เมื่อกล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เริ่มลองสวมทันที เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นคนเริ่ม เมี่ยวอินและเยี่ยจื่อก็ค่อยๆ ลองสวมตาม หยุนเจิงไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวช่วยคนนี้ เดี๋ยวช่วยคนนั้น ในที่สุด หญิงทั้งสามก็สวมชุดชั้นในแบบใหม่เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะสวมเสื้อนอกทับอีกชั้น เมื่อไม่มีผ้ารัดอกให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังมีชุดชั้นในแบบใหม่ช่วยเสริมรูปร่าง หญิงทั้งสามที่รูปร่างร้อนแรงอยู่แล้วก็ดูยิ่งดึงดูดสายตา ทำเอาหยุนเจิงพยักหน้าไม่หยุด หญิงทั้งสามหันมามองกันและกัน ใบหน้าของแต่ละคนต่างแดงระเรื่อ "ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง? เจ้าชู้ตัวดี!" เสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นปากพร้อมกับจ้องหยุนเจิงด้วยสายตา "พอใจสิ พอใจมาก!" หยุนเจิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวอวบอิ่มของเสิ่นลั่วเยี่ยน แล้วจูบเบาๆ ที่ใบหน้าของนางที่อ้วนขึ้นเพราะตั้งครรภ์ พลางถามด้วยความคาดหวัง "เป็นอย่างไร ใส่แล้วสบายหรือไม่?" เสิ่นลั่วเยี่ยนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหยุนเจิงเบาๆ แล้วตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ "ถึงจะเขินอยู่บ้าง แต่ใส่แล้วสบายดีจริงๆ" ในจุดนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้โกหก สำหรับนางในตอนนี้ การใช้ผ้ารัดอกนั้นช
องครักษ์เงาไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องนานนัก หลังจากส่งมอบพระราชสาส์นลับจากจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงแล้ว องครักษ์เงาก็รีบจากไป เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนและพวกตามหาหยุนเจิงพบ เขากำลังอ่านพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวิน บนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเจิง หญิงทั้งสามก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ "ใครส่งจดหมายมา?" เสิ่นลั่วเยี่ยนก้าวขึ้นไปถาม "ไปกันเถอะ ไปพูดกันในห้อง" หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและพาหญิงทั้งสามเข้าไปในห้อง เมื่อมาถึงห้อง หยุนเจิงส่งพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวินให้พวกนางอ่าน หญิงทั้งสามมารวมตัวกันอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย พวกนางก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่ในความโกรธก็มีความขันเจือปน "แค่หยุนลี่คนโง่เง่านั่น ยังกล้าคิดจะวางแผนร้ายต่อเจ้าอีกหรือ?" เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างดูถูกพร้อมใช้คำพูดที่ได้ยินจากหยุนเจิง ในขณะที่หยุนลี่วางแผนอย่างรอบคอบ จักรพรรดิเหวินก็ลอบส่งคนมาแจ้งข่าวให้หยุนเจิง หยุนลี่ในตอนนี้ยังไ
โดยไม่ทันรู้ตัว เทศกาลปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว คนในจวนอ๋องก็เริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ความยุ่งวุ่นวายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยุนเจิง หยุนเจิงยังคงดื่มด่ำอยู่ในความสุขของครอบครัว และแวะไปโรงงานอาวุธทุกๆ สองสามวัน ปัจจุบัน โรงงานอาวุธได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเกือบครึ่ง จำนวนศิษย์ฝึกงานในโรงงานก็เพิ่มขึ้นมาก ด้วยความพยายามของทุกคน ในที่สุด "ปืนยาวแบบนก" ที่หยุนเจิงตั้งใจพัฒนาก็สามารถผลิตได้สองกระบอกที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงแค่สองกระบอกเท่านั้น หนึ่งกระบอกยาว หนึ่งกระบอกสั้น กระบอกสั้น คุณภาพถือว่าดีมาก แต่กระบอกยาว คุณภาพพอใช้ได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังถือเป็นข่าวดี เมื่อมีชิ้นงานสำเร็จ อย่างน้อยกระบวนการผลิตทั้งหมดก็ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาเทคนิค เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หยุนเจิงคิดจะใช้กังหันน้ำและชุดเฟืองหลายชุดเพื่อสร้างเครื่องกลึงแบบง่ายๆ แต่ปัญหาเรื่องดอกสว่านยังแก้ไม่ได้ หากไม่มีดอกสว่านคุณภาพดี เครื่องกลึงแม้สร้างขึ้นมาก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก อีกทั้ง ที่นี่ก็ไม่มีแหล่งน้ำ
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ
โดยไม่ทันรู้ตัว เทศกาลปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว คนในจวนอ๋องก็เริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ความยุ่งวุ่นวายนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยุนเจิง หยุนเจิงยังคงดื่มด่ำอยู่ในความสุขของครอบครัว และแวะไปโรงงานอาวุธทุกๆ สองสามวัน ปัจจุบัน โรงงานอาวุธได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเกือบครึ่ง จำนวนศิษย์ฝึกงานในโรงงานก็เพิ่มขึ้นมาก ด้วยความพยายามของทุกคน ในที่สุด "ปืนยาวแบบนก" ที่หยุนเจิงตั้งใจพัฒนาก็สามารถผลิตได้สองกระบอกที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพียงแค่สองกระบอกเท่านั้น หนึ่งกระบอกยาว หนึ่งกระบอกสั้น กระบอกสั้น คุณภาพถือว่าดีมาก แต่กระบอกยาว คุณภาพพอใช้ได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังถือเป็นข่าวดี เมื่อมีชิ้นงานสำเร็จ อย่างน้อยกระบวนการผลิตทั้งหมดก็ชัดเจนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาเทคนิค เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หยุนเจิงคิดจะใช้กังหันน้ำและชุดเฟืองหลายชุดเพื่อสร้างเครื่องกลึงแบบง่ายๆ แต่ปัญหาเรื่องดอกสว่านยังแก้ไม่ได้ หากไม่มีดอกสว่านคุณภาพดี เครื่องกลึงแม้สร้างขึ้นมาก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก อีกทั้ง ที่นี่ก็ไม่มีแหล่งน้ำ
องครักษ์เงาไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องนานนัก หลังจากส่งมอบพระราชสาส์นลับจากจักรพรรดิเหวินให้หยุนเจิงแล้ว องครักษ์เงาก็รีบจากไป เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนและพวกตามหาหยุนเจิงพบ เขากำลังอ่านพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวิน บนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเจิง หญิงทั้งสามก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ "ใครส่งจดหมายมา?" เสิ่นลั่วเยี่ยนก้าวขึ้นไปถาม "ไปกันเถอะ ไปพูดกันในห้อง" หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและพาหญิงทั้งสามเข้าไปในห้อง เมื่อมาถึงห้อง หยุนเจิงส่งพระราชสาส์นลับของจักรพรรดิเหวินให้พวกนางอ่าน หญิงทั้งสามมารวมตัวกันอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย พวกนางก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่ในความโกรธก็มีความขันเจือปน "แค่หยุนลี่คนโง่เง่านั่น ยังกล้าคิดจะวางแผนร้ายต่อเจ้าอีกหรือ?" เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวอย่างดูถูกพร้อมใช้คำพูดที่ได้ยินจากหยุนเจิง ในขณะที่หยุนลี่วางแผนอย่างรอบคอบ จักรพรรดิเหวินก็ลอบส่งคนมาแจ้งข่าวให้หยุนเจิง หยุนลี่ในตอนนี้ยังไ
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เริ่มลองสวมทันที เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นคนเริ่ม เมี่ยวอินและเยี่ยจื่อก็ค่อยๆ ลองสวมตาม หยุนเจิงไม่อยู่นิ่ง เดี๋ยวช่วยคนนี้ เดี๋ยวช่วยคนนั้น ในที่สุด หญิงทั้งสามก็สวมชุดชั้นในแบบใหม่เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะสวมเสื้อนอกทับอีกชั้น เมื่อไม่มีผ้ารัดอกให้รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังมีชุดชั้นในแบบใหม่ช่วยเสริมรูปร่าง หญิงทั้งสามที่รูปร่างร้อนแรงอยู่แล้วก็ดูยิ่งดึงดูดสายตา ทำเอาหยุนเจิงพยักหน้าไม่หยุด หญิงทั้งสามหันมามองกันและกัน ใบหน้าของแต่ละคนต่างแดงระเรื่อ "ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง? เจ้าชู้ตัวดี!" เสิ่นลั่วเยี่ยนยื่นปากพร้อมกับจ้องหยุนเจิงด้วยสายตา "พอใจสิ พอใจมาก!" หยุนเจิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอวอวบอิ่มของเสิ่นลั่วเยี่ยน แล้วจูบเบาๆ ที่ใบหน้าของนางที่อ้วนขึ้นเพราะตั้งครรภ์ พลางถามด้วยความคาดหวัง "เป็นอย่างไร ใส่แล้วสบายหรือไม่?" เสิ่นลั่วเยี่ยนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหยุนเจิงเบาๆ แล้วตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ "ถึงจะเขินอยู่บ้าง แต่ใส่แล้วสบายดีจริงๆ" ในจุดนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ได้โกหก สำหรับนางในตอนนี้ การใช้ผ้ารัดอกนั้นช
“ใส่แบบนี้ได้จริงหรือ? มันน่าอายจะตาย…” “ใช่แล้ว ดูก็อายแทนแล้ว…” “ท่านพี่ อย่าให้ข้าใส่อันนี้เลยนะ ได้หรือไม่…” ในจวนอ๋องติ้งเป่ย สตรีสามคนของหยุนเจิงต่างหน้าแดงด้วยความอาย แม้แต่เมี่ยวอิน ผู้ที่ปกติกล้าหาญในเรื่องเช่นนี้ ยังถึงกับเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงกับใช้เสียงแหลมเล็กซึ่งแม้แต่ตัวนางเองยังไม่ชอบ เอาอกเอาใจหยุนเจิง เพื่อหลีกเลี่ยงการลองสวมเสื้อชั้นในแบบใหม่ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น สิ่งนี้เพียงแค่หยิบขึ้นมาก็รู้สึกน่าอายแล้ว สตรีในต้าเฉียนส่วนใหญ่มักจะใช้ผ้าพันอก โดยเฉพาะบรรดาคุณหนูจากตระกูลใหญ่ มิฉะนั้น ในฤดูหนาวคงไม่เท่าไร แต่หากเป็นช่วงที่ต้องแต่งกายเบาบาง สตรีที่มีรูปร่างดีเวลาเดินแล้วทรวงอกกระเพื่อม จะไม่ทำให้ผู้คนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีหรือ? แต่เสื้อชั้นในแบบใหม่นี้ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพันอก กลับยิ่งทำให้รูปร่างเด่นชัดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ภายในจวนได้สร้างเตาผิงหลายแห่งตามคำสั่งของหยุนเจิง ทำให้ห้องหลายห้องอบอุ่นมาก พวกนางพอเข้ามาก็ถอดเสื้อผ้าออกถึงสองชั้น หากสวมใส่สิ่งนี้ต่อหน้าหยุนเจิงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าต้องสวมสิ่งนี้ออกไปข้างนอก แล
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว หยุนลี่ถึงกับดีใจจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้ หยุนลี่กล่าวขึ้นว่า “ขอเสด็จพ่อโปรดมีพระบัญชา ให้โจวเต้ากงนำกองกำลังเตรียมพร้อม และเมื่อเจ้าหกมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ ให้เข้าควบคุมตัวเจ้าหกทันที! อีกทั้ง ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นำทัพทหาร 30,000 นายที่ฝีมือเยี่ยม เข้าประจำการในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเมืองสี่ทิศอย่างลับๆ” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ หัวใจของจักรพรรดิเหวินพลันเย็นเยือก เจ้าลูกทรพี! คิดจะระดมกองทัพจากตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อจัดการเจ้าหกอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะจุดชนวนสงครามกลางเมืองในต้าเฉียนหรืออย่างไร? “การระดมพลจากตะวันตกเฉียงเหนือในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ทันการ” จักรพรรดิเหวินทรงพยายามระงับพระอารมณ์ ก่อนตรัสว่า “กองกำลังจากตะวันตกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นทหารราบ ต่อให้รีบเร่งเดินทัพมา คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง” หยุนลี่ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนลี่จึงกล่าวต่อ “เช่นนั้น ขอพระบัญชาให้จ้าวจี้นำทัพทหารม้าชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมาแทนพ่ะย่ะค่ะ!
“ลูก…ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนเจิงมีกำลังทหารในมือมากเพียงใด คนที่เขาส่งไปซั่วเป่ยแทบไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในกองทัพเลย “ข้าจะบอกเจ้าเอง!” จักรพรรดิเหวินทรงลูบพระนลาฏเบาๆ พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวล “น้องหกของเจ้ามีกำลังพลในมือมากกว่าสองแสนนาย และหากเขาต้องการ ก็สามารถรวบรวมทหารเพิ่มได้อีกหนึ่งแสนนายทันที! ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพของชนเผ่าเป่ยหวนและเป่ยหมัวถัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา! ข้ากระทั่งสงสัยว่า หากเขาต้องการ เขาสามารถเรียกกองทัพห้าแสนนายมาได้ทันที!” “ห้า…ห้าแสน?” หยุนลี่อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กองทัพห้าแสน? เจ้าหก เจ้าคนเลวนั่นสามารถเรียกกองทัพห้าแสนได้ตลอดเวลา? นี่…เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหกจะเลี้ยงกองทัพห้าแสนไหวหรือ? จักรพรรดิเหวินทรงถอนหายใจยาว “เจ้าต้องการนำเจ้าหกกลับเมืองหลวง ข้าไม่ขัดข้อง! แต่เจ้าต้องพิจารณาดู หากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จ และยังทำให้เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นโกรธขึ้นมา เจ้าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร?” “นี่…” หยุนลี่ไม่รู้จะตอบคำถามของจักรพรรดิเหวินอย่าง
ไม่นาน มู่ซุ่นก็พาหยุนลี่เข้ามา “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่หยุนลี่เข้ามา เขาก็คำนับอย่างนอบน้อม จักรพรรดิเหวินทรงพยักหน้าให้หยุนลี่นั่งลง พลางตรัสยิ้มๆ ว่า “ครั้งหน้า หากมีธุระก็ให้มู่ซุ่นปลุกข้าเถิด อย่ายืนรออยู่ด้านนอกนานนัก” “เสด็จพ่อทรงเหนื่อยจากการเดินทาง ลูกยืนรออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เจ้าก็เริ่มเหมือนรัชทายาทแล้วล่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงมองหยุนลี่ด้วยความพอพระทัย “พูดมาเถอะ เจ้าจะมีเรื่องอันใด? บอกมาให้จบก่อน แล้วข้าจะได้สั่งงานเจ้าบ้าง” “ขอเสด็จพ่อทรงบัญชาลูกก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิเหวินทรงนิ่งตรองเล็กน้อย ก่อนจะทรงโบกพระหัตถ์ให้มู่ซุ่นและนางกำนัลที่คอยรับใช้ในห้องออกไป เมื่อไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ จักรพรรดิเหวินจึงตรัสว่า “ครั้งนี้ที่ข้าไปซั่วเป่ย ข้าตั้งใจไปดูมันเทศที่จางซูพูดถึง ข้าถามผู้คนหลายคนแล้ว และมั่นใจว่ามันเทศนั้นให้ผลผลิตสูงมาก! ข้าตั้งใจจะนำมันเทศนั้นเข้ามาปลูกในเขตใน แต่เจ้าหก เจ้าลูกทรพีนั่นกลับบอกว่าต้องมาคุยเรื่องนี้กับเจ้า…” ต้องมาคุยกับตนเอง? เปลือกตาของหยุนลี่กระตุกทันที เขารับรู้ได้ในทันทีว่า เจ้าหก
ในขณะที่หยุนเจิงกำลังยุ่งอยู่กับการอุทิศตนเพื่อสุขภาพของสตรีทั่วหล้า จักรพรรดิเหวินก็กลับมาถึงหัวเมืองสี่ทิศ มู่ซุ่นเดินทางกลับมาพร้อมกับจักรพรรดิเหวิน เมื่อหยุนลี่ทราบข่าว เขาก็นำคณะขุนนางมารับเสด็จทันที “จากราชสำนักมีใครส่งรายงานมาไหม?” จักรพรรดิเหวินทรงถามถึงเรื่องสำคัญทันทีที่เสด็จกลับมา “มีพ่ะย่ะค่ะ” หยุนลี่รีบรายงาน “เซียวว่านโฉวนำทัพไปช่วยเจียวลู่อ๋องซื่อจื่อปราบปรามกบฏสำเร็จแล้ว แต่พวกเขาช้าก้าวหนึ่ง กัวซื่อนำกองกำลังหลายพันคนหลบหนีไปยังเผ่าต่างๆ ทางหมอซี เจียวลู่อ๋องซื่อจื่อได้ถวายฎีกาต่อราชสำนัก ขอพระราชทานพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาสืบตำแหน่งเจียวลู่อ๋อง…” หลังจากการปราบกบฏของกัวซื่อสำเร็จ หนานจ้าวและอวี้หนานในปีนี้ก็แสดงความจงรักภักดีได้ดีขึ้นมาก ทั้งสองแคว้นได้ส่งบรรณาการเข้ามา โดยจำนวนสิ่งของบรรณาการมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน ราชาหนานจ้าวยังได้กราบทูลขอส่งองค์ชายรัชทายาทมายังเมืองหลวงต้าเฉียนเพื่อศึกษาเล่าเรียน การฟื้นฟูหลังภัยพิบัติในทางใต้กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีกลุ่มผู้ประสบภัยบางคนจุดไฟในหุบเขาเพื่อให้ความอบอุ่น จนเกิดไฟป่าครั
แต่ที่น่าเสียดายคือ เจียเหยาไม่ใช่สตรีแบบนั้น! ทุกความยินยอมและการประนีประนอมของเจียเหยาต่อเขาล้วนเกิดจากสถานการณ์บีบบังคับ เยี่ยจื่อย่อมชื่นชมเจียเหยาอย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่หากเจียเหยาเป็นสตรีที่หลงใหลในความรักอย่างเดียว เยี่ยจื่ออาจไม่รู้สึกชื่นชมนาง และคงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ว่านางกับหยุนเจิงจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ "ไม่แน่หรอก" เยี่ยจื่อยิ้มบาง "เรื่องของความรัก ไม่มีใครในโลกนี้สามารถอธิบายได้ชัดเจน! เช่นเดียวกับข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะไม่สนใจสายตาของผู้คนในแผ่นดิน และรักชายคนหนึ่งอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา..." "เรื่องของพวกเจ้ามันไม่เหมือนกัน" หยุนเจิงบีบเบาๆ ที่ตัวเยี่ยจื่อ "พอแล้ว อย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด ไม่เช่นนั้นพอคนในจวนมาเรียกเราไปกินข้าวเย็น เจ้าคงอายอีกแน่" "ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!" เยี่ยจื่อเอ่ยตำหนิด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเยี่ยจื่อสวมชุดชั้นใน หยุนเจิงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาอีก "ยังมองอยู่อีกหรือ?" เยี่ยจื่อปรายตามองหยุนเจิงด้วยความเข