จักรพรรดิเหวินไม่อยากทอดพระเนตรอีก จึงหันพระวรกายไปอีกด้านทันทีภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของผู้คน หยุนเจิงตรวจสอบรูบิครอบหนึ่ง จากนั้นสองมือก็เริ่มขยับ...ยังไม่รอจนผู้คนดึงสติกลับมาได้ หยุนเจิงก็หยุดท่าทางลงแล้วภายใต้สายตาที่งุนงงของผู้คน หยุนเจิงชูรูบิคขึ้นสูงรูม่านตาของปานปู้หดตัวลงทันที มองไปที่รูบิคในมือของหยุนเจิงอย่างงุนงง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเป็นไปไม่ได้!เหตุใดจึงว่องไวเพียงนี้?ผู้คนแห่งต้าเฉียนมองไปที่รูบิคในมือของหยุนเจิง ก็ล้วนอึ้งจนตาค้างแค่นี้ก็…แก้ปริศนาได้แล้ว?ผู้คนขยี้ตาของตนเองอย่างแรง ไม่อยากจะเชื่อฉากที่อยู่ตรงหน้าทว่า รูบิคก็ยังคงเป็นรูบิคนั่นเพียงแต่ ทั้งหกด้านนั้น แต่ละด้านเป็นสีเดียงกันแก้ปริศนาได้แล้วจริงๆ!นี่มันไม่ใช่ชั่วเวลาเพียงป้านน้ำชาเดียวที่หยุนเจิงพูด!แต่มันคือชั่วขณะหายใจเดียวต่างหาก เขาก็สามารถแก้ได้แล้ว!หยุนลี่กับองค์ชายท่านอื่นตะลึงค้างไปนี่เป็นไปได้อย่างไรพวกเขาลองแกะแงะไปครึ่งค่อนวัน อย่างมากก็แก้ได้เพียงด้านเดียว!แต่เจ้าเศษสวะผู้นี้เหตุใดจึงสามารถแก้ปริศนาของสิ่งนี้ได้ไวเพียงนี้?สมควรตาย!นี่มันเรื่อ
หยกกรุ๊งกริ๊ง?หยกกรุ๊งหยกกริ๊งบิดาเจ้าสิ!สอดส่องดูทิศทางแห่งสวรรค์ในยามค่ำคืนมารดาเจ้าสิ!หากบอกว่าเจ้าทะลุมิติมา ยังจะฟังดูน่าเชื่อถือหน่อย!หยุนเจิงกระแหนะกระแหนขึ้นอย่างรุนแรงในใจ จากนั้นก็ส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ ของสิ่งนี้เรียกว่ารูบิค!”“รูบิค?”ปานปู้ขมวดคิ้วมุ่นนี่เป็นหยกกรุ๊งกริ๊งที่ตนเป็นคนคิดค้นขึ้นแท้ๆ!หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นกล่าวว่า “ไม่ปิดบังท่านราชครู ตอนที่ข้าอายุสิบขวบ ข้าก็เคยพบเห็นของสิ่งนี้ในบันทึกโบราณของราชวงศ์ข้าแล้ว ตอนที่ไม่มีอะไรทำข้าได้ลองใช้ไม้ทำของสิ่งนี้ขึ้นมา!”“อีกทั้ง รูบิคที่ข้าเล่น ทั้งหมดมีถึงสิบหกช่องแล้ว!”“ยากกว่าหยกกรุ๊งกริ๊งของเจ้ามาก!”กริ้บกริ้ว!พวกนางกำนัลกับองครักษ์ในเรือนปี้ปัวถูกกำจัดไปหมดแล้วตนจะแต่งอย่างไรก็ไม่มีใครคัดค้านได้ตนจะว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น!ปานปู้ฟังคำของหยุนเจิง ใบหน้าชราของเขาอดกระตุกไม่ได้สิบหกช่อง?เขาอายุเพียงสิบขวบก็สามารถทำหยกกรุ๊งกริ๊งออกมาได้แล้ว?นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ปานปู้ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันกล่าว “เจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น!”“งั้นรึ?”หยุนเจิงส่ายหัวยิ
หลับตา!ทั้งยังแก้ปริศนาของสิ่งนี้ภายในชั่วเวลาป้านน้ำชาเดียวอีก?บ้าไปแล้ว!หยุนเจิงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!เศษสวะไร้ประโยชน์ผู้นี้ ชนะเดิมพันเพราะโชคช่วยไปคราหนึ่ง ยังจะทำตัวเหลิงอีก!จักรพรรดิเหวินโกรธจนสั่นไปทั้งพระวรกาย ดวงเนตรทั้งคู่แทบลุกเป็นไฟ มองไปยังหยุนเจิงหยุนเจิงกลับไม่ได้ใช้เรื่องใหญ่ของรัฐไปเป็นเดิมพันยังคงใช้ศีรษะของเขาเป็นเดิมพันแถมยังจะปิดตาแก้ปริศนารูบิคอีกเหตุใดเขาจึงไม่พูดไปเสียเลยว่าเขาจะใช้วิธีของเทพเซียนมาแก้รูบิคไอ้เด็กเวรนี่ เขาอยากตายมากขนาดนี้เลยหรือไงจักรพรรดิเหวินโทสะพุ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าคณะทูตเป่ยหวน่ะก็ เขาถีบหยุนเจิงไปตั้งนานแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็โกรธเป็นอย่างมากตอนแรก หยุนเจิงใช้วิธีเดิมพันเพื่อเรียกคือดินแดนของต้าเฉียนที่เสียไป ได้สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ไว้แต่ปรากฏว่า ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยังจะเดิมพันกับราชครูแห่งเป่ยปวนอีก?และยังจะใช้ศีรษะของเขาเป็นเดิมพัน!นี่ยังไม่ได้รนหาที่ตายหรอกหรือ?หลับตาแก้ปริศนาของสิ่งนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้!พอคิดว่าตนฉุดเดิงหยุนเจิงกี่ครั้งก็มิอ
ปานปู้ฟังคำพูดของหยุนเจิงไปด้วย สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ราวกับว่าเพิ่งโดนคนลากไปตบกลางสี่แยกมาเขาอยากโต้แย้งเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางโต้ได้เรื่องราวก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้าแล้ว!ของที่ตัวเองสร้างขึ้นมา หยุนเจิงปิดตาแก้ปริศนา ยังใช้เวลาน้อยกว่าที่ตนแก้ปริศนาเสียอีก!หากเขาพูดว่าไมได้ครูพักลักจำมา ใครจะเชื่อเล่า?“ฮ่าๆ…” เสียงหัวเราะดังปลุกผู้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ให้ตื่นขึ้นเซียวว่านโฉวจ้องไปที่ปานปู้ หัวเราะเสียงดังกล่าว “ท่านราชครูเอ๋ย พวกท่านลักจำเรียนไปจากราชวงศ์ของข้า แล้วตอนนี้ยังจะมาโอ้อวดรูบิคต่อหน้าราชวงศ์ข้าอีก นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขบขันหรอกหรือ?”ผู้คนพอได้ยินคำพูดของเซียวว่านโฉวก็ชะงักงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้น“อวี้กั๋วกงพูดถูกต้อง!”“ศิษย์ยังจะอยากจะมาทดสอบฝีมืออาจารย์ จะไม่ใช่เรื่องน่าขบขันได้อย่างไรเล่า”“ท่านราชครูเอ๋ย สิ่งที่เป่ยหวนต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก!”“อวี้กั๋วกงพูดได้มีเหตุผล…”หยุนเจิงชนะเดิมพันอีกครั้ง ตอนนี้ผู้คนดีใจเป็นอย่างมากมีเพียงหยุนลี่และพรรคพวกของเขาที่หน้าดำคล้ำขึ้น แต่ก็ต้องพยายามเค้นเอารอยยิ้มออกมาสมควรตาย!คนโง่งมผู
หลังจากที่ปานปู้คุกเข่าลง คนอื่นๆ ในคณะทูตเป่ยหวนก็คุกเข่าลงตามต่อให้พวกเขาจะไม่ยินยอมเสียเพียงใด ตอนนี้ก็ต้องคุกเข่าลงหากพวกเขาคิดเบี้ยวบัญชีตอนนี้ ตอนที่ขอเสบียงก็ไม่ต้องเจรจาแล้วจักรพรรดิเหวินทอดพระเนตรเห็นคนเป่ยหวนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นก็เปรมปรีดิ์เป็นอย่างยิ่งห้าปีแล้ว!ราชครูเป่ยหวนผู้นี้ที่เกือบทำให้ตนถูกจับตัวไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ในที่สุดก็มาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตนแล้ว!เท่านี้ ก็นับว่าเป็นการระบายความโกรธเมื่อห้าปีก่อนแล้ว!ที่สำคัญคือ ยังสามารถเรียกคืนดินแดนที่เสียไปได้!ต่อให้ตนตายไปแล้ว ก็มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษแล้ว!ตำราประวัติศาสตร์ในชนรุ่นหลัง ก็จะไม่มีใครว่าตนเป็นฮ่องเต้ที่ทำให้เสียดินแดนแล้ว!จักรพรรดิเหวินพระทัยปริ่มล้น ตั้งใจยื้อเวลาไปสักพัก แล้วค่อยๆ ยกพระหัตถ์ขึ้น “คณะทูตทุกท่าน เชิญถามตัวตามสบาย! ใครก็ได้ จัดที่นั่งให้คณะทูต!”“ขอบพระทัยจักรพรรดิต้าเฉียน!”ชาวเป่ยหวนค่อยๆ ลุกขึ้น สีหน้าดูไม่ดีสักเท่าไหร่โดยเฉพาะปานปู้ เขาจ้องไปที่หยุนเจิงอย่างโหดเหี้ยมคราหนึ่งหยุนเจิงเบะปาก ในใจลอบด่าเขาว่าสุนัขเฒ่าไม่ช้าบิดาก็จะทำลายเป่ยหวนให้สิ้น!ดูสิว่าเจ้าจะยัง
“ท่านแม่ ช้าก่อนเจ้าค่ะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเรียกเสิ่นฮูหยินไว้ “ท่านแม่ไม่อยากทราบหรือเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้างในวัง?”“ไม่อยากรู้ และไม่มีอารมณ์จะรู้ด้วย!”เสิ่นฮูหยินตอบโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง แล้วเดินตรงกลับไปที่ห้องเสิ่นลั่วเยี่ยนหมดคำจะพูด รีบพูดกับพี่สะใภ้ทั้งสองคนว่า “พวกพี่ทั้งสองอยู่พูดคุยกับเขาก่อนแล้วกัน ข้าไปหาท่านแม่เพื่อพูดคุยด้วยสักหน่อย!”กล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็รีบตามไปนางแทบจะทนรอไม่ได้บอกกล่าวเล่าเรื่องที่หยุนเจิงโดดเด่นในวังอย่างไรบ้างแน่นอน เรื่องสำคัญที่สุดก็คือเรื่องที่ต้าเฉียนได้ดินแดนกลับคืนมาแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนมาถึงห้องของเสิ่นฮูหยิน นางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังให้มารดาของนางฟังอย่างออกรสออกชาติ“เขายังมีความสามารถเช่นนี้?”เสิ่นฮูหยินฉงนใจ “คงไม่ใช่เพราะโชคดีเหมือนแมวตาบอดตะปบโดนหนูที่ตายแล้วหรอกนะ?”“ข้าว่าแล้วว่าท่านต้องพูดเช่นนี้” เสิ่นลั่วเยี่ยนเม้มริมฝีปากยิ้มกล่าว “ต่อมา เขายังแก้ปริศนาได้อีกรอบ แต่รอบนี้เขาหลับตาก็แก้ปริศนาได้ อัศจรรย์เป็นอย่างมากเจ้าค่ะ!”“หลับตา?”เสิ่นฮูหยินตะลึงค้าง แต่ก็แค่นเสียงกล่าวเล็กน้อย “เ
กลางดึกพอมาถึงที่พักที่ทางต้าเฉียนจัดแจงให้ ปานปู้ยังคงไม่สามารถกลืนโทสะลงท้องได้วันนี้หากไม่มีองค์ชายหกนั่นมาก่อความวุ่นวาย พวกต้าเฉียนต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บอย่างแน่นอน ส่วนตนก็จะบรรลุเป้าหมายในการแสดงอานุภาพต่อชาวต้าเฉียนได้องค์ชายหกสมควรตายยิ่ง!กล้าทำให้พวกเขากลายเป็นคนที่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำแทนช่างน่าชังยิ่งนัก!ได้ยินมาว่าองค์ชายหกของต้าเฉียนนี้เป็นเศษสวะไร้ประโยชน์ เหตุใดจึงมีปัญญาทำเรื่องเช่นนี้?บันทึกโบราณของราชวงศ์ต้าเฉียนมี...รูบิคนั่นจริงหรือแต่นั่นเป็นสิ่งที่ตนคิดค้นได้โดยบังเอิญจริงๆ!หรือว่า คนในราชวงศ์ต้าเฉียนคิดล้ำหน้าตนไปแต่แรกแล้วจริงๆ“ฉึบ!”ขณะที่ปานปู้กำลังกลัดกลุ้มใจ ด้านนอกมีเสียงผิดปกติดังขึ้นมีมือสังหาร?สีหน้าปานปู้แปรเปลี่ยน เปิดประตูออกไปทันทีเขาเพิ่งเปิดประตู องครักษ์ที่เฝ้าประตูก็มาถึงปากประตูแล้ว“ท่านราชครู เมื่อครู่มีคนยิงลูกธนูมา ด้านบนยังมีจดหมายฉบับหนึ่งด้วยขอรับ!”ขณะที่องครักษ์พูด ก็รีบยื่นลูกธนูและจดหมายฉบับนั้นให้ทันที“แล้วคนล่ะ”ปานปู้ถาม“มองไม่เห็นขอรับ”องครักษ์ส่ายหน้าช้าๆ“ข้ารู้แ
เสียเวลานอนของข้า!โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ฤดูหนาวหากเป็นฤดูหนาว เขาไม่อยากจะลุกออกจากเตียงเลยจริงๆตอนที่มาถึงด้านนอกตำหนักใหญ่ที่จัดการประชุมเช้า มีขุนนางใหญ่มากมายรวมตัวกันอยู่เพื่อรอเข้าร่วมประชุมเช้า“องค์ชายหก วันนี้หากได้รับพระราชทานรางวัลแล้ว ต้องเชิญข้าดื่มสุราสักหลายจอกหน่อยแล้ว!”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! เมื่อวานข้ายังดื่มกับองค์ชายหกไม่ถึงใจเลย”“องค์ชายหกมีคุณงามความดีในการเรียกคืนดินแดน ต้องได้รับรางวัลไม่น้อยเป็นแน่!”“คุณงามความดีขององค์ชายหก เพียงพอแล้วต่อการบันทึกนามลงในตำราประวัติศาสตร์…”ครั้งนี้ มีขุนนางใหญ่มากมายในราชสำนักที่เป็นคนเข้ามาทักทายเขาอวี้กั๋วกงเซียวว่านโฉวถึงขั้นตบไปที่บ่าของหยุนเจิงอย่างโอ่อ่าผ่าเผย “องค์ชายหก จากนี้ไปหากมีใครกล้ามาบอกว่าเจ้าไร้ประโยชน์อีก ข้าจะฉีกปากคนผู้นั้นเสีย!”เรียกคืนดินแดน เป็นความหวังใจของแม่ทัพเฒ่าอย่างพวกเขาอยู่แล้วพอถึงวัยเช่นพวกเขาแล้ว เดิมคิดว่าคงไม่มีโอกาสเห็นวันที่เรียกคืนดินแดนที่สูญเสียไปนั้นกลับมาได้ คิดไม่ถึงว่า แผ่นดินผืนนั้น กลับถูกหยุนเจิงใช้วิธีเช่นนี้เรียกกลับคืนมาได้“ขอบคุณอวี้กั๋วกงมาก ขอบคุณทุกท่านม
เขารู้เพียงว่า ท่านอ๋องผู้นี้ ซึ่งผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มิใช่คนที่จะเมตตาปรานีใครได้ง่ายๆอู๋โหย่วเต๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในที่สุดก็พยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ขยับร่างที่อ่อนแรงของตนขึ้นคุกเข่าให้เรียบร้อย“ขอ… ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย…”“ได้! ข้าจะให้เจ้า!”หยุนเจิงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองหลิวอู่และหลี่เจี่ย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกตระกูลอู๋ ทั้งบิดา บุตร และพ่อบ้านผู้นี้ จะเป็น วัวไถนา ของพวกเจ้า! ให้พวกมันลากคันไถให้พวกเจ้า! ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ข้าจะเป็นคนดูแลเอง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่อดตาย!”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ไม่เพียงแต่อู๋โหย่วเต๋อเท่านั้นที่ตะลึงงัน แม้แต่หลิวอู่และหลี่เจี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกันภายในแคว้นต้าเฉียน ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนถูกใช้ให้ลากคันไถแทนวัวแต่เรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับชาวบ้านยากไร้ที่ไม่มีเงินเช่าวัวเท่านั้นทว่า เรื่องให้ตระกูลอู๋กลายเป็นวัวไถนาให้พวกเขา แม้แต่ในฝัน พวกเขาก็ไม่เคยกล้าคิด!พวกเขานิ่งอึ้งไปอยู่นาน ก่อนจะได้สติ รีบคุกเข่ากระแทกพื้นและกล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋อง! ขอขอบพระคุณในพระเมตตาอันล้ำลึก!”ใ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพียงแค่อู๋โหย่วเต๋อโลภอยากได้วัวไถนาของเหล่าหลิวโถวเดิมทีเขาตั้งใจจะใช้เงินซื้อวัวจากเหล่าหลิวโถวในราคาถูก แต่เหล่าหลิวโถวกลับไม่ยอมขายให้ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่ออู๋โหย่วเต๋อหมดความอดทน จึงใส่ร้ายว่าเหล่าหลิวโถวขโมยวัวของตระกูลอู๋ไป และกล่าวว่า หากไม่ได้ขโมยจริง ก็ต้องมีทะเบียนวัวมายืนยันแต่ปัญหาก็คือ วัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้เหล่าหลิวโถว! แล้วเหล่าหลิวโถวจะมีทะเบียนวัวจากที่ใดกัน?เหล่าหลิวโถวพูดจนปากจะฉีกก็ยังแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขายืนกรานว่าวัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อู๋โหย่วเต๋อก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำยังข่มขู่ว่าจะพาตัวเหล่าหลิวโถวไปแจ้งความที่ศาลเหล่าหลิวโถวเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต พอได้ยินว่าต้องไปแจ้งความก็ถึงกับตกใจกลัวสุดท้าย วัวตัวนั้นก็ถูกอู๋โหย่วเต๋อแย่งไปจนได้หลังจากวัวถูกพาออกไป เหล่าหลิวโถวก็ร้องไห้ไม่หยุด ราวกับจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อหลิวอู่และหลี่เจี่ยได้ยินข่าวอีกครั้ง เหล่าหลิวโถวก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว… เขาแขวนคอตายใต้ต้นไม้ข้างกระท่อมของตัวเอง“ที่พวกเขาก
อู๋โหย่วเต๋อเห็นท่าไม่ดีจึงไม่กล้าเอนกายต่อ รีบลุกจากเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประจบ“นายทหาร ข้ามิทราบว่ามีใครในจวนข้าทำเรื่องผิดไป…”“พาตัวไป!”เสิ่นควานไม่แม้แต่จะให้เขาพูดจบ โบกมือสั่งการทันที ทหารองครักษ์สองนายตรงเข้าไปจับกุมอู๋โหย่วเต๋อ“ปล่อยข้านะ!”อู๋โหย่วเต๋อโกรธจัด “พวกเจ้าคิดว่าเป็นใคร ถึงกล้าบุกเข้ามาอาละวาดในตระกูลอู๋ของข้า? อย่าคิดว่าใส่ชุดเกราะแล้วจะขู่ข้าได้ ข้า…”ผัวะ!ยังไม่ทันที่อู๋โหย่วเต๋อจะพูดจบ ทหารองครักษ์นายหนึ่งก็ซัดหมัดเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรงอู๋โหย่วเต๋อร้องลั่น ร่างกายโค้งงอราวกับกุ้งต้ม“เจ้าด้วย! จับไป!”เสิ่นควานปรายตามองพ่อบ้าน ก่อนจะสั่งต่อไปยังเหล่าทหาร “ปิดล้อมตระกูลอู๋! หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ห้ามผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด!”“รับทราบ!”กองทหารองครักษ์รับคำสั่งทันทีท่านอ๋อง!เมื่อได้ยินคำนี้ พ่อบ้านถึงกับรู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง ก่อนจะล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดท่านอ๋อง! เป็นท่านอ๋องจริงๆ!สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!อู๋โหย่วเต๋อที่กำลังเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยวก็ถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขา
ตระกูลอู๋นายท่านอู๋โหย่วเต๋อกำลังเอนกายบนเก้าอี้ไม้ไผ่ รับไออุ่นจากแสงแดดอย่างสบายใจ บนร่างยังมีผ้าขนสัตว์นุ่มคลุมอยู่สาวรับใช้สองนางคุกเข่าอยู่ข้างซ้ายขวาของเขา พลางนวดเฟ้นให้เป็นจังหวะเป็นตอน บางครั้งยังถูกอู๋โหย่วเต๋อใช้มือบีบเค้นร่างกายพวกนางไปด้วยสาวรับใช้ทั้งสองไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ได้แต่ปล่อยให้อู๋โหย่วเต๋อกระทำตามใจขณะที่อู๋โหย่วเต๋อกำลังหลับตาเพลิดเพลิน พ่อบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“นายท่าน!”พ่อบ้านดูร้อนรน รีบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูอู๋โหย่วเต๋อลืมตาขึ้นทันที โบกมือไล่สาวรับใช้ทั้งสองออกไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “เหล่าหลิวโถวตายแล้ว? ตายได้อย่างไร?”พ่อบ้านตอบกลับ “เจ้าเฒ่านั่นบอกว่าจะออกไปเข้าห้องส้วมเมื่อคืน แต่กลับไปหยิบเชือกป่านแล้วแขวนคอตายใต้ต้นไม้ ตอนที่มีคนพบเข้าก็แข็งทื่อไปแล้ว…”“แขวนคอตายรึ?”อู๋โหย่วเต๋อถอนหายใจโล่งอกก่อนจะบ่นอย่างไม่พอใจ “มันแขวนคอตายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”“ข้าน้อยแค่กลัวว่าเรื่องที่เจ้าเฒ่านั่นพูดไว้จะเป็นความจริง…” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดีนัก “นายท่าน วัวตัวนั้นจะเป็นของที่ท่านอ๋องมอบให้เหล่าหลิวโถวจริ
พวกเขาต่างรู้ดีว่า การนำโหวซื่อไคมาขายแบบนี้ ย่อมทำให้โหวซื่อไคมีความแค้นต่อพวกเขาแน่นอนว่าโหวซื่อไคคงไม่คิดร่วมมือกับพวกเขาอีกหากต้องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ ก็มีเพียงให้หยางหุยโจวเป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เท่านั้น“เรื่องนี้… ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”หยางหุยโจวรู้สึกโลภขึ้นมา แต่กลับทำเป็นวางตัวไว้ก่อนหากสามารถฟันกำไรจากพวกซูเฮ่อเหนียนอีกทาง หลังจากได้จากโหวซื่อไคไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ตนไม่ต้องลงทุนแม้แต่ตำลึงเดียว แต่กลับสามารถกอบโกยเงินมหาศาลได้!เงินขาวๆ กองโตเช่นนี้ จะให้ตนไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?“ใต้เท้ากล่าวอะไรเช่นนั้น!”ซูเฮ่อเหนียนหัวเราะ “หากมิใช่เพราะใต้เท้า พวกเราคงยังไม่รู้เลยว่าโหวซื่อไคมีเส้นทางทำเงินเช่นนี้! นี่เป็นสิ่งที่ใต้เท้าควรได้รับอยู่แล้ว!”“ถูกต้อง!”ซูซ่งฝู่รีบเสริม “ขอใต้เท้าอย่าได้ปฏิเสธเลย!”อืม… พวกเขากล่าวมาถึงเพียงนี้แล้ว จะปฏิเสธก็ใช่ที่!หยางหุยโจวรู้สึกยินดีจนแทบกลั้นไม่อยู่ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง “เช่นนั้น… ข้าขอไปหารือกับโหวซื่อไคก่อน แล้วค่อยว่ากัน”สำเร็จแล้ว!ซูเฮ่อเหนียนและซูซ่งฝู่สบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจตราบใดที่
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขามิได้หลอกเจ้า?”หยางหุยโจวยังคงระมัดระวัง จึงย้ำถามอีกครั้ง“แน่ใจ!”โหวซื่อไคพยักหน้าหนักแน่น “เขากล่าวว่าสามารถสอนข้าได้ต่อหน้า! รอจนข้าเรียนรู้วิธีได้แล้ว ค่อยจ่ายเงินให้เขาก็ยังไม่สาย! หากมิเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เชื่อเขาแน่!”อืม เช่นนี้ก็สมเหตุสมผลหากเป็นการสอนกันต่อหน้า ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่แต่ว่า เขาเองก็แปลกใจยิ่งนักผางลู่ซานมีวิธีการเช่นไร ถึงกล้ารับประกันว่าน้ำตาลแดงห้าจินจะได้เป็นน้ำตาลขาวหนึ่งจิน?หากเป็นเรื่องจริง นี่จะกลายเป็นเส้นทางทำเงินมหาศาลทีเดียว!“หากน้ำตาลขาวผลิตได้ง่ายเพียงนี้ เหตุใดเขาจึงมีเพียงสิบจินเท่านั้น?”หยางหุยโจวถามต่อ“เขาไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย”โหวซื่อไคกล่าวเสียงต่ำ “ข้าเคยได้ยินเขาพูดว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนสนิทของหยุนเจิงหักหลัง ขายเส้นทางทำเงินมากมายออกไป! ทำให้หยุนเจิงไม่ไว้ใจผู้ใดอีก เขาจึงไม่กล้าซื้อน้ำตาลแดงมากเกินไป เกรงว่าหยุนเจิงจะสงสัย…”คนที่ทรยศหยุนเจิง?นั่นไม่ใช่จางซูหรอกหรือ?หยางหุยโจวแค่นยิ้มในใจ ไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่ออีก แล้วถามว่า “เจ้าขาดอยู่อีกหนึ่งแสนตำลึงเท่านั้นหรือ?”“ยังขาดอยู่อีกมาก”โหวซ
“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองรับคำสั่ง แล้วเข้ามาจับกุมโหวซื่อไคทันทีโหวซื่อไคตกใจจนหน้าซีด รีรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบร้องตะโกนออกมา “ใต้เท้า ข้า… ข้ายอมพูด! ข้าจะพูด!”เมื่อเห็นโหวซื่อไคยอมอ่อนข้อ หยางหุยโจวจึงส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยตัวเขา“ว่ามา!”หยางหุยโจวกล่าวเสียงขึงขัง แสดงอำนาจขุนนางเต็มที่“เรื่องนี้…”โหวซื่อไคลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลองกล่าวอย่างระมัดระวัง “ใต้เท้า ขอเจรจาเป็นการส่วนตัวสักคราเถิด?”หยางหุยโจวพยักหน้า แล้วพาโหวซื่อไคเดินออกไปอีกทางครานี้ โหวซื่อไค “สารภาพ” อย่างว่าง่ายน้ำตาลขาวเหล่านี้ล้วนมาจากซั่วเป่ย เป็นผางลู่ซานที่ขายให้แก่เขาผางลู่ซานเป็นผู้ดูแลโรงงานทั้งหมดในซั่วเป่ย รวมถึงโรงงานผลิตน้ำตาลขาวด้วยดังนั้น ผางลู่ซานจึงแอบกักตุนและยักยอกน้ำตาลขาวไว้ไม่น้อยแต่เพราะเขาไม่กล้าออกหน้าขายเองโดยตรง จึงเลือกขายผ่านโหวซื่อไคเหตุที่เขาไม่กล้าบอกที่มาของน้ำตาลขาว ก็เพราะกลัวหยุนเจิงล่วงรู้เรื่องนี้ หากหยุนเจิงรู้เข้า ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ผางลู่ซานก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง!หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ โหวซื่อไคยังหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายัดใส่มือหย
ตอนเที่ยวันรุ่งขึ้นง โหวซื่อไคถูกเชิญไปที่จวนซูซ่งฝู่อีกครั้งเพื่อดื่มสุราวันนี้ ไม่เพียงแต่มีซูซ่งฝู่และซูเฮ่อเหนียน ยังมีหยางหุยโจวร่วมอยู่ด้วยหลายคนมิได้ร่วมรับประทานอาหารกันในเรือนหลักของจวนซูซ่งฝู่ แต่เลือกไปยังศาลาเย็นในสวนหลังบ้าน ดูจากท่าทีแล้วชัดเจนว่ามีเรื่องจะพูดคุยกัน“หลานรัก ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือใต้เท้าหยาง หยางหุยโจว ผู้ช่วยที่ปรึกษาจวนรัชทายาท!”ซูซ่งฝู่กล่าวพลางหัวเราะ พลางแนะนำโหวซื่อไค“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าหยาง”โหวซื่อไครีบคารวะหยางหุยโจวทันที“โหวซื่อไค เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”หยางหุยโจวมองโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าฉายแววไม่พอใจเจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?ประโยคแรกที่หยางหุยโจวเอ่ยออกมา ทำให้โหวซื่อไคถึงกับตกตะลึงโหวซื่อไคมองอย่างงุนงง “ข้าน้อยโง่เขลาเกินไป มิทราบว่าใต้เท้าหยางกล่าวถึงเรื่องใด?”“ในเมื่อเจ้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ ข้าก็จะเตือนเจ้าให้สักหน่อย”หยางหุยโจวจ้องโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นเยียบ “น้ำตาลขาว!”น้ำตาลขาว?แววตาของโหวซื่อไคพลันส่องประกายความเข้าใจขึ้นมาวูบหนึ่งเข้าใจแล้วพวกเขามุ่งเป้ามาที่น้ำตาลขาวนี่เอง!นี่ช่
หลังจากออกจากตระกูลซู โหวซื่อไคก็รีบเดินทางไปยังหัวเมืองสี่ทิศเพื่อทำการซื้อขายน้ำตาลแดงหัวเมืองสี่ทิศแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของตระกูลซูโดยสมบูรณ์ การกระทำของโหวซื่อไค ย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของคนในตระกูลซูไปได้จากพฤติกรรมของโหวซื่อไค พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า น้ำตาลขาวนั้นผลิตขึ้นจากน้ำตาลแดงที่ผ่านกระบวนการกลั่นให้บริสุทธิ์เมื่อคิดถึงกำไรอันมหาศาลของน้ำตาลขาว ซูซ่งฝู่ก็รีบเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งหกของตระกูลซูในทันที เพื่อหารือกันว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจน้ำตาลขาวนี้ได้อย่างไรโอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว!หากมีเงินให้หา ยังนิ่งเฉยอยู่ ก็คงเป็นพวกโง่งมเต็มที!แต่ว่า โหวซื่อไคกลับปากแข็งเกินไปและที่สำคัญ ดูเหมือนว่าโหวซื่อไคจะไม่ต้องการให้ตระกูลซูเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เลย!หากต้องการเข้ามาในธุรกิจน้ำตาลขาว ก็ต้องหาทางให้โหวซื่อไคเปิดปากให้ได้ขณะที่ทุกคนกำลังหารือกันว่าจะบีบให้โหวซื่อไคพูดออกมาได้อย่างไร จู่ๆ ก็มีคนจากจวนของซูเฮ่อเหนียนรีบรุดเข้ามา เขาก้มกระซิบข้างหูซูเฮ่อเหนียนอย่างลับๆ“ว่าอย่างไรนะ!?”ซูเฮ่อเหนียนถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ก่อนจะลากพ่อบ้