เวลาเที่ยงวัน เฉียวซุนตื่นแล้วเธอลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นเจ้าหนูลู่เหยียนที่อยู่ในอ้อมแขนเจ้าหนูลู่เหยียนสวมชุดนอนแบบจั้มสูทสีชมพูอ่อนนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเธอ หน้าตาของเธอนั้นช่างทำให้คนหลงรักอย่างบอกไม่ถูกน้ำตาของเฉียวซุนคลอเบ้า.....ในเวลานี้เอง เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวน้อยร้องไห้แอ๊ะๆ ออกมาด้วยความขี้อ้อน และจากนั้นน่าจะได้กลิ่นของแม่ เจ้าตัวน้อยก็คว้ามือมาทางนี้ แต่อย่างไรแล้วเธอยังเล็กอยู่กว่าที่จะหาอะไรเจอร่างกายของเฉียวซุนอ่อนแอมาก แต่เธอยังตะแคงตัวเตรียมจะให้นมลูกเธอเป็นแม่ครั้งแรก ท่าทางการเคลื่อนไหวก็ยังไม่คล่องนัก ปลดกระดุมเท่าไหร่ก็ปลดไม่ได้เจ้าหนูลู่เหยียนเร่งเร้าจนร้องไห้หนักจนใบหน้าน้อยๆ ค่อยๆแดงระเรื่อฝ่ามืออันอบอุ่นข้างหนึ่งยื่นเข้ามาแทนมือของเธอ ปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกอย่างง่ายดาย และเปิดกางมันออก....เสียงของลู่เจ๋อต่ำแต่อ่อนโยนดังขึ้นจากข้างบน: “เพิ่งจะเริ่มให้นม อาจจะเจ็บบ้างนะ!”ใบหน้าเฉียวซุนไร้อารมณ์ความรู้สึกเธอยังคงไม่ยอมคุยกับเขา และยังคงทำตัวเย็นชาใส่เขาเธอก้มศีรษะลงอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนเข้ามาใกล้ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนก็หาแม่
ลู่เจ๋ออยากเข้าไปกอดเธอ แต่เฉียวซุนปฏิเสธการเข้าใกล้ของเขา เธอพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “ลู่เจ๋อ อย่าเข้ามานะ! คุณไม่ต้องเข้ามา!”เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในตอนที่ลู่เจ๋อไม่ทันได้สังเกต เฉียวซุนป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด บ้านของเธอแตกสาแหรกขาด เธอไม่มีญาติพี่น้องอยู่ข้างกาย เธอไร้คนให้ระบาย แต่สามีของเธอกลับกักบริเวณเธอด้วยความรักและปากก็บอกว่าจะชดเชยอยู่ตรงนี้.....มันช่างน่าขำเสียจริง!ภาพอันวุ่นวาย และบรรยากาศอันน่าหดหู่ระหว่างพวกเขาก็เคยหวานชื่นมาก่อน ตอนนี้กลับเดินมาถึงจุดจุดนี้เฉียวซุนถูกลู่เจ๋อกักบริเวณไว้ในคฤหาสน์เสิ่นชิงไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลินเซียวยิ่งคิดหาวิธีได้มากมาย ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง เธอต่างทำมันมาหมดแล้ว แต่เธอยังคงไม่มีทางที่จะได้เจอกับเฉียวซุน.....เวลานี้ เธอถึงได้รู้ว่าอำนาจและอิทธิพลของลู่เจ๋อมันใหญ่ขนาดไหน!……เฉียวซุนไปไหนไม่ได้ เธอทำได้เพียงแต่เย็นชากับลู่เจ๋อต่อไปอีกก็เท่านั้นความแตกร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาของพวกเขาเป็นที่รู้ดีในวงในหลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณหญิงลู่ก็มาหาเจ้าหนูลู่เหยียนเจ้าหนูลู่เหยียนถูกเลี้ยงดูเป็นอย่าง
หลินเซียวคิดแล้วทุกวิธี แต่ก็ไม่มีทางได้เจอเฉียวซุนเสิ่นชิงก็น้ำตาอาบหน้าด้วยความจำใจ หลินเซียวได้ไปหาลู่จิ้นเซิง ก่อนที่จะไปคืนนั้นเธอสูบบุหรี่บนดาดฟ้าของคอนโดตลอดทั้งคืน และเธอยังดื่มเบียร์อีกด้วยหลังจากที่ดื่มจนเมาแล้ว เธอทั้งร้องไห้และหัวเราะ พูดชื่อของลู่จิ้นเซิงพึมพำเกลียดจนเข้ากระดูกดำ!……ณ โรงแรมรอยัล ธันเดอร์ลู่จิ้นเซิงนั่งอยู่ในห้องทำงาน ขายาวเหยียดพาดอยู่บนโต๊ะทำงาน....เวลานี้เป็นเวลาที่เขาต่อสู้กับตระกูลหนิงอย่างดุเดือดที่สุดแล้ว เขาทั้งเครียดและหงุดหงิดมากเลขาของเขาผลักประตูเข้ามาด้วยสีหน้าแววตาที่ซับซ้อน: “ประธานลู่คะ คุณหนูหลินอยากพบท่านค่ะ”คุณหนูหลินไหน?ปฏิกิริยาแรกของลู่จิ้นเซิงก็คือไม่ต้องการพบ และเขาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า: “ไล่ออกไปซะ! ถ้าทำไม่ได้ก็เขียนเช็คให้เธอไป และบอกเธอด้วยนะว่าอย่าไปพูดอะไรมั่วๆ ข้างนอก”เลขาหลี่กลับไม่ได้ไปไหน ก่อนจะพูดเตือนเบาๆ ประโยคหนึ่งว่า: “หลินเซียวค่ะ!”หลินเซียวมางั้นเหรอ?หลังจากที่ลู่จิ้นเซิงหายตะลึงก็วางขาลงมาอย่างช้าๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “เชิญเธอเข้ามา”ครู่หนึ่ง เลขาหลี่ก็พาหลินเซียวเข้ามาเลขาหลี่เป็นคนส
เพื่อการได้พบหน้ากันครั้งนี้ หลินเซียวเตรียมของไว้มากมาย มีเสื้อผ้าและของเล่นเด็ก และยังมีอาหารเสริมให้กับเฉียวซุนอีกด้วย...มีสิ่งของทั้งชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเต็มรถหลินเซียวเตรียมสิ่งที่จะพูดไว้เยอะมาก แต่เมื่อได้เจอกับเฉียวซุน จิตใจของเธอก็ทนรับมันไม่ได้อีกต่อไปเฉียวซุนผอมแห้งซีดเซียวอย่างที่สุด!เธอผอมมากจริงๆ ใบหน้าเล็กเรียวแหลม ร่างกายก็มีแต่กลิ่นอายของอาการป่วย....มันเหมือนกับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกที่ไหนกัน หลินเซียวเคยเห็นผู้หญิงที่คลอดลูกต่างบำรุงร่างกายจนมีน้ำมีนวลกันทั้งนั้นหลินเซียวปวดใจจนแทบจะขาดใจ เธอลูบคลำไปที่ร่างกายของเฉียวซุนแล้วถามด้วยเสียงสั่นเทาว่า: “เขาดูแลเธอไม่ดีใช่ไหม? ทำไมถึงผอมแบบนี้ได้? ไปหาหมอแล้วหรือยัง?”เป็นเรื่องยากที่เฉียวซุนได้เจอกับเธอ ทั้งสองต่างน้ำตาคลอเธอพูดเรื่องที่น่ายินดีกว่า: “แค่ไม่อยากอาหาร เรื่องอื่นดีหมดนะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉัน!”หลินเซียวจะเชื่อได้ยังไง?เฉียวซุนรู้ว่าความสามารถของเธอมีจำกัด เธอไม่ยอมให้หลินเซียวไปยุ่งกับลู่จิ้นเซิงเพื่อตัวเองหรอก....นั่นจะทำให้หลินเซียวต้องเดือดร้อนตามไปด้วยเธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนแล้วยื่นให้หลิน
เฉียวซุนถูกเขาทำให้เจ็บแต่เธอไม่ยอมที่จะร้องออกมา เธอลืมตาและมองเพดานที่อยู่ด้านบนของโซฟา โคมไฟคริสตัลดวงนั้นส่องแสงสว่างจ้า เธอจำได้ว่านั่นคือโคมไฟที่ลู่เจ๋อสั่งมาจากอิตาลีตอนที่พวกเขานั้นรักกันที่สุดเธอชอบมันมาก!ค่ำคืนอันแสนสุขเหล่านั้น เธอแค่เงยหน้ามองก็สามารถมองเห็นดวงไฟของโคมไฟคริสตัล ส่องสว่างจ้า ดูหรูและแพงชวนให้หลงมอง แต่ในเวลานี้กลับบาดตาจนหนาวเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจทั้งๆ ที่กำลังกอดกันอยู่ ทั้งๆ ที่กำลังทำเรื่องอย่างว่า แต่ทำไมร่างกายถึงได้หนาวเย็น ทำไมเมื่อทั้งคู่สัมผัสกันและกันถึงไม่มีความสุขเลยสักนิด.....มันเหลือเพียงแค่ความรังเกียจเท่านั้น!ร่างกายอันผอมโซของเฉียวซุนสั่นเทาเบาๆเมื่อไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างเลื่อนลอย: “ลู่เจ๋อ.....เจ็บ.......”ลู่เจ๋อหยุดลงใบหน้าของเขาซุกอยู่ที่หน้าอกของเธอ ฝ่ามือของเขายังวางอยู่บนเอวเรียวของเธอ เสื้อผ้าของพวกเขายับรุงรัง พวกเขาหายใจถี่และแรง ราวกับไม่เคยจูบและลูบคลำกันมาก่อน....แต่มันกลับเป็นการต่อสู้กันต่างหากเขากอดเธอหายใจอย่างถี่แรงผ่านไปครู่ใหญ่ เขายื่นมือไปลูบริมฝีปากเธอเบาๆ แล้วพูดด้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถแลนด์โรเวอร์คันสีดำขับเข้าไปในโรงพยาบาลลู่ขณะที่ลงจากรถ เฉียวซุนไม่เคยคิดอยากที่จะเจอคนรู้จักเลยพ่อแม่ของไป๋เซียวเซียวพวกเขาไม่ได้มาเพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีหญิงสาวที่ดูอายุน้อยกว่าไป๋เซียวเซียวอีกด้วย เธอมีใบหน้าที่สวยสะอาดราวกับดอกสนสีเขียวและดอกพลัมสีขาว ดวงตาของเธอคมชัดและเฉียบแหลม... ถ้าให้พูดตามตรง เธอดูสวยกว่าไป๋เซียวเซียวเลยทีเดียวหญิงสาวมองตรงไปที่ลู่เจ๋อเฉียวซุนเดาว่าคุณนายไป๋เตรียมสิ่งนี้มาเป็นพิเศษสำหรับลู่เจ๋อไม่แปลกใจเลยที่พวกเขากลับมาที่เมือง B อีกครั้งเฉียวซุนไม่ได้สนใจ เธอหลับตาลงและยิ้มบาง ๆ แล้วเดินผ่านพวกเขาไปยังอาคารผู้ป่วยนอก โดยมีคุณป้าของเธอเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด...ลู่เจ๋อไม่สนใจครอบครัวของเขา ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อนเขาปิดประตูรถแล้วกำลังจะเดินออกไปไป๋เสวี่ยพูดเบา ๆ : "คุณชายลู่คะ นั่นคุณนายลู่หรือเปล่าคะ?”ไป๋เสวี่ยได้เห็นรูปถ่ายของเฉียวซุน เธอดูสวยงามและมีเกียรติมาก เธอตกใจมากเมื่อเห็นตัวจริงของเธอ จะพูดอย่างไรดี ในอดีตเธอคิดว่าคุณนายลู่อายุเท่าคุณชายลู่ แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นเธอดูเป็นหญิงสาวที่ยังดูสง่า และย
ลู่เจ๋อกำลังสูบบุหรี่ เขาคิดถึงเฉียวซุนและคิดถึงอาการป่วยของเธอคุณหมอบอกว่าควรทำให้เธอมีความสุข ทำให้เธออารมณ์ดีแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำให้เธอมีความสุขได้อย่างไร... ดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดไปหมดจู่ๆก็มีเงาเรียวยาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา นั่นก็คือไป๋เสวี่ย!เธอไม่กล้ารบกวนลู่เจ๋อเธอทำได้แค่ยืนมองแผ่นหลังของเขาจากระยะไกล เธอรู้สึกว่าคุณชายลู่ดูเหงามาก... เขามีครอบครัวที่มีความสุขไม่ใช่เหรอ เขามีภรรยาและลูกสาว เขาควรจะมีความสุขแต่ทำไมเขาดูไม่มีความสุข?ลู่เจ๋อสูบบุหรี่เพียงสองมวนและกำลังจะเดินออกไป แต่เมื่อเขาหันกลับมาเขาก็เห็นไป๋เสวี่ยต่อหน้าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เช่นเขา ความคิดของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนเขาสามารถมองออกทันทีว่าไป๋เสวี่ยชอบเขาดวงตาของลู่เจ๋อลึกลงไปเล็กน้อย เขาเดินมาทางด้านนี้ และหัวใจของไป๋เสวี่ยก็เต้นเร็วขึ้น... เธอคิดว่า อย่างน้อยคุณลู่ก็จะคุยกับเธอ ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้จักกันไม่ใช่เหรอ?แต่เธอไม่คาดคิดว่า ลู่เจ๋อจะเดินผ่านเธอไปโดยไม่พูดอะไรสักคำไป๋เสวี่ยรู้สึกสิ้นหวังในใจเธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขายังคงรักภรรยาของเขามาก!……ลู่เจ๋อเดินล
หลังจากที่เธอรู้สึกตัว เธอก็ดูสับสนริมฝีปากสีแดงของเธอแยกออกเล็กน้อย และหายใจเข้าออกเบา ๆ ราวกับความรู้สึกยังไม่กลับมาทั้งหมด เธอดูเหมือนผู้หญิงที่เป็นสาวเต็มตัว แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอันบริสุทธิ์จากนั้นเฉียวซุนก็ซุกหน้าลงบนหมอนเธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับลู่เจ๋อ และเธอก็ไม่ต้องการที่จะคิดถึงความสุขทางกายในตอนนี้ เพราะเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกบาป!ลู่เจ๋อจับไปที่ใบหน้าของเธอแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบเธอเขาถามเธอด้วยเสียงต่ำว่าเธอต้องการทำอีกครั้งหรือไม่ลู่เจ๋อกำลังต้องการ ร่างกายของเขากำลังร้อนรุ่ม และเขาต้องการที่จะมีอะไรกับเธออีกครั้ง เฉียวซุนกระซิบว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่ได้ยินมัน คนที่ความความต้องการสูง ขอเพียงต้องการคำปลอบใจจากฝ่ายหญิง จะไปได้ยินคำว่า“ไม่เอา” ได้อย่างไรเขารู้สึกสบายใจ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเธอก็รู้สึกสบายใจเช่นกันความเป็นชายของเขากับความอ่อนโยนของผู้หญิง... ขณะนั้นเองเฉียวซุนก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นอาการความเจ็บปวดทางจิตใจเธอไม่ต้องการลู่เจ๋อ เธอไม่ต้องการให้เขาแตะต้องเธอ!นิ้วเรียวจับโคมไฟข้างเตียง เธอพูดไม
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว