เฉียวซุนหันมามองเขาอย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้า : "ไม่ต้องแล้วล่ะ! พี่ชายของฉันยอมแพ้แล้ว!... ลู่เจ๋อ คุณบอกว่าเราจะหย่ากันหลังจากลูกเกิด ฉันไม่อยากได้อะไรนอกจากลู่เหยียน”ลมพัดยามค่ำคืนลู่เจ๋อจ้องมองเธอในคืนที่มืดมิดครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขาเหมือนไฟที่ลุกโชน แต่ตอนนี้มันมอดไหม้ลงสู่พื้นแล้ว โดยไม่เหลือร่องรอยเลยสักนิดเสียงของลู่เจ๋อแหบแห้งเล็กน้อย เขาขอโทษเธอ และบอกว่าเขายอมแพ้ไม่ได้ เขายังบอกอีกว่า เขาตำหนิเธออย่างผิด ๆ ในวันนั้น ที่แท้ป้าหลี่เป็นคนรับสายโทรศัพท์เฉียวซุนยิ้มเศร้า: "ลู่เจ๋อ พูดเรื่องนี้แล้วจะได้อะไร?” เธอและพี่ชายสูญเสียพ่อไปในชั่วข้ามคืนป้าเสิ่นก็เพิ่งสูญเสียสามีไปคืนนั้น ใบหน้าของเธอแทบไม่มีชีวิตชีวา คืนนั้นเจ้าหนูลู่เหยียนก็เกือบจะจากไปก่อน...เรื่องทั้งหมดนี้ จะช่วยแก้ไขอะไรได้เพียงเพราะคำขอโทษของลู่เจ๋อได้อย่างไร ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะโทษใคร หรือเกลียดใคร สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือ เธอไม่ต้องการพบเขา หรือพูดคุยกับเขาเธอกำลังจะเดินต่อ แต่ลู่เจ๋อก็ก้าวมาอุ้มตัวเธอขึ้นรถไป เฉียวซุนจะยอมได้อย่างไร?เธอทุบร่างกาย
ลู่เจ๋อพยักหน้าให้เธออกไปมีเปลเล็กๆ เพิ่มเข้ามาในห้องนอนที่เงียบสงบ ขณะนี้เจ้าหนูลู่เหยียนกำลังนอนอยู่บนเปล ขณะที่กำลังหลับ ลมหายใจที่พ่นผ่านออกมาช่างหอมหวานและสวยงามอย่างเหลือล้นตั้งแต่เธอเกิด เฉียวซุนได้ออกไปนอกบ้านและแทบไม่ได้เจอเธอเลยเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนหลับอย่างสงบ มันกระตุ้นหัวใจเธอทันที นี่คือเด็กที่เธออุ้มท้องมา 8 เดือน เธอเจ็บระหว่างคลอดและเด็กก็เจ็บปวดเช่นกันร่างกายของเฉียวซุนหยุดนิ่ง เธอไม่ได้รบกวนเด็ก แต่เพียงสัมผัสใบหน้าอันอบอุ่นของเธอเบา ๆ !เธอจะไม่คิดถึงได้อย่างไร!นี่คือเจ้าหนูลู่เหยียนของเธอ ซึ่งเป็นเด็กที่เธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้กำเนิดออกมาลู่เจ๋อก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง พลางพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ : "เฉียวซุน ขอให้ผมดูแลคุณและลูกเถอะนะ... เรื่องของเรา ไว้คุยกันทีหลังได้ไหม?”เฉียวซุนยังไม่ทันตอบเจ้าหนูลู่เหยียนก็เริ่มร้องไห้บนเปล เด็กน้อยเกิดก่อนกำหนด และเสียงร้องของเขาก็อ่อนเบามาก จนฟังดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ...ลู่เจ๋อจับไหล่เฉียวซุนเบา ๆ : “ลูกหิวแล้ว หาอะไรให้ลูกกินก่อนเถอะ!”ช่วงนี้ลู่เหยียนด
ดวงตาของเฉียวซุนเต็มไปด้วยความสงสารและความสิ้นหวัง!เธอเคยประสบชีวิตกับความตายและสูญเสียคนที่รักไป!เธอจะไม่เกลียดมันได้อย่างไร!เธอจะยังนอนบนเตียงเดียวกันกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอได้อย่างไร ถ้าหากเธอยังอยู่กับเขาอีกครั้ง ถ้าเธอยังโลภในความมั่งคั่งและศักดิ์ศรีนี้ เธอจะต้องรู้สึกอย่างไรกับพ่อที่เสียไปแล้ว กับพี่ชายของเธอในคุก และคืนนั้นที่เกือบจะตายอย่าทรมาน?ภายใต้แสงจากโคมไฟระย้า ลู่เจ๋อจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดเสียงเบา : "เรื่องของเราไว้คุยทีหลัง...ผมขอป้อนนมลูกก่อน"เขาดูเชี่ยวชาญในการชงนมให้ลูก แทบดูไม่ออกว่าเขาไม่ชำนาญในความเป็นความจริงแล้ว ลู่เจ๋อตั้งตารอคอยเด็กคนนี้มาก อีกทั้งยังเคยเข้าร่วมหลักสูตรการเลี้ยงดูแม่และเด็กภายในกลุ่มบริษัทสกุลเฉียวมาแล้วในฐานะประธานช่วงเวลานั้น แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉียวซุนจะอยู่ในช่วงเลวร้ายที่สุดแต่เขายังคงรอคอยลูกของตน!ลู่เจ๋อแช่นมแล้วเขย่าเบา ๆ จากนั้นเขาก็อุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมา หนูน้อยได้กลิ่นหอมและแทบรอไม่ไหวที่จะดูดนมเฉียวซุนสวมเสื้อผ้าบางๆ และยืนอยู่ใต้โคมไฟเธอมองไปที่ลู่เจ๋อ ที่กำล
ลูกกระเดือกของลู่เจ๋อกลอกขึ้นลง...หลังจากนั้นเขาก็พยายามกลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้งและส่งนักเร่งน้ำนมกลับไปเมื่อเขากลับไปที่ห้องนอน เฉียวซุนก็กำลังสวมเสื้อผ้าที่เขานำมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ากำลังจะจากไปลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบ ๆ ใต้โคมไฟ : "คุณจะออกไปเหรอ?”เฉียวซุนไม่ได้ปฏิเสธ เธอพูดว่า : "ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีก! เดี๋ยวจะกลับมาหาลูก... เมื่อฉันจัดการธุระและเรื่องต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจะพาเธอกลับไปด้วย!”แสงไฟทอเป็นสีขาวดวงตาของลู่เจ๋อกลับเป็นสีแดง เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง : "สามีของคุณอยู่ที่นี่ ลูกของคุณก็อยู่ที่นี่ คุณจะไปไหน? เฉียวซุน คุณจะไปไหน?"สามี! ลูก!เฉียวซุนไม่อยากทะเลาะกับเขา และเธอก็ไม่เหลือแรงที่จะทะเลาะกับเขาต่อ เธอแค่มองเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อยแล้วถามเบา ๆ : "ลู่เจ๋อ คุณคิดว่าคุณยังเป็นสามีของฉันอยู่อีกเหรอ? คุณไม่คิดว่ามันตลกเหรอ? คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเคยตบฉันเพราะไป๋เซียวเซียว ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณทิ้งฉันไปต่างประเทศเพราะไป๋เซียวเซียว ไม่ว่าฉันจะขอร้องอย่างไร... ลู่เจ๋อ คุณได้กลิ่นคาวในห้องนี้ไหม? คืนนั้น ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยเลือด เลือดที่ออกม
เฉียวซุนไม่อยากตอบเขา!เธอเองก็ไม่มีแรงที่จะตอบเขาเช่นกัน ยานอนหลับที่อยู่ภายในร่างกายของเธอเริ่มออกฤทธิ์ เธอค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ อย่างไม่เต็มใจ.....ท่าทางที่เธอนอนหลับช่างดูผอมโซและตัวบาง ไม่มีความสดใสเหมือนก่อนแล้วลู่เจ๋อสัมผัสใบหน้าของเธอเบาๆหยดน้ำตาใหญ่เท่าเม็ดถั่ว ไหลรินออกมาจากหางตา.....แม้ว่าเธอจะหลับไปแล้ว แต่ภายในจิตใต้สำนึกกลับต่อต้านเขาลู่เจ๋อปวดใจเป็นอย่างมาก เขามองเธออยู่นานถึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปณ ห้องโถง ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์เพราะมีเจ้าตัวน้อยเพิ่มเข้ามาในครอบครัว แสงไฟจึงสว่างไสวตลอดทั้งคืน เหล่าคนใช้ต่างก็ทำความสะอาด ต้มซุปต้มยา ทำหน้าที่ของตัวเอง.....เมื่อลู่เจ๋อลงมาที่ชั้นล่าง เขาก้าวลงมาช้ามากเขาก้มหน้าจ้องมองที่พรมปูพื้นที่เปลี่ยนใหม่ แต่ยังคงได้กลิ่นคาวเลือดติดอยู่ที่ปลายจมูก.....ฝ่ามือของลู่เจ๋อก็สั่นเทาในทันใด เขาหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อออกมามวนหนึ่ง แต่ไม่จุดสูบค่ำคืนอันเงียบสงัด เขานั่งอยู่บนโซฟา....หน้าต่างทรงฝรั่งเศสตรงนั้น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะที่ปลายผมสีดำของเขา ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายิ่งดูมืดมน.....เขาก็นั่งอยู่อย่าง
ลู่เจ๋อนั่งเงียบๆ แต่จิตใจของเขากลับมืดมนยิ่งกว่าความมืดครึ้มของคุกเสียอีก ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงได้เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า: “ไม่ต้องแล้ว!”เขารู้จักนิสัยของเฉียวสือเยี่ยนเป็นอย่างดีเขาปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์ ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาอีก....ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเป็นอิสระ เขาแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของลู่เจ๋อ เขาไม่อยากทำให้เขาต้องมีพระคุณต่อเฉียวซุนอีกจนถึงวันนี้แล้วนั้น ลู่เจ๋อถึงได้รู้ว่าการที่เขาคิดอยากที่จะชดเชยก็คงจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!คนของตระกูลเฉียว กีดกันเขาไว้อย่างชัดเจนเขาบินมาในยามดึกดื่น และต้องบินข้ามคืนกลับไปยังเมือง B ต่อ เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว......โรลส์-รอยซ์สีดำขับเข้ามาจอดที่ประตูทางเข้าอย่างช้าๆคนขับรถพูดขึ้นเบาๆ : “คุณชายครับ คุณย่าครับ”ลู่เจ๋อที่เดินทางมาตลอดทั้งคืนกำลังหลับตาพักสมอง ได้ยินดังนั้นจึงเปิดประตูแล้วลงรถในทันที และเอ่ยเรียกขึ้นว่า: “คุณป้าเสิ่นครับ”ยามเช้าตรู่ น้ำค้างจับตัวเป็นเกร็ดน้ำค้างแข็งเสิ่นชิงที่ได้ประสบเรื่องราวร้ายๆมา จนผมหงอกขาวในเวลาเกือบเพียงชั่วข้ามคืน ถึงแม้อย่างนี้เธอก็สงบสติอ
เวลาเที่ยงวัน เฉียวซุนตื่นแล้วเธอลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นเจ้าหนูลู่เหยียนที่อยู่ในอ้อมแขนเจ้าหนูลู่เหยียนสวมชุดนอนแบบจั้มสูทสีชมพูอ่อนนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเธอ หน้าตาของเธอนั้นช่างทำให้คนหลงรักอย่างบอกไม่ถูกน้ำตาของเฉียวซุนคลอเบ้า.....ในเวลานี้เอง เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวน้อยร้องไห้แอ๊ะๆ ออกมาด้วยความขี้อ้อน และจากนั้นน่าจะได้กลิ่นของแม่ เจ้าตัวน้อยก็คว้ามือมาทางนี้ แต่อย่างไรแล้วเธอยังเล็กอยู่กว่าที่จะหาอะไรเจอร่างกายของเฉียวซุนอ่อนแอมาก แต่เธอยังตะแคงตัวเตรียมจะให้นมลูกเธอเป็นแม่ครั้งแรก ท่าทางการเคลื่อนไหวก็ยังไม่คล่องนัก ปลดกระดุมเท่าไหร่ก็ปลดไม่ได้เจ้าหนูลู่เหยียนเร่งเร้าจนร้องไห้หนักจนใบหน้าน้อยๆ ค่อยๆแดงระเรื่อฝ่ามืออันอบอุ่นข้างหนึ่งยื่นเข้ามาแทนมือของเธอ ปลดกระดุมชุดนอนของเธอออกอย่างง่ายดาย และเปิดกางมันออก....เสียงของลู่เจ๋อต่ำแต่อ่อนโยนดังขึ้นจากข้างบน: “เพิ่งจะเริ่มให้นม อาจจะเจ็บบ้างนะ!”ใบหน้าเฉียวซุนไร้อารมณ์ความรู้สึกเธอยังคงไม่ยอมคุยกับเขา และยังคงทำตัวเย็นชาใส่เขาเธอก้มศีรษะลงอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนเข้ามาใกล้ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนก็หาแม่
ลู่เจ๋ออยากเข้าไปกอดเธอ แต่เฉียวซุนปฏิเสธการเข้าใกล้ของเขา เธอพูดขึ้นเบาๆ ว่า: “ลู่เจ๋อ อย่าเข้ามานะ! คุณไม่ต้องเข้ามา!”เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในตอนที่ลู่เจ๋อไม่ทันได้สังเกต เฉียวซุนป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด บ้านของเธอแตกสาแหรกขาด เธอไม่มีญาติพี่น้องอยู่ข้างกาย เธอไร้คนให้ระบาย แต่สามีของเธอกลับกักบริเวณเธอด้วยความรักและปากก็บอกว่าจะชดเชยอยู่ตรงนี้.....มันช่างน่าขำเสียจริง!ภาพอันวุ่นวาย และบรรยากาศอันน่าหดหู่ระหว่างพวกเขาก็เคยหวานชื่นมาก่อน ตอนนี้กลับเดินมาถึงจุดจุดนี้เฉียวซุนถูกลู่เจ๋อกักบริเวณไว้ในคฤหาสน์เสิ่นชิงไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลินเซียวยิ่งคิดหาวิธีได้มากมาย ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง เธอต่างทำมันมาหมดแล้ว แต่เธอยังคงไม่มีทางที่จะได้เจอกับเฉียวซุน.....เวลานี้ เธอถึงได้รู้ว่าอำนาจและอิทธิพลของลู่เจ๋อมันใหญ่ขนาดไหน!……เฉียวซุนไปไหนไม่ได้ เธอทำได้เพียงแต่เย็นชากับลู่เจ๋อต่อไปอีกก็เท่านั้นความแตกร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาของพวกเขาเป็นที่รู้ดีในวงในหลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณหญิงลู่ก็มาหาเจ้าหนูลู่เหยียนเจ้าหนูลู่เหยียนถูกเลี้ยงดูเป็นอย่าง
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว