ขุนนางขั้นสูงฉวยโอกาสตอนเมาเอ่ยถาม “พระเชษฐภาดา ได้ยินมาว่ารัชทายาทยกทัพมาปราบกบฏที่ตงไห่ เรื่องนี้จริงหรือไม่?”ข่าวลือหลากหลายอย่างแพร่งพรายไปในหมู่ราษฎร์เพียงแต่นานมากถึงเพียงนี้ กลับยังไม่เห็นเงาของหลี่หลงหลินขุนนางขั้นสูงบ่นขึ้นมาภายในใจขุนนางขั้นสูงล้วนหันมองหลู่จงหมิงไม่มีพ่อค้าไม่คดโกงพวกขุนนางขั้นสูงเหล่านี้ไม่ใช่เดินทางมาเพื่อดื่มสุราเท่านั้น พวกเขายังต้องการล้วงข่าวบางอย่างจากปากของพี่เขยฝ่าบาทอีกด้วยบางครั้งข่าวเพียงเรื่องเดียวก็สามารถตัดสินความเป็นตายได้หลู่จงหมิงสบถเสสียงเย็น “ดูท่าแล้วเหมือนอย่างที่องค์หญิงใหญ่พูดไม่ผิดไปดังคาด คนเหล่านี้มองดูแล้วมีอำนาจบบาตรใหญ่ แต่ก็แค่พวกจิตใจโลเลเปลี่ยนไปตามทิศทางลมเท่านั้น! ทว่าข้าสามารถใช้งานได้พอดี!”หลู่จงหมิงยกจอกสุราขึ้น ใบหน้าลึกลับ “พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือเท็จเล่า?”เหล่าขุนนางขั้นสูงต่างหันหน้ามองกัน แต่ละคนส่ายหน้า“พระเชษฐภาดา ท่านอย่าล้อพวกเราเล่นอีกเลย หากข่าวที่พวกเราได้รับรวดเร็วแม่นยำเหมือนท่าน ไฉนเลยจะต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งวัน?”“ใช่แล้ว พระเชษฐภาดา! ท่านเป็นญาติของเชื้อพระวงศ์ ข่า
ทวนเงินในมือซูเฟิ่งหลิงหันเข้าหาหลู่จงหมิง คิ้วงามขมวดแน่น พูดเสียงเย็นชา “ข้าคือพระชายารัชทายาท ได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทมาปราบกบฏเมืองตงไห่!”ซูเฟิ่งหลิงกวาดตามองรอบด้าน เหล่านางรำในงานล้วนสวมใส่หลุดลุ่ย สุราไหลกลายเป็นสระ เนื้อมากมายคล้ายป่า ฟุ้งเฟ้อผิดปกติบัดนี้ราษฎร์เมืองตงไห่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ส่วนขุนนางเหล่านี้กำลังดื่มสุราหาความเพลิดเพลิน มีตำแหน่งกลับไม่ทำหน้าที่ ไม่ใส่ใจใยดีเรื่องในเมืองตงไห่!ซูเฟิ่งหลิงยากจะปกปิดเพลิงโทสะภายในใจ กำทวนเงินในมือแน่น“พระชายารัชทายาทซูเฟิ่งหลิง!”“รัชทายาทมาแล้ว ดูท่าแล้วเป็นเรื่องจริง!”“ตงไห่จะผลัดเปลี่ยนอำนาจแล้ว...”สีหน้าเหล่าขุนนางเผือดซีด ไม่มีอาการมึนเมาอีก ต่างพากันมองทางหลู่จงหมิงหลู่จงหมิงรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้าประจบสอพลอ “ที่แท้ก็เป็นพระชายารัชทายาทมาเยือนจากแดนไกล เสียมารยาทต้อนรับแล้ว ได้โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”แต่เขากลับสบถด่าสาปแช่งภายในใจเช้าไม่มา สายไม่มา แต่จะต้องมาในช่วงเวลาสำคัญนี้ คราวนี้ทำให้เขาเสียหน้าจนหมดสิ้นต่อหน้าเหล่าขุนนาง!ตอนนี้หลู่จงหมิงทำได้เพียงหาทางใกล้ชิดกับหลี่หลงหลิน จะได้ชดเชยหน้าตา
“พระเชษฐภาดาถึงขั้นกล้าใส่อารมณ์กับพระชายารัชทายาท!”“ดูท่าแล้วเมื่อครู่พระเชษฐภาดาไม่ได้พูดจาโอหัง ต่อให้รัชทายาทมาเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา!”“....”หลู่จงหมิงยืดอกตรง ท่วงท่าองอาจสง่างาม ใบหน้าเปี่ยมความดูแคลน ต้องการเห็นท่าทีตอบสนองของซูเฟิ่งหลิงซูเฟิ่งหลิงหยิบป้ายคำสั่งทหารที่ข้างเอวออกมา ร้องตะโกน “ข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทมาปราบกบฏ เหตุใดจะพูดไม่ได้?”หลู่จงหมิงแสยะยิ้มเย็นชา “ต้องการใช้ฝ่าบาทมากดดันข้า! เจ้าก็แค่พระชายารัชทายาทที่เพิ่งแต่งเข้ามาก็เท่านั้น ยังไม่ต้องให้เจ้าพูดจาโอหังต่อหน้าข้า! ต่อให้ต้องไล่ลำดับความอาวุโส หลี่หลงหลินเห็นข้าก็ยังต้องเรียกว่าท่านลุง!”“เหตุใดเพิ่งพบหน้าเจ้าก็กล้าหันทวนใส่ข้า ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาถึงเพียงนี้!”หลู่จงหมิงพูดจาล้ำลึก ทำให้ซูเฟิ่งหลิงพูดโต้กลับไม่ได้ไปชั่วขณะซูเฟิ่งหลิงโมโหจนหน้าแดงก่ำ จำใจเก็บทวนเงินในมือของตนหากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่หลู่จงหมิงพูดจาโอหัง ขาดความเคารพหลี่หลงหลิน ไฉนเลยตนเองจะหันทวนใส่ตั้งแต่ได้พบหน้า?หลู่จงหมิงเห็นซูเฟิ่งหลิงเก็บทวนเงินแล้ว ดึงสตรีตงอิ๋งสวมใส่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยสองคนเข้าหาอ้อมกอดอีกครั้ง ใบห
คำพูดของหลี่หลงหลินดังก้องกังวานดุจอันสียบาตรภายในหูของทุกคน สายตาคมกริบดุจใบมีดของเขากวาดมองทุกคนสีหน้าทุกคนเผือดซีดในทันใด คิดอยากหนีไปหลี่หลงหลินสั่งให้ทหารสกุลซูล้อมจวนอ๋องแห่งนี้ไว้ตั้งแต่แรก ไฉนเลยจะมีโอกาสหนีไปได้?หลี่หลงหลินเดินมาหยุดข้างกายซูเฟิ่งหลิง สายตาเปี่ยมความอ่อนโยน“เฟิ่งหลิง ข้ามาช้าไปหนึ่งก้าว”หลี่หลงหลินไม่เคยกล่าวโทษซูเฟิ่งหลิง แต่ห่วงใยความปลอดภัยของนางคนแสร้งเข้มแข็งอย่างซูเฟิ่งหลิงน้ำตาเอ่อคลอในทันใด นางพิงเข้าหาอกแกร่งของหลี่หลงหลิน พูดเสียงสะอื้น “องค์ชาย...”หลี่หลงหลินกอดซูเฟิ่งหลิง ตบหลังของนาง เป็นสัญญาณว่านางไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแต่น้ำตาของซูเฟิ่งหลิงกลับไม่หยุดไหล เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ได้รับความอึดอัดคับข้องใจมากเพียงใดหลี่หลงหลินเผยสีหน้าอ่อนโยน “นำทัพเดินทางมาล่วงหน้า ร้องไห้งอแงเช่นนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว รีบเช็ดน้ำตา อย่าให้ทหารมองเห็นเลย”ได้ยิน ซูเฟิ่งหลิงเช็ดน้ำตา แต่ใบหน้ายังเปี่ยมโทสะดังเดิม!ซูเฟิ่งหลิงไม่เคยรู้สึกไร้ความสามารถเช่นนี้มาก่อน ชนิดที่ว่าถูกคนหยามเกียรติกลับไม่สามารถลงมือได้!ความรู้สึกไร้ความสามารถนี้ ไม่ว่าอย่าง
บัดนี้ท้าทายอำนาจฟ้าดิน คล้ายไม่เห็นตนเองพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา!“ตอนนี้ท่านต้องมอบคำอธิบายให้ข้าอย่างหนึ่ง หาไม่แล้วข้าจะขอให้ฝ่าบาทลงโทษท่าน!”หลี่หลงหลินหลับตาแน่น“หนวกหู!”เพียะหลี่หลงหลินง้างมือขึ้น ตบลงไปอีกหนึ่งฉาด!เพียงแต่ตบฉาดนี้เสียงดังยิ่งกว่า ทำเสียจนหลู่จงหมิงใจสั่น“ผู้หญิงของข้ามีเพียงข้าสามารถรังแกได้ คำอธิบายนี้พอหรือไม่!”ทุกคนล้วนฮือฮา“ผะ...เผด็จการเหลือเกิน!”“เขาใช่รัชทายาทตัวไร้ประโยชน์คนนั้นจริงหรือ?”“......”แม้แต่เหล่าสะใภ้ก็อึ้งงันอยู่กับที่ รู้สึกอิจฉาภายในใจพวกนางคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะปกป้องผู้หญิงของตนถึงเพียงนี้ สายตาตกลงบนตัวน้องหญิงเล็กอย่างอดไม่ได้ปรารถนาว่าสักวันหนึ่งจะได้รับการปกป้องจากหลี่หลงหลินซูเฟิ่งหลิงอึ้งงันอยู่กับที่ หน้าแดงด้วยความเขินอาย หลี่หลงหลินพูดเพียงสองคำก็ทำให้นางลืมตาอ้าปากค้างแล้ว!ซูเฟิ่งหลิงสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้า พูดเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย พอแล้ว...”หลู่จงหมิงขาดการควบคุมอารมณ์ไปบ้าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้!ไม่เพียงไม่เห็นตนเองพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตาชนิดที่ว่าไม่เห็นตนเอง
“จวนอ๋องของท่าน?”หลู่จงหมิงได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน สีหน้าเผือดซีดดุจเถ้าธุลี!จู่ๆ เขาก็รับรู้ถึงความจริงบางอย่าง ครั้งนี้หลี่หลงหลินพุ่งเป้ามาที่ตน!บัดนี้หลี่หลงหลินถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องตงไห่ เช่นนั้นจวนอ๋องย่อมต้องเป็นที่พักของเขาพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ครองรัง บังคับครอบครองจวนอ๋องตงไห่ ไม่ถูกต้องตามครรลองครองธรรม!ต่อให้ถูกหลี่หลงหลินตบหน้าสองฉาดก็ไม่มีที่ให้ไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลู่จงหมิงสบถด่าภายในใจต่อให้ตอนนี้ถวายฎีกาให้ฝ่าบาทฟ้องร้องหลี่หลงหลินไม่เคารพผู้ใหญ่ไปก็ไร้ประโยชน์ หลี่หลงหลินสามารถอ้างว่าจวนอ๋องถูกยึดไว้ได้บัดนี้หลู่จงหมิงไม่เพียงถูกหลี่หลงหลินตบหน้าโดยเสียเปล่าสองที ชนิดที่ว่ายังต้องสงบเสงี่ยมสำรวมตน คืนจวนอ๋องให้เจ้าของที่แท้จริง!พระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเสียหน้า ยังเสียศักดิ์ศรีอีกด้วย!หลู่จงหมิงกัดฟัน ลอบพูดว่า “ข้าเคยได้รับความอึดอัดคับข้องใจถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด!”สายตาหลู่จงหมิงเปี่ยมโทสะสุภาพชนล้างแค้น สิบปีก็ยังไม่สาย!เขาจะต้องหาทางระบายความแค้นนี้ออกมาให้ได้เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!ใบหน้าหลี่หลงหลินเปี่ยมความเฉยชา พูด
ในดวงตาของหลี่หลงหลินเต็มไปด้วยความดุดันเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งมองหลี่หลงหลินอย่างไม่เชื่อสายตากลับปฏิเสธสาวงามเช่นนี้ได้สายตาของหลี่หลงหลินเปลี่ยนไปจับจ้องที่เหล่าพ่อค้านายทุนทุกคนพลันรู้สึกเย็นสันหลังวาบ ตามหลังหลู่จงหมิง ที่หนีหัวซุกหัวซุน!จวนอ๋องที่เดิมเคยคึกคักพลันเงียบสงบลงในทันทีไร้ซึ่งเสียงดนตรีที่น่ารำคาญอีกต่อไป“น้องหญิง เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”พี่สะใภ้หลายคนรีบวิ่งเข้ามา จับตัวซูเฟิ่งหลิงตรวจดูอย่างละเอียด เกรงว่านางจะถูกรังแกซูเฟิ่งหลิงพลันขอบตาแดงก่ำ “พี่สะใภ้ ข้าไม่เป็นไร โชคดีที่รัฐทายาทมาถึงทันเวลา มิฉะนั้นข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร”ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วแน่น ตวาดว่า “พระเชษฐภาดาคนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรบังคับให้เจ้าคุกเข่าคารวะ ช่างรังแกคนเกินไปแล้ว!”กงซูหว่านกล่าวเสียงเย็นชา “หากเขากล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะทำให้เขารู้สำนึก!”ซุนชิงไต้จับแขนซูเฟิ่งหลิงตรวจชีพจร เกรงว่านางจะตกใจจนขวัญเสียหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “น้องหญิงวางใจเถอะ วันหน้าพวกพี่สะใภ้จะช่วยเจ้าเอาคืนเรื่องนี้ให้ได้!”ซูเฟิ่งหลิงลดเสียงลง กล่าวว่า “ท่านอ๋อง ต่อไปข้าจะไม่ผลีผ
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค