หากเสด็จพ่อส่งคนไปเรียกตัวเจ้าหกกลับมา แม้ต้องอยู่ต่อหน้าหยุนเจิง เขาก็ไม่มีทางยอมรับ!อย่างไรเสียเสด็จพ่อก็ไม่มีหลักฐาน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสด็จพ่อจะเชื่อใคร“ดี! ช่างดียิ่งนัก! ไม่ได้ทำสิ่งที่ละอายใจแก่ตนเอง!”จักรพรรดิเหวินจ้องเขม็งไปที่หยุนลี่ และตะคอกเสียงต่ำว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ดูเอาเองเถอะว่าน้องหกของเจ้าบอกสิ่งใดข้า!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินก็โยนจดหมายฉบับนั้นไปตรงหน้าหยุนลี่หยุนลี่หยิบจดหมายมาด้วยความหวาดกลัว สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปมากจักรพรรดิเหวินโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟ ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารว่า “ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง อ่านจดหมายฉบับนี้ออกมาให้เหล่าขุนนางบู๊และบุ๋นและราษฎรเหล่านี้ได้ฟัง!”หยุนลี่ตัวสั่นทอนขึ้น รีบย่อตัวลงพลางกล่าว “ลูก……ลูก……”“อ่าน!”จักรพรรดิเหวินกล่าวตัดบทหยุนลี่ด้วยความโกรธหยุนลี่หวาดกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว อ่านอย่างตะกุกตะกักว่า “ละ ลูก……”“อ่านเสียงดังๆ!”จักรพรรดิเหวินตะคอกด้วยความโกรธ“ลูก……”หยุนลี่อ่านเสียงดังขึ้นเล็กน้อย“ดังอีก!”สีพระพักตร์จักรพรรดิเหวินดำคล้ำด้วยความโกรธหยุนลี่ทั้งโศกเศร้าและโกรธม
“เจ้าเขียนจดหมายอันใดให้ฝ่าบาทกันแน่?”ระหว่างทาง เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ“ข้าแค่เขียนบทกลอนบทหนึ่งก็เท่านั้น!”หยุนเจิงหัวเราะชอบใจขึ้น และท่องบทกลอนนั้นออกมาอย่างไม่ลังเลเมื่อได้ยินบทกลอนของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งไยต้องฝังกระดูกไว้ที่สุสาน ในเมื่อบนโลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยป่าดงพงไพรภูเขาเขียว!เป็นบทกลอนที่ดียิ่งนัก!แต่ก็น่าสลดใจมากเช่นกัน!จางซูปรบมือชื่นชม “องค์ชายหก ท่านช่างมีความสามารถมากมายจริงๆ ข้านับถือองค์ชายหกจากใจ เปรียบดั่งหมื่นลี้รี่ไหล สายนทีไหลเชี่ยวไม่สุดสิ้น……”คำอวยของจางซูนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินแล้วแทบจะอ้วกออกมา“เลิกเลียแข้งเลียขาได้แล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางซูอย่างไม่สบอารมณ์ แบะปากพลางกล่าวว่า “กลอนบทนนี้เขาต้องลอกมาจากพี่สะใภ้ข้าเป็นแน่ ตัวเองแค่เอามาแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น!”“ใช่ ข้าลอกมา”หยุนเจิงหัวเราะชอบใจขึ้นก็ต้องลอกมาอยู่แล้ว!เพียงแต่ว่าไม่ได้ลอกของเยี่ยจื่อก็เท่านั้นเอง“เจ้าไม่อับอายขายหน้าบ้างรึไง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางซูอย่างไม่สบอารมณ์ และแบะปากกล่าวว่า “บทกลอนของเขาต้
หนึ่งล้านตำลึงอย่างนั้นหรือ?ของล้ำค่าอันใดมีค่าถึงหนึ่งล้านตำลึงได้!เกรงว่าเขาคงพูดผิดไปแล้วกระมัง?อย่าว่าแต่เสิ่นลั่วเยี่ยนเลย แม้แต่หยุนเจิงเองก็ตกตะลึงกับคำตอบของจางซูเช่นกันเจ้าหมอนี่ช่างร้ายกาจมากเกินไปแล้ว!นี่เขากล้าขายถึงหนึ่งล้านตำลึงเลยหรือนี่เขาไปเจอคนโง่เง่าเต่าตุ่นคนใดกันนะ!จางซูพึงพอใจกับความตกใจของทั้งสองมาก เขาหัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวว่า “สบู่ของเราทำเงินได้มากมายจริงๆ ใครได้สูตรสบู่ไป ผู้นั้นก็จะนำไปทำเงินได้อีกมากมาย! เพราะพวกคนจนเหล่านั้นไม่ยอมเอาเงินออกมาให้เยอะกว่านี้ อีกอย่างข้าก็มีเวลาไม่มาก ความจริงข้าอยากขายถึงสองล้านตำลึงด้วยซ้ำ” “เจ้า……”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางซูอย่างตกตะลึง นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าก็ช่างกล้าคิดนะ!”สองล้านตำลึงอย่างนั้นหรือนี่มันปล้นกันชัดๆไม่สิ!ยิ่งกว่าปล้นเสียอีก!“เจ้ามันช่างเก่งกาจจริงๆ!”หยุนเจิงรู้ว่าจางซูเป็นพ่อค้าหน้าเลือด หลังจากที่ยกนิ้วโป้งชื่นชมเขาแล้ว เขาเรียกเกาเหอมาและกล่าวว่า “มุ่งหน้าไปอีกสิบลี้ แล้วส่งคนไปดูหลังขบวนทัพ ดูว่ามีใครตามมาหรือไม่ แล้วก็เร่งคนที่บังคับรถม้าบรรทุกส
เสิ่นลั่วเยี่ยนนิ่งอึ้งไปพี่สะใภ้มานอนอยู่ในโลงศพนี้ได้อย่างไรกันแถมหยุนเจิงยังเป็นคนสั่งให้เปิดฝาโลงอีกต่างหาก!พี่สะใภ้บอกว่าไม่ออกมาส่งพวกเขา แต่กลับเข้าไปนอนอยู่ในโลงเนี่ยนะเยี่ยจื่อไม่มีจิตใจที่จะสนใจเสิ่นลั่วเยี่ยนในตอนนี้ นางอยู่ในโลงนั้นและพยายามสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่“ยังยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ยังไม่รีบช่วยประคองนางลงมาอีก!”หยุนเจิงจ้องเขม็งคนรับใช้ที่ยืนอึ้งอยู่เหล่านั้นพวกเขาตั้งสติขึ้น และรีบช่วยพยุงเยี่ยจื่อออกมาจากโลงศพนั้นอย่างระมัดระวังเยี่ยจื่อค่อยรู้สึกโล่งขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นหันไปกล่าวกับหยุนเจิงด้วยความโกรธว่า “หากเจ้าเปิดฝาโลงช้ากว่านี้ มีหวังข้าถูกขังตายอยู่ในโลงนี้เป็นแน่!”“ข้าบอกให้เจ้าเจาะรูไว้ที่ใต้โลงไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงยิ้มทั้งน้ำตามองเยี่ยจื่อที่ตกอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นนั้นเยี่ยจื่อกรอกตามองบนพลางกล่าว “อึดอัดปานนั้น เจ้าลงไปนอนเดี๋ยวก็รู้เอง!”เจาะรูแล้วอย่างไร?แม้ว่าอากาศในเมืองหลวงตอนนี้จะเย็นลง แต่ผ้านวมในโลงศพ และพื้นที่แคบเช่นนั้น ใครเข้าไปนอนก็อึดอัดมากอยู่ดี“เอาล่ะๆ ข้าผิดไปแล้ว”หยุนเจิงยิ้มด้วยรอยยิ้มขอโทษ “กลางค
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจื่อก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังนางอีกต่อไปเมื่อไม่มีพันธะอยู่ที่เมืองหลวง หยุนเจิงก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่แล้ว“ยะ แย่ง…แย่งชิงอำนาจทหารอย่างนั้นหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คล้ายกับว่าไม่อยากเชื่อหูตัวเองหยุนเจิงจะไปแย่งชิงอำนาจทหารที่ซั่วเป่ยหรือว่าเขาคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือนางจำได้ว่าหยุนเจิงเคยบอกกับนางว่าเขาจะไปก่อกบฏที่ซั่วเป่ย!ที่เขาคิดหาทางทำเงินไปในทุกที่ ก็เพื่อที่เก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูทหาร!“หรือว่าหากเราไม่แย่งชิงอำนาจทหาร เราจะถูกคนอื่นกดขี่รุกรานอย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงกรอกตามองบน “หากเราไม่มีกองกำลังทหารในมือ วันใดที่เจ้าสามครองบัลลังก์มังกร พวกเราก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! เจ้าคิดว่าข้ากับเจ้าสามจะญาติดีกันจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”“นี่เจ้า……”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยความตกใจ นางรู้สึกสมองสับสนไปหมดทันใดนั้นนางก็ตระหนักขึ้นได้ว่าหยุนเจิงมีเรื่องราวมากมายที่ปิดบังนางอยู่เรื่องเหล่านั้น พี่สะใภ้ล้วนแต่รู้ทั้งสิ้น แม้แต่ท่านแม่ของนางเองก็รู้!มีเพียงนางคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเล
หลังจากขบวนทัพออกเดินทางอีกครั้ง เสิ่นลั่วเยี่ยนถูกหยุนเจิงและเยี่ยจื่อดึงเข้ามาในรถม้า“หากเจ้าโกรธเจ้าก็ไปลงกับเขาได้! แต่อย่ามาลงกับข้านะ! เพราะทุกอย่างล้วนเป็นความคิดของเขาทั้งสิ้น!”เยี่ยจื่อยิ้มพลางมองไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ยังไม่คลายความโกรธ และผลักความผิดให้หยุนเจิงโดยสมบูรณ์“พี่สะใภ้ อย่ากล่าวเช่นนี้สิ!”หยุนเจิงหัวเราะเหอๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เรื่องเหล่านี้พวกเราตกลงร่วมกันไม่ใช่หรอกหรือ?”“เจ้าหยุดพูดไปเลย!”เยี่ยจื่อทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าตกลงกับเจ้าว่าให้เจ้าจับข้าโยนเข้าไปอยู่ในโลงศพนั่นด้วยหรือ?”“เอ่อ……”หยุนเจิงหัวเราะเจื่อนๆ จากนั้นก็พูดไม่ออกและเงียบไปเรื่องนี้เขากลับไม่ได้ตกลงกับเยี่ยจื่อแต่อย่างใดเป็นเขาที่คิดวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว และเพียงแค่ให้เยี่ยจื่อเป็นคนทำเท่านั้นเสิ่นลั่วเยี่ยนหน้านิ่วคิ้วขมวด กวาดสายตามองไปที่พวกเขาทั้งสองหลังจากที่ออกจากเมืองหลวง ดูเหมือนว่าหยุนเจิงกับพี่สะใภ้จะเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนเลยไม่ใช่สิ!ไม่ใช่เปลี่ยนเป็นคนละคน!การพูดจาของพวกเขาต่างหากล่ะที่เปลี่ยนไป!เมื่อก
หมายความว่าทุกคนล้วนแต่รู้กันหมด มีเพียงนางเท่านั้นที่ยังไม่รู้อย่างนั้นหรือนี่ตนเองไม่รู้จักความเหมาะสมถึงขั้นนั้นเลยหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนมองทั้งสองคนด้วยสายตาอันโกรธเกรี้ยว และกล่าวถามหยุนเจิงว่า “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเจ้าสามารถแย่งชิงอำนาจทหารที่ซั่วเป่ยได้ ด้วยสถานะความเป็นองค์ชายหกของเจ้านะหรือ?”“เรื่องนี้ข้ายังบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้” หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มพลางกล่าว “และต่อให้ข้าบอกเจ้า เจ้าก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าข้าจะมีความสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้ ข้าพูดถูกหรือไม่?”“ก็ความจริงมันเป็นเช่นนั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนกล่าว “เจ้าคิดว่าการแย่งชิงอำนาจทหารมันง่ายเช่นนั้นหรือ?”“มันไม่ง่าย แต่อย่างไรก็ต้องลองดูไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงกะพริบตาปริบๆ พลางกล่าว “เอาล่ะ เจ้าพูดคุยกับพี่สะใภ้เจ้าเถอะ! ข้าจะไปสั่งงานพวกเกาเหอสักหน่อย”กล่าวจบ หยุนเจิงก็รีบไปทันทีตอนนี้เล่าให้นางฟังเยอะไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีอย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เยี่ยจื่อกับท่านแม่ยายเองก็ยังสงสัยว่าเขาจะแย่งชิงอำนาจทหารมาได้หรือไม่ไปถึงซั่วเป่ยแล้วค่อยทำให้เห็นดีกว่า ไม่ต้องพูดมาก!มองดูหย
ในยามราตรี จักรพรรดิเหวินประทับอยู่ในตำหนัก ทว่า กลับไม่ได้พักผ่อนแต่อย่างใดในพระหัตถ์ถือจดหมายฉบับนั้นของหยุนเจิงอยู่แม้ว่าจะจำข้อความในจดหมายนั้นได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังพลิกดูไปดูมาอยู่เช่นนั้นซ้ำๆพูดตามตรงว่าลายมือของหยุนเจิงนั้นไม่สวยเอาเสียเลยเรียกได้ว่าลายมืออัปลักษณ์ก็ว่าได้!เพียงดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าจดหมายฉบับนี้เขาใช้พู่กันเขียนแม้จะดูไม่ประณีตเรียบร้อยนัก แต่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์แต่อย่างใดแต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อใจความสำคัญของจดหมายฉบับนี้เลยมองดูจดหมายฉบับนี้ และนึกถึงภาพที่เจ้าหกแบกโลงศพเดินทางไปซั่วเป่ยแล้ว น้ำตาก็คลอดเบ้าตาจักรพรรดิเหวินทันทีสุดท้ายเขาก็ติดค้างลูกคนนี้อยู่ดี!แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเกือบจะลืมลูกคนนี้แล้ว แต่ลูกคนนี้ก็ไม่ได้โกรธแค้นตนแต่อย่างใดเมื่อยามที่ต้าเฉียนประสบกับความยากลำบาก เขาก็ยังลุกขึ้นมาช่วยการกระทำของเขาในวันนี้ ยิ่งทำให้ขวัญกำลังใจกองทัพทหารและราษฎรฮึกเหิมยิ่งขึ้นที่ผ่านมาเมื่อยามมีศึกสงคราม ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพทว่า การกระทำของเจ้าหกในวันนี้ กลับทำให้ผู้คนพากันเข้ามาสมัครทหารบุตร