เขาหลับตาลงเบา ๆ หลินเซียวกำลังกลับมาแล้ว............ณ ห้องน้ำของร้านอาหารเฉียวซุนพูดถึงคุณฟ่านให้กับลู่จิ้นเซิงฟัง ผ่านไปเป็นเวลานาน แต่ในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าอยู่ดีไม่เพียงแค่เพราะหลินเซียว อันที่จริง คุณฟ่านเองก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอเช่นกัน คุณฟ่านเป็นคนที่มีน้ำใจมาก แล้วก็ดีกับเพื่อนมากจริง ๆ......ตอนนั้นพอเธอได้ยินข่าวเรื่องเครื่องบินของเขาตก เธอก็ตกตะลึงอยู่นาน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำในใจเฉียวซุนรู้สึกเศร้า จมูกก็เริ่มแดงขึ้นมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาบังเอิญที่หลินซวงโทรหาเธอพอดี บอกว่าเขามาถึงแล้ว เขาจอดรถรอเธออยู่ตรงประตูทางเข้าเขายังถามเธอแบบผ่าน ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์พบปะของเธออีกด้วยเฉียวซุนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ฉันแค่พูดออกไปสองสามประโยค ฉันพอจะมองออกว่าเขาไม่คิดที่จะปล่อยหลินเซียวไป แต่ฉันก็พูดกับเขาชัดเจนแล้ว......อีกเดี๋ยวเราเจอกันแล้วฉันจะเล่าให้ฟังค่ะ”พวกเขาพูดกันอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไปเฉียวซุนล้างหน้า แล้วหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับ จากนั้นเธอเห็นคนในกระจกโดยบังเอิญ——ไป๋เสวี่ย!ไป๋เสวี่ยสวมชุดสูทแบรนด์เนม ท่าทางของเธอดูเหมือนจะ
ไป๋เสวี่ยกำลังจะพูดต่อทันใดนั้น เธอก็เห็นลู่เจ๋อนั่งอยู่บนรถเข็นตรงปลายทางเดิน มองมานี้อย่างเงียบ ๆ ดวงตาสีเข้มของเขาล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้......ไป๋เสวี่ยไม่กล้า และไม่อยากพูดอะไรออกไปอีกประการแรก เธอกลัวว่าลู่เจ๋อจะจัดการกับเธอประการที่สอง ในใจเธอยังคงมีลู่เจ๋ออยู่ ยังไงเธอก็ไม่อยากให้พวกเขากลับมาคืนดีกันอีกในใจเธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก สุดท้ายจึงทำได้แค่ยิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับเฉียวซุน “เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินลูกพี่ลูกน้องของฉันบอกว่าคุณเคยรักคุณลู่มาก ฉันก็คิดว่าเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด! จนกระทั่งตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่า คุณไม่เคยเข้าใจอะไรในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย......ความชอบของคุณก็เหมือนกับฉันในปีนั้น มันก็เป็นความชอบแบบผิวเผินเท่านั้น! ”“งั้นคุณก็ใช้ชีวิตใหม่ของคุณไปเถอะ มีชีวิตรักที่ดีกับผู้ชายคนอื่นไปเถอะ! ”“ฉันจะรอจนกว่าจะถึงวันที่คุณต้องเสียใจ! ”......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดอย่างไร้ความรู้สึก “คุณไป๋ เรื่องในอดีตระหว่างฉันกับลู่เจ๋อ คุณเข้าใจมากน้อยแค่ไหนกัน? ”หลังจากที่เฉียวซุนพูดจบ เธอก็จากไปทันทีที่เธอหันกลับมา รถเข็นและคนที่อยู่ตรงสุดทางเดินก็ไม่อยู่ท
ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างพวกเขาหลังจากขับผ่านสี่แยก หลินซวงก็จอดรถชิดข้างถนน เขาหันไปยังด้านข้าง และมองเฉียวซุนอยู่เงียบ ๆ แล้วถามเธอไปตรง ๆ “คุณกำลังคิดถึงเขาอยู่ใช่ไหม? ”เฉียวซุนไม่อยากที่จะยอมรับเท่าไหร่เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เปล่าค่ะ! ”ทันใดนั้น ก็มีเสียงรบกวนเล็ก ๆ ดังขึ้น หลินซวงปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาโน้มตัวเข้าหาเธอราวกับกำลังจะจูบเธอ สัญชาตญาณของมนุษย์ยังไงก็โกหกกันไม่ได้ ขณะที่เขากำลังจะแตะริมฝีปากของเธอ เฉียวซุนก็ใช้มือกันเอาไว้ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ห้ามเขาเอาไว้ตัวเฉียวซุนเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน อันที่จริงแล้ว การจูบเป็นเรื่องปกติที่คู่รักจะทำกัน แต่เธอกลับมีสัญชาตญาณหลีกเลี่ยงที่จะทำตัวสนิทกับหลินซวงโดยธรรมชาติ......เธอเงยหน้าขึ้น ปฏิกิริยาของเธอเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อยหลินซวงอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้กันมากจนต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแสนอบอุ่นของกันและกัน ถ้าว่ากันตามหลักเหตุและผลแล้ว มันก็ควรจะไปในทิศทางที่โรแมนติกมากกว่า แต่มันก็ไม่ได้......แววตาของเขาลึกล้ำมาก “แบบนี้แล้ว ยังบอกว่าไม่คิดถึงเขาอยู่อีก! ”เฉียวซุนอยากที่จะพูด แต่เขาก็ปิดริมฝีปากของเธอ
[คุณเฉียว สัญญาระหว่างพวกเรามันก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น! ผมไม่ได้รักเธอเลย!]......ความทรงจำเหล่านั้น ทำให้เธอหายใจแทบไม่ออกเฉียวซุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และกลั้นน้ำตาเอาไว้ท้องฟ้ามีฝนตกปรอย ๆ ลงมา หยดฝนตกกระทบลงบนตัวเธอ จนทำให้เสื้อผ้าเริ่มเปียกชื้นขึ้นมา แต่เฉียวซุนไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอกลับต้องการฝนเย็น ๆ นี้ด้วยซ้ำ เพื่อช่วยให้เธอระงับความวิตกกังวลในใจเธอเดินไปท่ามกลางสายฝนในหัวของเธอตอนนี้ เอาแต่วนลูปคำพูดของไป๋เสวี่ยซ้ำไปซ้ำมา [คุณคิดจริง ๆ เหรอ ว่าคุณลู่จะสามารถตกหลุมรักคนอื่นได้? คุณคิดจริง ๆ เหรอ ว่าเขาจะทิ้งลูก แล้วไปอยู่กับคนอื่นจริง ๆ ?]ทันใดนั้น เธอก็หยุดก้าวเดินต่อข้างถนนมีร้านตัดชุดแต่งงานที่หรูหรามากอยู่ร้านหนึ่ง โดยมีกระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดานกั้นด้านหน้าเอาไว้ ภายในมีหญิงสาวกำลังลองชุดแต่งงาน โดยมีผู้ชายยืนอยู่ข้าง ๆการประพฤติตนของพวกเขาค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก แค่ดูก็รู้ว่ายังไม่ได้แต่งงานกันเฉียวซุนถึงกับตกตะลึงราวกับเธอกำลังถูกปีศาจเข้าครอบงำ เธอจ้องหนุ่มสาวคู่นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น......แต่เธอคือหลี่ชิงเฉิง!ห
พนักงานนำกาแฟร้อนมาเสิร์ฟให้สองแก้วแต่เฉียวซุนไม่ได้ดื่มทันที เธอจ้องมองไปที่หลี่ชิงเฉิงอย่างตั้งใจหลี่ชิงเฉิงรวบรวมสติของเธอ แววตาของเธอได้จมเข้าไปในความทรงจำเมื่อครั้งอดีต แล้วเธอก็ค่อย ๆ เอ่ยปากพูดออกมา “ในปีนั้น ฉินอวี้เป็นคนติดต่อฉันมา เธอบอกว่าลู่เจ๋ออยากจะทำข้อตกลงกับฉัน”ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบนิ้วเรียวยาวกลับสั่นเล็กน้อยเมื่อเธอเริ่มพูดอีกครั้ง หลี่ชิงเฉิงก็เผยรอยยิ้มปนเศร้าขึ้นบนใบหน้าของเธอ “ในเวลานั้น ในใจของฉันเกลียดเขามาก ฉันจะเต็มใจทำได้ยังไง? แต่ว่าฉินอวี้ก็ได้เอ่ยตัวเลขที่ฉันไม่อาจจะปฏิเสธได้ออกมา มันเป็นโครงการที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน ฉันไม่สามารถต้านทานการล่อลวงของผลกำไรนี้ได้เลยจริง ๆ! ต่อมา ฉินอวี้ก็พาฉันไปที่โรงพยาบาลเพื่อเซ็นสัญญา ฉันก็ได้พบกับลู่เจ๋อ......ท่าทางของเขา......ท่าทางของเขาเมื่อเทียบกับตอนที่คุณเจอกับเขาครั้งล่าสุด ไม่รู้ว่าแย่กว่าตั้งกี่เท่า เขาได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง แทบจะขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่านะ เฉียวซุน คุณรู้ไหม แววตาของเขากลับนิ่งสงบมาก เป็นท่าทางที่ดูใจเย็น ราวกับว่าเตรียมพร้อมที่จะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นอย่างด
เฮ่อจี้ถังเพิ่งจะเดินออกไป เขาพูดว่า ยาตัวใหม่ยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุง และขอให้เขาอย่าเพิ่งยอมแพ้แน่นอนว่าลู่เจ๋อเองก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกันแต่เขาก็ไม่รู้ ว่าอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะสามารถใช้มือขวาได้ ถึงจะสามารถลุกขึ้นจากรถเข็นได้สักที......ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้เลยลู่เจ๋ออารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ปกติคนรับใช้มักจะไม่กล้าไปรบกวนเขา แต่คืนนี้เป็นข้อยกเว้นเสียงรถค่อย ๆ ดังมาจากลานหน้าบ้าน ตามด้วยเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบ ป้าหลี่กำลังเคาะประตูด้วยท่าทีลนลาน “คุณชายคะ คุณนายกลับมาแล้วค่ะ! ”ลู่เจ๋อคิดว่าคงเป็นคุณหญิงลู่เขาพูดอย่างใจเย็น “บอกให้เธอรออยู่ที่ห้องอาหารชั้นล่างสักครู่ เดี๋ยวผมลงไป”ตรงประตูห้องกลับไม่มีการตอบกลับจากป้าหลี่เลยลู่เจ๋อขมวดคิ้ว พร้อมกับเข็นรถเข็นออกไปดูประตูค่อย ๆ เปิดออก......คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือเฉียวซุน เป็นเพราะฝน จึงทำให้เธอเปียกโชกไปทั้งตัว เวลาปกติเธอจะเป็นคนที่มีเกียรติและงดงามมาก แต่สภาพของเธอในตอนนี้ทำไมถึงได้ดูแย่ขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าตัวเธอเองไม่ได้สนใจเลยสักนิดเธอยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ จ้องมองเขาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่ทว่าในใจของเ
ลู่เจ๋อไม่ได้ปฏิเสธเธอแต่เขาก็ไม่ได้ยอมรับ ภายใต้แสงสว่าง แววตาของเขามืดมนเกินกว่าจะคาดเดาในขณะที่กำลังจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน เสื้อผ้าบนร่างกายของเธอล้วนเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน ทำให้เผยส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูเซ็กซี่และน่าดึงดูดของเธอออกมาลู่เจ๋อเองแน่นอนว่าก็รู้สึกด้วยเหมือนกันแต่เขากลับพยายามทำให้ตัวเองไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่เฉียวซุนกอดเขาอย่างอ่อนโยน เขาก็คว้าข้อมือบาง ๆ ของเธอไว้ แล้วกดเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาเริ่มเล่นกับเธออย่างไร้เหตุผลด้วยมือข้างเดียว......กลับไปกลับมา ใช้นิ้วบดขยี้อยู่อย่างนั้นเขาไม่ได้อ่อนโยนเลยสักนิด!วิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอ ไม่มีร่องรอยของความอ่อนโยนเลย เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนทำกับผู้หญิงราคาถูกเหล่านั้นเขาจงใจทำให้เธอรู้สึกแย่ เขาโน้มตัวเข้าไป แล้วพูดข้าง ๆ หูของเธอว่า “แบบนี้ก็ทำให้คุณรู้สึกด้วยอย่างนั้นเหรอ? คุณรู้ไหมว่าการใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับคนพิการนั้นเป็นยังไง? คุณต้องเป็นคนเริ่มเองทั้งหมด พอเสร็จกิจ คุณก็ต้องเป็นคนทำความสะอาดเองด้วย เพราะคนพิการไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรคุณได้เลย! ......แบบนี้คุณยังต้องการอีกไหม? ถ้าคุณยังต้องการอ
เฉียวซุนไม่รู้ว่า ผู้ชายที่นอกใจต่างก็มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือไม่ขณะที่ลู่เจ๋อกำลังอาบน้ำ คนรักของเขาก็ส่งรูปเซลฟี่มาให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาละอ่อนและสวย แต่เธอกลับสวมเสื้อผ้าชั้นสูงที่ไม่เหมาะกับวัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร[คุณลู่ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ]เฉียวซุนมองภาพนั้นอยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกเจ็บตา เธอรู้มาโดยตลอดว่ามีคนอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อ แต่เธอไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ไปได้ นอกจากอกหักแล้ว เธอยังรู้สึกประหลาดใจกับรสนิยมของสามีอีกด้วยเธอรู้สึกว่า ตัวเธอเสียใจจริงๆ ที่ไปได้เห็นความลับของลู่เจ๋อเข้าจากนั้นเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็ออกมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเหมือนหิมะของเขาห่อกล้ามเนื้อหน้าท้องและหน้าอกที่แข็งแรง ทำให้เขาดูสูงและเซ็กซี่แบบสุดๆ“จะดูอีกนานแค่ไหน?” เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเฉียวซุน เหลือบมองเธอ และเริ่มแต่งตัวเขาไม่มีท่าทางลำบากใจแบบคนที่โดนภรรยาจับได้เลยแม้แต่น้อย และเฉียวซุนก็รู้ดีว่า ความมั่นใจนี้มาจากความสามารถท