เขาพูดเหมือนกะจะเยาะเย้ย : "คุณคิดว่าคุณยังมีค่าขนาดนั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมยังสนใจเรื่องที่คุณจะหย่ากับผมเหรอ? คุณคิดว่า...ลู่เจ๋อยังต้องการคุณอยู่อีกเหรอ?” เฉียวซุนเบิกตากว้างที่ไร้ซึ่งน้ำตาเธอแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน!ที่แท้ในใจของลู่เจ๋อ เธอเป็นคนแบบนี้นี่เอง ตั้งแต่เมื่อก่อนจนกระทั่งถึงตอนนี้ ที่แท้เธอก็เป็นแค่คนขายตัวให้เขา...แม้กระทั่งเด็กในท้อง เขาก็พูดออกมาได้อย่างใจเย็น ทั้งหมดนี้ก็เพราะเขาเข้าใจผิดไปว่าเธอตัดสายของไป๋เซียวเซียว ลู่เจ๋อผลักมือเธอออกไป...ลู่เจ๋อไม่แม้แต่จะมอง ไม่แม้แต่จะอาลัยอาวรณ์ พลางเดินออกไป...เพื่อไปเจอคนรักเป็นครั้งสุดท้าย!ที่แท้ระหว่างเธอกับไป๋เซียวเซียว เธอคือตัวตลก สิ่งที่ตลกที่สุดคือ เธอพึ่งจะได้รู้ในวันนี้!เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ !เธอกล้าขอร้องลู่เจ๋อจริง ๆ เธอกล้าคิดว่าเขาจะยอมอยู่เพื่อเธอ...เธอพูดเสมอว่าเขารักไม่เป็น เธอพูดเสมอว่าเธอไม่อยากเป็นยาให้เขา เฉียวซุน เธอนี่มันตลกจริง ๆ เธอจะเป็นยาของลู่เจ๋อได้อย่างไร เธอเป็นแค่สิ่งระบายความต้องการของเขาเท่านั้น!เขาปฏิบัติต่อเธออย่างไร แล้วเขาปกป้องไป๋เซียวเซียวอย่างไรทำไมเธอถึงไม่เคยม
มันเจ็บไปทั้งกาย!เจ็บจนเธอแทบหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตายในวินาทีถัดไป แต่เฉียวซุนก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน... เธอยังคงมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ในท้องของเธอ!เจ้าหนูลู่เหยียนอายุได้เพียง 8 เดือนและยังไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเธอเกลียดความเย็นชาและความโหดเหี้ยมของลู่เจ๋อ แต่เธอรักเนื้อและเลือดในท้องของเธออย่างสุดซึ้ง เธอตั้งตารอคอยการกำเนิดของลูกอย่างสุดซึ้ง เธอไม่สามารถตายแบบนี้ได้...เธอตายไม่ได้!เธอตายไม่ได้!เฉียวซุนหายใจเข้าแรง ๆ ราวกับว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดจากการหดตัวได้ เธอเงยหน้าขึ้นและกรีดร้องอย่างสุดกำลัง——“เข้ามาหน่อย...”“ช่วยลูกฉันด้วย...”......ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอภายนอกยังคงมีพลุอยู่บนท้องฟ้าด้านล่างยังคงมีการบรรเลงเพลงรื่นเริงอยู่...เฉียวซุนดันมือเธอกับพื้น เธออดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสและคลานไปที่ประตูห้องนอน ใครอยู่ข้างนอก ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย ช่วยลูกของฉันด้วย...เลือดไหลจากพื้นถึงบันไดระหว่างขา มีเลือดอีกก้อนใหญ่ไหลลงมา หยดลงมาจากบันไดอันหรูหรา——ติ๋ง ติ๋ง ติ๋งเช่นเดียวก
“ใครกล้าเข้ามา ฉันจะบีบคอเธอให้ตาย!”“ฉันจะให้กลุ่มบริษัทสกุลู่ของคุณเป็นข่าว!"“ฉันจะทำลายชื่อเสียงของลู่เจ๋อ! พวกคุณสนใจเรื่องชื่อเสียงศักดิ์ศรีมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่เข้ามาช่วยล่ะ...ทำไมพวกคุณไม่ช่วยเธอ? พวกคุณมองเห็นเฉียวซุนเป็นคนเหมือนกันบ้างไหม...” ......ลู่จิ้นเซิงยืนมองหลินเซียวอย่างเงียบ ๆ ในระยะไกลเขามองดูท่าทางบ้าคลั่งของเธอ เขามองดูเธอที่ปกป้องเฉียวซุนอย่างสิ้นหวัง และเขาก็ตกอยู่ในอาการงุนงง...หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินไปหาเธอเขาดึงหลินเซียวออกจากตัวของคุณหญิงลู่ และกอดเธออย่างแรงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอขยับได้อีกต่อไปหลินเซียวได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาเธอตกตะลึง : เขาคือลู่จิ้นเซิง!เธอไม่หันกลับมามอง และพูดเบา ๆ กับคนที่อยู่ข้างหลังเธอ : "คุณต้องให้เธอช่วยชีวิตเฉียวซุน เฉียวซุนตายไม่ได้ เธอตายไม่ได้! ลู่จิ้นเซิง ถือว่าฉันขอร้องคุณเถอะ! ลู่จิ้นเซิง ฉันขอเด็กของฉันขอร้องคุณ! ได้หรือไม่?”ลู่จิ้นเซิงกอดเธอไว้แน่นเขามองไปที่คุณหญิงลู่และพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว : "เก็บเฉียวซุนไว้! ไม่เช่นนั้นวันหนึ่งลู่เจ๋อจะเป็นบ้าไป แล้วคุณจะต้องเสียใจ!"คุณหญิงลู่ถึงกับตะลึง!
เจ้าหนูลู่เหยียนคลอดแล้วคุณหมอบอกเธอว่า : “ลูกสบายดี! อยู่ในตู้อบหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”เฉียวซุนล้มตัวลงบนหมอน ริมฝีปากของเธอสั่นเทาคืนนี้เธอพบกับความสุข ความเศร้า และทนทุกข์ทรมานมากเกินไป ตอนนี้เธออ่อนแอเกินกว่าจะพูดอะไรสักคำหลินเซียวจับมือของเธอ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน : "เฉียวซุน ได้ยินไหมว่าเด็กสบายดีมาก! เด็กสบายดีมาก!"เฉียวซุนพยายามยิ้มอย่างเต็มที่แต่วินาทีต่อมา น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาของเธออีกครั้ง.........เจ้าหนูลู่เหยียนเข้าไปอยู่ในตู้อบคุณหญิงลู่กำลังมองดูอยู่ข้างนอกอย่างมีความสุขมาก นี่คือลูกของลู่เจ๋อ...เธอกำลังจะได้เป็นคุณย่าแล้ว!เมื่อมองดูคิ้วเหล่านั้น อีกทั้งสันจมูกโด่งรับกับใบหน้า โครงหน้าที่เหมือนกับลู่เจ๋อคุณหญิงลู่มองดูอยู่เป็นเวลานานเหมือนกับว่ารักใครก็ต้องรักคนของเขาด้วย เธอเริ่มนึกถึงเฉียวซุนขึ้นมา กลางดึกเธอจึงถามคนรับใช้ : "ตอนนี้เฉียวซุนเป็นยังไงบ้าง? ตุ๋นซุปไก่เสร็จแล้ว ฉันจะเอาไปให้เธอ...เธอพึ่งพ้นช่วงหลังคลอดมาไม่นาน ยังไงก็ต้องดูแลให้ดี” คนรับใช้ลังเลที่จะพูดคุณหญิงลู่ขมวดคิ้ว: "เธอเป็นอะไรไป?"บั
เธอแบกสังขารหลังคลอดมาช่วยดูแลงานศพของพ่อในขณะที่เมิ่งเยียนหุยเคารพศพเขาทั้งเสียใจและรู้สึกผิด เขาจึงเข้าไปขอโทษเฉียวซุนเฉียวซุนยืนอยู่หน้าห้องโถงไว้ทุกข์ พลางมองรูปถ่ายของพ่อ แล้วยิ้มอย่างเศร้าสร้อย : "ทนายเมิ่ง ฉันรู้ว่าคุณพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว! ตอนนี้ที่ครอบครัวเฉียวเป็นแบบนี้เพราะว่าลู่เจ๋อมาทวงคืน ในตอนที่เขาชอบคุณ ไม่มีอะไรเป็นปัญหา แต่ในตอนที่เขาไม่ชอบและไม่สนใจคุณแล้ว คุณจะเป็นจะตายยังไง คุณจะเสียใจหรือไม่ ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไปแล้วแล้ว!”เธอหลั่งน้ำตาเบาๆ : “เมื่ออยู่ข้างกายเขา ฉันจะต้องเป็นเหมือนคนที่ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง ขอร้องเขา เอาใจเขา…แต่มันคงไม่ได้ผล! สุดท้ายจึงมีจุดจบแบบนี้!”ลู่เจ๋อเคยบอกว่า นอกจากเธอขอร้องเขาก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว!เธอจะไม่ขอร้องเขาอีกตั้งแต่นี้ไปเพราะเธอแทบไม่ได้อะไรเลย!กระแสลมพัดเข้ามาในห้องโถงเฉียวซุนยืนอยู่ในห้องไว้ทุกข์ในเวลากลางคืนด้วยร่างกายที่ซูบผอม เธอยืนไว้อาลัยอย่างเงียบ ๆ จากนั้นค่อย ๆ ก้มตัวลงและกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายกับเฉียวต้าซวิน...*หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ณ สนามบินนานาชาติเมือง B ลู่เจ๋อลงจากเครื่องบินส่
ลู่เจ๋อตะลึงทันทีที่ได้ยินร่างกายของเฉียวซุนอยู่ในเกณฑ์ดีมาตลอด ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด?เลขาฉินกดเสียงต่ำเล็กน้อย พูดต่อ : “หลังจากที่ประธานลู่เดินทางได้สองวัน คดีของเฉียวสือเยี่ยนก็ถูกยกขึ้นมาตัดสิน เขาถูกตัดสินให้จำคุก 6 ปี ในช่วงกลางคืนคุณพ่อเฉียวมีอาการหัวใจกำเริบ…และจากไป คุณนายลู่เมื่อได้ยินข่าวก็เสียใจจนลูกต้องคลอดก่อนกำหนด”เธอพูดแค่ไม่กี่คำทว่ามันทำให้ลู่เจ๋อรู้สึกหูหนวกไปชั่วขณะเฉียวสือเยี่ยนถูกตัดสินจำคุก 6 ปี เฉียวต้าซวินเสียชีวิต และลูกของเขาคลอดก่อนกำหนด... เมื่อรวมเรื่องพวกนี้เข้าด้วยกัน เขานึกภาพความเจ็บปวดที่เฉียวซุนต้องทนไม่ออกเลย และเขาแทบไม่กล้านึกถึงภาพอนาคตระหว่างตนกับเฉียวซุน หลังจากที่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาจึงถามต่อ : “ลูกอยู่ที่ไหน?”น้ำเสียงของเลขาฉินเบาลงเล็กน้อย : "เด็กสบายดีค่ะ พรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว! ประธานลู่ ตอนนี้เราควรไปที่ไหนก่อนดีคะ?” ......รถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมสีดำฉายความหรูหราและแวววาวถูกจอดอยู่ในลานจอดรถคนขับเหลือบมองกระจกหน้ารถเขาเห็นได้ชัดว่าฝ่ามือของประธานลู่สั่นเล็กน้อย และยังเห็นสีหน้าเศร้าหมองของประธานลู่ที่เขาไม่สา
ในวอร์ดเกิดความเงียบขึ้นคุณหญิงลู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ : "เดี๋ยวแม่ดูแลหลานให้ก่อนแล้วกัน! ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอยังไม่เหมาะกับการดูแลเด็ก!"ขณะที่เขากำลังจะพูด ประตูวอร์ดก็ถูกผลักเข้ามา ป้าหลี่ร้องไห้อยู่ที่ประตู เมื่อเธอเข้ามา เธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าลู่เจ๋อเธอหลั่งน้ำตา : "คุณชายคะ มันเป็นความผิดของฉันเอง วันนั้นฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ในห้องหนังสือ กลัวว่าจะรบกวนการนอนของคุณนาย ฉันเลยเป็นคนรับให้ แต่ว่าฉันฟังไม่เข้าใจว่าคนในสายพูดอะไร พอดีกับมีธุระก็เลยวางสายไป ตอนหลังก็ลืมบอกคุณนาย...สายนั้น ฉันเป็นคนรับเองค่ะ ไม่ใช่ว่าคุณนายตั้งใจไม่บอกคุณ เธอแค่ไม่รู้ ฉันสมควรตายค่ะ!”ป้าหลี่เป็นคนเก่าคนแก่ในคฤหาสน์ เฉียวซุนดีกับเธอมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอเริ่มวิตกกังวลและตบหน้าตัวเองแรง ๆ จากซ้ายไปขวา พลางร้องไห้ไปด้วยและพูดว่า: "ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณชายคงไม่เข้าใจคุณนายผิด คุณนายคงจะไม่ต้องมาเจอกับชะตากรรมแบบนี้!”เธอไม่มีกำลังมืออีกแล้วการตบหน้าซ้ำ ๆ ทำให้ใบหน้าเธอบวมแดง...ลู่เจ๋อยืนอยู่ใต้โคมไฟ ใบหน้าซีดเซียวจนแทบไม่เห็นสีเลือด!เขายอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ เขายอมรับไม
เฉียวซุนหันมามองเขาอย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้า : "ไม่ต้องแล้วล่ะ! พี่ชายของฉันยอมแพ้แล้ว!... ลู่เจ๋อ คุณบอกว่าเราจะหย่ากันหลังจากลูกเกิด ฉันไม่อยากได้อะไรนอกจากลู่เหยียน”ลมพัดยามค่ำคืนลู่เจ๋อจ้องมองเธอในคืนที่มืดมิดครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขาเหมือนไฟที่ลุกโชน แต่ตอนนี้มันมอดไหม้ลงสู่พื้นแล้ว โดยไม่เหลือร่องรอยเลยสักนิดเสียงของลู่เจ๋อแหบแห้งเล็กน้อย เขาขอโทษเธอ และบอกว่าเขายอมแพ้ไม่ได้ เขายังบอกอีกว่า เขาตำหนิเธออย่างผิด ๆ ในวันนั้น ที่แท้ป้าหลี่เป็นคนรับสายโทรศัพท์เฉียวซุนยิ้มเศร้า: "ลู่เจ๋อ พูดเรื่องนี้แล้วจะได้อะไร?” เธอและพี่ชายสูญเสียพ่อไปในชั่วข้ามคืนป้าเสิ่นก็เพิ่งสูญเสียสามีไปคืนนั้น ใบหน้าของเธอแทบไม่มีชีวิตชีวา คืนนั้นเจ้าหนูลู่เหยียนก็เกือบจะจากไปก่อน...เรื่องทั้งหมดนี้ จะช่วยแก้ไขอะไรได้เพียงเพราะคำขอโทษของลู่เจ๋อได้อย่างไร ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะโทษใคร หรือเกลียดใคร สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือ เธอไม่ต้องการพบเขา หรือพูดคุยกับเขาเธอกำลังจะเดินต่อ แต่ลู่เจ๋อก็ก้าวมาอุ้มตัวเธอขึ้นรถไป เฉียวซุนจะยอมได้อย่างไร?เธอทุบร่างกาย
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว