หลังจากทิ้งปัญหาไว้ให้หยุนลี่จัดการ จักรพรรดิเหวินก็พาผู้คนออกไปทันที ดูเหมือนจะไม่อยากเห็นหน้าเจ้าหกผู้เอาแต่รุกไล่บีบคั้นนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แม้หยุนลี่จะจำใจ แต่ก็ยังพยายามต่อรองกับหยุนเจิง ทว่า หยุนเจิงจับจุดอ่อนของหยุนลี่ไว้ได้ จึงไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย ในที่สุด หยุนลี่ก็ต้องจำใจยอม หลังจากนี้ ยังต้องทำสัญญาอย่างเป็นทางการ "เจ้าสาม ครั้งนี้ข้าให้เกียรติเสด็จพ่อ ยกชีวิตเจ้าไว้ก่อน!" หลังจากตกลงกันได้ หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสายตาเย็นชา พลางเตือน "เจ้าควรภาวนาให้เสด็จพ่ออายุยืนยาว!" ยังคงต้องกดดันเจ้าสามอีกหน่อย กันไว้เพื่อไม่ให้เจ้าสามดิ้นสู้จนสุดตัว เมื่อเผชิญคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ก็รู้สึกเกลียดชังอย่างถึงที่สุด ในสถานการณ์ที่เขาเสียเปรียบตอนนี้ มีเพียงอดทนเท่านั้น พอกลับถึงเมืองหลวงเมื่อไร เขาจะหาทางจัดการกับเจ้าสุนัขตัวนี้ให้ได้! ความอัปยศในวันนี้ วันหน้าจะคืนให้เป็นสองเท่า! หยุนลี่คิดในใจอย่างเหี้ยมโหด หลังจากพยายามสูดหายใจลึกๆ หยุนลี่กัดฟันพูด "เจ้าก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ควรปล่อยพวกเฉียวเหยียนเซียนได้หรือยัง?" หยุนเจิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ "พวกเขาถู
"อืม ข้ารู้แล้ว" หยุนลี่โบกมือเบาๆ ให้ขันทีออกไป ดูเหมือนว่าเจ้าหกตัวแสบได้พูดคุยเรื่องต้องการฟู่โจวกับเสด็จพ่อที่ริมทะเลสาบชิงซานแล้ว เจ้าสุนัขตัวแสบนี้! ยื่นกรงเล็บมาที่ฟู่โจวจนได้! งานนี้ยุ่งยากจริงๆ แล้ว หยุนลี่รู้สึกทั้งโกรธและกังวลในใจ ทันใดนั้น เขาก็เริ่มอิจฉาพี่รองและพี่สี่ขึ้นมา ตั้งแต่เขามีสถานะมั่นคงขึ้น พี่รอง พี่สี่ และพี่ห้าก็มีบทบาทในราชสำนักลดน้อยลง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสามคนใช้ชีวิตได้สบายกว่าเขามาก ทั้งสามคนใช้ชีวิตเสเพลได้เต็มที่ แต่เขาทำไม่ได้ กลับไปที่ราชสำนัก ยังต้องชี้แจงเรื่องแต่งตั้งเจ้าหกเป็นผู้ตรวจการมณฑลฟู่โจวให้ขุนนางทั้งหลายเข้าใจ หากขุนนางในราชสำนักรู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากเขาส่งทหารไปจัดการเจ้าหก เหล่าขุนนางอาวุโสคงรวมตัวกันกราบทูลเสด็จพ่อให้ลงโทษเขาอย่างหนัก หรือแม้กระทั่ง...ปลดองค์รัชทายาท! เขาไม่ได้กังวลว่าจะถูกปลด แต่กลับไปที่ราชสำนักคงเจอปัญหาอีกมากมาย หยุนลี่กลับมาที่จวนของตัวเอง พยายามระงับอารมณ์และคิดหาทางออก ไม่นาน มู่ซุ่นก็ส่งคนมาแจ้ง "กราบทูลองค์รัชทายาท ฝ่าบาทประชวรหนัก ขอให้องค์รัชทายาทเสด็จด่วน..." ขันท
เมื่อได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ น้ำตาในดวงตาของเขาเอ่อล้นจนกลั้นไม่อยู่ ครั้งนี้ หยุนลี่ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิเหวินจะช่วยรับเรื่องนี้แทนเขา เขารู้ว่าจักรพรรดิเหวินพูดความจริง ถ้าขุนนางอาวุโสในราชสำนักพร้อมใจกันต่อต้าน เขาก็แทบไม่มีทางรับมือได้ อย่างเช่นฉินลิ่วก่าน ขุนนางแก่ผู้นี้ต้องกล้าด่าเขาต่อหน้าที่ประชุมแน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ขุนนางแก่นี่อาจกล้าลงไม้ลงมือกับเขาด้วยซ้ำ ยังมีเซวียเช่อ เซียวว่านโฉว ถังซู่ ซ่งปี้เซียน และคนอื่นๆ... ขุนนางอาวุโสเหล่านี้ ไม่มีใครที่รับมือได้ง่ายๆ "ลูกอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อต้องลำบากพระทัยเพราะลูก..." หยุนลี่คุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า จักรพรรดิเหวินตบมือบนมือของหยุนลี่อย่างอ่อนแรง "นี่ก็โทษข้าด้วย ถ้าข้าห้ามเจ้าตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายแบบนี้" "เสด็จพ่อ..." หยุนลี่รู้สึกจุกแน่นในลำคอ น้ำตาไหลไม่หยุด "เก็บน้ำตาของเจ้าไว้! จำไว้ว่าเจ้าเป็นองค์รัชทายาท!" จักรพรรดิเหวินเพิ่มเสียงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจเบาๆ "จริงๆ ข้าคิดดูแล้ว การให้ฟู่โจวกับเจ้าต
ข้าไม่กล้ามอบต้าเฉียนให้กับเจ้า และไม่อาจให้เจ้าด้วย! ด้านนอกห้องหยุนลี่แสดงความกังวลอย่างหนัก ถามไถ่หมอหลวงถึงอาการของจักรพรรดิเหวิน หมอหลวงสีหน้าลำบาก ตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง "ฝ่าบาทชีพจรผิดปกติ มีไฟในหัวใจล้นหลาม กระหม่อมวินิจฉัยโรคของฝ่าบาทไม่ได้ และไม่กล้าจ่ายยาโดยสะเปะสะปะ..." หยุนลี่โกรธจัด แววตาเย็นชาเปล่งประกาย "เจ้าเป็นหมอหลวงประเภทไหนกัน? ถึงไม่รู้ว่าเสด็จพ่อป่วยเป็นโรคอะไร?" "กระหม่อมไร้ความสามารถ..." เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากหมอหลวง หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง หยุนลี่ยิ่งโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเป็นองค์รัชทายาท เขาหวังเพียงให้จักรพรรดิเหวินสิ้นพระชนม์อย่างรวดเร็วเพื่อเขาจะได้ครองราชย์โดยราบรื่น แต่ตอนนี้ เขาต้องการให้จักรพรรดิเหวินยังมีชีวิตอยู่! เพราะตราบใดที่จักรพรรดิเหวินยังอยู่ หยุนเจิงก็จะไม่กล้าก่อความวุ่นวาย! "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ต้องรักษาเสด็จพ่อให้หาย!" หยุนลี่พยายามควบคุมสติ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมมองไปที่หมอหลวง "หากรักษาเสด็จพ่อไม่ได้ เจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!"
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
ข้าไม่กล้ามอบต้าเฉียนให้กับเจ้า และไม่อาจให้เจ้าด้วย! ด้านนอกห้องหยุนลี่แสดงความกังวลอย่างหนัก ถามไถ่หมอหลวงถึงอาการของจักรพรรดิเหวิน หมอหลวงสีหน้าลำบาก ตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง "ฝ่าบาทชีพจรผิดปกติ มีไฟในหัวใจล้นหลาม กระหม่อมวินิจฉัยโรคของฝ่าบาทไม่ได้ และไม่กล้าจ่ายยาโดยสะเปะสะปะ..." หยุนลี่โกรธจัด แววตาเย็นชาเปล่งประกาย "เจ้าเป็นหมอหลวงประเภทไหนกัน? ถึงไม่รู้ว่าเสด็จพ่อป่วยเป็นโรคอะไร?" "กระหม่อมไร้ความสามารถ..." เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากหมอหลวง หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง หยุนลี่ยิ่งโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเป็นองค์รัชทายาท เขาหวังเพียงให้จักรพรรดิเหวินสิ้นพระชนม์อย่างรวดเร็วเพื่อเขาจะได้ครองราชย์โดยราบรื่น แต่ตอนนี้ เขาต้องการให้จักรพรรดิเหวินยังมีชีวิตอยู่! เพราะตราบใดที่จักรพรรดิเหวินยังอยู่ หยุนเจิงก็จะไม่กล้าก่อความวุ่นวาย! "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ต้องรักษาเสด็จพ่อให้หาย!" หยุนลี่พยายามควบคุมสติ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมมองไปที่หมอหลวง "หากรักษาเสด็จพ่อไม่ได้ เจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!"
เมื่อได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ น้ำตาในดวงตาของเขาเอ่อล้นจนกลั้นไม่อยู่ ครั้งนี้ หยุนลี่ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิเหวินจะช่วยรับเรื่องนี้แทนเขา เขารู้ว่าจักรพรรดิเหวินพูดความจริง ถ้าขุนนางอาวุโสในราชสำนักพร้อมใจกันต่อต้าน เขาก็แทบไม่มีทางรับมือได้ อย่างเช่นฉินลิ่วก่าน ขุนนางแก่ผู้นี้ต้องกล้าด่าเขาต่อหน้าที่ประชุมแน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ขุนนางแก่นี่อาจกล้าลงไม้ลงมือกับเขาด้วยซ้ำ ยังมีเซวียเช่อ เซียวว่านโฉว ถังซู่ ซ่งปี้เซียน และคนอื่นๆ... ขุนนางอาวุโสเหล่านี้ ไม่มีใครที่รับมือได้ง่ายๆ "ลูกอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อต้องลำบากพระทัยเพราะลูก..." หยุนลี่คุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า จักรพรรดิเหวินตบมือบนมือของหยุนลี่อย่างอ่อนแรง "นี่ก็โทษข้าด้วย ถ้าข้าห้ามเจ้าตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายแบบนี้" "เสด็จพ่อ..." หยุนลี่รู้สึกจุกแน่นในลำคอ น้ำตาไหลไม่หยุด "เก็บน้ำตาของเจ้าไว้! จำไว้ว่าเจ้าเป็นองค์รัชทายาท!" จักรพรรดิเหวินเพิ่มเสียงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจเบาๆ "จริงๆ ข้าคิดดูแล้ว การให้ฟู่โจวกับเจ้าต
"อืม ข้ารู้แล้ว" หยุนลี่โบกมือเบาๆ ให้ขันทีออกไป ดูเหมือนว่าเจ้าหกตัวแสบได้พูดคุยเรื่องต้องการฟู่โจวกับเสด็จพ่อที่ริมทะเลสาบชิงซานแล้ว เจ้าสุนัขตัวแสบนี้! ยื่นกรงเล็บมาที่ฟู่โจวจนได้! งานนี้ยุ่งยากจริงๆ แล้ว หยุนลี่รู้สึกทั้งโกรธและกังวลในใจ ทันใดนั้น เขาก็เริ่มอิจฉาพี่รองและพี่สี่ขึ้นมา ตั้งแต่เขามีสถานะมั่นคงขึ้น พี่รอง พี่สี่ และพี่ห้าก็มีบทบาทในราชสำนักลดน้อยลง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสามคนใช้ชีวิตได้สบายกว่าเขามาก ทั้งสามคนใช้ชีวิตเสเพลได้เต็มที่ แต่เขาทำไม่ได้ กลับไปที่ราชสำนัก ยังต้องชี้แจงเรื่องแต่งตั้งเจ้าหกเป็นผู้ตรวจการมณฑลฟู่โจวให้ขุนนางทั้งหลายเข้าใจ หากขุนนางในราชสำนักรู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากเขาส่งทหารไปจัดการเจ้าหก เหล่าขุนนางอาวุโสคงรวมตัวกันกราบทูลเสด็จพ่อให้ลงโทษเขาอย่างหนัก หรือแม้กระทั่ง...ปลดองค์รัชทายาท! เขาไม่ได้กังวลว่าจะถูกปลด แต่กลับไปที่ราชสำนักคงเจอปัญหาอีกมากมาย หยุนลี่กลับมาที่จวนของตัวเอง พยายามระงับอารมณ์และคิดหาทางออก ไม่นาน มู่ซุ่นก็ส่งคนมาแจ้ง "กราบทูลองค์รัชทายาท ฝ่าบาทประชวรหนัก ขอให้องค์รัชทายาทเสด็จด่วน..." ขันท
หลังจากทิ้งปัญหาไว้ให้หยุนลี่จัดการ จักรพรรดิเหวินก็พาผู้คนออกไปทันที ดูเหมือนจะไม่อยากเห็นหน้าเจ้าหกผู้เอาแต่รุกไล่บีบคั้นนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แม้หยุนลี่จะจำใจ แต่ก็ยังพยายามต่อรองกับหยุนเจิง ทว่า หยุนเจิงจับจุดอ่อนของหยุนลี่ไว้ได้ จึงไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย ในที่สุด หยุนลี่ก็ต้องจำใจยอม หลังจากนี้ ยังต้องทำสัญญาอย่างเป็นทางการ "เจ้าสาม ครั้งนี้ข้าให้เกียรติเสด็จพ่อ ยกชีวิตเจ้าไว้ก่อน!" หลังจากตกลงกันได้ หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสายตาเย็นชา พลางเตือน "เจ้าควรภาวนาให้เสด็จพ่ออายุยืนยาว!" ยังคงต้องกดดันเจ้าสามอีกหน่อย กันไว้เพื่อไม่ให้เจ้าสามดิ้นสู้จนสุดตัว เมื่อเผชิญคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ก็รู้สึกเกลียดชังอย่างถึงที่สุด ในสถานการณ์ที่เขาเสียเปรียบตอนนี้ มีเพียงอดทนเท่านั้น พอกลับถึงเมืองหลวงเมื่อไร เขาจะหาทางจัดการกับเจ้าสุนัขตัวนี้ให้ได้! ความอัปยศในวันนี้ วันหน้าจะคืนให้เป็นสองเท่า! หยุนลี่คิดในใจอย่างเหี้ยมโหด หลังจากพยายามสูดหายใจลึกๆ หยุนลี่กัดฟันพูด "เจ้าก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ควรปล่อยพวกเฉียวเหยียนเซียนได้หรือยัง?" หยุนเจิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ "พวกเขาถู
จักรพรรดิเหวินจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นเยียบ "อะไร? เจ้ากลัวว่าข้าจะผิดคำพูด แล้วพาพี่สามของเจ้าหนีไปหรือ?" "เสด็จพ่อ ทรงล้อเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หยุนเจิงส่ายหน้า "ลูกกลัวว่าจ้าวจี๋จะสมคบกับทหารรักษาเมืองก่อความวุ่นวาย! อย่างไรเสีย จ้าวจี๋เคยนำทัพใหญ่นับแสนมาอยู่ที่นี่..." "หุบปาก!" จักรพรรดิเหวินหยิบป้ายทองคำคำออกมาแล้วขว้างให้หยุนเจิง "เจ้าช่างเป็นลูกที่ดีของข้าเสียจริง!" "ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!" หยุนเจิงเก็บป้ายทองคำคำขึ้นมา ทำเป็นเมินสายตาของจักรพรรดิเหวิน "ยังไม่ไปอีกหรือ?!" จักรพรรดิเหวินตวาดด้วยความโกรธ ราวกับไม่อยากมองหยุนเจิงอีก "เสด็จพ่อ ลูกยังมีเรื่องอีกอย่างหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!" หยุนเจิงยิ้ม "ลูกเพิ่งตกลงการซื้อขายกับพี่สาม เขายังต้องการถามความเห็นเสด็จพ่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" "ซื้อขาย?" สายตาของจักรพรรดิเหวินหันไปจ้องหยุนลี่อีกครั้ง พร้อมแฝงคำถาม หยุนลี่ที่เสียศูนย์ไปแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันบอกเรื่องการตกลงระหว่างเขาและหยุนเจิง "พี่สาม แล้วม้าศึกของทหารรักษาการของเจ้าล่ะ!" พอหยุนลี่พูดจบ หยุนเจิงก็เสริมทันที หยุนลี่เต็มไปด้วยความแค้นใจ แต่จำต้องพยักหน้า
ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง หยุนลี่รู้สึกร่างกายเย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในห้องน้ำแข็ง เขาไม่สงสัยเลยว่า หยุนเจิงสามารถทำเรื่องนี้ได้จริงๆ หยุนลี่เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปยังจักรพรรดิเหวิน "เจ้า..." จักรพรรดิเหวินโกรธคำพูดของหยุนเจิงจนตัวสั่น หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง น้ำเสียงจึงอ่อนลง "เจ้าหก เห็นแก่หน้าของข้า เรื่องนี้ให้จบแค่นี้เถอะ!" "เสด็จพ่อ พี่สามก็อยากเอาชีวิตลูกไปแล้ว!" หยุนเจิงกำหมัดแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและคำรามต่ำ "วันนี้ ถ้าเสด็จพ่อไม่ให้คำตอบกับลูก ลูกก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น! ลูกเคารพเสด็จพ่อว่าเป็นจักรพรรดิที่ดี แต่ลูกไม่กลัวที่จะถูกประณามว่าฆ่าพี่ชาย!" เมื่อเผชิญกับท่าทีแข็งกร้าวของหยุนเจิง หยุนลี่ก็ยิ่งหวาดกลัว ส่งสายตาอ้อนวอนอย่างสุดชีวิตไปยังจักรพรรดิเหวิน จักรพรรดิเหวินโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ลูกทรพีคนนี้! แค่เพราะฟู่โจว จำเป็นต้องทำให้เรื่องยุ่งยากขนาดนี้หรือ? ตอนนี้ทำให้เรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แล้วตนจะไปซั่วเป่ยได้อย่างไร? ต้องถามเจ้าลูกคนนี้เสียหน่อยว่า คิดเหตุผลสำหรับเรื่องที่ตนจะไปซั่วเป่ยแล้วห
แน่นอนว่าเขารู้ดี จักรพรรดิเหวินต้องการให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยากรับผิดชอบ! ถ้ารับผิดชอบเรื่องนี้ เจ้าหกตัวแสบยิ่งได้โอกาสใช้เรื่องนี้เล่นงานเขา! แต่ถ้าไม่รับผิดชอบ กองทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นของจ้าวจี๋ก็ต้องหมดไป แถมเขายังซวยไปด้วย ไม่ว่าจะรับผิดชอบหรือไม่ เขาก็ต้องซวยอยู่ดี! ลังเลอยู่นาน หยุนลี่จึงพูดตะกุกตะกักออกมา "ข้า...ข้าเป็นคนสั่งให้จ้าวจี๋นำทัพมาเอง..." ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับผิด! ดีที่เสด็จพ่อรู้อยู่แล้ว แถมยังเห็นด้วย ตอนนี้เพียงแค่ให้คำอธิบายหยุนเจิงก็พอ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเสด็จพ่อลงโทษภายหลัง "เจ้ากล้าดีมาก!" จักรพรรดิเหวินโกรธจนทนไม่ไหว "พูดมา เจ้าไปสั่งการกองทัพของจ้าวจี๋ได้อย่างไร? เจ้าไปสมคบกับจ้าวจี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่?" "ไม่...ไม่ใช่..." หยุนลี่รีบโบกมือพร้อมก้มหน้าตอบ "ลูกไม่ได้สมคบกับจ้าวจี๋ ลูก...ลูกแค่บังเอิญเก็บตราทองของเสด็จพ่อได้เมื่อหลายวันก่อน..." "เก็บได้?" สายตาของหยุนเจิงเย็นเยียบ "พี่สาม เจ้าคิดว่าน้องเป็นคนโง่หรือไง? ตราทองของเสด็จพ่อ เจ้าก็เก็บได้?" พูดจบ หยุนเจิงก็หันไปมองจักรพรรดิเหวินด้วยความโกรธ "
"ฝ่าบาท ด้านหน้ามีสองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน ดูเหมือนคนขององค์ชายหกจะล้อมเวรยามขององค์รัชทายาทไว้!" จักรพรรดิเหวินกำลังอ่านหนังสืออยู่ในขบวนรถม้า เมื่อโจวไต้เข้ามารายงานใกล้ๆ "อะไรนะ?" จักรพรรดิเหวินเปิดผ้าม่านรถม้าออกทันทีเพื่อมองออกไป เพียงแค่มองแวบเดียว จักรพรรดิเหวินก็เดือดดาล ไอ้ลูกทรพีทั้งสองนี่!พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?ตนยังไม่ตายเลยนะ!พวกเขาถึงกับเอาอาวุธมาเผชิญหน้ากันแล้ว?เจ้าหก ลูกทรพีคนนี้ มันลืมคำตักเตือนของตนแล้วหรือ? จักรพรรดิเหวินโกรธจัด รีบสั่งโจวไต้ "ไป จงแยกพวกเขาออกจากกัน หากใครขัดขืน สังหารทันที!" ครั้งนี้จักรพรรดิเหวินโกรธจริงๆ เจ้าลูกทรพีทั้งสองนี้ ไม่มีใครคิดจะรักษาหน้าตาของราชวงศ์บ้างเลยหรือ?ในความเดือดดาล จักรพรรดิเหวินตะโกนสั่งมู่ซุ่น "บอกให้ลูกทรพีทั้งสองคนของข้ามาพบข้าทันที!" พูดจบ จักรพรรดิเหวินก้าวลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว ไม่นาน หยุนเจิงและหยุนลี่ก็มายืนต่อหน้าจักรพรรดิเหวิน "ลูกขอคารวะเสด็จพ่อ" ทั้งสองคนคำนับพร้อมกัน "เสด็จพ่อ?" จักรพรรดิเหวินดั่งสิงโตที่เดือดดาล ตะโกนว่า "ในสายตาของพวกเจ้ามีข้าเป็นเสด็จพ่ออยู่บ้างไหม?" "เส
"ต่อให้ข้ายอมตกลง เสด็จพ่อจะยอมด้วยหรือ?" "ตราบใดที่เสด็จพ่อไม่อนุญาต ใครจะกล้าส่งข้าวห้าล้านตันให้เจ้า?" "ถ้าเจ้าต้องการข้าวนัก ก็ไปพบเสด็จพ่อพร้อมกับข้า!" "ตราบใดที่เสด็จพ่ออนุญาต ข้าก็ไม่มีอะไรจะค้าน!" ตอนนี้ มีแต่ต้องไปหาเสด็จพ่อเท่านั้น ไอ้สุนัขตัวนี้ ต่อให้หน้าด้านแค่ไหนก็คงต้องไว้หน้าเสด็จพ่อบ้างกระมัง? "เจ้าสาม เจ้าช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักปรับตัวเอาเสียเลย" หยุนเจิงยิ้ม "แบบนี้แล้วกัน เจ้าส่งม้าศึกของทหารรักษาพระองค์พวกนี้ให้ข้า ข้าจะบอกเจ้าวิธีที่ทำให้เสด็จพ่อกับขุนนางในราชสำนักยอมให้ข้าวห้าล้านตันแก่เจ้าแน่นอน!" ม้าศึก? ได้ยินคำพูดของหยุนเจิง หยุนลี่แทบจะกระโดดขึ้นมาชี้หน้าด่าเขา เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายเท่าเจ้านี่! เอาข้าวห้าล้านตันยังไม่พอ ยังคิดจะเอาม้าศึกของทหารรักษาพระองค์อีก? ทั่วหล้าหามีใครไร้ยางอายเท่าเจ้านี่อีกแล้ว! ทำไมเจ้าสุนัขตัวนี้ถึงไม่ตายคาสนามรบเสียล่ะ? หยุนลี่สาปแช่งในใจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมองหยุนเจิงด้วยสายตาเกรี้ยวกราด "ว่ามาเถอะ! ข้าอยากเห็นนักว่า ปากหมาอย่างเจ้าจะพูดอะไรที่ดีออกมาได้!" "ว่าอย่างนี้ เจ้าก็ตกลงจะ