หลี่ชิงเฉิงล้มลงแนบไปกับตัวรถเธอมองลงไปที่อั่งเปาที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ แล้วยิ้มปนเศร้าอันที่จริงลู่เจ๋อเพิ่งจะพบโอกาส เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้กับเฉียวซุน เขาพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเพื่อที่จะได้กลับมาคืนดีกันกับเธอ เป็นแค่ข้ออ้างที่พอจะสามารถชดเชยให้กับเฉียวซุนได้อีกครั้ง เขารักเฉียวซุน!เขารักเฉียวซุน......แล้วการรอคอยของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีความหมายความเลยอย่างงั้นเหรอ?หลายปีมานี้ที่คอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เฉียวซุนถูกทรมานจนมีสถาพแบบนี้แล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวซุนเลยด้วยซ้ำ......น่าขำสิ้นดี หลี่ชิงเฉิง เธอสู้เฉียวซุนไม่ได้ตรงไหนกัน?......ลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนเข้าไปในวิลล่าคนรับใช้ที่ตื่นแต่เช้าเมื่อเห็นเฉียวซุน ต่างก็ต้องตกใจ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา และพูดปนสะอื้นว่า “นายหญิง ทำไมถึงได้ผอมขนาดนี้! ทางนั้นไม่ให้อาหารแก่นายหญิงเลยเหรอคะ! ”เฉียวซุนอ่อนแรงเกินกว่าจะพูดตอบได้เธอฝืนยิ้มอย่างงุนงง และคนรับใช้ก็เช็ดน้ำตา “ฉันจะทำไข่ตุ๋นน้ำตาลทรายแดงให้ตอนนี้เลยค่ะ นายหญิงขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”คนรับใช้รีบจากไปลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน เขาผลักประตูห้องน
ในขณะเดี๋ยวกันนี้เอง คนรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับบางอย่างเธอวางมันลงอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งน้ำตา “นายหญิง รีบกินตอนที่มันร้อน ๆ เถอะค่ะ หากอยากทานอะไรอีก สั่งมาได้เลยนะคะ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณค่ะ! ”เรื่องของเจ้านาย คนรับใช้ไม่ควรเข้ามาแทรก ดังนั้นเธอจึงรีบจากไปอย่างเงียบ ๆเฉียวซุนมีแผนอยู่ในใจแล้วเธอพิงโซฟา และถือชามไข่ขึ้นมากินด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นเธอก็ดื่มน้ำแกงที่มีน้ำตาลลงไป......พอได้ทานอะไรบำรุงเข้าไปแล้ว เธอก็ฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ก็ยังอ่อนแรงอยู่หลังจากทานเสร็จ เธอเกาะตรงขอบเปลเพื่อมองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าไปอาบน้ำตอนที่เธอออกมา ลู่เจ๋อก็จับข้อมือของเธอเบา ๆ “ร่างกายคุณยังอ่อนแรงอยู่ ให้ผมช่วยคุณอาบนะ! ”เฉียวซุนปฏิเสธดวงตาของลู่เจ๋อหรี่ลงเล็กน้อย “ผมแค่อยากจะดูแลคุณ คุณจะยอมรับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ลู่เจ๋อ คุณไม่ใช่สามีของฉันอีกต่อไปแล้ว มันไม่ค่อยสะดวกค่ะ”ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลง เฉียวซุนเพิกเฉยต่อเขา และเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเธอเองก็ยังมีศักดิ์ศรีของตนเองอยู่เธอไม่ต้อง
ดวงตาของลู่เจ๋อรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมานิดหน่อยเขาอดไม่ได้ที่จะจับเอวของเธอจากด้านหลัง ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงช่วงคอของเธอ เสียงของเขาแทบจะสั่นขณะพูด “เฉียวซุน ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ! ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีก”เฉียวซุนชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาลู่เจ๋อหมุนตัวเธอให้หันมาหาเขา เขาจ้องมองที่เธอด้วยดวงตาสีแดงเข้ม เขายังอยากที่จะจูบเธออย่างกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ว่าเธอยังคงเป็นของเขา ระหว่างพวกเขาอาจจะยังไม่สาย......เฉียวซุนยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเขาอย่างอ่อนโยนบนแขนที่เรียวบางที่เต็มไปด้วยรอยเข็มของเธอ ตอนนี้มันได้กลายเป็นเหมือนช่องว่างระหว่างพวกเขาไปแล้ว......ทำให้เขาไม่อาจลุล้ำเข้าไปได้ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลงเขาค่อย ๆ จับแขนของเธอ และวางมันไว้ในมือของเขาเขาไม่พูดร้องขออะไรอีกต่อไป เพียงแค่ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เฉียวซุน คุณช่วยรีดเสื้อให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม? เสื้อที่คุณซื้อให้ผมครั้งล่าสุด ผมชอบมันมาก”ในเวลานี้เอง เสียงแตรรถก็ดังมาจากชั้นล่าง รถน่าจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วเฉียวซุนพูดเบา ๆ “ฉันต้องไปแล้วค่ะ! ”การจากไปในครั้งนี้ พวกเขาก็จะไม่มีความเ
เฉียวซุนย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในเมืองเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางเมตร เธอกับป้าเสิ่น และเจ้าหนูลู่หยาน รวมถึงป้าอีกสองคน ก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างกว้างมากสำหรับพวกเขาอาการซึมเศร้าหลังคลอดของเธอก็ยังไม่หายขาดตอนกลางคืนป้าของเธอจะเป็นคนดูแลเจ้าหนูลู่หยาน ตอนกลางวันหากสภาพจิตใจของเฉียวซุนดีขึ้น เธอก็จะเล่นกับเจ้าหนูลู่เหยียน เด็กที่เพิ่งคลอดได้สี่ถึงห้าเดือน ค่อนข้างน่ารักมากเลยทีเดียวเสิ่นชิงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอมากเฉียวซุนพูดเบา ๆ “พาหนูไปรักษาเถอะค่ะ! ป้าเสิ่นไม่ต้องกังวลนะคะ สถานที่แบบนั้นหนูยังผ่านมาได้ ยังจะมีอะไรที่หนูทนไม่ได้อีก! ”พอพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นชิงรู้สึกเกลียดจนกัดฟันแน่นเธอพูดขึ้นว่า “แค่นั้นมันยังน้อยเกินไปสำหรับแม่ของลู่เจ๋ออะไรนั่น! ที่เธอต้องไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นก็สมควรแล้ว ให้เธอได้ลองชิมรสชาติความทรมานดูบ้าง แล้วก็ฉีดยากล่อมประสาทให้เธอด้วยวันละ2-3เข็ม! ”เฉียวซุนลูบหลังมือของเธอแล้วพูดเบา ๆ “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วค่ะ! เรื่องนี้ก็อย่าบอกหลินเซียวเลยนะคะ เธอเป็นคนใจร้อน”เสิ่นชิงมักจะรู้สึกว่าเธอได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่เสมอเฉียวซุนยิ้มเบา ๆ เธอ
เฉียวซุนไม่ต้องการได้ยินสิ่งเหล่านี้เธอหยิบเงินสดหนึ่งหมื่นบาทออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนมันไปที่เท้าของไป๋เสวี่ย เธอรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าแค่ต้องการเงิน และเธอก็รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าก็ต้องการศักดิ์ศรีด้วยเช่นกัน เธอจึงยิ้มด้วยท่าทีที่เย็นชาแล้วพูดว่า “คุณต้องการความเห็นอกเห็นใจใช่ไหม? นี่ก็คือความเห็นอกเห็นใจของฉัน ถ้าคุณต้องการก็หยิบมันขึ้นมาเอง”สีหน้าของไป๋เสวี่ยซีดเซียว เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูถูกเช่นนี้มาก่อนแต่เธอก็ทำได้แค่นั่งยอง ๆ และเก็บเงินขึ้นมาทีละใบ เธอต้องการเงินสำหรับหน้าหนาวจริง ๆ......ไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าหลังจากเก็บเงินขึ้นมาแล้วเธอก็ยืดตัวขึ้น และเธอก็มองเห็นลู่เจ๋อทันทีลู่เจ๋อสวมชุดสูทคลาสสิกสีขาวดำ เสื้อคลุมด้านนอกเป็นลายตารางสไตล์อังกฤษ ทำให้เขาดูหล่อแบบผู้ใหญ่เขายืนพิงรถแล้วมองดู เขาจ้องด้วยสายตาที่ลึกเกินคาดเดาไป๋เสวี่ยทั้งอายทั้งโกรธ!แต่เธอก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง เธอคิดว่าแบบนี้ก็จะทำให้คุณลู่มองเห็นด้านที่แท้จริงของคุณหญิงลู่อย่างชัดเจน แบบนี้คุณลู่ก็จะคิดว่า ผู้หญิงที่ใจร้ายแบบนี้ ไม่มีค่าพอให้เขาชอบหากเขาเห็นเธอกำลังถูกทำให้อับอาย เ
ลู่เจ๋อมักจะเป็นคนที่ใส่ใจอยู่เสมอเขาพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เมื่อก่อน ตอนที่คุณยังคบกับผมอยู่ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้! ”ด้านนอก ตอนนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้วภายในห้องพักให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและสว่างสดใส เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจ เธอดูอ่อนโยนและนุ่มนวลเธอจ้องมองไปทางลู่เจ๋อ แล้วพูดเบา ๆ “เพราะพวกเราต่างกันเกินไป! ตั้งแต่แต่งงานกันมา สถานะของเราทั้งคู่ก็ไม่เท่าเดิมอีกเลย สิ่งที่ต้องจัดการในทุก ๆ วันก็คือสามีที่เย็นชา ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดอะไรผิดไป ถึงได้ทำให้เขาไม่พอใจ ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดกันแน่ เขาถึงไม่ยอมพูดกับฉันเป็นอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาแบบนี้ จะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะสบายใจกับความสัมพันธ์แบบนี้บ้าง”ดวงตาของลู่เจ๋อร้อนผ่าว “งั้นถ้าหากผมบอกว่าจะเริ่มใส่ใจคุณตั้งแต่ตอนนี้ เคารพคุณตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ? ”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “มันจะมีประโยชน์อะไร? ”เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนออกจากอ้อมแขนของเขา เธอปลอบเจ้าตัวน้อยไปพลาง พูดกับเขาไปพลาง “ลูกคุณก็ได้เห็นแล้ว งั้นฉันก็ขอไปส่งละกันนะคะ! ”ในเวลานี้ เสิ่นชิงนำเกี๊ยวสองสามจานออกมาลู่เจ๋อไม่สามารถอยู่ต่
ทันทีที่เฉียวซุนพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดกั้นบางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขาถูกกดไว้มากเกินไป หรืออาจเพราะเขาถูกกระตุ้นโดยเมิ่งเยียนหุยผ่านทางโทรศัพท์ ลู่เจ๋อจึงประกบริมฝีปากสีแดงของเธอไว้กับปากของเขาอย่างไม่สนใจ เป็นกระทำที่ค่อนข้างป่าเถื่อน......ร่างกายถูกบดขยี้ ริมฝีปากและลิ้นก็พันกันยุ่งเหยิงอย่างไรก็ตาม แม้จะจูบกันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างของอีกฝ่ายได้หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดลู่เจ๋อก็ปล่อยมือทันทีที่เขาปล่อยมือ เขาก็ถูกเฉียวซุนตบหน้าทันที แทนที่เขาจะโกรธ แต่เขากลับโน้มตัวไปตรงคอของเธอ เพื่อทำให้เธอสงบลงอย่างอ่อนโยน รสชาติของเฉียวซุนดูเหมือนจะยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากและฟันของเขาเฉียวซุนผลักเขาออกอย่างแรงแต่เธอกลับผลักเขาไม่ได้ เพราะลู่เจ๋อล็อกเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา หัวใจของเขาเต้นแรง เพียงเพื่อจะกระซิบข้างหูเธอ “เฉียวซุน ผมชอบคุณ”เขาชอบเธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือคนเดียวที่เขาชอบมาโดยตลอดแต่ช่วงเวลานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แต่เขากลับทนรอไม่ไหวที่จะสารภาพรักกับเธอ เมื่อก่อนเขาปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้าย แต่
ลู่เจ๋อไม่ยอมให้เธอพูดต่อเขามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และบอกเธออย่างตรงไปตรงมา “ผมไม่ได้สนใจคุณ! คุณไป๋ คำพูดที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะฟังออกนะครับ! ”ดวงตาของไป๋เสวี่ยก็มีน้ำตาคลอเบ้าทันทีริมฝีปากของเธอสั่น รออยู่นานมาก แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกอยู่ดีลู่เจ๋อปิดหน้าต่างขึ้น เหยียบคันเร่งเบา ๆ แล้วจากไปภายใต้แสงไฟบนถนนอันหนาวเย็น ไป๋เสวี่ยก็ถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา......เป็นเวลานานกว่าเธอจะค่อย ๆ นั่งลง และกอดร่างกายของตัวเองเอาไว้เธอรู้สึกอับอายอย่างมาก......ลู่เจ๋อขับรถกลับไปที่วิลล่าหลังจากที่ลงจากรถ เขาก็เอามือลูบหน้าผากก่อนที่จะเดินเข้าประตูไป คนใช้หยิบเสื้อคลุมจากมือ แล้วพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “วันนี้เป็นวันที่สิบห้าของเดือนแรก ทางห้องครัวตั้งใจทำบัวลอยข้าวหมากเอาไว้ อีกเดี๋ยวจะตักมาให้นายท่านชิมนะคะ”บัวลอยข้าวหมาก......ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยคนรับใช้ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพูดโพล่งออกมา “คุณผู้หญิงชอบมันมากเลยนะคะ วันที่สิบหน้าของเดือนแรกในปีที่แล้วก็สั่งให้ห้องครัวทำด้วย นายท่านลืมไปแล้วเหรอคะ? ”ลู่เจ๋อหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยสีห
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว