อัตราการเดินทัพของพวกหยุนเจิงช้ามากช่วยไม่ได้ พกเสบียงอาหาร ต่อให้ใช้ม้าลากเลื่อนจำนวนมากขนส่งเสบียง ก็ไม่อาจเร็วได้อีกทั้ง ดินแดนเป่นหวนยิ่งขึ้นไปทางเหนือยิ่งขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอนยังดีที่เนินภูเขาขึ้นๆ ลงๆ พวกนั้นไม่ได้อยู่ติดกันมิฉะนั้น พวกเขาคิดคุ้มกันเสบียงก็ลำบากแล้วแต่ว่า การเดินทัพช้าก็ไม่ใช้เรื่องร้ายทั้งหมดพวกเขาสามารถแบ่งกลุ่มออกไปให้อาหารม้าได้ไกลหน่อยเช่นนั้น ก็สามารถลดการบริโภคอาหารสัตว์ไปได้จำนวนมาก ทั้งยังปล่อยให้ทัพศัตรูมีโอกาสจู่โจมพวกเขาตอนนี้ทั้งสองฝ่ายห่างกันไกลเกินไป ความเป็นไปได้ว่าทัพศัตรูจะจู่โจมมีไม่มากพวกเขาเพียงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ป้องกันการโจมตีของทัพศัตรูระหว่างเดินทัพ ม้าเร็วตัวหนึ่งมารายงาน“รายงานท่านอ๋อง บริเวณด้านหน้าห่างไปห้าสิบลี้พบกับหน่วยสอดแนมของเป่ยหวน แค่การพบปะเผชิญหน้ากัน ไม่มีคนบาดเจ็บ...”“ตรวจสอบต่อไป!”“ขอรับ!”หน่วยลาดตระเวนรับคำสั่งแล้วจากไปหน่วยสอดแนมสองผ่านเจอหน้ากันไม่ปะทะกัน เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งมองดูหน่วยลาดตระเวนจากไป หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้ม “ดูเหมือน เจียเหยาเริ่มเตรียมพร้อมรบแล้ว!”เมี่ยวอินจนใจ “พวก
หยุนเจิงยิ้มมองอวี๋ซื่อจง กล่าว “เจ้าคิดว่าธงอักษรซ่วยควรแขวนไว้ทางพวกหลู่ซิง?”“อื้ม”อวี๋ซื่อจงพยักหน้ากล่าว “องค์ชายอยู่ทางนี้ พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ตอนนี้ข้ากลัวว่ากองทัพเส้นทางขวาจะเกิดปัญหา”“ธงอักษรซ่วยแขวนไว้ที่ใดล้วนเหมือนกัน”หยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า “ธงอักษรซ่วยอยู่พวกเราทางนี้ เจียเหยาก็อาจคิดว่า พวกเราจงใจทำ คิดว่าข้าอยู่ในกองทัพอีกเส้นทางหนึ่ง...”เรื่องนี้ ยากที่จะกล่าวนี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาคิดเช่นไรแต่เป็นเจียเหยาคิดเช่นไรหากเจียเหยาขี้ระแวงสงสัย คิดว่านี่เป็นความจงใจของเขา ดีไม่ดี ยังจะมาลอบจู่โจมค่ายเก็บเสบียงกองทัพเส้นทางนี้ของพวกเขาด้วยนี่เป็นปัญหาว่าการวิเคราะห์ของใครแม่นยำ ไม่อาจกล่าวได้ชัดเจนเช่นนี้หรือ?อวี๋ซื่อจงครุ่นคิด นับว่ามีเหตุผลหลังผ่านไปชั่วครู่ อวี๋ซื่อจงถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “องค์ชาย มีวิธีบีบบังคับให้ทัพศัตรูลอบเข้ามาโจมตีเผาเสบียงเราหรือไม่?”“เจ้าคิดสวยหรูไปแล้ว!” หยุนเจิงจ้องอวี๋ซื่อจง “เจ้าบีบบังคับให้ทัพศัตรูต้องมาจู่โจมค่าย หรือศัตรูไม่รู้ว่าพวกเราให้ความสำคัญกับการคุ้มกันค่ายเก็บเสบียง?”อวี๋ซื่อจงหัวเราะอย่างเก้
เวลาผ่านไปหลายวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ประโยชน์จากการที่ส่งสายสืบออกไปจำนวนมาก เจียเหยาสามารถเข้าใจสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกองทัพสองเส้นทางของต้าเฉียนได้เผชิญกับการบุกโจมตีของกองทหารมณฑลทางเหนือ เจียเหยาเดินออกมาจากสภาพสับสนกระวนกระวายก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้ กลัวไปก็ไร้ประโยชน์แล้วโชคดี กุ่ยฟางเข้าใจหลักการน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ตอบตกลงส่งทหารแล้วตอนนี้ ทหารหนึ่งหมื่นเก้าพันคนนำโดยเกออาซูขอแค่ถ่วงเวลาทัพศัตรูที่ทางเดินทะเลทรายตะวันตกได้ก็พอแล้วเดิมทีเจียเหยาคิดจะสลายกองทหารชั้นยอดเก้าหมื่นคนไปเติมที่ทางเดินทะเลทรายตะวันตก แต่หลังจากผ่านการขบคิด สุดท้ายก็ละทิ้งความคิดนี้ไม่อาจเอาแต่หวังพึ่งกุ่ยฟางอีกทั้ง เช่นไรพวกเขาก็ต้องทำให้กุ่ยฟางเห็นศักยภาพของพวกเขาหน่อยใช้ทหารที่ไม่มีแม้แต่เกราะที่สมบูรณ์ส่งไป กุ่ยฟางย่อมต้องมีความคิดเห็นช่างเถอะ!เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถอะ!รอให้กองกำลังของกุ่ยฟางมาถึง คงมีความหวังว่าจะเอาชนะทัพศัตรูเส้นทางซ้ายได้ขอแค่เอาชนะคนและม้าได้หนึ่งเส้นทาง หลังจากอีกเส้นทางได้รับข่าว ก็ควรเลือกที่จะถอยทัพเพียงแต่ไม่รู้ หยุนเจิงคนเจ้าเล่ห์อยู่เส้นทางใ
เมื่อได้ฟังคำของโม่ยื่อเกิน เจียเหยาพลันใจกระตุกแม้แต่หัวหน้าผู้บัญชาการทหารคนสนิทของนางก็ยังถามคำถามเช่นนี้ออกมาแล้ว!อย่างที่เห็น ขวัญทหารของพวกเขาตกต่ำถึงเพียงนี้เกรงว่า ต้องมีคนจำนวนมากไม่มีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้กระมัง?แม้ว่า กุ่ยฟางตกลงส่งทหารแล้วหยุนเจิง!ชื่อนี้ ราวกับกลายเป็นปีศาจร้ายในใจคนเป่ยหวนแล้วเจียเหยานิ่งอยู่นาน จึงตั้งสติได้ กล่าวอย่างขาดความมั่นใจ “มีกองหนุนของกุ่ยฟาง พวกเราต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”“ขอรับ!”โม่ยื่อเกินตอบรับ ทว่าภายในใจก็ยังไม่มีความมั่นใจเจียเหยาถอนหายใจหนักๆ เปลี่ยนมาเป็นสั่งโม่ยื่อเกิน “ถ่ายทอดคำสั่งกู่เก๋อ สามารถส่งกองย่อยไปก่อกวนทัพศตรูได้ แต่ห้ามเผชิญหน้าทำศึกกับศัตรู! ส่งรายงานกลยุทธรับมือกับทัพศัตรูให้ข้าตลอดเวลา!”“อีกอย่าง ส่งคนไปดูทางเหมิงกู่และเจินเกอ ข้าต้องการรู้สถานการณ์ของปู้ตูทางนั้น!”“ส่งคนไปบอกเกออาซู ส่งคนไปติดต่อกับกุ่ยฟางทางนั้นมากหน่อย ตอนยืนยันว่ากุ่ยฟางส่งทหารมาช่วยเหลือได้หรือไม่!”หากกองทัพของกุ่ยฟางไม่มา ความเป็นไปได้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วนางจำเป็นต้องยืนยันว่ากุ่ยฟางจะส่งทหารมาจริง“ข
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงชนเผ่าแห่งนั้นของเจียเหยาตอนนี้ สถานที่แห่งนี้ว่างเปล่าแต่ว่า ก็ยังเห็นเศษซาก ปรักหักพังที่ชนเผ่ารีบร้อนอพยพออกไปได้ไม่น้อยมองดูสักพัก หยุนเจิงพาคนมาถึงยังสถานที่ที่พวกเขาขุดมันเทศดินออกมามันเทศดินถูกขุดออกไปแล้ว สถานที่แห่งนี้น่าจะมีคนเพาะปลูกทำการเกษตรใหม่แต่ว่า อาจเพราะได้รับคำสั่งอพยพกะทันหัน จึงเพาะปลูกได้ไม่มากตอนนี้ สิ่งที่อยู่ในพื้นดินโตได้ประมาณคืบนึงแล้ว“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้หรือไม่?”หยุนเจิงถามอวี๋ซื่อจง“รู้จัก!”อวี๋ซื่อจงตอบ “นี่เรียกว่าข้าวสาลีหยุน ไม่เหมือนกับข้าวสาลีของพวกเรา เหมาะกับการปลูกในเป่ยหวน เพียงแต่ผลผลิตไม่สูง”“น้อยเท่าใด?”หยุนเจิงถามอวี๋ซื่อจงพึมพำ “ถึงเช่นไรผลผลิตหนึ่งหมู่เกินหนึ่งร้อยชั่งก็นับว่าได้ผลผลิตสูงแล้วกระมัง!”“นี่...”หยุนเจิงอึ้ง “น้อยจริงๆ”“นี่ยังไม่นับ”อวี๋ซื่อจงหัวเราะ “ในเป่ยหวนยังมีวิธีปลูกที่ขึ้นอยู่กับท้องฟ้าด้วย ผลผลิตยิ่งน้อยจนน่าสงสาร”“วิธีใด?”หยุนเจิงถามด้วยความสงสัยอวี๋ซื่อจงยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่ให้อาหารสัตว์ในทุกหญ้านำเมล็ดพืชไปด้วย เล็มหญ้าพร้อมโปรยเมล็ดไปตามทาง รอให้กลับมาหลั
หากเผ่นแนบหนีกลับไปเช่นนี้ ต้องเสียเปรียบไปถึงบ้านป้าแน่นอนขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน ทหารม้าก็ควบม้าเข้ามากะทันหัน“ท่านอ๋อง หลู่ซิงรายงานด่วน!”ทหารม้าวิ่งมาอยู่ตรงหน้าหยุนเจิง พลิกตัวลงหลังม้า มอบจดมายฉบับหนึ่งให้หยุนเจิงหยุนเจิงรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี รีบเปิดจดหมายเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของหยุนเจิงเคร่งขรึม“องค์ชาย เป็นเช่นไร?”อวี๋ซื่อจงถามทันที“ดูเอาเถอะ!”หยุนเจิงนำจดหมายในมือมอบให้อวี๋ซื่องจง สมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็วกุ่ยฟางได้ฉวนหรงแล้ว ทั้งยังส่งทหารห้าหมื่น กองกำลังฉวนหรงช่วยคุ้มกันขนส่งเสบียง ระดมกองทัพหนึ่งแสน กำลังเคลื่อนทัพไปยังทางเดินทะเลทรายตะวันตก ปรารถนาช่วยเป่ยหวนต้านทานต้าเฉียน!ทูตที่หลู่ซิ่งส่งไปกุ่ยฟาง ถูกขับไล่ออกมาแม้แต่หน้าประมุขกุ่ยฟางก็ยังไม่ได้พบอวี๋ซื่อจงได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นดูยากทันทีกุ่ยฟางเจ้าพวกคนสารเลว!ลืมเรื่องเมื่อหกปีก่อนที่ถูกเป่ยหวนตีจนร้องไห้หาบิดาเรียกหามารดาแล้วหรือ?ตอนนี้ไม่ตุบตีสุนัขจมน้ำด้วยกันกับต้าเฉียน นึกไม่ถึงยังจะส่งทหารช่วยเป่ยหวนด้วย?“องค์ชาย พวกเราตอนนี้ต้องเปลี่ยนทิศทางหรือไม
“ดี ดีมากเลย!”เมื่อยืนยันแล้วว่ากุ่ยฟางส่งทหาร เจียเหยาร้องออกมาด้วยความดีใจข่าวดี!เป็นเวลานานมาแล้ว นับว่ามีข่าวดีแล้วกุ่ยฟางบวกกับกองกำลังของเกออาซู กองทัพเกือบเจ็ดหมื่นคน!แม้ทหารห้าหมื่นของกุ่ยฟางจะมีทหารราบสามหมื่นคน ทว่าก็ยังมีคนและม้าห้าหมื่นคน!ส่วนศัตรูมีเพียงประมาณสองหมื่นคนเท่านั้นพวกเขาครอบครองกำลังเป็นสามเท่าของศัตรู หากไม่ตกหลุมพรางแผนร้ายศัตรู โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางรบแพ้ตั้งแต่สมัยโบราณ มีตัวอย่างไม่น้อยที่คนหมู่น้อยเอาชนะคนหมู่มากได้แต่การที่คนหมู่น้อยเอาชนะคนหมู่มากได้ มันง่ายดายเช่นนั้นเสียที่ใด?ทางเดินทะเลทรายตะวันตก น่าจะไม่จำเป็นต้องกังวลมากแล้วสถานการณ์ตรงหน้าก็ต้องดูทางเดินทะเลทรายตะวันออกแล้วตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเอาชนะทัพศัตรูเส้นทางทะเลทรายตะวันออกแล้ว แค่ถ่วงทัพศัตรูไว้ก็พอแล้ว!ทันทีที่ทัพศัตรูทางเดินทะเลทรายตะวันตกแพ้ กองทัพที่เส้นทางเดินทะเลทรายตะวันออกแปดเก้าในสิบส่วนย่อมเลือกที่จะล่าถอยหากทัพศัตรูไม่ล่าถอย พวกเขาก็สามารถย้ายกำลังคนจากทางเดินทะเลทรายตะวันตกกลับมาช่วยเหลือได้“ฟู่...”เจียเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าเผยรอ
พวกเขาช้าไปก้าวหนึ่ง ก่อนหน้าพวกเขาสองวันก่อน ปู้ตูได้นำกำลังทหารม้าเป่ยหวนหนึ่งพันคนไปถึงเหมิงกู่และเจินเกอแล้วคนของเหมิงกู่และเจินเกอเมื่อได้ฟังว่าถึงต้าเฉียนก็จะได้กินเนื้อก้อนใหญ่ ก็ราวกับฉีดเลือดไก่เวลานี้ ปู้ตูได้นำกองกำลังสองหมื่นคนจากสองฝั่งนั้นเดินทางกลับมาแล้วเมื่อได้รู้ผลลัพธ์นี้ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมารดาเขาสิ!เจียเหยาผู้หญิงคนนี้ปฏิกิริยาตอบโต้เร็วนัก!เขายังคิดจะให้นักรบภูตสิบแปดทำให้สองชนเผ่ากับเป่ยหวนขัดแย้งกัน รอพวกเขาส่งทหารไปตีเป่ยหวน สองเผ่าจะได้แทงข้างหลังเป่ยหวนได้สะดวกสุดท้าย นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจียเหยาตัดหน้าไปก่อนแล้ว!เดิมทีสถาการณ์ดีเช่นนี้ ถูกเจียเหยาสร้างเรื่องเช่นนี้ กลับกลายเป็นพวกเขาค่อนข้างเสียเปรียบหยุนเจิงกำลังก่นด่าในใจ จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “อาวุธของคนของทั้งสองเผ่าเป็นเช่นไร?”“ไม่ค่อยเท่าไหร่ คนเกินกว่าครึ่งไม่มีเกราะที่สมบูรณ์”นักรบภูตเก้าตอบ “ระหว่างทางที่พวกเรากลับมา ยังจับสายลับเป่ยหวนได้ด้วยความบังเอิญ...”พวกเขาแยกสายลับสองคนออกจากกันแล้วดำเนินการไต่สวน ได้รู้ข้อมูลของทัพศัตรูที่ประจำการอยู่ทางเดินทะเลทรายตะวันตก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่