แม้จะเป็นเวลาใกล้สองทุ่มแล้วทว่าผู้ใหญ่ทั้งสองบนเตียงยังคงไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเหงาหาวนอนแต่อย่างใด พิภพจึงยังคงปล่อยให้ตรีศูลนั่งเล่นอยู่บนตักไปเพลิน ๆ สักพักแม่นางรำก็จับสังเกตเห็นขนาดมือที่ต่างกันคนละขั้วกับเขาแม้จะเป็นชายเหมือนกัน จึงลองเอานิ้วไปแหย่เล่นเลยโดนเจ้าของตักรวบเข้าให้
"จะทำอะไรเหรอครับ หือ?"
"มือคุณดินใหญ่มากเลย"
เขาพึ่งได้มาดูจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนนี้ เจ้าตัวเป็นถึงทหารถือปืน จะมีเส้นเลือดหนาเห็นข้อนิ้วชัดแบบนี้คงไม่แปลก เทียบกันแล้วของเขาดูเป็นมือเด็กไปเลย
พิภพไม่กล่าวตอบอะไรแทนที่ด้วยการตั้งใจฟังเสียงพูดงุ้งงิ้งของคนบนตักและปล่อยให้แม่นางรำเล่นมือตัวเองไปตามใจชอบ มันชวนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมีอุ้งเท้าแมวมานวดมืออย่างไรอย่างนั้น
พิภพคิดพลางจรดปลายจมูกไปยังกลุ่มผมยาวซึ่งเป็นส่วนที่เขานิยมชมชอบรองจากผิวกายอันนุ่มนิ่มของแม่นางรำ สูดดมกลิ่นสบู่ก้อนผสมปนเปกับน้ำอบที่โฉมงามมักใช้ชโลมผิวชวนให้ชื่นใจ
ตรีศูลแม้รู้ถึงสัมผัสอุ่นบริเวณศีรษะก็ทำเป็นสงวนท่าทีทว่าความจริงแล้วเขาเองก็ชอบให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดเสน่หาแบบนี้เช่นกัน
พิภพ ณ ขณะนี้กำลังยืนตากผ้าอยู่ใต้ถุนเรือน ฝ่ามือหนาคลี่เสื้อสีเขียวแก่สะบัดก่อนจะใส่ราวแขวน ทว่าสายตาคมกลับดูเหม่อลอยไร้ทิศทางคล้ายวิญญาณจะหลุดออกจากร่างเป็นครั้งที่สองหลังจากไปเสี่ยงอยู่ในสมรภูมิรบเนื่องจากวันนี้จะเป็นวันหยุดพักวันสุดท้ายของเขา ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องสวมเครื่องแบบออกไปทำงานสักทีหลังจากพักอยู่เรือนมานาน ทว่านั่นกลับไม่เป็นปัญหาสักเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่มันยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา'คุณดิน ถ้า...ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากจะขออะไรที่มันมากกว่านี้ได้ไหมครับ?'ดวงตาไร้เดียงสามองช้อนขึ้นมาจากบนตักแม้จะมีท่าที่ขัดเขินแต่ดูจากน้ำเสียงที่แน่วแน่เจ้าตัวคงจะไตร่ตรองมาดีแล้วถึงได้เอ่ยคำขอนั้นออกมาเมื่อคืน ทว่าด้วยความที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเพียงกล่าว'ไว้เป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับ'แล้วนั่นคือผลของการพูดไม่ทันคิด เพราะพรุ่งนี้ของเมื่อวานก็คือวันนี้ซึ่งห่างกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมใจ ไอ้เขาน่ะไม่เป็นไรหรอกแต่คนที่น่าเป็นห่วงคือคุณแก้วต่างหาก ถึงเจ้าตัวจะเป็นคนออกปากขอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต
"อย่าแกล้งกันอีกนะ"ตรีศูลกำชับพ่อทหารเจ้าเล่ห์ คิ้วเรียวบางกดลงก่อนจะยื่นคำขาด ไม่เข้าใจทำไมนายทหารถึงชอบกลั่นแกล้งเขาในตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนักฝ่ามือหนาเข้าลูบกลุ่มผมเงางาม พลางยื่นหน้าเข้าไปซุกไซ้ซอกคอขาวที่ตอนนี้มีรอยขบเม้มขึ้นบ้างประปรายจนความสากคันจากตอหนวดชวนให้แม่นางรำส่งเสียงหัวเราะใสด้วยความจั๊กจี้ออกมาจากลำคอ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินขณะเดียวกันมือที่ว่างเว้นจากภารกิจก็ค่อย ๆ จับไปยังขอบกางเกงของคนเบื้องล่างก่อนดึงลงเปิดให้เห็นแก่นกายขนาดกะทัดรัดฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวข้นใสตรงส่วนปลาย ด้วยว่าพ่อทหารอยากบำเรอร่างกายเล็กนี้ให้ไปถึงฝั่งฝัน นิ้วทั้งสิบจึงเข้าสัมผัสส่วนอ่อนไหวของโฉมงาม รูดรั้งปรนเปรออย่างไม่กระดากอายจนนางรำหนุ่มร้องเสียงหลง ยิ่งขาอ่อนถูกแหวกออกไร้ซึ่งทางจะปิดกั้นร่างทั้งร่างจึงได้แต่บิดพลิ้วอ่อนระทวยรวยรื่นลากพาผ้าปูยับยู่ยี่ผ่านเล็บที่จิกลงไปตามแรงกำหนัด เขี้ยวแหลมของพ่อทหารจากที่เพียงครูดไปตามเนื้อขาอ่อนในทีแรกเริ่มฝังรากตีตราความเป็นเจ้าของจนแม่นางรำคนรักรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่แล่นขึ้นมาโดยพลัน ตรีศูลไม่คิดมาก่อนว่าก
เสียงจักจั่นแว่วผ่านช่องหน้าต่างเปิดกว้างเข้ามาพร้อมกับแสงอาทิตย์ในรุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องไปยังโฉมงามบนเตียง ร่างแน่งน้อยซุกกายอยู่ใต้ผืนผ้าห่มหนา เปลือกตาสีไข่และเรียวคิ้วขมวดเมื่อรู้สึกตัว ริมฝีปากบางกระตุกตามเจ้าของผู้ยังคงอยากจมอยู่ในห้วงฝัน ทว่าไอร้อนใต้ผืนผ้าค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเสียจนคนสวยต้องฝืนลืมตาตื่น แขนเรียวยาวยกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมอ้าปากส่งเสียงง่วงเหงาหาวนอนตามความเคยชิน ก่อนที่จะส่งมือไปควานหาชายที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงพลิกกายมามองข้าง ๆ จนได้เห็นบุรุษคนรักยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งของเจ้าของเรือนร่างกายกำยำยืนจัดแจงปกเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เข้าที่ ลอนผมสั้นที่ถูกปล่อยลงอยู่เป็นนิจยามอยู่เรือนตอนนี้ได้ถูกหวีขึ้นเป็นทรงเรียบแปล้ดังเดิมเพื่อเสริมมาด จนเหมือนชายเจ้าจะได้ยินเสียงเสียดสีกันของผ้าจึงชำเลืองตามองก่อนจะหันมาอย่างเต็มตัวก็เจอแม่นางรำสวมแว่นแอบมองกันเสียแล้ว"อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว"พิภพเอ่ยทักทายก่อนจะละมือจากเครื่องแต่งกายเข้าไปนั่งยังหัวเตียง จรดริมฝีปากหอมแก้มทักทาย"อรุณ...สวัสดิ์...คร
พิภพวิ่งออกจากเรือนถือซองเอกสารที่ทำค้างไว้ด้วยความเร่งรีบ นาฬิกาข้อมือเขาก็ลืมสวมต้องคอยอาศัยมองนาฬิกาตามร้านค้ารายทางเอาเพื่อดูเวลา จนในที่สุดก็มาทันถึงก่อนเก้าโมงอย่างฉิวเฉียดนายทหารหอบแฮกอยู่หน้าสำนักงานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาจากเรือนเพราะเห็นว่าครึ่งชั่วโมงเขาจะเข้างานสาย แล้วก็ด้วยนิสัยตั้งต้นของเขาจึงทำให้ร่างกายมันขยับอย่างเป็นไปเอง คนในชุดสีเขียวแก่นั่งยองพักเหนื่อยจนผมที่จัดมาอย่างดีทิ้งปอยลงมาปรกหน้าผาก ก่อนที่พิภพจะเงยหน้าขึ้นมาดูตึกอาคารที่เขาต้องมาใช้ชีวิตการทำงานหลังจากนี้ตึกไม้เก่ายกสูงชั้นเดียวสะอาดตาและป้ายแกะสลักข้อความ 'กรมทหารราบ' นั่นทำเอาพิภพคิด ถ้ากรมทหารมันจะใกล้โรงเรียนขนาดนี้ส่งคนมาช่วยเป็นครูฝึกมันยากมากนักรึไง ปล่อยพวกเขาทำงานง่ก ๆ กันอยู่สองคนเป็นปีพ่อทหารถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เดินขึ้นบันไดไม้ใบพลางมองเครื่องเรือนอย่างง่ายที่อยู่นำออกมาตั้งประดับให้พอมีจุดเจริญสายตา เขาหวังว่าวันนี้จะไม่มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น-*ซ่า* ไม่ทันที่นายทหารจะได้เดินเข้าไปเต็ม
ตรีศูลที่กลับมาจากการอาบน้ำผลัดผ้าเข้าในห้องนอน ระหว่างรอตัวแห้งสนิทก็มาจัดแจงเครื่องแต่งกายประจำวันนี้เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะต้องไปออกงานรำขึ้นบ้านใหม่ของพ่อเศรษฐีนายจ้างเจ้าประจำโฉมงามหยิบต่างหูเคลือบแผ่นทองขึ้นมาส่องกับกระจกโต๊ะเครื่องแป้งเทียบเคียงความเหมาะสมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจเลือกต่างหูเต่าร้างที่เล็กกว่าแล้วจึงค่อยเก็บอีกคู่ลงกล่องไม้ไป ดวงตาคู่สวยผัดผินลงมามองเสื้อยืดสีขาวก่อนจะยกมือขึ้นมาปลดกระดุมทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปมองยังขอบเตียงข้าง ๆ กลับต้องเอ่ยคำถามขึ้นมาแก่ชายที่ทำเป็นเนียนนั่งอ่านเอกสาร"คุณดินทำไมถึงยังนั่งอยู่ในนี้เหรอครับ?"ตรีศูลหันกลับไปถามพ่อทหาร ที่ตั้งแต่เช้าก็ดูจะปักหลักอยู่ในหอนอนแทนที่จะออกไปนั่งจิบกาแฟทำงานตากลมเย็นข้างนอกอย่างเคย"แล้วทำไมผมจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ?"นายทหารถามยอกย้อนคล้ายว่าการนั่งในห้องนี้แอบแฝงไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง"ผมจะแต่งตัว""เราก็แต่งไปสิ""ผมอาย""จะอายทำไม พี่เห็นเรามาทั้งตั-"ไม่ทันที่นายทหารจะได้กล่าวจบก็ถูกเจ้าของเรือนไล่ออก
พิภพเอนหลังปล่อยกายพิงพนักให้สบาย หรี่ตามภาพแผ่นหลังของแม่นางรำโฉมงามที่เตรียมตัวจัดท่าจัดทางให้เข้าที่พร้อมขึ้นแสดง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มานั่งดูเจ้าตัวรำอย่างเป็นกิจจะลักษณะนอกจากจะเห็นฝึกซ้อมอยู่บนเรือน เท่าที่จำได้คงเป็นงานวันชาติกระมังที่เขาได้เห็นเจ้าตัวแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วก็คงมีอีกครั้งในตอนที่เขาตื่นมาจากการหลับใหลหลังผ่านสมรภูมิรบมาหากให้เทียบแล้วการได้มองคนงามซักซ้อมแม้จะใช้ท่วงท่าเดียวกันแต่มันคนละเรื่องกับการที่ได้มาเห็นเจ้าตัวครบองค์เช่นนี้เสียงบรรเลงระนาดเอกขึ้นพร้อมกับฝีเท้าบางซอยถี่วาดลวดลายเข้าไปยังใจกลางวงเสียงกระพรวนข้อเท้าแม้จะแผ่วเบาเมื่อเทียบกับปี่ที่เล่นอยู่ทว่าเมื่อผสานกันแล้วกลับเสนาะหูยิ่ง อุบะทัดหูเอนเอียงไปตามกรอบหน้างามเมื่อเจ้าของร่างบางกดเอวเบี่ยงกาย สายตาคู่สวยเชิดมองไปยังเหล่าคนดูที่แม้จะพร่ามัวแต่ก็จับได้ว่าพวกเขากำลังมองมาด้วยใบหน้าผ่องใสพิภพมองร่างผอมเพรียวอย่างเคลิบเคลิ้มสดับฟังท่อนร้องที่เอื้อนเอ่ยตามทำนองฉุยฉายเอยเจ้าช่างจำแลงแปลงกายงามคล้ายบุษบาหน้าเป็นใ
ตรีศูลในตอนนี้กำลังหาย่ามที่น่าจะมีขนาดใหญ่มากพอสำหรับการขนของ ไม่ใช่การจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางไปพระนครเพราะเขายังคงเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนในการเตรียมตัว แต่เขากำลังจะไปพูดคุยกับคุณนายผอ.เรื่องเรียนต่อเพิ่มอีกสักหน่อย ยิ่งเวลาที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ก็ชวนให้เขาตื่นเต้นไม่ใช่น้อย หลายวันมานี้เขาขอหนังสือเจ้าศรน้องน้อยมาอ่านระหว่างวัน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมแม่นางรำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าที่ตนอ่านหนังสือไม่เข้าหัวไม่ใช่เพราะเนื้อหาแต่เป็นเพราะเขาหาเวลาอ่านไม่ได้ต่างหาก ยิ่งต้นปีหลายบ้านหลายนายจ้างล้วนมีกิจทั้งนั้น แต่ละคนก็เข้ามาจ้างงานจนตารางแทบชนกัน ขนาดมีนพเข้ามาช่วยอย่างเต็มตัวภาระก็ยังคงหนักอยู่ดี กลายเป็นว่าอ่าน ๆ อยู่แล้วก็โดนเคาะเรียกให้ออกไปเก็บท่าบ้าง เพิ่มท่าบ้าง แปรแถวบ้างจนตัวหนังสือที่อ่านมาไหลออกไปจากหัวจนหมด แล้วแบบนี้ยังจะมีหน้าไปเรียนพระนครอีกแต่วันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปหาคุณนายผอ.ถามเรื่องหนังสือโดยละเอียดอีกครั้ง ต่อให้ต้องเข้าไปนั่งเรียนกับเด็กวัยกระเตาะเข้าเขาก็ยอม"แก้ว เราจะไหวแน่เหรอ?"ชายค
เดินเข้าไปใกล้ศาลาการเปรียญเรื่อย ๆ ผู้คนก็เริ่มชุกชุม เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยชวนให้ตรีศูลรู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นเท่าตัว มองเข้าไปก็เห็นคุณนายผอ.กำลังยืนพูดอยู่หน้าแถว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำท่ากวักมือมาทางพวกเขา"พี่ต้องไปแล้ว ส่วนแก้วพี่ว่าเรานั่งพักสักหน่อยก็ดีนะครับ"พิภพที่ต้องไปทำหน้าที่ยังไม่วายเป็นห่วงโฉมงาม ตรีศูลเลือกหย่อนกายลงม้านั่งโบกมือเบา ๆ ส่งพ่อทหารแล้วจึงมองตามแผ่นหลังนั้นไปยังหน้าศาลาด้วยความขัด ๆ เขิน ๆ เล็กน้อยจากความไม่คุ้นชินในศัพท์คำพูดตอนนั้นจนถึงตอนนี้ตรีศูลไม่รู้จะขอบคุณพ่อทหารอย่างไรดี หากไม่มีเจ้าตัวเข้ามาเผลอ ๆ เขาอาจจะต้องระทมทุกข์ไปกับความทรงจำอันเลวร้ายนั่นตลอดทั้งชีวิตแม่นางรำนั่งเรียบร้อยใช้สายตาทอดมองไปยังหน้าเคหสถาน เห็นคนรักกำลังพูดชมเชยเหล่าสมาชิกยุวชนทหาร เสียงทุ้มเมื่ออยู่ในหน้าที่พูดจาฉะฉานตรงประเด็นสมกับสัมมาอาชีพ แม้ตนจะไม่ได้ไปยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนั้นก็รู้สึกภูมิใจแทนเสียจนต้องอมยิ้มออกมา ผู้ชายอะไรครบเครื่องจริง ๆ ดังนั้นเขาจะต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้น้อยหน้า ชักจะมีกำลังใจในการเรียนขึ้นมาแล้วสิ&
๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ
วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs
ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n
ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs
บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน
โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 
เข้าปีที่หกของการเป็นคุณครูในโรงเรียนรัฐบาล แม้จะมีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน เพราะยิ่งสอนไปนานเข้า สนิทกับเด็ก ๆ บางวันที่ส่งการบ้านไม่ทันก็จะมีคนมาเคาะประตูบ้านส่งงาน เขาไม่ได้คิดมากหากเด็ก ๆ จะแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ แต่ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อพี่ดินกลับมาบ้าน เข้าใจว่าพอเด็ก ๆ เปิดประตูมาเจออดีตนายทหารสูงใหญ่ขนาดนั้นจะกลัวก็ไม่แปลก ทั้งยังโดนดุอีกว่าทำไมให้เด็กนักเรียนรู้ที่อยู่ สุดท้ายจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสั่งการบ้านเท่าที่จำเป็นและกำชับว่าให้ส่งตรงเวลาแม้จะมีบางคนที่ต้องเคี่ยวเข็ญกันบ้างก็ตาม "เฮ้อ..." ตรีศูลทอดถอนลมหายใจออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตูรั้ว ไม่รู้ว่าต้องทำงานหนักแบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ เขาสนุกที่จะได้ตื่นเช้ามาเจอเด็ก ๆ แต่มันยังมีภาระงานอื่นเข้ามาด้วยจนต้องปันเวลาตรวจงานไปให้กิจกรรมโรงเรียน มิน่
เพราะอยู่บ้านกันเพียงสองคน งานบ้านจึงต้องแบ่งกันทำ ทว่าพี่ดินก็มีบ่อยครั้งที่ต้องเดินทางไปกลับพระนครชุมพร เขาที่ทำงานตามเวลาราชการในช่วงที่เจ้าตัวรับงานจึงต้องทดแทนหน้าที่ในส่วนนี้ กระนั้นเจ้าพี่ก็ยังใจดี บอกไม่ต้องถูบ้าน เช็ดทำความสะอาดเครื่องเรือนบ่อยนัก ทำเพียงซักผ้ารีดผ้าให้อีกฝ่ายเท่าที่จำเป็นก็พอ แต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่หายตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่วิทยาลัยคือคราวที่จะต้องยกตะกร้าผ้าลงมาจากชั้นสอง เพราะตะกร้าของพ่อนักแสดงแม้จะมีประมาณผ้าผ่อนจำนวนพอกันกับเขาแต่พี่ดินตัวใหญ่อย่างกับยักษ์สวมเสื้อตัวเบ้อเร่อ ยิ่งเปียกน้ำยิ่งหนัก ไม่ต้องพูดถึงในตอนที่พี่ดินยังรับราชการทหาร แค่เอาชุดสีเขียวตัวเดียวจุ่มน้ำมาถือเขายังเมื่อยแขนเลย มายังปัจจุบันค่อยดีหน่อยที่มีแต่ผ้าเนื้อเบา แต่เมื่อตอนนี้นักแสดงดาวรุ่งกำลังทำงานอยู่ที่ไหนสักที่ในเมืองหลวง เขาที่อยู่ชุมพรเพียงลำพังจึงต้องใช้สำนวนตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเค้นพลังจากกล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดแบกเจ้าตะกร้าจักสานลงมาจา
"ทำไมเราถึงหยุดล่ะฮึ?" พิภพถามในเมื่อแม่นางรำก่อนมื้ออาหารยังชักชวนไยเมื่อถึงคราวจึงปัดป้อง "ตอนนี้ทำไปเดี๋ยวก็มีคนมาขัดจังหวะอีก ไว้เดี๋ยวคืนนี้เรา...ค่อยมาทำกันนะครับ" ตรีศูลแน่นอนว่ายังคงไม่วางใจในเรื่องนี้ ช่วงกลางวันแม่บ้านพ่อบ้านเดินกันไปมาตลอด จนเขาใจหวิวกลัวใครจะมาเห็นเข้า หากเป็นตอนกลางคืนค่อยดีขึ้นมาหน่อยเพราะต่างคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว พิภพเมื่อได้ยินดังนั้นจึงยอมโอนอ่อนตามที่แม่คนงามต้องการ เขาไม่ขัดอะไรอยู่แล้วหากจะเลื่อนมันออกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่าก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเองเขาขอทิ้งทวนเอาไว้เสียหน่อย "พี่ดิน! ทำอะไรครั-*จุ๊บ*&nb