“แม้ว่าหัวหน้าหลิวเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็กๆ ขั้นเจ็ด แต่อย่างไรก็เป็นส่วนหนึ่งของกรมคลังเช่นเดียวกับพวกเรา ร่ำเรียนมาอย่างยากลำบากกว่าสิบปี หลังจากสอบบัณฑิตผ่าน กว่าจะได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องง่าย!”“หรือว่าท่านกลัวองค์ชายเก้า ไม่กล้าออกหน้าเพื่อหัวหน้าหลิว?”พวกขุนนางอาวุโสขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัยตู้เหวินยวนแค่นเสียงเย็นชา “องค์ชายเก้า คิดว่าข้ากลัวเขาหรือ? พูดตามตรง ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเขาสูงไป คิดว่าเขาจะฉลาดกว่านี้หน่อย! แต่สุดท้ายเขากลับสังหารขุนนางราชสำนักต่อหน้าทุกคน!”“ทำอะไรสวรรค์เฝ้าดูอยู่!”“ก่อนที่มันจะพังพินาศ ต้องทำให้มันบ้าคลั่งก่อน!”“มาดูกันเถอะว่าสุดท้ายแล้ว องค์ชายเก้าจะมีจุดจบอย่างไร!”อันที่จริงแล้ว ตู้เหวินยวนมีปมอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเหตุใดฮ่องเต้จึงมอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้องค์ชายเก้า?เมื่อเกิดกบฏก็ต้องมีปีศาจ!ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือฮ่องเต้ต้องการสอบสวนคดีของตระกูลซู แล้วแต่งตั้งให้องค์ชายเก้าเป็นผู้แทนพระองค์!เหตุใดตู้เหวินยวนถึงได้โจมตีองค์ชายเก้าอย่างบ้างคลั่ง?สิ่งที่เขากลัวก็คือเรื่องนี้!แต่หลังจากองค์ชายเก้าสังหารหัวหน้าหลิว ตู้เห
“ผู้ตรวจการกองทัพ...”ฮ่องเต้หวู่พึมพำอย่างครุ่นคิดข้อเสนอของเว่ยซวินนั้นถูกใจฮ่องเต้หวู่จริงๆอย่างแรก สามารถตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของหลี่หลงหลินได้สองมันสามารถช่วยให้เขาสำรวม ไม่กระทำผิดอย่างเหิมเกริมอย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้หวู่ไม่มีลูกน้องที่พอให้เชื่อใจได้มากนัก ผู้ตรวจการกองทัพที่เหมาะสมอยู่ น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “สหาย เจ้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่?”เว่ยซวินรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากฮ่องเต้หวู่ใจอ่อนอย่างที่คาด ทั้งหมดกำลังเป็นไปตามเรื่องราวที่เขาวางเอาไว้!แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง กลับขมวดคิ้วกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมยังนึกไม่ออกตอนนี้...”เมื่อฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าผิดหวัง เว่ยซวินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าในกรมกลาโหมมีชายหนุ่มที่มีความสามารถอยู่หลายครั้ง กระหม่อมมีข้อมูลของพวกเขาอยู่บ้าง ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดูพ่ะย่ะค่ะ...”รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์คือลูกชายบุญธรรมของเว่ยซวินอย่างไรก็ตาม เว่ยซวินตั้งใจบอกว่าเป็นคนของกลมกลาโหม เพื่อทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า รับสิ่งที่เว่ยซวินมอบให้ อ่านอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล
หากจะบอกว่ารังแกเบื้องบน ก็คงมีเพียงฮ่องเต้คนเดียวเท่านั้นที่ยังโง่!ฮ่องเต้หวู่ตะลึง หลังจากเงียบอยู่นานก็พูดว่า “เรื่องนี้ ช่างมันไปก่อนเถอะ! อย่าเพิ่งไปตรวจสอบ! อย่างไรเสีย ตู้เหวินยวนจะไม่มีวันเลิกราแน่ จะต้องใช้โอกาสนี้โจมตีเจ้า…”“แต่เจ้าไม่ต้องกังวล!”“ฎีกาฟ้องร้องของพวกเขา ข้าจะเก็บเอาไว้ไม่ส่งไป เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจข่าวลือเหล่านี้!”หลี่หลงหลินซาบซึ้งใจ ยกมือขึ้นคำนับกล่าวว่า “ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้หวู่ตรัสขึ้นมาอีกครั้ง “แต่หากเรื่องนี้มันวุ่นวายมากเกินไป จะต้องเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แน่! สหายเว่ยเพิ่งจะเสนอความคิดให้ข้าฟัง ว่าจะจัดผู้ตรวจการกองทัพไปที่ค่ายของเจ้าสองสามคน เข้าไปตรวจตราเพียงในนามเท่านั้น เจ้าจะยินดีหรือไม่?”ผู้ตรวจตรากองทัพ?หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เว่ยซวินด้วยความประหลาดใจในที่สุด สุนัขขันทีตัวนี้ก็ข่มกลั้นเอาไว้ไม่ได้แล้วสินะ จึงอยากจะลงมือกับตนแล้ว!ขณะที่หลี่หลงหลินอยู่ในกองทัพตระกูลซู เขาก็คือผู้ตรวจการกองทัพเขาคุ้นเคยกับวิธีการนี้เป็นอย่างดีเลยล่ะพูดตามตรง ฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อใจแม่ทัพ ดังนั้นจึงส่งสายลับสองสามคนไปจับตาดูอย
เว่ยซวินส่ายหัวกล่าวว่า “ท่านดูองค์ชายเก้าสิพ่ะย่ะค่ะ พูดไร้สาระอะไรกัน!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “เจ้าเก้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ผู้อื่นไปยุ่งเกี่ยวกับงานทหารในกองทัพของเจ้า แต่เจ้าต้องอยู่ในความเป็นจริง...”หลี่หลงหลินกล่าวโดยไม่คิดด้วยเสียงทุ้ม “เสด็จพ่อ! ลูกยินดีทำหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ! หากภายในสามวันนี้ ลูกยังไม่ทหารที่เป็นบัณฑิตจอหงวน ลูกยินดีรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่โบกมือ “เรื่องลงโทษ ไม่จำเป็นแล้ว! หากเจ้าทำไม่ได้ตามที่พูด ภายในสามวัน ข้าจะส่งผู้ตรวจการกองทัพไปที่ค่ายทหารของเจ้า และเจ้าห้ามปฏิเสธเด็ดขาด!”หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “ลูกน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ! ตอนนี้ดึกแล้ว ลูกขอทูลลา เสด็จพ่อทรงรีบพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากเว่ยซวินมองร่างที่จากไปของหลี่หลงหลิน บนมุมปากพลันฉายรอยยิ้มเหยียดหยามองค์ชายเก้าเอ๋ยองค์ชายเก้า!เจ้าไม่รู้ว่าชื่อเสียงของเจ้ามันแย่แค่ไหนในหมู่บัณฑิต!บัณฑิตจอหงวนใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ หรือ?อย่าว่าแต่สามวัน!ต่อให้สามปี!หลี่หลงหลินก็หาไม่เจอ!สถานการณ์ทั้งหมดถูกตัดสินเช่นนี้เขาต้องรอเพียงสามวันเท
หลิ่วหรูเยียนสะบัดแขนเสื้อ แล้วไล่แขกอย่างเย็นชา “เจ้าเองก็เห็นแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอะไร! เจ้าควรรีบไป เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า มันจะทำลายชื่อเสียงของข้า!”หลี่หลงหลินส่ายหัว มองดูกรรไกรในมือของหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “พี่สะใภ้สี่ ถ้าเจ้าไม่เป็นไรจริงๆ เหตุใดถึงได้พกอาวุธเช่นนี้ไว้ข้างกาย? เจ้า...คงไม่ได้คิดสั้นใช่หรือไม่?”สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนไปหลี่หลงหลินกล่าวสิ่งที่นางคิดในใจถูกต้องแล้วที่จริงแล้ว หลิ่วหรูเยียนนอนไปแล้ว แต่ในความฝันนางเห็นใบหน้าเศร้าโศกที่เต็มไปด้วยเลือดของท่านพี่สี่ นางตื่นขึ้นมาทันทีและนอนไม่หลับอีก ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงดีดพิณเพื่อแสดงความโศกเศร้าของนางสุดท้าย หลิ่วหรูเยียนก็ไม่สามารถถอนตัวออกมาจากความเจ็บปวดนั้นได้ และคิดสั้นจริงๆถ้าหลี่หลงหลินไม่ได้บุกเข้ามาอย่างกะทันหันเช่นนี้หลิ่วหรูเยียนอาจฆ่าตัวตายไปแล้วด้วยวิธีนี้ หลี่หลงหลินถือว่าได้ช่วยชีวิตตนแล้ว!ใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนอ่อนลงเล็กน้อย “องค์ชายเก้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นผู้ฟังของข้า...”หลี่หลงหลินกล่าวว่า “พี่สะใภ้สี่ ข้าเข้าใจความเศร้าโศกในใจของเจ้า! แต่ท่านพี่สี่ท
หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉาวโฉ่แล้วจะกลัวอะไร? ก็เหมือนกับเต้าหู้เหม็น ยิ่งเหม็น คนก็ยิ่งชอบ!”หลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าจนใจ “บัณฑิตสติฟั่นเฟือนพวกนั้นล้วนดูแคลนพวกราชวงศ์! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาคิดว่าตัวเองเก่งก็เลยหยิ่งผยอง ไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตา! สำหรับคนที่ไม่มีพรสวรรค์ พวกเขายิ่งไม่อยากพูดกับเจ้าแม้แต่ประโยคเดียว!”หลี่หลงหลินกลับไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ใช้ความสามารถไปเกลี้ยกล่อมให้พวกเขายอมได้! บุรุษ ความหมายที่สำคัญที่สุด...”หลิ่วหรูเยียนเหลือบมองหลี่หลงหลิน “เหตุใดข้าถึงดูไม่ออก เจ้ามีความหมายอันใด?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเพราะเจ้าไม่เข้าใจข้า! ข้าก็เหมือนเต้าหู้เหม็น ยิ่งเหม็น ก็ยิ่งกินอร่อย!”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกจนใจมาก “องค์ชายเก้า พวกเราอย่าพูดถึงเต้าหู้เหม็นเลยได้หรือไม่? เจ้าบอกข้ามาตรงๆ เถอะ อยากให้ข้าช่วยอะไร?”หลี่หลงหลินมาที่หน้าต่างและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่นอกหน้าต่าง “แสงจันทร์กำลังสว่างพอดี ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีและทิวทัศน์ที่งดงามจริงๆ คืนมะรืนนี้ เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง จัดการบทกวี เชิญบัณฑิตสติฟั่นเฟือนเหล่านั้นมาเ
กลุ่มคนต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจขึ้นมา และรีบก้าวขึ้นไปช่วยพยุงบัณฑิตหนุ่มพร้อมกับปัดสิ่งสกปรกบนตัวของเขาบัณฑิตนามว่าหนิงชิงโหว แม้ว่าจะดูทรุดโทรม แต่ชื่อเสียงก็ยังโด่งดังเป็นบัณฑิตหยิ่งยโสผู้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งในใต้หล้า!หนิงชิงโหวเปี่ยมไปด้วยความสามารถ เปี่ยมไปด้วยความรู้ด้านวรรณกรรม ด้วยความสามารถของบัณฑิตจอหงวน ครั้งหนึ่งเคยเป็นบัณฑิตดีเด่นในสถาบัน ได้รับการยกย่องจากบัณฑิตทุกคนน่าเสียดายที่มีขุนนางทุจริตเปลี่ยนกระดาษสอบของเขา ให้ลูกชายของตัวเองสอบได้คะแนนสูงกลายเป็นบัณฑิตจอหงวน ส่วนหนิงชิงโหวก็สอบตก!หลังจากที่หนิงชิงโหวรู้ความจริง เขาก็เดือดดาลอย่างหนัก ไปร้องทุกข์ที่ศาลาว่าการ ต้องการความยุติธรรมแต่สุดท้ายแล้ว หนิงชิงโหวไม่เพียงแต่ถูกทุบปางตายเท่านั้น แม้แต่รายชื่อของบัณฑิตเขาก็ถูกปลดออก ปัจจุบันนี้จึงไม่สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้อีก!หนิงชิงโหวรู้สึกท้อแท้มากจนไม่มีหน้ากลับบ้านเกิดเมืองนอน ทำได้เพียงเตร็ดเตร่อยู่บนหอนางโลม อาศัยการสนับสนุนจากหญิงคณิกา ใช้ชีวิตแบบซังกะตาย เอาตัวรอดไปวันๆหลิ่วหรูเยียนชื่นชมพรสวรรค์ของหนิงชิงโหว เคยให้การช่วยเหลือเขาไม่เพียงแค่หนึ่
ในชั่วพริบตาถึงวันงานเลี้ยงบทกวีพระจันทร์ส่องสว่างลอยเด่นอยู่บนฟ้าในสวนดอกไม้จวนตระกูลซู เต็มไปด้วยแขกคนรู้จักหนิงชิงโหวพาเหล่าบัณฑิตมาที่นี่เพื่อให้เกียรติหลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนมีความสุขมากที่ได้เห็นเพื่อนเก่าของนาง ความเศร้าโศกบนใบหน้านางก็ถูกปัดเป่าหายไป นางต่อบทกวีกับทุกคน พูดคุยถึงบทประพันธ์ต่างๆ อย่างมีความสุข!หลังจากดื่มไปสามรอบหนิงชิงโหวก็เริ่มเมาบ้างแล้ว เขามองไปรอบๆ ก็เห็นเพียงหญิงสาวในตระกูลซูเท่านั้น ไม่มีบุรุษแม้แต่คนเดียว และยิ่งกว่านั้นก็ไม่เห็นเงาร่างขององค์ชายเก้าหลี่หลงหลินผู้นั้นเลยหนิงชิงโหวยกมุมปากยิ้ม “แม่นางหรูเยียน เหตุใดถึงไม่เห็นองค์ชายเก้า? หรือว่าเขาจะกลัวขายหน้า เลยไม่กล้าโผล่หน้าออกมา?”“ฮ่าๆๆๆ...” “เหตุใดองค์ชายเก้าถึงได้เหมือนพวกสตรีเช่นนี้!”“แต่งบทกวีไม่เป็นก็ช่างเถอะ ขนาดหน้าก็ยังไม่กล้าโผล่มาให้เห็น ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!”“คนสวะเช่นนี้ นอกจากเกิดมาโชคดีแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีเลย!”เหล่าบัณฑิตที่หยิ่งยโสทุกคนต่างก็หัวเราะกันอย่างได้ใจ ไม่มีความปรานีต่อหลี่หลงหลินเลยแม้แต่น้อยลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงก็อยู่ด้วย สีหน้าของพวกนางตอนน
ข้ามศพไปก่อนหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าซูช่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงต่างตกตะลึงราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ด้านหลังมีบัณฑิตกลุ่มหนึ่งยุยง: “ก็แค่ยายแก่ใกล้ตายนางหนึ่ง! จะไปกลัวนางทำไม?” “ใช่แล้ว ประตูก็เปิดแล้ว บุกเข้าไป จะกลัวอะไร?” “ไป ๆ ๆ ยายแก่ผู้นี้สมคบคิดกับรัชทายาท ไม่ใช่คนดีอะไร!” ผัวะ! ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บันดาลโทสะ ตบหน้าบัณฑิตผู้นั้นไปหนึ่งฉาด “เจ้าปากพล่อยพูดอะไร? นางคือฮูหยินผู้เฒ่าซู!” บัณฑิตผู้นั้นถูกตบจนมึนงง เอามือกุมแก้มที่บวมแดง ยังคิดจะโต้เถียง แต่ชาวบ้านรอบข้างต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง คำพูดหยาบคายที่ในปากของบัณฑิตจึงถูกกลืนกลับลงไป ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไร บารมีของฮูหยินผู้เฒ่าซูนั้นสูงส่งยิ่งนัก ในใจของชาวบ้าน นางเปรียบเสมือนเทพเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตผู้จมอยู่แต่ในตำรา ไม่ออกมาสัมผัสโลกภายนอกจะเข้าใจได้! ในหมู่ชาวบ้าน มีผู้อาวุโสหลายคนเดินออกมาข้างหน้า โค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าซูด้วยความเคารพ: “ฮูหยินผู้เฒ่า โปรดระงับโทสะ... พวกเราจะถอยกลับไปเดี๋ยวนี้...”เอ่ยจบ พวกเขาก็นำพาชาวบ้านถอยออกจ
ใบหน้าของกงซูหว่านแดงระเรื่อ “รัชทายาทไม่ต้องเกรงใจ!” ในขณะนี้ หน้าจวนสกุลซูก็เริ่มมีบัณฑิตมารวมตัวกัน ก่อความวุ่นวาย กงซูหว่านรีบไปที่ภูเขาทิศประจิมภายใต้การคุ้มกันของซูเฟิ่งหลิง เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ข่าวการตายของซ่งชิงหลวนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บัณฑิตที่ออกมาเดินขบวนประท้วงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนต่างก็โกรธแค้น เห็นใจซ่งชิงหลวน รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเขา สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้! บัณฑิตและประชาชนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มารวมตัวกันหน้าจวนสกุลซู ร้องตะโกนเสียงดัง “องค์รัชทายาท ออกมา!” “บัณฑิตซ่งตายอย่างไม่เป็นธรรมในคุกหลวง ท่านต้องออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งน่าสงสาร บัณฑิตผู้มีคุณธรรมสูงส่ง กลับต้องมาตายด้วยมือของท่าน!” “ท่านไม่คู่ควรเป็นรัชทายาท!” “บุกเข้าไป ให้รัชทายาทออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งต้องไม่ตายเปล่า ต้องมีคำอธิบาย!” ในฝูงชน มีคนคอยยุยง ปลุกปั่น ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาต่างเดือดดาล ประชาชนขาดสติ ภายใต้การนำของผู้ไม่หวังดี พวกเขาพยายามทุบประตูจวนสกุลซู เพื่อบุกเข้าไป ภายในจวนสกุลซู บ่าวไพร่ต่างพากันหวาดกลัว จนตัวสั่นเทา ลั่วอ
“ทำอย่างไรดี?” ซูเฟิ่งหลิงอยู่ในชุดนักรบเต็มยศ สวมชุดเกราะเงินและเสื้อคลุมสีแดง เปล่งประกายความสง่างามและกล้าหาญ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยด้วยความกังวล “ข้าได้ยินมาว่า พวกบัณฑิตก่อเรื่อง ล้อมคุกหลวงไว้! หรือว่า พิธีบวงสรวงสวรรค์วันนี้ พวกเราจะไม่ไป?” “อย่างไรเสีย ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงมีรับสั่งแล้ว...” หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ไม่ได้! ข้าเป็นรัชทายาท ไม่เข้าร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ มันไม่สมเหตุสมผล! ยิ่งไปกว่านั้น...” แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่ได้ตรัสอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่พิธีบวงสรวงสวรรค์นี้ นอกเหนือจากการประกาศต่อสวรรค์ ขอพรให้ปีหน้าพืชผลอุดมสมบูรณ์ ลมฝนต้องตามฤดูกาลแล้ว ยังมีการจัดพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการในพิธีนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพิธีแต่งตั้งรัชทายาทก็คงไม่ผิดนัก หลี่หลงหลินในฐานะตัวเอก หากไม่เข้าร่วม ก็คงไม่สมเหตุสมผล ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่...มันอันตรายเกินไป ด้วยกำลังของข้าคนเดียว เกรงว่า...” หลี่หลงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งการ “เจ้าไปเคลื่อนพลจากภูเขาทิศประจิมมาเดี๋ยวนี้! เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน! นอกจากนี้ ข้าต้องไปพบพี่สะใภ้รองด้วย!” พูดจบ หลี
ไม่ว่าบัณฑิตจะก่อความวุ่นวายอย่างไร ก็ไม่สามารถบุกเข้ามาในวังหลวงได้ แต่การป้องกันของจวนสกุลซูนั้น อ่อนแอกว่าวังหลวงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างทางที่หลี่หลงหลินเดินทางจากจวนสกุลซูไปยังวังหลวง มีเพียงซูเฟิ่งหลิงที่คอยคุ้มกันอย่างใกล้ชิด หากเหล่าบัณฑิตดักรออยู่ระหว่างทาง หลี่หลงหลินอาจตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต! เว่ยซวินรีบกล่าว "บ่าวจะรีบไปแจ้งองค์ชายเดี๋ยวนี้!" ... จวนสกุลซู เดิมทีหลี่หลงหลินอยากจะนอนตื่นสาย ข้างนอกอากาศหนาวเหน็บ หิมะตกหนัก เขาไม่อยากลุกจากผ้าห่มอุ่นๆ เลย แต่ก็ไม่มีทางเลือก พิธีบวงสรวงสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับต้าเซี่ย หลี่หลงหลินในฐานะรัชทายาท ต้องเข้าร่วมพิธี “เฮ้อ” "รู้งี้ไม่เป็นรัชทายาทดีกว่า!" “ต้องตื่นเช้าเป็นประจำ น่าเบื่อจริงๆ!” หลี่หลงหลินลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ ล้างหน้าล้างตา กำลังรับประทานอาหารเช้า ทันใดนั้น ก็มีองครักษ์เสื้อแพรขี่ม้ามา "องค์รัชทายาท ฮ่องเต้หวู่มีรับสั่ง! บัณฑิตซ่งชิงหลวนผูกคอตายในคุกหลวงใต้ดิน! โปรดระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อหลี่หลงหลินได้ยิน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที หัวใจราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัด
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว