เลขาฉินไม่กล้าปิดบังเธอบอกลู่เจ๋อตามความจริงว่าคุณหลินมารับโทรศัพท์ของเขาลู่เจ๋อเคลื่อนสายตาไปที่คุณหลิน คุณหลินคนนี้ต้องคิดอะไรกับลู่เจ๋อแน่ ๆ แต่สายตาของลู่เจ๋อบอกเธออย่างชัดเจนว่าเธอไม่มีโอกาส!ไม่แปลกที่ดาราหญิงอย่างเธอจะดูออกเธอสะบัดผมเบา ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย “คุณนายลู่ให้ดิฉันเตือนประธานลู่ว่าคุณยังมีไข้อ่อน ๆ ไม่ควรทำงานหนักเกินไปค่ะ”ผลคือใบหน้าของลู่เจ๋อเริ่มแย่ลง คุณหลินคิดว่าเธอคงจะไม่ได้ร่วมงานกับเขาแล้ว จึงตัดสินใจจะเดินออกไป แต่ลู่เจ๋อกลับรั้งตัวเธอไว้ เขาไม่ได้พูดคุยกับเธอด้วยตนเอง แต่ให้เลขาฉินกดราคาและตนเองก็ออกไปก่อน!คุณหลินกะพริบตาด้วยความประหลาดใจเลขาฉินเผยรอยยิ้มเชิงธุรกิจ เริ่มคุยรายละเอียดของสัญญา แน่นอนว่าต้องกดราคาให้ต่ำลงเล็กน้อย เพราะตอนนี้ประธานลู่กำลังรู้สึกแย่มาก!......วันรุ่งขึ้น กลุ่มเภสัชกรรมลู่ได้ประกาศว่าหลินอี๋ได้กลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของลู่ซื่อกรุ๊ปงานเลี้ยงเฉลิมฉลองจะถูกจัดขึ้นในเมืองซีสถานที่เฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสุข เป็นเรื่องง่ายที่การเจรจาธุรกิจระหว่างหนุ่มหล่อกับดาราหญิงจะมีข่าวลือออกมา อีกทั้งยังมีรูปยืนยันมากมายหลุ
ขณะที่เฉียวซุนเดินลงมาด้านล่าง ชา กาแฟ และอาหารเช้าของเฉียวซุนถูกวางเอาไว้อย่างดีในห้องโถงเล็กคุณนายไป๋มองคนเป็นเธอเห็นว่าเฉียวซุนร่าเริงตามปกติ เธอก็เริ่มโกรธ “ดิฉันบอกแล้วไง ว่าคุณนายลู่อย่าสนใจแต่ตัวเอง คุณควรดูแลคู่แต่งงานของคุณด้วย! คุณทำเพียงมองดูคุณชายลู่ไปมีข่าวฉาวด้านนอกเหรอคะ? แม่นางหลินนั่นคุณก็เห็นแล้ว ไม่รู้สึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเลยเหรอคะ?”เฉียวซุนไม่ได้มองพวกเธอเธอนั่งรินลาเต้บนโต๊ะตัวเล็ก หลังจากลิ้มรสช้า ๆ เธอก็ยิ้มเบา ๆ “พวกคุณมาเพราะเรื่องของหลินอี๋หรอกเหรอ? ทำไมล่ะ กลัวคุณไป๋ตกกระป๋องงั้นเหรอ? งั้นพวกคุณก็ควรไปหาลู่เจ๋อนะ ไม่ใช่มาหาเรื่องฉัน บอกให้ฉันดูแลเขาให้ดี ฉันจะได้สวัสดิการดี ๆ มากกว่าคุณไป๋ได้ยังไง?”คุณนายไป๋พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่มีวิธีอื่น เธอเลยต้องมาหาเฉียวซุนถึงที่ ถ้าคุณชายลู่มีคนใหม่จริง ๆ งั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเซียวเซียวของเธอ? เพราะงั้นเธอเลยนึกออกว่าควรจะให้คุณนายลู่ไปจัดการผู้หญิงคนนั้นก่อน แล้วเธอค่อยมาจัดการคุณนายลู่ทีหลังท้ายที่สุดแล้ว เซียวเซียวของเธอจะต้องเป็นที่หนึ่งความคิดของเธอทำไมเฉียวซุนจะไม่รู้ล่ะ?เฉียวซุนพูดอย่าง
เฉียวซุนมองเขากลับสักพักเธอจึงยิ้มอย่างสงบ “ได้! ฉันจะรอคุณในห้องนั่งเล่น!”เธอลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินผ่านเขาไปแต่เขากลับจับข้อมือของเธอไว้แน่น ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเข้ามาใกล้ชิดเขา ใบหน้าเล็กพิงลงซบบนไหล่เขา ผิวขาวของเธอตัดกับเสื้อสีเทาเข้ม ขับให้เธอดูละเอียดอ่อนเฉียวซุนกะพริบตาปริบ ๆลู่เจ๋ออาจจะลืมไปว่าเขาพึ่งมีข่าวออกมาจากเมืองซี จนทำให้คนรักเก่ามาตามราวีถึงที่บ้าน ตอนนี้เขาควรจะปลอบคนรักของเขาไม่ใช่เหรอ?เฉียวซุนผละออกเบา ๆ เธอส่งยิ้มอย่างให้เกียรติเขาและรีบเดินขึ้นไปแผ่นหลังของเธอดูโอนอ่อนสง่างาม ท้ายที่สุดเธอก็กลับมาอยู่กับเขาได้สักพักแล้ว จนมองไม่เห็นความทุกข์ทรมานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาบนร่างกายของเธอแล้ว ถึงอย่างไรเธอก็โตมาอย่างมีความสุข อีกทั้งยังมีความละเอียดอ่อนมาตั้งแต่เกิดหาได้ยากที่ลู่เจ๋อจะเคลิ้มตามไป๋เซียวเซียวกลัวเขาต่อว่า เธอจัดแขนเสื้อของตนพร้อมกับพูด “คุณชายลู่ พวกเรามา......เพราะเป็นห่วงคุณนายลู่ค่ะ!”ทันใดนั้นคุณนายไป๋ก็เริ่มรู้สึกตัว และร่วมพูดด้วย “ใช่ ๆ ๆ! พวกเรามาอยู่เป็นเพื่อนคุณนายลู่ค่ะ! คุณชายลู่มีข่าวออกมาจ
คำพูดที่เกือบจะอ่อนโยนของผู้ชาย มักทำให้ใจเราสับสนเสมอต่อให้เฉียวซุนจะเย็นชากับเขา แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเต๊าะจีบเบาๆแต่เธอยังมีสติอยู่ลู่เจ๋อเข้ามา กดร่างเธอเบาๆ จูบเธออย่างอ่อนโยน แต่เธอกลับใจสลาย เธอลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแล้วถามเบาๆ"ลู่เจ๋อ คุณรักฉันไหม?"ลู่เจ๋อไม่เคยพูดว่ารัก เขาไม่เคยรักใครเลยความเงียบของเขา เป็นการปฏิเสธจริงๆ เฉียวซุนรู้มานานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังเศร้าอยู่เล็กน้อย เธอถามเขาอีกครั้ง "แล้วคุณอยากจะรักฉันไหม? ความสัมพันธ์ในแต่งงานครั้งนี้ที่คุณพูดถึง คุณพร้อมจะทุ่มเทความรักให้ไหม?"ลู่เจ๋อไม่ได้โกหกเธอเขารุกล้ำริมฝีปากสีแดงของเธอ บอกเธออย่างอ่อนโยน "ไม่!"เฉียวซุนหลับตาลงเบาๆเธอยอมรับจูบของเขา สัมผัสได้ว่าเขาปลอบใจ เธอกลับหาเวลาพูดคุยเรื่องการแต่งงานและความสัมพันธ์กับเขาต่อไปได้ เสียงของเธอแหบพร่า เพราะถูกเขาจูบไม่หยุด เสียงที่ออกมาก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้หญิง "ลู่เจ๋อถ้าไม่รัก ทำไมต้องให้ฉันรักคุณด้วย? ข้างนอกมีผู้หญิงมากมาย ถ้าอยากให้ผู้หญิงชื่นชม งั้นก็...ได้มาง่ายๆใช่ไหม”ลู่เจ๋อจ้องมองเธอ เฝ้าดูเธอค่อยๆจมหายไปเขารู้อยู่แก่ใจเธอเป็
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ ลู่เจ๋อก็ปล่อยเธอไปอาบน้ำเมื่อออกมาอีกครั้งเขาก็แต่งตัวอย่างหรูหรา แต่เฉียวซุนยังอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเคลื่อนไหวลู่เจ๋อมองไปที่เธอสักพัก ก็เดินออกไปพร้อมเสียงเยาะเย้ยตอนเขาเข้าไปในรถเบนท์ลีย์สีดำ เขาไม่ได้ออกจากวิลล่าทันที แต่จุดบุหรี่และสูบอย่างเงียบ ๆจริงๆแล้ว ตอนนี้เฉียวซุนไม่สบาย เขาไม่มีความสุขมาก เขาไม่ได้รักกัน เขาไม่มีความสุขเลยควันสีเทาอ่อนบางๆปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา เพิ่มหมอกมัวให้กับเขา ในหมอกควันนี้ เขากำลังคิดถึงภรรยาของเขาและสิ่งที่เธอพูดกับเขาเธอถามเขา ว่าพร้อมจะรักเธอไหม? จะทุ่มเทความรู้สึกให้ไหม?ลู่เจ๋อหัวเราะเยาะตัวเองเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่บิดเบี้ยวตั้งแต่เด็ก เขารักใครไม่เป็น เขาไม่ต้องการที่จะรักใครเลย... แต่เขากลับหมกมุ่นอยู่กับความรักของเฉียวซุนที่มีต่อเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไม?บางที เพราะได้อ่านไดอารี่ของเธอเขาอยากเก็บเธอไว้ข้างกาย ดูเธอจม มองดูเธอรักโดยไม่มีเงื่อนไข... นั่นก็หรูพอสำหรับลู่เจ๋อของที่หรูหรา มักจะแพงกว่าเสมอ!ลู่เจ๋อถอนหายใจเบาๆ เลิกกังวล แล้วขับรถไปที่บริษัท……เพราะความว
เธอยื่นเสื้อผ้าให้คนรับใช้ แต่คนรับใช้ไม่เห็นค่าเธอ "มาดาม!"เฉียวซุนสงบมาก "ทำหน้าที่ไปสิ!"เมื่อเทียบกับการทรมานเล็กๆ น้อยๆ ของลู่เจ๋อ จริงๆสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไรเฉียวซุนไม่รู้ว่าลู่เจ๋ออยู่ในรถด้วย มองจากด้านนอก จะไม่เห็นด้านในของรถอาร์วี สีดำ คนใช้จึงคิดว่าเป็นผู้ช่วยที่มาด้วยรถพิเศษของตัวเองหลังจากประตูรถปิดลง ลู่เจ๋อก็เอนกายพิงเบาะหลัง ถามอย่างสบายๆ ว่า "ภรรยาผมพูดว่าอะไรนะ"ลู่เจ๋อเป็นเหมือนถังน้ำมันในบริษัท อีกนิดก็จะระเบิดแล้วผู้ช่วยตอบอย่างระมัดระวัง "ไม่ได้พูดอะไรเลย! แต่ว่า คุณนายเหมือนกำลังออกไปข้างนอกครับ"ลู่เจ๋อไม่ได้ถามคำถามอีกเมื่อรถสตาร์ท เขาคิดกับตัวเองว่า ช่วงนี้เฉียวซุนดูเหมือนจะยุ่งมาก!ก่อนเที่ยงเฉียวซุนไปที่สำนักงานกฎหมายของเมิ่งเยี่ยนหุย เขาต้องการคุยกับเธอเรื่องความคืบหน้าของคดีสำนักงานขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร ไม่ได้หรูหราบนชั้นหนังสือทั้งแถว เต็มไปด้วยหนังสือเมิ่งเยี่ยนหุยสวมชุดสูทสามชิ้นสไตล์อังกฤษ นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ม่านด้านหลังเขาเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ส่องแสงและสาดเงาใส่เขาเป็นจุดๆ... เขาถือซิการ์ไว้ระหว่างปลายนิ้ว ดูสง่างามมาก
ในออฟฟิศเงียบมากเมิ่งเยี่ยนหุยมองดูข้อมือเรียวบางของเธอที่สวมนาฬิกาสีทอง และถือนามบัตรแพลทินัม ที่มีหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาเฉียวซุนรับมันมาอย่างอ่อนโยนเธอจ้องมองเขาอยู่นานก่อนถามเบาๆ "ทำไมถึงอยากช่วยฉันล่ะ ทนายเมิ่ง ฉันคิดว่าคุณจะช่วยลู่เจ๋อมากกว่า"เมิ่งเยี่ยนหุยไม่ตอบเธอ เขาเอนหลังบนเก้าอี้ สูบซิการ์เงียบๆอันที่จริงเขาไม่ทราบเหตุผลแต่ถ้าต้องหาเหตุผล บางทีอาจเป็นวันนั้นในโรงพยาบาล เขาเห็นรอยแผลเป็นที่น่าตกใจบนข้อมือของเธอ เหมือนกับที่แม่ของเขาโดนในตอนนั้น! ที่ต่างกันคือ แม่ของเขาอยากตาย เพราะงั้นเธอจึงจากไปสำหรับเฉียวซุน เธออยากมีชีวิตอยู่จริงๆเมิ่งเยี่ยนหุยคิดย้อนกลับไป บางทีนี่ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกสงสารเล็กน้อย!…เมื่อเฉียวซุนจากไปเธอจับนามบัตรไว้แน่น ฝ่ามือของเธอแทบจะชุ่มเหงื่อเมื่อกลับมาอยู่กับลู่เจ๋อ ภายนอกเธอดูสวย แต่เบื้องหลังกลับไม่มีความสุข... แต่เธอไม่คิดที่จะจาก ลู่เจ๋อไป เพราะแค่คิดก็ยังไม่กล้า และตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นความหวังริบหรี่ในความสิ้นหวังลิฟต์ที่เธอขึ้นมาถึงชั้นหนึ่งแล้วเมื่อเดินผ่านห้องโถงเวียน ก็พบกับเหอจี้ถางโดยบั
ลู่เจ๋อไม่เคยรักใครเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้วิธีจัดการความสัมพันธ์ในรถเงียบลู่เจ๋อคิด หากทุ่มเทความรู้สึกจริงๆแล้วได้รับความรักจากเฉียวซุนอีกครั้ง... งั้นเขาก็ไม่สนใจ และกลายเป็นคู่รักที่น่ารักกับเธออย่างแท้จริง…ช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์รถอาร์วี สีดำขับกลับไปที่วิลล่า คนขับออกมาและเอากระเป๋าเดินทางของลู่เจ๋อไป พูดด้วยความเคารพ "ประธานลู่ ต้องการให้ผมช่วยยกกระเป๋าเดินทางไหมครับ"ลู่เจ๋อสวมชุดดำทั้งตัวดังคำที่ว่า ผู้ชายหล่อเหลา ก็ต้องคู่กับสีดำเมื่อยืนอยู่ในยามสนธยาแบบนี้ เขาดูหล่อมาก แม้แต่คนรับใช้ที่เก่ากว่าของบ้านก็อดไม่ได้ที่จะมองดูสักนิด... ลู่เจ๋อถามเบา ๆ ว่า "คุณนายล่ะ?"ก่อนที่คนรับใช้จะพูด เสียงไวโอลินก็ดังมาจากชั้นสามเพลงนุ่มนวล ไพเราะยิ่งขึ้นในยามสนธยาคนรับใช้อดไม่ได้ที่จะพูดสิ่งดีๆ ให้เฉียวซุน "คุณนายเล่นไวโอลินเก่งมาก! คุณผู้ชายอยากไปฟังไหมครับ"ลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆเขายกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องอ่านหนังสือ ก็เห็นเฉียวซุนสวมกระโปรงยาวถึงเอวสีควันเทา ผมสีเข้มยาวสยายอยู่บนแผ่นหลังบางของเธอด้านหลังสวยมาก!เขาชื่นชมเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว