๋นสงสัย “เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไร?”หลี่หลงหลินอธิบาย “หากราษฎร์ตื่นตระหนก ก็ต้องหาทางหนี! หากเหล่าราษฎร์ล้วนหนีไปทั้งหมดแล้ว เมืองหลวงกลายเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่ง เมื่อนั้นร้านรวงปิดตัวลง ซบเซาไปทั้งหมด กิจการของใต้เท้าทุกท่านก็ต้องจมดิ่งลง!”ได้ยินถ้อยคำนี้ เหล่าขุนนางชนชั้นสูงต่างมีสีหน้าไม่สบอารมณ์องค์ชายเก้ามิได้เจตนาพูดให้ผู้อื่นตกใจเมื่อไม่นานมานี้ราคาของร้านค้า ที่ดิน ที่นา ทั้งหมดล้วนจมดิ่งภายในระยะเวลาอันสั้นทรัพย์สินภายในมือของพวกเขาก็ละลายหายไปกับสายน้ำ ชนิดที่ว่าไร้ค่าไปแล้วประสบการณ์น่าหวาดกลัวเพียงนี้ พวกเขาไม่อยากประสบอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะเหล่าชนชั้นสูงรีบคัดค้านในทันใด “กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะแห่งซีเหลียงเข้าเมือง ส่งผลกระทบมากเกินไป กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางบุ๋นก็มิใช่เหล็กหนึ่งก้อนโดยเฉพาะยามเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตน มีขุนนางบุ๋นไม่น้อยหวั่นไหวแล้วเสนาบดีสองสามคนแปรพักตร์ “แม้ว่าซีเหลียงอ๋องทำความดีความชอบ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดใหญ่โตเพียงนี้ กองทัพใหญ่เข้าเมือง ชวนให้คนตื่นตระหนก!”หลี่หลงหลินสบโอกาสพูด “ใช่แล้ว! กองทัพทหารม
เว้นเสียแต่ตู้เหวินยวนแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่ล้วนเข้าไปยืนฝั่งหลี่หลงหลินตู้เหวินยวนถอนหายใจ “ซีเหลียงอ๋อง มิใช่ข้าไม่ช่วยท่าน แต่เพราะท่าน...เสียอำนาจใหญ่ไปแล้ว!”สุดท้ายตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็เลือกฝั่งหลี่หลงหลิน“พวกเจ้า...”หลี่เฟิงอวิ๋นยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพังที่ฝั่งหนึ่ง ใกล้ระเบิดโทสะเต็มทีขุนนางบุ๋นเหล่านี้ ไม่มีความหนักแน่นเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็นคนต่ำต้อยเห็นเพียงผลประโยชน์กลุ่มหนึ่ง!ช่างเป็นตัวไร้ประโยชน์โดยแท้!หลี่หลงหลินมีสีหน้าภาคภูมิใจ ยังจงใจเยาะหยันอีกด้วย “พี่สาม! ท่านพูดว่าเสด็จพ่อหัวเดียวกระเทียมลีบ! ดูท่านตอนนี้เถอะ ตกลงผู้ใดถูกตีตัวออกห่างกันแน่?”ฮ่องเต้หวู่อารมณ์ดีมาก ตบมือพูดยิ้มๆ “เจ้าเก้า พูดได้ดี!”“เจ้าเก้า พวกเรารอดูก่อนเถอะ!”หลี่เฟิงอวิ๋นโมโหแทบแย่ หมุนตัวได้ก็จากไปแล้วแม้ว่าทหารซีเหลียงสามพันคนไม่สามารถเข้าเมืองหลวงได้แต่เป้าหมายของหลี่เฟิงอวิ๋นสำเร็จแล้ว!เขาสามารถอ้างเหตุผลจับคนสอดแนมเผ่าหมาน สร้างชื่อเสียงอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้แล้ว!ภายภาคหน้าก็รอโอกาสเท่านั้น!หลี่หลงหลิน เจ้าสุนัขชั่วคนนี้ สักวันหนึ่งจะต้องชดใช
“เขียนอักษร?” เพียงฮ่องเต้หวู่ได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อคืนเพลิงไหม้คุกหลวงลุกลามออกไป อย่างน้อยก็มีราษฎร์นับร้อยคนประสบภัยหากราชสำนักออกหน้า สร้างบ้านเรือนให้พวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เงินราวหนึ่งแสนตำลึง!ขอเพียงเขียนอักษรให้เจ้าเก้า ก็สามารถแลกกับเงินหนึ่งแสนตำลึงได้แล้ว?การค้าขายนี้ ได้กำไรเกินไปแล้วกระมัง!งานเขียนอักษรของฮ่องเต้หวู่เปิดเผยออกไปน้อยมากมิใช่เขาไม่ชอบเขียนอักษร แต่เพราะทักษะการเขียนอักษรของเขาแย่มากเกินไปเขาเป็นพวกยิ่งแย่มากเพียงใดก็ยิ่งชอบมากเพียงนั้นยามว่างไม่มีอะไรทำ ฮ่องเต้หวู่ลอบฝึกเขียนอักษรภายในตำหนัก หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถทำให้พวกบัณฑิตเหล่านั้นอ้าปากค้างได้!“ได้!”“สหายเว่ย เจ้ารีบไปเตรียมสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ!”ฮ่องเต้หวู่รีบรับปาก ออกคำสั่งเว่ยซินเว่ยซวินรีบเตรียมกระดาษหมึกพู่กันแท่นฝนหมึก ยังช่วยฮ่องเต้หวู่ฝนหมึกด้วยตนเองอีกด้วยฮ่องเต้หวูจับพู่กัน ท่วงท่างดงาม เอ่ยถามหลี่หลงหลิน “เขียนอะไร?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด เอ่ยปาก “เสด็จพ่อ พระองค์เป็นผู้ซื่อสัตย์จริงใจ จักรพรรดิอันดับหนึ่ง! ก็เขียนสี่พยางค์นี้...หนึ่งใน
“ท่านพูดว่าองครักษ์เสื้อแพรปกปักใต้หล้ามิใช่หรอกหรือ ฟังดูแล้วน่าเกรงขามมาก!”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “มองภายนอกองครักษ์เสื้อแพรน่าเกรงขาม แท้จริงแล้วก็คือสุนัขรับใช้ของฮ่องเต้! งานสกปรกอะไร ล้วนให้องครักษ์เสื้อแพรไปทำทั้งหมด! ยกตัวอย่างเช่นฝ่าบาทให้เจ้าไปลอบสังหารขุนนางมือสะอาดซื่อสัตย์ภักดีคนหนึ่ง เจ้ายินดีทำหรือไม่?”เพียงซูเฟิ่งหลิงได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด “สังหารขุนนางซื่อสัตย์ภักดี? จะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร! ไม่มีวันทำ!”หลี่หลงหลินยักไหล่ “นั่นน่ะซิ! องครักษ์เสื้อแพรงานเช่นนี้ เจ้าต้องทำไม่ได้เป็นแน่! เจ้าเป็นชายาองค์ชายของเจ้าดีๆ เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งรุ่งโรจน์เหล่านั้นเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก “นั่นน่าเบื่อมาก!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นเจ้าอยากทำอะไร?”ดวงตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายระยับ เอ่ยออกมา “แน่นอนว่านำทัพออกศึก เป็นแม่ทัพใหญ่ถือดาบขี่ม้าคนหนึ่ง! นั่นน่าเกรงขามมากนัก...”ซูเฟิ่งหลิงกระตือรือร้นขึ้นมาในทันใด พูดสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมา ขณะเดียวกันหน้าแดงแล้ว “ฮึ ท่านต้องหัวเราะข้าเป็นแน่! หากข้าไม่ใช่ผู้หญิง เป็นผู้ชายก็คงดี...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า พูดอย่างจริงจั
ได้รู้ข่าวว่าฉินกุ้ยเฟยออกจากตำหนักเย็นแล้วหลินกุ้ยเฟยคล้ายกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ ใบหน้าเปี่ยมความตกตะลึงรับมือไม่ทัน“จะทำเยี่ยงไร...จะทำเยี่ยงไร...”“คราวนี้จะทำเยี่ยงไรดี?”หลี่หลงหลินเบ้ปาก “เสด็จแม่ ก็แค่ฉินกุ้ยเฟยคนเดียวเท่านั้นมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? มีอันใดให้กลัวกัน? ก่อนนี้นางเป็นกุ้ยเฟย อยู่เหนือท่านหนึ่งขั้น ทว่าบัดนี้ท่านเองก็เป็นกุ้ยเฟย มีศักดิ์เทียมกันแล้ว!”หลินกุ้ยเฟยถอนหายใจ “องค์ชาย เจ้าไม่รู้ ฉินกุ้ยเฟยคนนี้อันตรายมากนัก หากใช้อุบายชั่วขึ้นมา น่ากลัวว่าแม่หาใช่คู่ต่อสู้ของนางไม่!”หลี่หลงหลินหัวเราะแล้ว “นางอันตราย! ข้าอันตรายยิ่งกว่านางเสียอีก! ก็แค่การต่อสู้ในวังมิใช่หรือ? พวกเราก็สู้กับนาง ดูว่าใครกันแน่จะคว้าชัยชนะไปได้!”หลินกุ้ยเฟยส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง “ไม่ได้! แม่ต้องสู้นางไม่ได้เป็นแน่...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า ลอบทอดถอนใจภายในใจหลินกุ้ยเฟยเป็นคนใจดีมีเมตตามากเกินไป ใสซื่อบริสุทธิ์เกินไปแล้ววังหลังแห่งนี้ อันที่จริงก็คล้ายป่า วัฏจักรคือผู้อ่อนแอเป็นอาหารของผู้แข็งแกร่งเจ้าไม่กินผู้อื่น ผู้อื่นก็กินเจ้า!ทว่าหลินกุ้ยเฟยก็มีอุปนิสัยเช่นนี้ ไม่ชอ
หากสนมคนใดขัดตา ล่วงเกินเว่ยซวิน ไม่รู้ว่าต้องตายเยี่ยงไรเลยด้วยซ้ำ บ้างก็หายตัวไปอย่างไรร่องรอย ชนิดที่ว่าแม้แต่ศพก็หาไม่พบ!หลี่หลงหลินคลี่ยิ้ม ออกคำสั่งชุนเถา “เจ้าไปเรียกเว่ยซวินมา พูดว่าองค์ชายเก้ารอเขาที่ตำหนักฉางเล่อ!”ชุนเถาตกตะลึงจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง สีหน้าเผือดซีด “องค์ชาย บ่าวไม่กล้า...”หลี่หลงหลินเพียงเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้เจ้าไป เจ้าก็ไป! เว่ยซวินไม่กล้าลงโทษเจ้าเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังจะมอบรางวัลให้เจ้าอีกด้วยนะ!”ชุนเถาอับจนหนทาง ทำได้เพียงเกร็งหนังศีรษะ มุ่งหน้าไปยังพระที่นั่งหย่างซินสถานที่ที่เว่ยซวินอยู่ก็คือตำหนักด้านข้างของพระที่นั่งหย่างซิน ที่นี่สะดวกต่อการหยิบยกพระกระยาหารในการปรนนิบัติฮ่องเต้หวู่เว่ยซวินอารมณ์ดีไม่เลว ปากกำลังครวญเพลงงิ้วอยู่อีกด้วยชุนเถาหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้ามาหยุดที่หน้าประตู “หัวหน้าผู้ดูแลเว่ย! องค์ชายเก้าพูดว่ากำลังรอท่านที่ตำหนักฉางเล่อเจ้าค่ะ...”เพียงเว่ยซวินได้ยินก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก หยิบเงินหนึ่งก้อนยัดใส่มือชุนเถาในทันทีทันใด แย้มยิ้มมีความสุขพลางเอ่ย “ได้! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”เงินในมือชุนเถาหนักมาก คนกลับโง่