หมายความว่าทุกคนล้วนแต่รู้กันหมด มีเพียงนางเท่านั้นที่ยังไม่รู้อย่างนั้นหรือนี่ตนเองไม่รู้จักความเหมาะสมถึงขั้นนั้นเลยหรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนมองทั้งสองคนด้วยสายตาอันโกรธเกรี้ยว และกล่าวถามหยุนเจิงว่า “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเจ้าสามารถแย่งชิงอำนาจทหารที่ซั่วเป่ยได้ ด้วยสถานะความเป็นองค์ชายหกของเจ้านะหรือ?”“เรื่องนี้ข้ายังบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้” หยุนเจิงส่ายหน้ายิ้มพลางกล่าว “และต่อให้ข้าบอกเจ้า เจ้าก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าข้าจะมีความสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้ ข้าพูดถูกหรือไม่?”“ก็ความจริงมันเป็นเช่นนั้น!”เสิ่นลั่วเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนกล่าว “เจ้าคิดว่าการแย่งชิงอำนาจทหารมันง่ายเช่นนั้นหรือ?”“มันไม่ง่าย แต่อย่างไรก็ต้องลองดูไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงกะพริบตาปริบๆ พลางกล่าว “เอาล่ะ เจ้าพูดคุยกับพี่สะใภ้เจ้าเถอะ! ข้าจะไปสั่งงานพวกเกาเหอสักหน่อย”กล่าวจบ หยุนเจิงก็รีบไปทันทีตอนนี้เล่าให้นางฟังเยอะไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีอย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เยี่ยจื่อกับท่านแม่ยายเองก็ยังสงสัยว่าเขาจะแย่งชิงอำนาจทหารมาได้หรือไม่ไปถึงซั่วเป่ยแล้วค่อยทำให้เห็นดีกว่า ไม่ต้องพูดมาก!มองดูหย
ในยามราตรี จักรพรรดิเหวินประทับอยู่ในตำหนัก ทว่า กลับไม่ได้พักผ่อนแต่อย่างใดในพระหัตถ์ถือจดหมายฉบับนั้นของหยุนเจิงอยู่แม้ว่าจะจำข้อความในจดหมายนั้นได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังพลิกดูไปดูมาอยู่เช่นนั้นซ้ำๆพูดตามตรงว่าลายมือของหยุนเจิงนั้นไม่สวยเอาเสียเลยเรียกได้ว่าลายมืออัปลักษณ์ก็ว่าได้!เพียงดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าจดหมายฉบับนี้เขาใช้พู่กันเขียนแม้จะดูไม่ประณีตเรียบร้อยนัก แต่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์แต่อย่างใดแต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อใจความสำคัญของจดหมายฉบับนี้เลยมองดูจดหมายฉบับนี้ และนึกถึงภาพที่เจ้าหกแบกโลงศพเดินทางไปซั่วเป่ยแล้ว น้ำตาก็คลอดเบ้าตาจักรพรรดิเหวินทันทีสุดท้ายเขาก็ติดค้างลูกคนนี้อยู่ดี!แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเกือบจะลืมลูกคนนี้แล้ว แต่ลูกคนนี้ก็ไม่ได้โกรธแค้นตนแต่อย่างใดเมื่อยามที่ต้าเฉียนประสบกับความยากลำบาก เขาก็ยังลุกขึ้นมาช่วยการกระทำของเขาในวันนี้ ยิ่งทำให้ขวัญกำลังใจกองทัพทหารและราษฎรฮึกเหิมยิ่งขึ้นที่ผ่านมาเมื่อยามมีศึกสงคราม ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพทว่า การกระทำของเจ้าหกในวันนี้ กลับทำให้ผู้คนพากันเข้ามาสมัครทหารบุตร
ใส่ร้าย!เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือการใส่ร้าย!เป็นพวกเจ้ารอง คนกลุ่มนั้นที่ใส่ร้ายตนเอง!คำกล่าวของเสด็จพ่อในวันนี้ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังอีกครั้งพวกเขาคิดจะใส่ร้ายตนเองผ่านวิธีนี้ ให้เสด็จพ่อปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนเอง!สารเลว!พวกคนสารเลว!ไม่มีใครดีสักคน!ขอแค่มีความหวังเพียงน้อยนิด ก็คิดจะดึงตนเองลงมาจากตำแหน่งองค์รัชทายาท!คอยดูเถอะ!รอตอนที่ตนเองขึ้นครองบัลลังก์ พวกเจ้าทุกคนอย่าได้คิดจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย!ยังมีเจ้าหก เจ้าคนมากเล่ห์เพทุบายนั่นด้วย!ตนเองไม่มีทางปล่อยเขาไปเด็ดขาด!เขาหลอกเอาเงินตนเองไปมากขนาดนั้น ทั้งยังทำร้ายให้ตนเองถูกกักบริเวณในตำหนักตงกง บัญชีนี้ ตนเองจะต้องคิดกับเขาให้ชัดเจนแจ่มแจ้งแน่นอน!...วันรุ่งขึ้น ประชุมเช้า จักรพรรดิเหวินบริภาษองค์ชายหลายพระองค์ต่อหน้าบรรดาขุนนางในท้องพระโรงเมื่อเผชิญหน้ากับเพลิงพิโรธของจักรพรรดิเหวิน องค์ชายรองและคนอื่นๆ เรียกร้องความเป็นธรรมกันอย่างต่อเนื่อง กล่าวคำสาบานว่าพวกเขาไม่ได้ส่งคนไปลอบวางเพลิงแต่ทว่า จักรพรรดิเหวินไม่เชื่อเลยสักนิดจักรพรรดิเหวินก็ไม่รู้ว่า ใครที่ส่งคนไปทำเรื่องนี้กันแน่ จึงทำ
สามวันให้หลัง ขบวนของหยุนเจิงก็เข้าสู่เขตแดนสุยโจวนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเจิงออกเดินทางไกลหลังจากมาถึงแคว้นต้าเฉียนเขาสัมผัสได้ถึงความเบื่อหน่ายจากการคมนาคมในยุคโบราณได้อย่างแท้จริงตั้งแต่เดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิจนถึงตอนนี้ ก็ห้าวันแล้วเดิมเขานึกว่า เวลาห้าวัน อย่างไรก็สามารถเดินทางไปได้เจ็ดแปดร้อยลี้แต่ทว่า แม้ว่าเขาจะเร่งรีบมาตลอดทาง พวกเขาก็เดินทางไปไม่ถึงหกร้อยลี้หลักๆ ก็คือ รถม้าขนเสบียงรั้งความเร็วเกินไปจริงๆ“ผ่านสุยโจวไป ก็จูโจวแล้วสินะ”ตอนพักผ่อน หยุนเจิงสอบถามกับตู้กุยหยวน“พ่ะย่ะค่ะ” ตู้กุยหยวนพยักหน้า “อ้างอิงจากความเร็วในการเดินทัพก่อนหน้านี้ อีกประมาณสามวัน ก็น่าจะไปถึงจูโจว ประตูหลินผิงเฉิง” “อีกสามวันเลยหรือ”หยุนเจิงยืนเจื่อนจะช้าเกินไปแล้ว!อาศัยความเร็วระดับนี้ บวกกับเวลาพักผ่อนรอคนที่หลินผิงเฉิง เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนถึงจะไปถึงซั่วเป่ย!ในตอนที่หยุนเจิงทอดถอนใจเงียบๆ เกาเหอกับโจวมี่ก็ควบม้ากลับมาด้านหลังพวกเขา ยังมีรถม้าตามมาด้วยคันหนึ่งหืม?หยุนเจิงลุกขึ้น ขมวดคิ้วมองพวกเกาเหอพวกเขาพารถม้าคันหนึ่งกลับมาด้วยทำไมไม่นานนัก
เมื่อทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสร็จ หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้ว่าการมณฑลอู่หยางคนนี้มีปัญหานะ! เขาสู้โจรพวกนั้นไม่ได้ แล้วจะเชิญให้จวนเจ้าเมืองส่งทหารไปไม่ได้หรือ แม้ว่าจวนเจ้าเมืองจะมีความสามารถไม่เพียงพอเช่นกัน ก็ยังสามารถรายงานราชสำนักได้นี่!”“ท่านอ๋องไม่รู้”ซุนจ่างเซี่ยวเอ่ยอย่างโมโห “คนเหล่านี้ล้วนกลัวราชสำนักจะซักไซ้ไล่เลียงความรับผิดชอบที่ปราบโจรได้ไม่สำเร็จ ขอแค่เป็นเรื่องที่สามารถปิดบังราชสำนักได้ ก็ไม่มีทางรายงานขึ้นไปแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ...”แบบนี้เองหรือก็เป็นไปได้!หยุนเจิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “พวกจ้าวเฮยหู่มีกันกี่คน”“เรื่องนี้...กระหม่อมก็ไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”ซุนจ่างเซี่ยวเผยสีหน้าลำบากใจ พลางส่ายหน้า “ได้ยินคนพูดว่า โจรกลุ่มนั้นมีสองสามพันคน แต่สรุปว่ามีเท่าไร กระหม่อมก็ไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ…”แบบนี้เองหรือหยุนเจิงครุ่นคิดครู่หนึ่งนี่เป็นวิธีการฝึกฝนทหารที่ดีวิธีหนึ่ง!กองทหารแรกสุดที่เขารับสมัครมาห้าร้อยคน ล้วนยังไม่ผ่านการทดสอบและมีประสบการณ์ในสนามรบเลย!หากว่าสามารถรับโจรกลุ่มนั้นมาได้ทั้งหมด กำลังคนในมือตนเองจะต้องมากขึ้นแ
ในไม่ช้า ตู้กุยหยวนก็นำคนห้าสิบคนติดตามซุนจ่างเซี่ยวแล้วเริ่มออกเดินทางหยุนเจิงก็รีบวางแผนขึ้นมาทันทีเมื่อฟังการจัดการของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะแค่นแคะคนสารเลวผู้นี้นี่เหลี่ยมจัดจริงๆ!เหลี่ยมยิ่งกว่าโจรพวกนี้อีก!ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองของสารเลวคนนี้รูปร่างเป็นอย่างไรเหตุใดจึงมีกลอุบายเช่นนี้ได้?รอจนหยุนเจิงพูดแผนการจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ถามอย่างสงสัยทันทีว่า “ทำไมเจ้าถึงให้ตู้กุยหยวนไป เกาเหอคนอื่นไปไม่ได้หรือ?”แม้ว่าตู้กุยหยวนเคยเป็นผู้นำกองทหารโลหิต แต่อย่างไรเสียเขาก็แขนหักไปข้างหนึ่งแล้วหากมีอันตราย ตู้กุยหยวนคงหนีไม่พ้นด้วยซ้ำ“เพราะเขาแขนหักไปข้างหนึ่ง”หยุนเจิงอธิบายว่า "ถ้าเจ้าเป็นจ้าวเฮยหู่ เจ้าจะระวังคนที่แขนหักไหม?""นี่มัน……"เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงงันเล็กน้อย ส่ายหัวเบาๆตราบใดที่ไม่รู้ตัวตนของตู้กุยหยวน ใครจะระวังตนกับคนคนพิการเล่า!“ก็ได้ สิ่งที่เจ้าพูดก็ดูสมเหตุสมผล”เสิ่นลั่วเยี่ยแค่นสียงเหอะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าสามารถส่งคนหลายคนติดตามเขาไปได้ จะจับโจรก็จับราชาโจรเสียเลย!”เมื่อฟังเสิ่นลั่วเยี่ยนพูด เยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเช่นก
เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปทางหยุนเจิงอย่างไม่พอใจคราหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งจากไปหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อพอเห็นดังนั้น ก็อดมองตากันอย่างช่วยไม่ได้……ไปได้ครึ่งทาง ตู้กุยหยวนก็แยกตัวออกจากชายห้าสิบคนที่อยู่ภายใต้เขาคนพวกนั้นต้องซุ่มโจมตีก่อนรอจนโจรส่วนใหญ่ถูกล่อออกจากหมู่บ้านแล้ว พวกเขาสามารถเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อโจมตีอย่างกะทันหันได้“เดี๋ยวตอนพบกับโจรเหล่านั้น เจ้าพยายามพูดให้น้อยที่สุดแล้วให้ข้าเป็นคนพูด!”เมื่อเข้าใกล้ภูเขาชิงหยาง ตู้กุยหยวนออกคำสั่งกับซุนจ่างเซี่ยวอย่างเคร่งขรึม"อืมๆ"ซุนจ่างเซี่ยวพยักหน้ารัวๆ แล้วถามอย่างไม่สบายใจว่า “แบบนี้จะได้ผลจริงหรือ?”ตู้กุยหยวนตอบว่า "ขอแค่เจ้าไม่พูดไร้สาระก็พอ!""ก็ได้ ก็ได้……"ซุนจ่างเซี่ยวพยักหน้าซ้ำๆ สีหน้าไม่สบายใจไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงตีนเขาชิงหยางพอเห็นจากระยะไกลว่าในป่ามีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ตู้กุยหยวนก็รู้ว่านั่นคือโจรที่คอยดูลาดเลาตู้ยหยวนพยุงซุนจ่างเซี่ยวลงจากรถม้า แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ และยืนมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางไม่สบายใจทันใดนั้น โจรหลายคนก็รีบวิ่งออกไปจากป่าที่อยู่ไม่ไกลตู้กุยหยวนรีบทำหน้าต
หนทางสู่ความมั่งคั่ง?จ้าวเฮยหู่มองตู้กุยหยวนอย่างสงสัย “หนทางสู่ความมั่งคั่งอะไร?”ตู้กุยหยวนลังเล ขณะที่กำลังจะพูด ซุนจ่างเซี่ยวในที่สุดก็จำคำแนะนำของหยุนเจิงได้ และปิดปากของตู้กุยหยวนอย่างรวดเร็วตู้กุยหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแอบคิดว่าตาแก่นี่นับว่าไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญไปจ้าวเฮยหู่พอเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบดึงซุนจ่างเซี่ยวออกไปทันทีและจ้องมองซุนจ่างเซี่ยวอย่างดุเดือด “ตาแก่ เจ้ายังกล้าล้อข้าเล่นอีกหรือ? เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถสับเจ้าเป็นชิ้นๆ ได้?”ซุนจ่างเซี่ยวเต็มไปด้วยความกลัว แต่เขาระงับความกลัวและขยิบตาให้ตู้กุยหยวน ส่งสัญญาณให้ตู้กุยหยวนไม่พูดอะไรชิ้ง!จ้าวเฮยหู่ขี้เกียจเกินกว่าจะพูด จู่ๆ ก็ชักมีดจ่อไปที่คอของตู้กุยหยวน “พูดเร็วเข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปนรกก่อน!”มีปัญญาไม่น้อยจริงๆ!กระบวนการถอนดาบแล้วชักดาบเสร็จสิ้นในคราวเดียว สะอาดหมดจดจริงๆตู้กุยหยวนลอบชมอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขากลับตื่นตระหนก ลังเลและพูดว่า "ตอนที่เราออกจากเมืองเราได้พบกับกลุ่มพ่อ...พ่อค้า เดิมทีพวกเขาจะเดินมาทางนี้ แต่พอได้ยินนายท่านหู่อยู่ที่นี่ จึงอ้อ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่