เฉียวซุนกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์โถงทางเข้าที่มืดมิดและอ้างว้าง เธอยืนพิงประตูและหายใจหอบเบา ๆจนถึงตอนนี้ ขาของเธอก็ยังคงอ่อนแรงอยู่......แม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าหากกลับมาที่เมือง B ยังไงก็ต้องได้เจอกับลู่เจ๋อเข้าให้สักวัน แต่เธอไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ทุกสิ่งที่เขาทำกับเธอที่หน้าประตูสวนฉิน นั้นทำให้เธอต้องตกใจสัญชาตญาณของผู้หญิงบอกกับเธอว่า ลู่เจ๋อในตอนนี้อันตรายมาก เธอไม่ควรกลับเมือง B แต่ว่าโรคจมูกอักเสบของเจ้าหนูลู่เหยียนนั้นค่อนข้างร้ายแรง และเขาก็ไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่ในเมืองเซียงเฉียวซุนเหม่อลอยอยู่นาน จากนั้นถึงได้ยกมือขึ้นเพื่อเปิดไฟแสงเจิดจ้า ส่องเข้าที่ใบหน้าอันละเอียดอ่อนและเรียวเล็กของเธอ ทั้งขาวและดูนุ่มนวล แม้ว่าเธอเพิ่งจะให้กำเนิดลูกสองคน แต่ก็ดูเหมือนว่ากาลเวลาจะทำอะไรเธอไม่ได้ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน รูปร่างหน้าตาของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลยหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ยืดตัวขึ้น เดินไปที่ตู้เก็บแอลกอฮอล์ เปิดตู้แล้วหยิบขวดแชมเปญออกมาค่ำคืนเช่นนี้ เหมาะแก่การดื่มเป็นอย่างยิ่งเพิ่งจะเทแชมเปญใส่แก้ว หลินซวงก็โทรมาหาเธอ เขาบอกเธออย่างอ่อนโยนว่า อีกเดี๋ยวเขาจะมีงานสังสร
ไม่นาน รถก็สตาร์ท......ลู่เจ๋อไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาได้แต่นั่งเงียบ ๆ อาจจะมองไปที่แขนขวาของเขาบ้างบางครั้ง เขาคิดว่า ถ้าแขนข้างนี้กลับมาใช้งานได้ก็คงดี เพราะต่อให้ขาทั้งสองข้างของเขาเดินไม่ได้ เขาก็ยังพอที่จะมีความกล้าอยู่บ้าง......เพื่อที่จะขอร้องเธอให้กลับมาอยู่ข้างกายเขาแต่น่าเสียดาย ที่ชีวิตของมนุษย์ไม่มีคำว่า ‘ถ้าหากว่า’......วันรุ่งขึ้น เฉียวซุนและลู่จิ้นเซิงก็ได้นัดเจอกันเดิมที เฉียวซุนแค่อยากจะดื่มกาแฟ และพูดอะไรสักสองสามคำ จากนั้นก็จะกลับเลย แต่ลู่จิ้นเซิงยืนกรานว่าอยากจะทานข้าวด้วยกัน เขาพูดในสายโทรศัพท์เอาไว้ว่า “เฉียวซุน พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว คุณจะไม่ไว้หน้ากันหน่อยเหรอ? ”สุดท้าย พวกเขาก็ได้นัดทานข้าวที่คลับสุดหรูลู่จิ้นเซิงไม่มีอารมณ์ที่จะทานอะไรเลย เพราะส่วนใหญ่เขามุ่งความสนใจไปที่เฉียวซุนเฉียวซุนไม่คิดว่า เขาจะถูกใจหรือคิดอะไรกับเธอแบบนั้นอันที่จริงแล้ว ลู่จิ้นเซิงแค่ใช้เธอเป็นสิ่งที่ช่วยให้หวนคิดถึงหลินเซียวก็เท่านั้นเธอวางแอลกอฮอล์ที่ใช้เปิดต่อมรับรสลงเบา ๆ และพูดอย่างใจเย็น “ลู่จิ้นเซิง ฉันรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร คุณก็แค่อยากจะรู้ว่าเธอเป็นยัง
ลู่จิ้นเซิงเล่นกับโทรศัพท์มือถือของเขาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะเยาะออกมา “แต่ผมก็ไม่ได้พาผู้หญิงกลับบ้านมาด้วยนี่! ”หนิงหลินกำลังจะเถียงกลับทันใดนั้นลู่จิ้นเซิงก็หยิบรูปถ่ายสิบกว่ารูปออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็โยนไปบนเตียงทีละรูปทีละรูป โยนไปตรงหน้าของหลินหนิงเขามองดูเธอ แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา “ชื่นชมภาพเปลือยเหล่านี้ของคุณสิ! ผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยสักรูป! ถ้าไม่ใช่เพราะรูปถ่ายพวกนี้ ผมคงไม่รู้ว่าเรือนร่างของคุณนายลู่จะดีขนาดนี้ แถมยังเล่นได้มีความสุขมากอีกด้วย”หนิงหลินหยิบรูปถ่ายขึ้นมา และมองดูทีละรูปเธอถึงกับอึ้งไปเลย......เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอก็ร้องขอความเมตตาโดยสัญชาตญาณ “จิ้นเซิง ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว! รูปภาพพวกนี้คุณอย่าให้พ่อฉันเห็นเลยนะ ถ้าเขารู้ เขาต้องฆ่าฉันแน่”เธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่อำมหิตที่สุดไม่กี่ปีมานี้ เขาทรมานเธอจนแทบไม่เหลือชิ้นดี และไม่เคยใจอ่อนเลยสักครั้งหนิงหลินคลานมาที่ปลายเตียง กอดขาของลู่จิ้นเซิง เธอพยายามใช้เรือนร่างตัวเองเพื่อยั่วยวนเขา เธอหวังว่าอยากจะสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่กับเขาใบหน้าของเธอแนบไปกับต้นขาของเขา
เขาหลับตาลงเบา ๆ หลินเซียวกำลังกลับมาแล้ว............ณ ห้องน้ำของร้านอาหารเฉียวซุนพูดถึงคุณฟ่านให้กับลู่จิ้นเซิงฟัง ผ่านไปเป็นเวลานาน แต่ในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าอยู่ดีไม่เพียงแค่เพราะหลินเซียว อันที่จริง คุณฟ่านเองก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอเช่นกัน คุณฟ่านเป็นคนที่มีน้ำใจมาก แล้วก็ดีกับเพื่อนมากจริง ๆ......ตอนนั้นพอเธอได้ยินข่าวเรื่องเครื่องบินของเขาตก เธอก็ตกตะลึงอยู่นาน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำในใจเฉียวซุนรู้สึกเศร้า จมูกก็เริ่มแดงขึ้นมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาบังเอิญที่หลินซวงโทรหาเธอพอดี บอกว่าเขามาถึงแล้ว เขาจอดรถรอเธออยู่ตรงประตูทางเข้าเขายังถามเธอแบบผ่าน ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์พบปะของเธออีกด้วยเฉียวซุนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ฉันแค่พูดออกไปสองสามประโยค ฉันพอจะมองออกว่าเขาไม่คิดที่จะปล่อยหลินเซียวไป แต่ฉันก็พูดกับเขาชัดเจนแล้ว......อีกเดี๋ยวเราเจอกันแล้วฉันจะเล่าให้ฟังค่ะ”พวกเขาพูดกันอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไปเฉียวซุนล้างหน้า แล้วหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับ จากนั้นเธอเห็นคนในกระจกโดยบังเอิญ——ไป๋เสวี่ย!ไป๋เสวี่ยสวมชุดสูทแบรนด์เนม ท่าทางของเธอดูเหมือนจะ
เฉียวซุนไม่รู้ว่า ผู้ชายที่นอกใจต่างก็มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือไม่ขณะที่ลู่เจ๋อกำลังอาบน้ำ คนรักของเขาก็ส่งรูปเซลฟี่มาให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาละอ่อนและสวย แต่เธอกลับสวมเสื้อผ้าชั้นสูงที่ไม่เหมาะกับวัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร[คุณลู่ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ]เฉียวซุนมองภาพนั้นอยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกเจ็บตา เธอรู้มาโดยตลอดว่ามีคนอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อ แต่เธอไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ไปได้ นอกจากอกหักแล้ว เธอยังรู้สึกประหลาดใจกับรสนิยมของสามีอีกด้วยเธอรู้สึกว่า ตัวเธอเสียใจจริงๆ ที่ไปได้เห็นความลับของลู่เจ๋อเข้าจากนั้นเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็ออกมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเหมือนหิมะของเขาห่อกล้ามเนื้อหน้าท้องและหน้าอกที่แข็งแรง ทำให้เขาดูสูงและเซ็กซี่แบบสุดๆ“จะดูอีกนานแค่ไหน?” เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเฉียวซุน เหลือบมองเธอ และเริ่มแต่งตัวเขาไม่มีท่าทางลำบากใจแบบคนที่โดนภรรยาจับได้เลยแม้แต่น้อย และเฉียวซุนก็รู้ดีว่า ความมั่นใจนี้มาจากความสามารถท
หกปี เธอรักเขามาหกปีเต็ม!เฉียวซุนหลับตาลง……เฉียวซุนไม่รอให้ลู่เจ๋อกลับมา คืนวันศุกร์ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับตระกูลเฉียวมีข่าวออกมาว่า บุตรชายคนโตของตระกูลเฉียว เฉียวสือเยี่ยน เพราะคดีเศรษฐกิจของกลุ่มบริษัทสกุลเฉียว อาจจะถูกตัดสินจำคุกสิบปีสิบปี ก็เพียงพอที่จะทำลายคนคนหนึ่งได้แล้วในคืนนั้น คุณพ่อเฉียวมีเลือดออกในสมองเฉียบพลันจึงต้องเข้าโรงพยาบาล อาการอยู่ในขั้นวิกฤติจึงจำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเฉียวซุนยืนอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาล ต่อสายหาลู่เจ๋ออย่างต่อเนื่อง แต่โทรหาหลายครั้งก็ไม่มีคนรับสาย ในขณะที่เธอกำลังจะล้มเลิก ลู่เจ๋อก็ส่งข้อความวีแชทมาหาเธอเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน พูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง[ผมยังอยู่ที่เมือง H หากมีเรื่องอะไรติดต่อเลขาฉินได้เลย]เฉียวซุนโทรไปอีกครั้ง คราวนี้ลู่เจ๋อรับสาย และเธอก็พูดอย่างกระวนกระวายใจขึ้นมาว่า “ลู่เจ๋อ พ่อของฉัน...”ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธอในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรำคาญ “ต้องการใช้เงินใช่ไหม? ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว หากต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนให้ติดต่อเลขาฉิน... เฉียวซุน คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า
สามวันต่อมา ลู่เจ๋อก็กลับมาถึงเมือง Bช่วงพลบค่ำ ความมืดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ รถอาร์วีสีดำแวววาวก็ขับเข้าไปในวิลล่าอย่างช้าๆ หยุดและดับเครื่องยนต์คนขับเปิดประตูลู่เจ๋อลงจากรถ แล้วใช้มือปิดประตูเบาะหลัง เมื่อเห็นคนขับจะยกกระเป๋าเดินทางเขาจึงพูดอย่างนิ่งๆว่า “เดี๋ยวผมยกเอง”ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง คนรับใช้ในบ้านก็มาต้อนรับ “เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อของคุณนายค่ะ คุณนายจึงอารมณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้เธออยู่ชั้นบนค่ะ!”เรื่องของตระกูลเฉียว ลู่เจ๋อรับรู้แล้วในใจเขารู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอน และเห็นเฉียวซุนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังจัดเรียงสิ่งของอยู่ลู่เจ๋อวางกระเป๋าเดินทางลง ปลดเนกไทแล้วนั่งข้างเตียง พินิจดูภรรยาหลังจากแต่งงานแล้ว เฉียวซุนชอบทำงานบ้าน จัดระเบียบ และทำขนมหวานมาโดยตลอด... ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่ยอดเยี่ยมของเธอในใจของลู่เจ๋อเธอก็คงไม่ต่างอะไรจากแม่บ้านเวลาผ่านไปนานสองนาน เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเลยลู่เจ๋อกลับมาจากทริปธุรกิจรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร เขาก็ค
“ใช่ พอครอบครัวฉันล้มละลายแล้ว คุณให้เงินอุดหนุนฉันเดือนละห้าแสนบาท”“แต่ว่า ทุกครั้งที่ได้รับเช็คมา ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงราคาถูก เป็นแค่รางวัลหลังจากทำให้คนได้ระบายอารมณ์ก็เท่านั้น!”……ลู่เจ๋อพูดตัดบทเธออย่างเย็นชา “คุณคิดแบบนี้เหรอ?”เขาบีบคางของเธอเบาๆ “มีผู้หญิงราคาถูกที่ไม่รู้จักวิธีเอาอกเอาใจผู้ชายอย่างเธอด้วยเหรอ? แม้แต่ร้องก็ทำไม่เป็น ทำได้แค่ร้องฮึดฮัดมั่วซั่วเหมือนลูกแมวน้อย! อยากหย่าเหรอ?... คุณคิดว่าถ้าคุณจากผมไปแล้ว คุณจะมีชีวิตแบบไหน?”เฉียวซุนถูกเขาบีบจนรู้สึกเจ็บ จึงยกมือผลักเขาออกไป...วินาทีต่อมา ลู่เจ๋อก็จับมือของเธอเอาไว้ แล้วจ้องมองไปที่นิ้วนางที่ว่างเปล่าของเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “แหวนแต่งงานของคุณล่ะ?”“ฉันขายมันไปแล้ว!”น้ำเสียงของเฉียวซุนโศกเศร้า “ดังนั้นลู่เจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะ!”ประโยคนี้ทำให้เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรง ลู่เจ๋อคือผู้ชายที่เธอรักมาหกปีแล้ว หากไม่มีในคืนนั้น หากเธอไม่เห็นพลุบนท้องฟ้านั่น บางทีเธออาจจะยังติดหงักอยู่ในสมรสที่ไร้ซึ่งความรักแบบนี้ไปอีกหลายปีแต่เธอเห็นแล้วว่า เธอก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้วบางทีหล