คณะทูตเป่ยหวนไปแล้ว งานแต่งงานของหยุนเจิงก็ใกล้แล้วช่วงบ่ายวันนั้น ทางกรมก็ส่งคนมาตกแต่งจัดแจงจวนของหยุนเจิงส่วนจะตกแต่งและจัดแจงอย่างไรนั้นหยุนเจิงไม่ทราบและไม่ได้กังวลใจเรื่องนี้ด้วยหยุนเจิงชวยโอกาสที่หัวหน้าผู้ดูแลจวนถูกจักรพรรดิเหวินจัดการไปแล้ว เขาก็เลยให้เยี่ยจื่อเป็นหัวหน้าผู้ดูแลจวนชั่วคราวไปก่อน เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการตรวจสอบคนในจวนเรื่องรับสมัครทหารนั้นหยุนเจิงฝากไว้กับพวกตู้กุยหยวนแล้ว เขาเองก็วางใจอีกทั้ง เรื่องนี้เขาไม่อาจใส่ใจมากเกินไปยิ่งเขาใส่ใจมากเพียงใด จักรพรรดิเหวินก็จะยิ่งไม่ไว้ใจเขามากขึ้นเท่านั้นในสองวันถัดมานั้น หยุนเจิงจะออกจากจวนแต่เช้ากลับมาก็ค่ำแล้วเพราะว่าอวี๋ซื่อจงกับจั่วเริ่นต้องติดตามตู้กุยหยวนไปรับสมัครทหาร คนที่คุ้มกันหยุนเจิงจึงได้เปลี่ยนเป็นกุยเหอกับโจวมี่อีกครั้งตอนนี้กุยเหอมอบใจให้เขาแล้ว ความแคลงใจต่อโจวมี่ก็มลายหายไป เขาไม่ต้องคอยระมัดระวังสองคนนี้ตลอดเวลาอีกแล้ว“ตั้งๆๆ…”ในร้านตีเหล็ก ช่างตีเหล็กหลายคนออกแรงตีเหล็กกันไม่หยุดในใจหยุนเจิงลอบภาวนาว่าครั้งนี้อย่าได้แตกอีกเลยพวกเขาลงแรงตีเหล็กดามัสกัสเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้เป็
เป็นเพราะบิดาไม่มีเวลาฝึกขี่ม้าหรอกนะ ไม่เช่นนั้นจะทำให้คนขี้อวดอย่างเจ้าอกแตกตายให้ได้เลย!“เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกหรือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยืนอยู่ปากประตูร้านตีเหล็ก มองไปทางหยุนเจิงที่มีฝุ่นเต็มมอมแมมทั้งตัวอย่างหมดคำจะพูดพูดตามตรงว่าสภาพหยุนเจิงตอนนี้ดูมอมแมมเป็นอย่างมากแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือเอง แต่ในร้านตีเหล็กนี้มีฝุ่นผงเยอะมาก ทั้งยังร้อนระอุ เหงื่อกับฝุ่นคลุกเคล้ากันอยู่บนใบหน้าเขา ทำให้เขาดูสกปรกมอมแมม“เจ้ามาทำไมหรือ”หยุนเจิงรีบปัดป่ายฝุ่นผงบนใบหน้า ยิ้มถามขึ้นเสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเบา “เมื่อครู่ข้าไปที่จวนของเจ้า ได้ยินว่าองค์ชายหกของเราหมกมุ่นอยู่แต่การตีเหล็กทั้งวัน ข้าไม่มีทางเชื่อหรอก! ก็เลยมาดูกับตาตนเอง”ตีเหล็ก?ข้ากำลังขยับขยายเทคโนโลยี!เจ้าจะรู้อะไร!หยุนเจิงถากถางในใจสองสามคำ แล้วถามเสียงค่อย “ที่บ้านพวกเจ้าเตรียมตัวถึงไหนแล้ว ต้องการให้ทางข้าช่วยอะไรหรือไม่”“เหอะ เจ้ายังรู้จักถาม”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปทางหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าคิดว่าองค์ชายหกจะลืมเรื่องงานอภิเษกของพวกเราไปเสียแล้ว!”ไม่เคยพบเจอคนประเภทนี้เลยจริงๆ!จักรพรรดิเหวินมีเมตตาให้เขาร
ไม่เพียงแต่จะดูดีแต่ยังแข็งมากด้วย!นี่เป็นความจริง!แต่พอเสิ่นลั่วเยี่ยนฟังแล้ว กลับรู้สึกว่ามันน่าตงิดใจทว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าตรงไหนที่น่าตงิดใจไม่ช้า เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ละทิ้งความคิดนั้น แล้วกวาดสายตาไปที่ปลายหัวหอกหยุนเจิงหัวเราะแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าอยากจะทดสอบหอกของข้าด้วยตนเองหรือไม่”“ไม่ต้องแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายหัวเบาๆ แล้วรีบสาวเท้าไปด้านหน้า ปลดหัวหอกออกจากด้ามอย่างว่องไว ยิ้มแก้มปริไปทางหยุนเจิงอย่างพบเห็นได้ยาก “หัวหอกนี่เจ้ามอบให้ข้าก็แล้วกัน!”“เจ้าไม่เกรงใจกันเลยสักนิด!”หยุนเจิงหัวเราะอย่างประหลาดใจแล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เจ้าใช้หอกเป็นหรือ”“ข้าใช้ไม่เป็น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเบา แล้วพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าลองถามองค์รักษ์ของเจ้าสองคนนี้ดูสิ!”กุยเหอไม่รอให้หยุนเจิงถามก็รีบพูดขึ้นเลยว่า “พระชายาองค์ชายหกน่าจะเชี่ยวชาญในการใช้หอกยาว ท่านแม่ทัพเสิ่นในตอนนั้นก็มีเชื่อเสียงโด่งดังจากฝีมือการใช้หอกของตระกูลเสิ่น”หอกตระกูลเสิ่น?เรื่องนี้ หยุนเจิงไม่รู้เลยจริงๆหลังกจากที่หยุนเจิงครุ่นคิดไปเพียงครู่ ก็ยื่นมือไปทางเสิ่นลั่วเยี่ยน “คืนให้ข้าก่
หืม?หยุนเจิงสงสัยหรือว่ายังมีลับลมคมในอะไรอีกงั้นหรือ!เยี่ยจื่อนิ่งเงียบไปนาน ค่อยพูดขึ้นอย่างแช่มช้าว่า “องค์ชายคงไม่ทราบว่า พวกเขามีเพียงทหารหมื่นนายบุกเข้าโจมตีราชสำนักของเป่ยหวน ทำให้ท่านฉานอวี่ของเป่ยหวนพิโรธหนัก หลังจากที่พวกเขาตายและแพ้ในสนามรบ ท่านฉานอวี่สั่งให้ทหารม้าของเขาเหยียบย่ำกระดูกของพวกเขาจนเป็นเนื้อสับ! หลุมศพของพวกเขาเป็นเพียงเนินกองผ้า ดังนั้น วันครบรอบการเสียชีวิตของพวกเขาจึงนับจากวันที่เสื้อผ้าของพวกเขาถูกฝังลงดิน นับจากวันที่วิญญาณกลับคืนสู่มาตุภูมิน่ะ…”“นี่มัน…”หยุนเจิงตะลึงงัน พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ข้าขออภัย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”เขารู้เพียงว่าสามพ่อลูกเสิ่นหนานเจิงตายได้อย่างสง่าผ่าเผย คิดไม่ถึงว่าจะหดหู่เพียงนี้มิน่าล่ะ กุยเหอถึงได้ส่งสัญญาณให้เขาใหญ่!เฮ้อ!ความแค้นนี้ มีเพียงต้องรอให้ไปถึงซั่วเป่ยก่อนค่อยชำระแทนพวกเขาแล้ว!“ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ว่าองค์ชายไม่ทราบเรื่องนี้”เยี่ยจื่อพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา“เช่นนั้น...พรุ่งนี้ข้าก็ต้องไปสักการะพวกแม่ทัพเสิ่นด้วย?” หยุนเจิงถามขึ้นอีกเยี่ยจื่อพูดว่า “ตามธรรมเนียมแล้ว องค์ชายกั
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติแปลกๆหลังจากที่นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงจัดสินใจเคาะประตูห้องเยี่ยจื่อก่อนเปิดเข้าไปในตอนนี้เยี่ยจื่อเตรียมจะเข้านอนพอดี“เช้าวันพรุ่งก็ต้องไปสักการะพ่อตากับพี่ชายของเจ้า ใยเจ้าถึงยังไม่นอนพักผ่อนอีกล่ะ?”เยี่ยจื่อเห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนเดินเข้ามาจึงยิ้มพลางเอ่ยปากถามเสิ่นลั่วเยี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ข้ารู้สึกว่าระหว่างพี่สะใภ้กับหยุนเจิงมีบางอย่างผิดปกติไป…”หืม?สาวน้อยผู้นี้จับได้แล้วอย่างนั้นหรือเยี่จื่อแอบสงสัย ก่อนจะมองเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยสีหน้าขี้เล่น “นี่เจ้าเห็นข้าอยู่แต่ในจวนองค์ชายหกทั้งวันทั้งคืนก็เลยรู้สึกหึงหวงเข้าแล้วใช่หรือไม่?”“หึงหวง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็ตกอกตกใจราวกับไปเหยียบหางแมวก็มิปาน “พี่สะใภ้คิดอะไรเช่นนั้น คนอย่างข้าจะไปหึงหวงเจ้ากุ้งขาอ่อนนั่นได้อย่างไรกันเล่า”แม้เย่ยจื่อจะเป็นพี่สะใภ้ของเสิ่นลั่วเยี่ยน แต่ทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นสหายที่สนิทสนมกันมากอยู่ต่อหน้าเยี่ยจื่อ เสิ่นลั่วเยี่ยนสามารถกล่าววาจาอย่างไม่ต้องกวาดกลัวต่อส
เยี่ยจื่อแอบยิ้ม ก้มหน้าไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้เหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของตนเอง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงกล่าวต่ออีกว่า “สิ่งที่เขาทำและเข้าตาข้ามากที่สุดในเมื่อก่อนก็มีเพียงแค่เหล็กลายบุปผาเท่านั้น…”เมื่อพูดถึงเหล็กลายบุปผานั้นขึ้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เล่าให้พี่สะใภ้ฟังอย่างตื่นเต้นว่าเหล็กลายบุปผานั้นเก่งกาจมากเพียงใด อีกทั้งยังเริ่มจินตนาการว่าตนเองถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นฆ่าสังหารไปทั่วทุกสารทิศอย่างแข็งแกร่งเกรียงไกรยิ่งเล่านางก็ยิ่งตื่นเต้น เสิ่นลั่วเยี่ยนเรื่องในร้านตีเหล็กให้นางฟังทั้งหมด“เจ้าบอกว่าเข้าให้เจ้าลองหอกนั่นด้วยตัวเองว่าหอกนั่นแข็งหรือไม่อย่างนั้นหรือ?”เยี่ยจื่อหน้าแดงเล็กน้อย มองสาวน้อยผู้โง่เขลาไร้เดียงสาผู้นี้ด้วยสีหน้าแปลกใจ“ก็ใช่น่ะสิ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า และกล่าวต่ออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อันที่จริงข้าควรจะลองด้วยมือของข้าเอง แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ามีดองครักษ์นั้นของเขาจะมีปัญหาใดหรือไม่”“ค่อกแค่ก…”เยี่ยจื่อส่งเสียงไอค่อกแค่กออกมาอย่างเขินอาย กล่าวถามลองเชิงว่า “นี่ท่านแม่ยังไม่ได้บอกเรื่องระหว่างชายหญิงให้เจ้าฟังหรือ?”สตรีทุกค
สุสานของเสิ่นหนานเจิงสามพ่อลูกอยู่ที่ภูเขาต้าเจียนในเขตนอกเมืองหลวงพวกเขาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาชั่วยามครึ่งกว่าจะถึงจุดหมายสุสานของสามพ่อลูกสร้างอยู่ติดกันสุสานของเสิ่นหนานเจิงตั้งออกมาด้านหน้าเล็กน้อย ส่วนสุสานของบุตรชายทั้งสองอยู่ซ้ายขวาด้านหลังเล็กน้อยเมื่อมองไปแล้วราวกับบุตรชายทั้งสองตามผู้เป็นพ่อมาออกรบก็มิปานหยุนเจิงมองไปที่ป้ายสุสานที่สลักชื่อเสิ่นหนานเจิงแล้วก็อดที่จะสะอึกสะอื้นไม่ได้สุดท้ายเสิ่นหนานเจิงต้องมาตายในศึกรบทางเหนือไม่รอให้ฮูหยินเสิ่นสั่ง เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้และสาวใช้ต่างนำของเซ่นไหว้ไปวางไว้หน้าป้ายสุสานทั้งสามเมื่อมองดูสุสานของพ่อลูกทั้งสาม ฮูหยินเสิ่นก็ทนกับความเสียใจไม่ได้จนน้ำตาคลอเบ้าขึ้นแม้สามพ่อลูกจะตายไปในสนามรบเป็นเวลาห้าปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงจุดจบของทั้งสามที่ต้องตายไปอย่างไร้ซากศพ ในใจของฮูหยินเสิ่นก็อดที่จะโศกเศร้าขึ้นไม่ได้ผ่านไปครู่ใหญ่ ฮูหยินเสิ่นจึงจุดธูปสามดอก ปักหน้าป้ายสุสานของทั้งสามป้ายละดอก จากนั้นคุกเข่าลงหน้าป้ายสุสานของเสิ่นหนานเจิงกล่าวพึมพำโดยไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใดหยุนเจิงได้แต่คาดเด
แม้ว่าฮูหยินเสิ่นจะอายุห้าสิบปีแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าความเร็วของนางจะรวดเร็วกว่าเกาเหอและโจวมี่เสียอีก ภายในชั่วพริบตาเดียวนางก็พุ่งตัวเข้าไปในป่าแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้พุ่งตามออกไปแต่อย่างใด นางเพียงกวาดสายตาอันแหลมคมมองไปรอบๆ บริเวณเท่านั้น“รีบไปสำรวจเร็วเข้า ดูให้แน่ชัดว่ารอบๆ ยังมีนักฆ่าแอบซ่อนตัวอยู่หรือไม่!”เสิ่นลั่วเยี่ยนออกคำสั่ง บ่าวรับใช้และสาวใช้จวนสกุลเสิ่นรีบพรวดออกไปค้นหาอย่างรวดเร็วหลายคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดูแค่แวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหยุนเจิงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นมากพระเจ้าช่วย!แม้แต่บ่าวรับใช้และสาวใช้ของจวนสกุลเสิ่นล้วนแต่เคยฝึกวรยุทธ์มาด้วยหรือนี่!ไม่รู้จะต้องทึ่งกับสิ่งไหนก่อน!นี่ทุกคนในจวนล้วนแต่ได้รับการฝึกวรยุทธ์อย่างนั้นหรือ!มิน่าล่ะว่าเพราะเหตุใดคนสกุลเสิ่นถึงมักจะว่าเขาเป็นคนอ่อนแอไร้กำลัง!สตรีที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต้องศรัทธาเลื่อมใสผู้เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วตนเป็นเพียงแค่คนที่ไร้พละกำลัง ในสายตานางคาดว่าคงจะมองตนเป็นเพียงแค่ไก่อ่อนเท่านั้น“เจ้าจะไปซั่วเป่ยไม่ใช่หรอกหรือ แค่นี้ก็ตกใจเป็นไก
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่