อัตราการเดินทัพของพวกหยุนเจิงช้ามากช่วยไม่ได้ พกเสบียงอาหาร ต่อให้ใช้ม้าลากเลื่อนจำนวนมากขนส่งเสบียง ก็ไม่อาจเร็วได้อีกทั้ง ดินแดนเป่นหวนยิ่งขึ้นไปทางเหนือยิ่งขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอนยังดีที่เนินภูเขาขึ้นๆ ลงๆ พวกนั้นไม่ได้อยู่ติดกันมิฉะนั้น พวกเขาคิดคุ้มกันเสบียงก็ลำบากแล้วแต่ว่า การเดินทัพช้าก็ไม่ใช้เรื่องร้ายทั้งหมดพวกเขาสามารถแบ่งกลุ่มออกไปให้อาหารม้าได้ไกลหน่อยเช่นนั้น ก็สามารถลดการบริโภคอาหารสัตว์ไปได้จำนวนมาก ทั้งยังปล่อยให้ทัพศัตรูมีโอกาสจู่โจมพวกเขาตอนนี้ทั้งสองฝ่ายห่างกันไกลเกินไป ความเป็นไปได้ว่าทัพศัตรูจะจู่โจมมีไม่มากพวกเขาเพียงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ป้องกันการโจมตีของทัพศัตรูระหว่างเดินทัพ ม้าเร็วตัวหนึ่งมารายงาน“รายงานท่านอ๋อง บริเวณด้านหน้าห่างไปห้าสิบลี้พบกับหน่วยสอดแนมของเป่ยหวน แค่การพบปะเผชิญหน้ากัน ไม่มีคนบาดเจ็บ...”“ตรวจสอบต่อไป!”“ขอรับ!”หน่วยลาดตระเวนรับคำสั่งแล้วจากไปหน่วยสอดแนมสองผ่านเจอหน้ากันไม่ปะทะกัน เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งมองดูหน่วยลาดตระเวนจากไป หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ดูเหมือน เจียเหยาเริ่มเตรียมพร้อมรบแล้ว!”เมี่ยวอินจนใจ “พวก
หยุนเจิงยิ้มมองอวี๋ซื่อจง กล่าว “เจ้าคิดว่าธงอักษรซ่วยควรแขวนไว้ทางพวกหลู่ซิง?”“อื้ม”อวี๋ซื่อจงพยักหน้ากล่าว “องค์ชายอยู่ทางนี้ พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ตอนนี้ข้ากลัวว่ากองทัพเส้นทางขวาจะเกิดปัญหา”“ธงอักษรซ่วยแขวนไว้ที่ใดล้วนเหมือนกัน”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “ธงอักษรซ่วยอยู่พวกเราทางนี้ เจียเหยาก็อาจคิดว่า พวกเราจงใจทำ คิดว่าข้าอยู่ในกองทัพอีกเส้นทางหนึ่ง...”เรื่องนี้ ยากที่จะกล่าวนี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาคิดเช่นไรแต่เป็นเจียเหยาคิดเช่นไรหากเจียเหยาขี้ระแวงสงสัย คิดว่านี่เป็นความจงใจของเขา ดีไม่ดี ยังจะมาลอบจู่โจมค่ายเก็บเสบียงกองทัพเส้นทางนี้ของพวกเขาด้วยนี่เป็นปัญหาว่าการวิเคราะห์ของใครแม่นยำ ไม่อาจกล่าวได้ชัดเจนเช่นนี้หรือ?อวี๋ซื่อจงครุ่นคิด นับว่ามีเหตุผลหลังผ่านไปชั่วครู่ อวี๋ซื่อจงถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “องค์ชาย มีวิธีบีบบังคับให้ทัพศัตรูลอบเข้ามาโจมตีเผาเสบียงเราหรือไม่?”“เจ้าคิดสวยหรูไปแล้ว!” หยุนเจิงจ้องอวี๋ซื่อจง “เจ้าบีบบังคับให้ทัพศัตรูต้องมาจู่โจมค่าย หรือศัตรูไม่รู้ว่าพวกเราให้ความสำคัญกับการคุ้มกันค่ายเก็บเสบียง?”อวี๋ซื่อจงหัวเราะอย่างเก้
เวลาผ่านไปหลายวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ประโยชน์จากการที่ส่งสายสืบออกไปจำนวนมาก เจียเหยาสามารถเข้าใจสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกองทัพสองเส้นทางของต้าเฉียนได้เผชิญกับการบุกโจมตีของกองทหารมณฑลทางเหนือ เจียเหยาเดินออกมาจากสภาพสับสนกระวนกระวายก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้ กลัวไปก็ไร้ประโยชน์แล้วโชคดี กุ่ยฟางเข้าใจหลักการน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ตอบตกลงส่งทหารแล้วตอนนี้ ทหารหนึ่งหมื่นเก้าพันคนนำโดยเกออาซูขอแค่ถ่วงเวลาทัพศัตรูที่ทางเดินทะเลทรายตะวันตกได้ก็พอแล้วเดิมทีเจียเหยาคิดจะสลายกองทหารชั้นยอดเก้าหมื่นคนไปเติมที่ทางเดินทะเลทรายตะวันตก แต่หลังจากผ่านการขบคิด สุดท้ายก็ละทิ้งความคิดนี้ไม่อาจเอาแต่หวังพึ่งกุ่ยฟางอีกทั้ง เช่นไรพวกเขาก็ต้องทำให้กุ่ยฟางเห็นศักยภาพของพวกเขาหน่อยใช้ทหารที่ไม่มีแม้แต่เกราะที่สมบูรณ์ส่งไป กุ่ยฟางย่อมต้องมีความคิดเห็นช่างเถอะ!เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถอะ!รอให้กองกำลังของกุ่ยฟางมาถึง คงมีความหวังว่าจะเอาชนะทัพศัตรูเส้นทางซ้ายได้ขอแค่เอาชนะคนและม้าได้หนึ่งเส้นทาง หลังจากอีกเส้นทางได้รับข่าว ก็ควรเลือกที่จะถอยทัพเพียงแต่ไม่รู้ หยุนเจิงคนเจ้าเล่ห์อยู่เส้นทางใ
เมื่อได้ฟังคำของโม่ยื่อเกิน เจียเหยาพลันใจกระตุกแม้แต่หัวหน้าผู้บัญชาการทหารคนสนิทของนางก็ยังถามคำถามเช่นนี้ออกมาแล้ว!อย่างที่เห็น ขวัญทหารของพวกเขาตกต่ำถึงเพียงนี้เกรงว่า ต้องมีคนจำนวนมากไม่มีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้กระมัง?แม้ว่า กุ่ยฟางตกลงส่งทหารแล้วหยุนเจิง!ชื่อนี้ ราวกับกลายเป็นปีศาจร้ายในใจคนเป่ยหวนแล้วเจียเหยานิ่งอยู่นาน จึงตั้งสติได้ กล่าวอย่างขาดความมั่นใจ “มีกองหนุนของกุ่ยฟาง พวกเราต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”“ขอรับ!”โม่ยื่อเกินตอบรับ ทว่าภายในใจก็ยังไม่มีความมั่นใจเจียเหยาถอนหายใจหนักๆ เปลี่ยนมาเป็นสั่งโม่ยื่อเกิน “ถ่ายทอดคำสั่งกู่เก๋อ สามารถส่งกองย่อยไปก่อกวนทัพศตรูได้ แต่ห้ามเผชิญหน้าทำศึกกับศัตรู! ส่งรายงานกลยุทธรับมือกับทัพศัตรูให้ข้าตลอดเวลา!”“อีกอย่าง ส่งคนไปดูทางเหมิงกู่และเจินเกอ ข้าต้องการรู้สถานการณ์ของปู้ตูทางนั้น!”“ส่งคนไปบอกเกออาซู ส่งคนไปติดต่อกับกุ่ยฟางทางนั้นมากหน่อย ตอนยืนยันว่ากุ่ยฟางส่งทหารมาช่วยเหลือได้หรือไม่!”หากกองทัพของกุ่ยฟางไม่มา ความเป็นไปได้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วนางจำเป็นต้องยืนยันว่ากุ่ยฟางจะส่งทหารมาจริง“ข
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงชนเผ่าแห่งนั้นของเจียเหยาตอนนี้ สถานที่แห่งนี้ว่างเปล่าแต่ว่า ก็ยังเห็นเศษซาก ปรักหักพังที่ชนเผ่ารีบร้อนอพยพออกไปได้ไม่น้อยมองดูสักพัก หยุนเจิงพาคนมาถึงยังสถานที่ที่พวกเขาขุดมันเทศดินออกมามันเทศดินถูกขุดออกไปแล้ว สถานที่แห่งนี้น่าจะมีคนเพาะปลูกทำการเกษตรใหม่แต่ว่า อาจเพราะได้รับคำสั่งอพยพกะทันหัน จึงเพาะปลูกได้ไม่มากตอนนี้ สิ่งที่อยู่ในพื้นดินโตได้ประมาณคืบนึงแล้ว“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้หรือไม่?”หยุนเจิงถามอวี๋ซื่อจง“รู้จัก!”อวี๋ซื่อจงตอบ “นี่เรียกว่าข้าวสาลีหยุน ไม่เหมือนกับข้าวสาลีของพวกเรา เหมาะกับการปลูกในเป่ยหวน เพียงแต่ผลผลิตไม่สูง”“น้อยเท่าใด?”หยุนเจิงถามอวี๋ซื่อจงพึมพำ “ถึงเช่นไรผลผลิตหนึ่งหมู่เกินหนึ่งร้อยชั่งก็นับว่าได้ผลผลิตสูงแล้วกระมัง!”“นี่...”หยุนเจิงอึ้ง “น้อยจริงๆ”“นี่ยังไม่นับ”อวี๋ซื่อจงหัวเราะ “ในเป่ยหวนยังมีวิธีปลูกที่ขึ้นอยู่กับท้องฟ้าด้วย ผลผลิตยิ่งน้อยจนน่าสงสาร”“วิธีใด?”หยุนเจิงถามด้วยความสงสัยอวี๋ซื่อจงยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่ให้อาหารสัตว์ในทุกหญ้านำเมล็ดพืชไปด้วย เล็มหญ้าพร้อมโปรยเมล็ดไปตามทาง รอให้กลับมาหลั
หากเผ่นแนบหนีกลับไปเช่นนี้ ต้องเสียเปรียบไปถึงบ้านป้าแน่นอนขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน ทหารม้าก็ควบม้าเข้ามากะทันหัน“ท่านอ๋อง หลู่ซิงรายงานด่วน!”ทหารม้าวิ่งมาอยู่ตรงหน้าหยุนเจิง พลิกตัวลงหลังม้า มอบจดมายฉบับหนึ่งให้หยุนเจิงหยุนเจิงรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี รีบเปิดจดหมายเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของหยุนเจิงเคร่งขรึม“องค์ชาย เป็นเช่นไร?”อวี๋ซื่อจงถามทันที“ดูเอาเถอะ!”หยุนเจิงนำจดหมายในมือมอบให้อวี๋ซื่องจง สมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็วกุ่ยฟางได้ฉวนหรงแล้ว ทั้งยังส่งทหารห้าหมื่น กองกำลังฉวนหรงช่วยคุ้มกันขนส่งเสบียง ระดมกองทัพหนึ่งแสน กำลังเคลื่อนทัพไปยังทางเดินทะเลทรายตะวันตก ปรารถนาช่วยเป่ยหวนต้านทานต้าเฉียน!ทูตที่หลู่ซิ่งส่งไปกุ่ยฟาง ถูกขับไล่ออกมาแม้แต่หน้าประมุขกุ่ยฟางก็ยังไม่ได้พบอวี๋ซื่อจงได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นดูยากทันทีกุ่ยฟางเจ้าพวกคนสารเลว!ลืมเรื่องเมื่อหกปีก่อนที่ถูกเป่ยหวนตีจนร้องไห้หาบิดาเรียกหามารดาแล้วหรือ?ตอนนี้ไม่ตุบตีสุนัขจมน้ำด้วยกันกับต้าเฉียน นึกไม่ถึงยังจะส่งทหารช่วยเป่ยหวนด้วย?“องค์ชาย พวกเราตอนนี้ต้องเปลี่ยนทิศทางหรือไม
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท