"ผะ...ผมพูดความจริงนี่ แล้วมันผิดตรงไหน?"
"แต่ผมยังไม่ได้บอกเลยนะครับว่าคุณพูดอะไรผิด"
พิภพกล่าวกลั้วหัวร่อคนร้อนตัวที่นั่งขดเป็นก้อนกลมด้วยความเอ็นดู คิดถูกจริง ๆ ที่ซื้อผ้านวมมา
ตรีศูลที่เขินจนเหนื่อยมาทั้งวันตัดสินใจถอดแว่นออกแล้วจึงเอนตัวลงนอนจะได้จบ ๆ ไปทั้งยังตวัดผ้าห่มคลุมร่างพ่อทหารด้วยอีกคน ผืนตั้งใหญ่ให้เขาห่มคนเดียวเนี่ยนะ
แม่นางรำขยับหยุกหยิกพลิกไปมาก่อนจะหาองศาการนอนได้ พิภพที่เห็นทุกอิริยาบถแล้วจึงคิดว่าเหมือนตนกำลังดูลูกนกนอนรังอยู่ก็ไม่ปาน จนเมื่อคราวจะนอนโฉมงามก็หันมาสบตากับเขาพอดี เป็นโอกาสเหมาะในการสนทนาถามไถ่
"ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล ได้ยินว่าคุณป่วย..."
เพราะเขาเองก็พึ่งมาได้ยินจากปากเจ้าปลื้มมันว่าแม่นางรำล้มพับไปในวันเดียวกันกับเขาเพราะพิษไข้
"ตอนนี้หายแล้วครับ"
"ไม่ให้ผมแสดงความเป็นห่วงหน่อยเหรอครับ"
พิภพเห็นแม่นางรำพูดตัดบทก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้แสดงความใส่ใจ
"ไม่ให้ครับ เดี๋ยวคุณแกล้งผมอีก"
ตรีศูลยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับหมอนให้เข้าที่ช้อนสายตามองนายทหารอย่างหยอกเย้า เขาได้ร
อดิศรในวันนี้ก็ตื่นมาแต่เช้าด้วยความผาสุก กลิ่นหอมอ่อนของดอกกาหลงข้างเรือนโชยเข้ามาให้ได้รู้สึกชื่นมื่นพร้อมลุกออกจากเตียง เด็กหนุ่มเดินถืออุปกรณ์อาบน้ำออกมาพร้อมกับฮัมเพลงในใจแล้วจึงจะหันไปกล่าวอรุณสวัสดิ์พี่ชาย ทว่ากลับต้องผงะ'ทำไมพี่ตรีสภาพเหมือนผีตายซากแบบนั้น!'พี่เขาเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้วจึงหันมองไปยังครูฝึกหน้าเรือนซึ่งก็มีหน้าตาซีดเซียวไม่ต่างกัน เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นตรีศูลเห็นน้องชายมองมาด้วยแววตาฉงนสงสัยพร้อมกังวลในถุงใต้ตาอันดำคล้ำของเขา ไม่อยากจะพูดเลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ตัวเองหลับเท่าไรก็ทำไม่ได้เพราะจะขยับเขยื้อนไปตรงไหนก็มักจะไปโดนตัวของนายทหารที่นอนประกบเขาอยู่ตลอด คราวเมื่อพลิกตัวภาพตรงหน้าเขากลับเป็นคุณดินที่กำลังนอนหลับอยู่'จะต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่าเบ้าหน้าแบบนี้ควรไปเป็นดาราเสียให้สิ้นเรื่อง!'ไม่รู้ว่าครั้งก่อนเมื่อตอนมาค้างแรมยามร่วมงานเขาข่มตาหลับไปได้อย่างไรในขณะที่กำลังอุ่นมื้อเช้าอยู่ก็แอบเหล่มองพ่อทหารรูปหล่อที่ยืนจิบกาแฟ แล้วจึงผินหน้าหลบยามอีกฝ่ายหั
"ทำไมพ่อจ๋าถึงมาชอบผู้ชายแทนที่จะเป็นผู้หญิงเหรอจ๊ะ"เด็กหญิงถามหน้าซื่อตาใส จากสายตาเธอไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายบิดาหรือแม่นางรำแต่เธอสงสัยจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะคนรอบข้าง เพื่อน ๆ ก็มักจะบอกว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงตลอดพิภพไม่แปลกใจกับคำถามนั้นและไม่ได้โกรธที่จะถูกถามอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่เขาเองก็อธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยถนัดถนี่นัก"พ่อชอบคุณแก้ว แค่คุณแก้วที่พ่อชอบเป็นผู้ชาย"พิภพอธิบายเท่าที่ตนพอจะทำได้ แต่เด็กวัยประถมก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ดี"ขวัญไม่เข้าใจจ้ะ"พิภพยกยิ้มมองเจ้าหญิงน้อยที่นั่งเอียงคองงเป็นนกเอี้ยง คิ้วกลมของน้องขวัญขมวดมุ่นปากเล็กยู่มู่ทู่จนแก้มนิ่มเป็นก้อนกลมน่าหยิกทีแรกเขาเข้าใจผิดว่าคุณแก้วเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ทว่าแม้เขามารู้ทีหลังว่าเจ้าตัวเป็นผู้ชายก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาได้ตกหลุมรักนางรำคนนี้ไปแล้ว จดหมายที่เคยเขียนถึงกันไม่ว่าจะหญิงหรือชายแต่หากมันไม่ได้มาจากปลายปากกาของแม่นางรำแล้วไซร้เขาคงจะไม่ได้ใส่ใจมันถึงเพียงนี้ หรือทุกคืนที่เขาสนทนากับโฉมงาม หากถ้อยคำพวกนั้นคุณแก้วไม่ได้เป็นคน
พิภพหลังจากโดนโฉมงามไล่มาอาบน้ำ พอกลับมาพ่อทหารก็แอบด้อม ๆ มอง ๆ เจ้าของเรือนที่กำลังเสริมสวยอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพราะไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ แต่ตรีศูลกลับหันมาเห็นพอดีนายทหารจึงอดดูขั้นตอนการประทินโฉมไปอย่างน่าเสียดาย"คุณดินแอบดูผมเหรอครับฮึ?"ตรีศูลหันมาหยอกล้อ ส่วนพิภพซึ่งยอมรับผิดได้แต่ทำตัวเล็ก ๆ อยู่มุมห้อง แม่นางรำที่เห็นจึงหัวเราะคิกคักในลำคอรู้สึกเหมือนได้แกล้งคน ก่อนที่จะหันไปหยิบขวดใสบรรจุน้ำบางอย่างมาตั้งเอาไว้บนโต๊ะ แล้วกวักมือเรียกพิภพให้เข้าไปนั่งเก้าอี้ด้วยกัน"ช่วงนี้ยุงชุม ทายาเอาไว้ด้วยนะครับ"
"คุณดิน...เชื่อผมแล้วเหรอครับ?"ตรีศูลยังคงแววตาแน่นิ่งด้วยความสับสน ชำเลืองเจ้าของอ้อมกอดที่นานเข้าก็รู้สึกถึงท่อนแขนยิ่งกกกอดเขาแน่นขึ้น"ทำไมผมจะไม่เชื่อล่ะ""ก็มัน...ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอามาพูดกันง่าย ๆ นี่ครับ""แต่เมื่อกี้ผมเห็นคุณพูดก็ไม่ได้ดูง่ายเลยนะ"พิภพโดนโฉมงามในอ้อมกอดทุบอกมาทีหนึ่ง ก่อนจะตามด้วยเสียงสะอื้นและความชื้นบริเวณลาดไหล่ที่แม่นางร
เสียงฝนตกปรอย ๆ กระทบพื้นดินพื้นหญ้าในขณะที่แสงอาทิตย์รำไรฉายลงมาบอกกล่าวถึงเวลาย่ำรุ่ง ทว่าแม่นางรำยังคงนอนหลับปุ๋ย ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอและใบหน้างามยามผ่อนคลายชวนให้นายทหารที่นอนอยู่ข้าง ๆ มองได้ไม่มีหน่ายพิภพเลือกที่จะเอื้อมหยิบเอกสารบนโต๊ะข้าง ๆ มานั่งอ่านบนเตียงรอโฉมงามตื่น ด้วยว่าเขาเดี้ยงมาหนึ่งเดือนเต็มเจ้าปลื้มมันเลยส่งเอกสารขอบุคลากรเพิ่ม ซึ่งก็เคยส่งไปแล้วแต่ครั้งนี้เหตุผลคงจะหนักจริงเพราะอีกไม่กี่สัปดาห์พวกเขาจะได้คนจากค่ายประจำจังหวัดมาช่วยแบ่งเบาเนื่องจากเขาคงต้องอยู่พักฟื้นไปอีกพักใหญ่เขาอยู่เรือนนี้มานานพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็รู้มาเพิ่มอีกอย่างหลังจากการนอนร่วมกับคนรักมาหลายคืนว่าคุณแก้วเป็นคนขี้เซา แม้จะนอนมาทั้งคืนก็ยังคงหาวระหว่างวันเป็นครั้งคราว ยิ่งตอนตื่นเจ้าตัวก็ไม่ค่อยอยากจะลุกออกจากเตียงเท่าไรนักชอบนอนคุดคู้ซุกตัวขดเป็นก้อนกลมที่หัวมุมเตียง เป็นภาพที่น่ารักไม่หยอกเชียว"คุณดินตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะครับ"ตรีศูลงัวเงียเปิดผ้าห่มขยี้ตามองนายทหารที่ตื่นเช้ามาก็ทำงานทันที"ผมเห็นคุณนอนหลับสบายเลยไม่กล้าป
วันทั้งวันเขาทำงานไปยิ้มไป เพราะในระยะสายตาเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษก็มักจะเห็นคนรักร่ายรำอยู่เกือบจะตลอด อะไรมันจะดีไปกว่าการได้ดูมหรสพขนาดเล็กและนั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ ไปด้วยพิภพในตอนเย็นที่จัดการงานส่วนของวันนี้เสร็จแล้วก็ลงมานั่งเล่นกับลูกสาว ซึ่งดูเหมือนลูกศิษย์เขาอย่างศรจะกลายเป็นที่รักแทนคนเป็นพ่ออย่างเขาไปเสียแล้ว อย่างที่คนเถ้าคนแก่บอกเอาไว้ว่าต้องรีบเก็บเกี่ยวช่วงเวลาวัยเด็กของลูกเอาไว้เพราะเมื่อโตขึ้นพวกเขาก็จะไม่สนใจแล้ว แต่ลูกสาวเขาพึ่งเข้าชั้นประถมได้ไม่นานเอง ทำไมถึงได้ติดเจ้าศรงอมแงมขนาดนี้พ่อทหารลงมานั่งขัดสมาธิรับลูกสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด นั่งเล่นกันอยู่สักพักก่อนที่นพจะเดินมาบอกว่าอีกไม่นานจะพากันออกไปเดินตลาด'เขาว่าพวกทหารญี่ปุ่นมีของมาขายมีใครจะไปบ้าง'แน่นอนว่าเด็กหญิงขวัญย่อมสนอกสนใจยกมือไปเป็นคนแรก ก่อนจะตามด้วยคนในเรือน สรุปสุดท้ายคือไปกันหมดพิภพหยัดตัวลุกยืดเส้นยืดสายแล้วจะเดินตามคนอื่น ๆ ลงเรือน*แซก* เสียงใบไม้เสียดสีกันแว่วมาจากด้านในป่าข้างเรือนขณะที่ทุกอย่างเงียบสงัดไร้ซึ่งลมพัด ทว
"คุณหมอจ๊ะ ป้าทำขนมมาฝาก ขอบคุณที่ช่วยดูอาการสามีป้านะจ๊ะ""มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว...ครับ"หมอน้ำรับห่อใบตองมาด้วยความยินดีพร้อมส่งยิ้มการค้าไปให้หญิงวัยกลางคนที่มีสีหน้าเบิกบานใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยตามประสาผู้หญิง นอกจากเจ้าหล่อนจะกล่าวขอบคุณที่เขาตรวจให้แบบไม่เสียเงินแล้วยังพูดถึงเรื่องพลทหารญี่ปุ่นที่บางครั้งก็ตั้งวงเหล้าพูดจาโหวกเหวกโวยวาย จึงมาฝากเขาให้ไปเตือนเสียหน่อยซึ่งไม่รู้ว่าทำไมพักนี้ถึงมีคนรับฝากหมายสารเขาเยอะเสียเหลือเกิน เขาดูเป็นมิตรขนาดนั้นเลยหรืออย่างไรอาซามิคิดพลางแง้มห่อใบตองดูขนมภายในจนกลิ่นหอมหวานของกะทิและน้ำตาลลอยขึ้นมาเตะจมูกก็ชวนให้นายแพทย์ที่คิดว่าจะเก็บสิ่งนี้เอาไว้ทานเป็นของหวานมื้อเที่ยงต้องคิดใหม่แล้วเลื่อนตารางเวลาขึ้นมากินมันเสียตอนนี้แทน ทว่าในขณะที่กำลังจะเปิดขนมก้อนนั้นขึ้นมากินทันใดนั้นเสียงของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญก็โผล่พรวดขึ้นมาจากประตูหน้าห้อง"อรุณสวัสดิ์คร้าบหมอ ผมซื้อขนมมาฝากคร้าบ"คุณหมอจิ๊ปากกระตุกคิ้วไม่พอใจ กล้ามาขัดจังหวะความสุขเพียงไม่กี่อย่างของเขาเนี่ยนะ อาซาม
กลิ่นเขม่าควันฉุนจมูกและสายลมที่พัดพากลุ่มเพลิงภายในบ้านเด็กกำพร้าโหมกระหน่ำ คานไม้โทรมถล่มลงมาทับร่างของหญิงชราอันเป็นที่รักพร้อมกับเหล่าพี่น้องต่างสายเลือด มีเพียงเด็กตัวเล็กคนหนึ่งที่กระทำผิดกฎออกมาเล่นกลางดึกทว่ากลับต้องสลดเมื่อมาเห็นภาพความตายนับสิบ ฝ่ามือคู่น้อยอดทนต่อความร้อนดึงท่อนไม้ดำเมี่ยมออกในขณะที่เจ็บจนน้ำตาเล็ด สะเก็ดไฟที่ยังลุกกระเด็นโดนแขนบ้างหน้าขาบ้างทว่าเด็กชายยังไม่หยุด สุดท้ายทุกอย่างกลับไร้ประโยชน์ เหล่าคนที่รักได้กลายเป็นเถ้าธุลีไม่ต่างจากตอไม้อันใกล้ที่โดนลูกหลงเด็กชายทรุดนั่งมองเหล่าร่างไร้วิญญาณ ทั้งตัวชาหนึบไม่จนไม่อาจรู้สึกรู้สาอะไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ติดตาเด็กชาย ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนที่หัวเราะร่าพร้อมด้วยเงินถุงโตในมือและลูกน้องมากหน้าหลายตา ที่ไม่ทันได้สังเกตเด็กน้อย'เงินแค่นี้ก็พอจะให้ไอ้ดินมันแต่งเมียได้ล่ะวะ ฮ่า ๆ 'รอยสักอินทรีโอบพระจันทร์หลังคอ ลอนผมประกายครามสะท้อนผ่านแสงกองไฟที่ยังคงไม่มอดดี เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็หาเป้าหมายของการใช้ชีวิตเจอคือการแก้แค้นไอ้ชั่วคนนั้นอย่างสาสมทว่ารู้อีกท
"หลานไปก่อนนะจ๊ะตา"ตรีศูลเดินลงมาหาตาเทิดตาไฮ้ที่อาสารับหน้าที่ดูแลเรือนตลอดการไปศึกษาของเจ้าของคณะ"เอ้อ ๆ ไปดีมาดีล่ะ" ตาเทิดรับไหว้หลาน"อย่าไปนอกใจไอ้เสือมันล่ะ ฮ่า ๆ เดี๋ยวได้โดนมันจับขังอีกหรอก""ตาละก็!"ตาไฮ้แซะแซวหลานสุดที่รัก พวกเขาไปได้ยินเรื่องวีรกรรมของเจ้าหลานเขยคนนี้มาแล้วเป็นที่เรียบร้อยตรีศูลได้ยินก็ยิ่งอายเขาจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า แม่นางรำโกรธพิดพัดกอดอกไม่พอใจเป็นที่ขบขันแก่สองตาช่างแกล้ง ส่วนอดิศรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นที่เอ็นดูไม่แพ้กัน เห็นสงบเสงี่ยมแบบนี้เจ้าศรเองก็สนิทกับสองตาพอสมควร"ไว้ผมจะกลับมาหานะครับ"เด็กชายกล่าว แม้เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในคณะเหมือนพี่ชาย แต่อย่างไรที่แห่งนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในความทรงจำที่เขาจะไม่มีวันลืมพี่น้องทั้งสองเมื่อกล่าวลาผู้อาวุโสเสร็จจึงเดินไปยังประตูรั้วหน้าเรือนที่ถูกเปิดเตรียมเอาไว้ ตรีศูลเงยมองหน้าพ่อทหารที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว"รีบไปเถอะครับ ป่านนี้นพคงบ่นแล้ว"คุณครูนาฏศิลป์คำนึงถึงลูกศิษย์ตัวเองที่ขี้โวยวายเป็นที่หนึ่ง พร้อมก
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีแน่นอนว่าหากเป็นวันในสัปดาห์เช่นนี้พิภพจำต้องออกไปทำงาน ทว่านั่นหาใช่ประเด็นไม่ เพราะเย็นวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องไปส่งคนรักขึ้นรถไฟพร้อมกับเด็ก ๆพิภพนั่งตวัดข้อมือร่างเอกสารไปอย่างเหม่อลอย เพียงคิดภาพที่ต้องไกลห่าง ความรู้สึกคิดถึงก็ผุดขึ้นมาเสียแล้ว ตลอดหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาตื่นเต้นในทุกเย็นหลังเวลาเลิกงานเมื่อรู้ว่าจะได้กลับไปสอนหนังสือแม่นางรำ ดังนั้นช่วงเวลางานในหัวเขากลับเอาแต่คิดแต่วิธีการสอน ไม่ก็มัวแต่จดจ่อกับการตระเตรียมเอกสารการเรียนให้แก้วจนบางครั้งเกือบไม่เป็นอันทำงานเพราะหากเจ้าตัวสอบติดวิทยาลัยพระนครหมายความว่าแก้วจะได้เป็นฝ่ายมาอยู่บ้านของเขา ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาอดใจรอแทบไม่ไหวเช่นกัน มันจะดีสักแค่ไหนกันเชียวหากได้เห็นโฉมงามเดินทำกิจภายในบ้านตนเอง"เหม่ออีกแล้วนะครับ"ปลื้มที่เดินเอารายงานมาให้ตรวจทักขึ้น ไม่รู้ทำไมช่วงนี้รุ่นพี่เขาถึงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้ แต่คงจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตามเคย ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"มีเรื่อง
เดินเข้าไปใกล้ศาลาการเปรียญเรื่อย ๆ ผู้คนก็เริ่มชุกชุม เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยชวนให้ตรีศูลรู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นเท่าตัว มองเข้าไปก็เห็นคุณนายผอ.กำลังยืนพูดอยู่หน้าแถว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำท่ากวักมือมาทางพวกเขา"พี่ต้องไปแล้ว ส่วนแก้วพี่ว่าเรานั่งพักสักหน่อยก็ดีนะครับ"พิภพที่ต้องไปทำหน้าที่ยังไม่วายเป็นห่วงโฉมงาม ตรีศูลเลือกหย่อนกายลงม้านั่งโบกมือเบา ๆ ส่งพ่อทหารแล้วจึงมองตามแผ่นหลังนั้นไปยังหน้าศาลาด้วยความขัด ๆ เขิน ๆ เล็กน้อยจากความไม่คุ้นชินในศัพท์คำพูดตอนนั้นจนถึงตอนนี้ตรีศูลไม่รู้จะขอบคุณพ่อทหารอย่างไรดี หากไม่มีเจ้าตัวเข้ามาเผลอ ๆ เขาอาจจะต้องระทมทุกข์ไปกับความทรงจำอันเลวร้ายนั่นตลอดทั้งชีวิตแม่นางรำนั่งเรียบร้อยใช้สายตาทอดมองไปยังหน้าเคหสถาน เห็นคนรักกำลังพูดชมเชยเหล่าสมาชิกยุวชนทหาร เสียงทุ้มเมื่ออยู่ในหน้าที่พูดจาฉะฉานตรงประเด็นสมกับสัมมาอาชีพ แม้ตนจะไม่ได้ไปยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนั้นก็รู้สึกภูมิใจแทนเสียจนต้องอมยิ้มออกมา ผู้ชายอะไรครบเครื่องจริง ๆ ดังนั้นเขาจะต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้น้อยหน้า ชักจะมีกำลังใจในการเรียนขึ้นมาแล้วสิ&
ตรีศูลในตอนนี้กำลังหาย่ามที่น่าจะมีขนาดใหญ่มากพอสำหรับการขนของ ไม่ใช่การจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางไปพระนครเพราะเขายังคงเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนในการเตรียมตัว แต่เขากำลังจะไปพูดคุยกับคุณนายผอ.เรื่องเรียนต่อเพิ่มอีกสักหน่อย ยิ่งเวลาที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ก็ชวนให้เขาตื่นเต้นไม่ใช่น้อย หลายวันมานี้เขาขอหนังสือเจ้าศรน้องน้อยมาอ่านระหว่างวัน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมแม่นางรำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าที่ตนอ่านหนังสือไม่เข้าหัวไม่ใช่เพราะเนื้อหาแต่เป็นเพราะเขาหาเวลาอ่านไม่ได้ต่างหาก ยิ่งต้นปีหลายบ้านหลายนายจ้างล้วนมีกิจทั้งนั้น แต่ละคนก็เข้ามาจ้างงานจนตารางแทบชนกัน ขนาดมีนพเข้ามาช่วยอย่างเต็มตัวภาระก็ยังคงหนักอยู่ดี กลายเป็นว่าอ่าน ๆ อยู่แล้วก็โดนเคาะเรียกให้ออกไปเก็บท่าบ้าง เพิ่มท่าบ้าง แปรแถวบ้างจนตัวหนังสือที่อ่านมาไหลออกไปจากหัวจนหมด แล้วแบบนี้ยังจะมีหน้าไปเรียนพระนครอีกแต่วันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปหาคุณนายผอ.ถามเรื่องหนังสือโดยละเอียดอีกครั้ง ต่อให้ต้องเข้าไปนั่งเรียนกับเด็กวัยกระเตาะเข้าเขาก็ยอม"แก้ว เราจะไหวแน่เหรอ?"ชายค
พิภพเอนหลังปล่อยกายพิงพนักให้สบาย หรี่ตามภาพแผ่นหลังของแม่นางรำโฉมงามที่เตรียมตัวจัดท่าจัดทางให้เข้าที่พร้อมขึ้นแสดง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มานั่งดูเจ้าตัวรำอย่างเป็นกิจจะลักษณะนอกจากจะเห็นฝึกซ้อมอยู่บนเรือน เท่าที่จำได้คงเป็นงานวันชาติกระมังที่เขาได้เห็นเจ้าตัวแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วก็คงมีอีกครั้งในตอนที่เขาตื่นมาจากการหลับใหลหลังผ่านสมรภูมิรบมาหากให้เทียบแล้วการได้มองคนงามซักซ้อมแม้จะใช้ท่วงท่าเดียวกันแต่มันคนละเรื่องกับการที่ได้มาเห็นเจ้าตัวครบองค์เช่นนี้เสียงบรรเลงระนาดเอกขึ้นพร้อมกับฝีเท้าบางซอยถี่วาดลวดลายเข้าไปยังใจกลางวงเสียงกระพรวนข้อเท้าแม้จะแผ่วเบาเมื่อเทียบกับปี่ที่เล่นอยู่ทว่าเมื่อผสานกันแล้วกลับเสนาะหูยิ่ง อุบะทัดหูเอนเอียงไปตามกรอบหน้างามเมื่อเจ้าของร่างบางกดเอวเบี่ยงกาย สายตาคู่สวยเชิดมองไปยังเหล่าคนดูที่แม้จะพร่ามัวแต่ก็จับได้ว่าพวกเขากำลังมองมาด้วยใบหน้าผ่องใสพิภพมองร่างผอมเพรียวอย่างเคลิบเคลิ้มสดับฟังท่อนร้องที่เอื้อนเอ่ยตามทำนองฉุยฉายเอยเจ้าช่างจำแลงแปลงกายงามคล้ายบุษบาหน้าเป็นใ
ตรีศูลที่กลับมาจากการอาบน้ำผลัดผ้าเข้าในห้องนอน ระหว่างรอตัวแห้งสนิทก็มาจัดแจงเครื่องแต่งกายประจำวันนี้เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะต้องไปออกงานรำขึ้นบ้านใหม่ของพ่อเศรษฐีนายจ้างเจ้าประจำโฉมงามหยิบต่างหูเคลือบแผ่นทองขึ้นมาส่องกับกระจกโต๊ะเครื่องแป้งเทียบเคียงความเหมาะสมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจเลือกต่างหูเต่าร้างที่เล็กกว่าแล้วจึงค่อยเก็บอีกคู่ลงกล่องไม้ไป ดวงตาคู่สวยผัดผินลงมามองเสื้อยืดสีขาวก่อนจะยกมือขึ้นมาปลดกระดุมทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปมองยังขอบเตียงข้าง ๆ กลับต้องเอ่ยคำถามขึ้นมาแก่ชายที่ทำเป็นเนียนนั่งอ่านเอกสาร"คุณดินทำไมถึงยังนั่งอยู่ในนี้เหรอครับ?"ตรีศูลหันกลับไปถามพ่อทหาร ที่ตั้งแต่เช้าก็ดูจะปักหลักอยู่ในหอนอนแทนที่จะออกไปนั่งจิบกาแฟทำงานตากลมเย็นข้างนอกอย่างเคย"แล้วทำไมผมจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ?"นายทหารถามยอกย้อนคล้ายว่าการนั่งในห้องนี้แอบแฝงไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง"ผมจะแต่งตัว""เราก็แต่งไปสิ""ผมอาย""จะอายทำไม พี่เห็นเรามาทั้งตั-"ไม่ทันที่นายทหารจะได้กล่าวจบก็ถูกเจ้าของเรือนไล่ออก
พิภพวิ่งออกจากเรือนถือซองเอกสารที่ทำค้างไว้ด้วยความเร่งรีบ นาฬิกาข้อมือเขาก็ลืมสวมต้องคอยอาศัยมองนาฬิกาตามร้านค้ารายทางเอาเพื่อดูเวลา จนในที่สุดก็มาทันถึงก่อนเก้าโมงอย่างฉิวเฉียดนายทหารหอบแฮกอยู่หน้าสำนักงานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาจากเรือนเพราะเห็นว่าครึ่งชั่วโมงเขาจะเข้างานสาย แล้วก็ด้วยนิสัยตั้งต้นของเขาจึงทำให้ร่างกายมันขยับอย่างเป็นไปเอง คนในชุดสีเขียวแก่นั่งยองพักเหนื่อยจนผมที่จัดมาอย่างดีทิ้งปอยลงมาปรกหน้าผาก ก่อนที่พิภพจะเงยหน้าขึ้นมาดูตึกอาคารที่เขาต้องมาใช้ชีวิตการทำงานหลังจากนี้ตึกไม้เก่ายกสูงชั้นเดียวสะอาดตาและป้ายแกะสลักข้อความ 'กรมทหารราบ' นั่นทำเอาพิภพคิด ถ้ากรมทหารมันจะใกล้โรงเรียนขนาดนี้ส่งคนมาช่วยเป็นครูฝึกมันยากมากนักรึไง ปล่อยพวกเขาทำงานง่ก ๆ กันอยู่สองคนเป็นปีพ่อทหารถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เดินขึ้นบันไดไม้ใบพลางมองเครื่องเรือนอย่างง่ายที่อยู่นำออกมาตั้งประดับให้พอมีจุดเจริญสายตา เขาหวังว่าวันนี้จะไม่มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น-*ซ่า* ไม่ทันที่นายทหารจะได้เดินเข้าไปเต็ม
เสียงจักจั่นแว่วผ่านช่องหน้าต่างเปิดกว้างเข้ามาพร้อมกับแสงอาทิตย์ในรุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องไปยังโฉมงามบนเตียง ร่างแน่งน้อยซุกกายอยู่ใต้ผืนผ้าห่มหนา เปลือกตาสีไข่และเรียวคิ้วขมวดเมื่อรู้สึกตัว ริมฝีปากบางกระตุกตามเจ้าของผู้ยังคงอยากจมอยู่ในห้วงฝัน ทว่าไอร้อนใต้ผืนผ้าค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเสียจนคนสวยต้องฝืนลืมตาตื่น แขนเรียวยาวยกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมอ้าปากส่งเสียงง่วงเหงาหาวนอนตามความเคยชิน ก่อนที่จะส่งมือไปควานหาชายที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงพลิกกายมามองข้าง ๆ จนได้เห็นบุรุษคนรักยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งของเจ้าของเรือนร่างกายกำยำยืนจัดแจงปกเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เข้าที่ ลอนผมสั้นที่ถูกปล่อยลงอยู่เป็นนิจยามอยู่เรือนตอนนี้ได้ถูกหวีขึ้นเป็นทรงเรียบแปล้ดังเดิมเพื่อเสริมมาด จนเหมือนชายเจ้าจะได้ยินเสียงเสียดสีกันของผ้าจึงชำเลืองตามองก่อนจะหันมาอย่างเต็มตัวก็เจอแม่นางรำสวมแว่นแอบมองกันเสียแล้ว"อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว"พิภพเอ่ยทักทายก่อนจะละมือจากเครื่องแต่งกายเข้าไปนั่งยังหัวเตียง จรดริมฝีปากหอมแก้มทักทาย"อรุณ...สวัสดิ์...คร
"อย่าแกล้งกันอีกนะ"ตรีศูลกำชับพ่อทหารเจ้าเล่ห์ คิ้วเรียวบางกดลงก่อนจะยื่นคำขาด ไม่เข้าใจทำไมนายทหารถึงชอบกลั่นแกล้งเขาในตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนักฝ่ามือหนาเข้าลูบกลุ่มผมเงางาม พลางยื่นหน้าเข้าไปซุกไซ้ซอกคอขาวที่ตอนนี้มีรอยขบเม้มขึ้นบ้างประปรายจนความสากคันจากตอหนวดชวนให้แม่นางรำส่งเสียงหัวเราะใสด้วยความจั๊กจี้ออกมาจากลำคอ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินขณะเดียวกันมือที่ว่างเว้นจากภารกิจก็ค่อย ๆ จับไปยังขอบกางเกงของคนเบื้องล่างก่อนดึงลงเปิดให้เห็นแก่นกายขนาดกะทัดรัดฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวข้นใสตรงส่วนปลาย ด้วยว่าพ่อทหารอยากบำเรอร่างกายเล็กนี้ให้ไปถึงฝั่งฝัน นิ้วทั้งสิบจึงเข้าสัมผัสส่วนอ่อนไหวของโฉมงาม รูดรั้งปรนเปรออย่างไม่กระดากอายจนนางรำหนุ่มร้องเสียงหลง ยิ่งขาอ่อนถูกแหวกออกไร้ซึ่งทางจะปิดกั้นร่างทั้งร่างจึงได้แต่บิดพลิ้วอ่อนระทวยรวยรื่นลากพาผ้าปูยับยู่ยี่ผ่านเล็บที่จิกลงไปตามแรงกำหนัด เขี้ยวแหลมของพ่อทหารจากที่เพียงครูดไปตามเนื้อขาอ่อนในทีแรกเริ่มฝังรากตีตราความเป็นเจ้าของจนแม่นางรำคนรักรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่แล่นขึ้นมาโดยพลัน ตรีศูลไม่คิดมาก่อนว่าก