ภายใต้การเค้นถามของหยุนเจิง ในที่สุดจางซูก็บอกถึงเหตุผลจะให้พูดถึงเรื่องจางซูถูกขับไล่ออกจากบ้านใช่หรือไม่ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเลยเดิมทีเมื่อก่อนหยุนเจิงมีชื่อเสียงในนามที่เป็นองค์ชายไร้ประโยชน์ ทุกครั้งที่จางฮว๋ายสั่งสอนหลานชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างจางซู จางซูก็มักจะเอาหยุนเจิงมาเป็นโล่กำบัง บอกว่าองค์ชายหกเป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์แต่ยังเขลาเบาวิชา เรื่องวรยุทธ์ก็ไม่ได้เรื่องแม้จางฮว๋ายจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เขาก็ไม่อาจหาคำพูดใดมาหักล้างได้ทว่า นับตั้งแต่คณะทูตเป่ยหวนมาที่เมืองหลวง หยุนเจิงก็เจิดจรัสมาก จนกระทั่งจากเดิมทีที่เป็นองค์ชายไร้ประโยชน์ กลายมาเป็นวีรบุรุษแห่งแคว้นต้าเฉียนไปเสียอย่างนั้นด้วยเหตุนี้ จางฮว๋ายเห็นเขาแล้วรู้สึกขัดตาขัดใจ คำพูดแต่ละคำล้วนแต่เอาหยุนเจิงมาเปรียบเทียบกับเขาจางฮว๋ายบอกว่าแม้องค์ชายหกจะเขลาเบาปัญญา การสู้รบไม่ได้เรื่อง แต่เมื่อคณะทูตเป่ยหวนมาครั้งนี้ กลับทำให้จักรพรรดิเหวินภาคภูมิใจมาก แต่พอหันกลับมาดูจางซูเจ้าสารเลวโง่เขลาเบาปัญญาผู้นี้แล้ว ต่อให้ถึงวันที่ตนเข้าโลงก็คงไม่อาจทำให้ตนภาคภูมิใจได้…เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวนี้ จางฮ
ภายในเวลาสี่ถึงห้านาที หยุนเจิงก็หมุนรูบิคทั้งกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้“ของที่ข้าปล้นเจ้ามา ข้าคืนให้!”หยุนเจิงยื่นรูบิคที่แก้กลับให้เป็นเหมือนเดิมแล้วให้กับจางซูหนังตาของจางซูกระตุกขึ้น มองรูบิคด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รวดเร็วยิ่งนักแม้จางซูจะตกใจ แต่ปากเขาก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับ ทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูกและกล่าวว่า “ก็แค่เคยชินก็เลยบังเอิญทำได้ก็แค่นั้น ให้ข้าใช้เวลาเล่นนานกว่านี้อีกสักหน่อย ข้าก็ทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เหมือนกัน!”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “หากข้าไม่สอนเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่มีทางทำได้หรอก”จางซูแบะปาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมรับหยุนเจิงก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด อีกทั้งยังกล่าวพึมพำอีกว่า “จางเก๋อเหล่าเป็นคนรอบรู้เรื่องวิชาความรู้ปรัชญามากมาย สกุลจางก็เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ เจ้าที่ไร้ความสามารถอยู่ในสกุลจาง คาดว่าคงไม่ได้รับการยอมรับจากสกุลจางสักเท่าไหร่หน่ะสิ?”“ใช่ ข้ามันคนไร้ความสามารถ หิวก็กินไปวันๆ รอความตายก็เท่านั้น”จางซูกล่าวออกมาตรงๆ และไม่ลืมที่จะประชดประชัน “ท่านเองก็อาศัยการอ่านตำราโบราณและความโชคด
คำพูดของหยุนเจิงทำให้จางซูค้นพบเป้าหมายของตัวเองได้สำเร็จทัศนคติที่จางซูมีต่อหยุนเจิงได้เปลี่ยนไปทันที เขากระตือรือร้นเป็นอย่างมากทัศนคติของจางซูก่อนหน้านี้กับตอนนี้เปลี่ยนไปมากจนหยุนเจิงไม่ทันตั้งตัวในตอนกลางวัน จางซูพยายามลากหยุนเจิงไปที่หอสุราที่ดีที่สุดในเมืองหลวงอย่างเอาจริงเอาจังเขาต้องทำดีกับคนรู้ใจคนนี้ให้มากๆ“องค์ชาย ผ่านมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดข้าก็เจอคนที่เข้าใจข้าจริงๆ สักที!”“องค์ชาย ไม่รู้หรอกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าต้องเจอกับอันใดบ้างแล้วข้าผ่านมันมาได้อย่างไร!”“เป็นเพราะว่าข้าไม่รู้วิชา ไม่เก่งในเรื่องแต่งบทกวี ไม่ว่าข้าทำอะไรมันก็ผิดไปเสียหมด”ภายในหอสุรา จางซูร่ำสุราพลางพร่ำครวญระบายทุกข์ในใจกับหยุนเจิงเมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ ดวงตาของจางซูก็แดงก่ำขึ้นแต่หยุนเจิงกลับเข้าใจความรู้สึกของจางซูท่านปู่ของเขาเป็นผู้รอบรู้วิชา อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิเหวินอีกด้วยการเติบโตมาในครอบครัวเช่นนี้ หากไม่รู้วิชา นั่นนับว่าเป็นความผิดอันใหญ่หลวงแล้วจางซูยกซดสุราเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะกล่าวอีกว่า “ข้าจะไม่ปิดบังองค์ชาย วันที่สิบห้าของทุกๆ เดือน ข้าไ
“ข้าตัดสินใจแล้ว อีกสองวันงานสมาคม ข้าจะไปเข้าร่วม!”“ข้าจะเรียกหญิงงามสิบกว่าคนมาปรนนิบัติข้า ข้าจะนั่งเสพสุขเหมือนนายท่านผู้มั่งคั่งคนอื่นๆ ให้ไอ้พวกสุนัขเหล่านั้นอิจฉาเล่นๆ ฮ่าๆๆ!”“องค์ชายช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก ผู้มีความสามารถอย่างท่านอ๋องหาได้ยากยิ่งนัก…”จางซูตื่นเต้นจนแทบจะเต้นแร้งเต้นกาแล้ว กล่าวชื่นชมหยุนเจิงยกใหญ่หยุนเจิงได้ยินคำชื่นชมของเขา แต่สีหน้าของเขากลับดำคล้ำขึ้นเจ้านี่คงจะไม่ทำจริงๆ กระมัง!หากจางเก๋อเหล่ารู้ว่าตนเป็นคนแนะนำให้จางซุทำเช่นนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจางเก๋อเหล่าจะฆ่าตัวตายในจวนองค์ชายหกหรือไม่“ค่อกๆๆ…”หยุนเจิงส่งเสียงไอกระแอมเพื่อตัดบทการตื่นเต้นของจางซู “เราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องสมาคมกวีเลย เรามาพูดเรื่องสำคัญของเราจะดีกว่า!”“เรื่องสำคัญอย่างนั้นหรือ?”จางซูสงสัย เขาจึงพูดโพล่งออกมาว่า “เรามาดื่มสนุกๆ กัน ยังจะมีเรื่องสำคัญอันใดคุยอีกหรือ?”“ข้า…”หยุนเจิงสะดุ้งเล็กน้อยเจ้าบ้าเอ้ย!อยู่ด้วยกัน พวกเขาในฐานที่เป็นคนไร้ประโยชน์ทั้งสองแห่งเมืองหลวง พอมาอยู่ด้วยกันแล้วจะทำแต่เรื่องไร้สาระเช่นนี้นะหรือจางซูสังเกตเห็นสายตาที่ผิดปกติไปข
น้ำมันพริกหรือ!หยุนถิงสับสนมึนงง ไม่รู้ว่ามันเป็นของเล่นบ้าอันใดอีก“น้ำมันบ้าบออะไรของเจ้า!”หยุนถิงทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก มองหยุนเจิงด้วยสีหน้าตักเตือน “ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าทำคุณงามความดีเอาไว้มาก และเจ้าก็ได้รับความโปรดปรานเต็มอย่างล้มหลาม! แต่ทางที่ดีเจ้าก็ควรอยู่ในที่ของตัวเอง ตอนนี้เจ้าอาจจะลำพองใจอยู่ก็ไม่เป็นไร รอให้เสด็จพ่อกลับไปเป็นเหมือนเดิมตอนที่เสด็จพ่อลืมเจ้าไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาก่อนเถอะ เหอะๆ…”คำพูดตอนหลังหยุนเจิงไม่ได้กล่าวออกมาแต่ความหมายมันก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว“พี่สี่ สับสนไปแล้วหรือไร?”หยุนเจิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตรงหน้าหยุนถิง จ้องมองหยุนถิง มองจนหยุนถิงเองรู้สึกขนลุกซู่อย่างประหลาด“เจ้าจะทำอะไร อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย!”หยุนถิงตะคอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก“เฮ้อ ข้าอยากจำรอยยิ้มและหน้าตาอันสดใสของพี่สี่มากกว่า!”หยุนเจิงขมวดคิ้วและถอนหายใจ“รอยยิ้มและหน้าตาอันสดใสอย่างนั้นหรือ?”เส้นเลือดบนหน้าผากหยุนถิงกระตุก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไม เจ้าอยากจะเอาให้ข้าตายเลยหรือ?”อยากจำรอยยิ้มและหน้าตาอันสดใสคำนี้ส่วนมากใช้กับคนตายเจ้าสุนั
ขณะพูด หยุนถิงโบกมือเรียกคนสองสามคนให้ไปอีกฝั่งหนึ่งเขารู้สึกอับอายที่ต้องกินข้าวกับเศษสวะสองคนนี้!หากเจ้าหกพูดอะไรทำนองว่าให้จดจำเสียงและรอยยิ้มของเขาไว้ เขาล้วนรู้สึกหวาดผวา!ทันทีที่พวกเขานั่งลง ก็เอ่ยถามหยุนถิงด้วยอยากรู้อยากเห็น“องค์ชายสี่ ฝ่าบาททรงมีราชโองการให้องค์ชายหกไปที่ซั่วเป่ยจริงๆ หรือ”“ซั่วเป่ยกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หากองค์ชายหกไปที่นั่น มิใช่รนหาที่ตายหรือ”“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายหกทำให้ราชครูของเป่ยหวนโกรธจนอาเจียนเป็นเลือด หากองค์ชายหกไปที่ซั่วเป่ย เป่ยหวนคงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตองค์ชายหกเป็นแน่...”พวกเขารู้สึกประหลาดใจ จึงพูดคุยกันไม่หยุดแม้ว่าเสียงของพวกเขาจะไม่ถือว่าดัง แต่คนรอบข้างได้ยินพวกเขาชัดเจนทันใดนั้น ผู้คนก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้นมุมปากของหยุนเจิงโค้งขึ้น หัวเราะลั่นในใจนี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ!ยืมปากของคนเหล่านี้ กระจายข่าวออกไป!ต้องการใช้ความคิดเห็นของปวงชนบีบบังคับให้จักรพรรดิเหวินจำใจต้องปล่อยเขาไปที่ซั่วเป่ย!“องค์ชายหก ท่านจะไปซั่วเป่ยจริงๆ หรือ”ยามนี้ จางซูเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ“อืม นี่คือพร
“โอ้โห คุณชายจาง วันนี้ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่กันล่ะนี่”“ไม่พบเจอท่านตั้งหลายวัน แม่นางของพวกเราคิดถึงท่านจนกินข้าวไม่ลงแล้ว!”“ท่านลองดูว่าวันนี้จะเรียกหงเยว่หรืออวี้เซียงมาปรนนิบัติ?”พวกเขาเพิ่งจะถึงปากประตูฉวินฟางย่วน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแม่เล้าเลยทันทีดูก็รู้เลยว่าจางซูนั้นเป็นแขกประจำจางซู?คนผู้นี้หากจะเที่ยวเล่นเช่นนี้ต่อไป ได้เป็นจางซูบแน่!“แค่คนสองคนจะไปพอได้อย่างไร?”จางซูจ้องแม่เล้าตาโต โบกมืออย่างวางอำนาจ “เรียกหญิงสาวมาให้ข้าสิบคนก่อนเถอะ!”“หา?”แม่เล้าตะลึงค้าง พอเห็นว่าพวกจางซูทั้งหมดมีสี่คนพอดี ก็ได้สติกลับมาทันที รอยยิ้มเต็มใบหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้เลย ไม่มีปัญหา ข้าจะไปตามแม่นางให้พวกท่านสี่คน...”“ข้าบอกแล้วไงว่าสิบคน!”จางซูชูนิ้วทั้งสิบขึ้นกางออก “แล้วก็จัดให้สหายคนนี้ของข้าด้วยอีกสิบคน!”“…”หยุนเจิงพอได้ยิน แทบจะกระโดดถีบเลยทันทีเจ้านี่หนิ จะเรียกมาสิบคนจริงๆ รึ?คิดว่าตนเองเป็นหยิบหมั่นหรือไง“ข้าก็ไม่ต้องแล้ว”หยุนเจิงตีมือปัด แล้วกล่าวเสีนงทุ้มต่ำเพื่อห้ามปราม “เจ้าก็เพลาๆ หน่อยเถอะ” “ไม่ได้ ไม่ได้!” จางซูสูดจมูก ตอบกลับเสียง
หยุนเจิงอ้ำอึ้งให้นางคณิกาชั้นสูงมาตัดสินคุณภาพของบทกวี?นี่มันทำตามอำเภอใจมากเกินไปแล้วกระมัง?จางซูมองเห็นถึงความรู้สึกสงสัยของหยุนเจิงจึงอธิบายให้เขาทันทีถึงแม้เมี่ยวอินคนนี้จะเป็นนางคณิกาในหอนางโลม แต่นางกลับขายศิลป์ไม่ขายตัวเมี่ยวอินไม่เพียงแต่งามดุจเทพเซียนเท่านั้น แต่นางยังมีความสามารถทั้งร้องรำ ดีดฉินเล่นหมากรุก เขียนหนังสือวาดภาพ หรือแม้แต่ประพันธ์บทกวีและบทเพลง นางก็ล้วนเชี่ยวชาญทุกด้าน เป็นหญิงงามที่มากความสามารถคนหนึ่งด้วยเหตุนี้ เมี่ยวอินถึงได้มีเหล่าผู้มีความรู้มากมายคอยติดตามถึงแม้ว่านางจะขายศิลป์ไม่ขายตัว แต่ก็มีคนมากมายที่สามารถเป็นหนึ่งในผู้โชคดีของนางได้เช่นกันในงานประพันธ์บทกวีทุกครั้งล้วนแต่มีเมี่ยวอินเป็นคนออกหัวข้อให้ฝูงชนประพันธ์กวีเรื่องประพันธ์บทกวีและบทเพลงนั้น จะดีหรือแย่ แท้จริงแล้วฝูงชนต่างก็ตัดสินอยู่ในใจไม่มากก็น้อย แม้นว่าเมี่ยวอินจะเป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินว่าบทกวีไหนดีที่สุดก็ตาม แต่ฝูงชนต่างก็คอยตัดสินอยู่แล้วเมื่อฟังคำอธิบายของจางซูเสร็จ หยุนเจิงพลันตะลึงใจอย่างอดไม่ได้เมี่ยวอินคนนี้เป็นนักแสดงหญิงอันดับต้นของราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นหรือ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่