ลู่เจ๋อ รู้จักชายภูมิฐานคนนั้น เขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมืองเซียง——คุณฟาน!หากเขาจำไม่ผิดคุณนายหลี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณฟาน และคุณนายหลี่ยังพาคนไปงานเลี้ยงส่วนตัวที่คฤหาสน์ครั้งที่แล้ว ดังนั้นเฉียวซุนรู้จักกับคุณฟานผ่านทางคุณนายหลี่ใช่ไหมนะ?ลู่เจ๋อยิ้มอย่างเย็นชาและเดินไปที่โต๊ะของทั้งสองคนเฉียวซุนเห็นเขาทันทีที่เงยหน้าขึ้นเธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอิ่มแยกออกเล็กน้อย เธอพึมพำ : "ลู่เจ๋อ คุณมาที่นี่ได้ยังไง"ลู่เจ๋อยิ้มเล็กน้อยเขาจับไหล่เธอเบา ๆ มองดูเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "ผมอยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณ ถามผู้ช่วยคุณ ถึงได้รู้ว่าคุณมากินข้าวที่นี่!"เขายื่นมือออกไปหาคุณฟาน และยิ้มอย่างสงบ: "คุณฟาน เจอกันอีกแล้วนะครับ!"คุณฟานลุกขึ้นและจับมือเขา และแนะนำลูกสาวของตนต่อทันที ลู่เจ๋อลูบหัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู พลางยิ้มและพูดต่อ : เฉียวซุนชอบเด็กมาก คุณฟานดีจริงๆ!"หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็นั่งข้างเฉียวซุนและทานอาหารด้วยกันเขาและคุณฟานเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงคุยกันเรื่องธุรกิจได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเฉียวซุน คอย
ลู่เจ๋อดับบุหรี่และมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่เฉียวซุนออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังเขาไม่ได้หันกลับไป เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา : "มีพนักงานหลายหมื่นคนที่สำนักงานใหญ่ลู่ซื่อกรุ๊ป และธุรกิจส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมือง B เฉียวซุน เธอก็รู้ว่าฉันย้ายมาเมืองเซียงไม่ได้ ยิ่งบริษัทยิ่งย้ายไม่ได้ง่าย ๆ เลย!”เฉียวซุนเดาว่าเขาเห็นมันแล้วเธอเดินไปยืนข้างหลังเขา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสองสามวินาทีก่อนจะวางกลับ: "คุณรู้แล้ว!""รู้อะไร?”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอ และถามอย่างใจเย็น : "รู้ว่าคุณไม่รักผม รู้ว่าคุณต้องการทิ้งผมนะเหรอ? เฉียวซุน นี่เป็นวิธีที่อ่อนโยนที่สุดที่คุณคิดจะทิ้งผมใช่ไหม? คุณวางแผนที่จะรอเรื่องงานแต่งกับความสัมพันธ์ของเรามันสงบลง รอผมไม่สนใจขนาดนั้นแล้ว คุณก็จะพาลูกห่างออกไป ใช่ไหม?”เฉียวซุนไม่ได้ปฏิเสธถ้าฝืนอีกต่อไป ก็เหมือนไม่เคารพซึ่งกันและกัน!เธอตอบ: “ใช่!”ในที่สุดพวกเขาก็ถอดหน้ากากออกและเปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริงในช่วงกลางดึกเฉียวซุนมองลู่เจ๋อและสำลักเล็กน้อย: "ลู่เจ๋อ ฉันอยากไปจากคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ มันผิดเหรอ? คุณบอกว
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นในเมืองเซียง ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เจ๋อก็เดินทางมาถึงจุดแตกหักเขาไม่ค่อยกลับบ้านแม้จะกลับมา เขาก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าและแทบไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งสองเลย แม้แต่เรื่องลูก เขาก็ถามผ่านทางเลขาฉินสุขภาพของคุณย่าเริ่มแย่ลงเรื่อยๆลู่เจ๋อและเฉียวซุนจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงกัน คนหนึ่งไปตอนกลางวัน คนหนึ่งไปตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้อึดอัดเวลาเจอกัน คุณย่ารู้เรื่องนี้มาตลอด แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้บางครั้งก็มีเรื่องข่าวฉาวของลู่เจ๋อบ้างปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงเช้าตรู่เฉียวซุนนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ โดยมีกระจกกั้นระหว่างเธอและต้นไม้สีเขียวชอุ่มด้านนอกหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าเผยแพร่เรื่องราวอื้อฉาวของลู่เจ๋อเขาและดาราสาวแสนสวยพักโรงแรมเดียวกัน ในภาพถ่ายทั้งสองกำลังเดินอยู่บนทางเดินชั้นเพรสซิเดนสูทของโรงแรม มันไม่ได้เห็นชัดมาก แต่บรรยากาศรอบ ๆ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเฉียวซุนมองมันอยู่นาน...คนใช้กลัวเธอจะเสียใจ จึงพูดเบา ๆ : “คุณนายคะ นมเย็นหมดแล้ว ฉันไปอุ่นให้นะคะ”เฉียวซุนไม่อยากปฏิเสธน้ำใจเธอ จึงตอบรับไป ขณะเดียวกันนั
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา คุณหนูฉินถูกแบนจากวงการบันเทิงในตอนแรกเธอไม่รู้ว่าเธอทำให้ใครขุ่นเคืองใจ แต่หลังจากไปถามๆ มา... ก็พบว่าเธอทำให้ลู่เจ๋อขุ่นเคืองเพียงเพราะเธอมาพบคุณนายลู่คุณหนูฉินต้องการขอร้องคุณนายลู่คนวงในบอกเธอว่า : "คุณนายลู่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ประธานลู่ไม่พอใจกับเรื่องนี้! อย่าคิดแม้แต่จะขอความเมตตา ประธานลู่ไม่ชอบผู้หญิงจำพวกนี้!"คุณหนูฉินตกตะลึงเป็นอย่างมาก......ฝนตกปรอย ๆ ในคืนฤดูใบไม้ร่วงโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมค่อย ๆ ขับเข้าไปในคฤหาสน์กลางดึก ตัวรถเปียกฝน ดูสว่างไสวใต้แสงจันทร์คนขับลงจากรถ รีบเปิดประตูเบาะหลังพร้อมถือร่มไว้ พลางเอ่ยเสียงเบา ๆ: "ประธานลู่ ถึงบ้านแล้วครับ!"ในรถมืดมิด ลู่เจ๋อเอนกายลงบนเบาะหลังโดยหลับตาเพื่อผ่อนคลายช่วงนี้งานในบริษัทมากมาย ร่างกายของคุณย่าก็แย่ลง ตอนกลางคืนเธอมักจะนอนไม่หลับและเรียกหา "เหวินหลี่" ทุกครั้งเขาต้องเข้าไปดูแลเธอแทบทุกคืน แต่ไม่ว่าเขาจะตั้งใจดูแลแค่ไหน ก็ไม่อาจชดเชยความเสียใจในใจของคุณย่าได้บุคคลนั้นหายไปนานนับสิบปีแล้วตอนนี้คุณย่ากำลังจะหมดอายุขัย เธอต้องการพบลูกชายของตัวเอง แต่ทำไม่ได้!คนขับเห็นว่าเขามีสีหน้า
โทรศัพท์มือถือของลู่เจ๋อดังขึ้นในช่วงกลางดึกลู่เจ๋อเอนตัวขึ้นพิงหัวเตียงและเปิดโคมไฟด้านข้าง เขามองเฉียวซุนที่ตื่นตามมา แล้วพูดเสียงเบากับปลายสายโทรศัพท์ : "แม่ มีอะไรครับ?”ปลายสายคือคุณหญิงลู่เสียงของคุณหญิงลู่ดูสุขุมในตอนกลางคืน : "ลู่เจ๋อ แม่เกรงว่าคุณย่าจะไม่ไหวแล้ว! ลูกพาเฉียวซุนมาที่นี่หน่อย อย่างน้อยก็ได้บอกลากันครั้งสุดท้าย"ลู่เจ๋อเงียบไปประมาณครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว: "จะไปเดี๋ยวนี้ครับ!"ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที พวกเขาก็แต่งตัวและมุ่งหน้าออกไปในตอนกลางคืนฝนตกลงมากระทบรถโรลส์-รอยซ์แสนหรูหรา และหยดน้ำก็ไหลลงมาตามตัวรถ ราวกับน้ำตาอันล้ำค่า...ลู่เจ๋อไม่ได้ขับรถเร็วมากเพราะเฉียวซุนกำลังท้องพวกเขาไม่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเลยเฉียวซุนนั่งมองเม็ดฝนปรอยด้านนอกอย่างเงียบ ๆ ข้างเขา เธอรู้ดีว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณย่าแล้ว...สัญญาณไฟแดงที่ทางแยกข้างหน้าทำให้ลู่เจ๋อต้องหยุดรถช้า ๆ เขาอารมณ์ไม่ดีและอยากสูบบุหรี่ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องโยนซองบุหรี่กลับเข้าไปในลิ้นชักหน้ารถ แล้วทิ้งฝ่ามือลง... เขาจับปลายนิ้วเรียวเฉียวซุนเบา ๆเขาไม่ทำอะไรนอกจ
ลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อดึงสติ แล้วจับมือของคุณย่า พลางพูดด้วยเสียงเบา : "ผมคือเหวินหลี่...ผมกลับมาแล้ว..."“เหวินหลี่กลับมาแล้ว!”คุณย่าเอียงศีรษะแล้วมองดูเขา เธอดูไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ เพียงแค่คิดว่าโครงหน้านี้คือเหวินหลี่ คือเด็กที่เธอเลี้ยงมา...เธอไม่มีแรง เสียงหัวใจของเธอมีแต่ขึ้น ๆ ลง ๆ และเธอก็ไม่สามารถเรียกชื่อนี้ได้อีกต่อไปเธอค่อย ๆ มองไปที่เหวินหลี่...มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ดูเงียบสงบ เพราะเหวินหลี่ของเธอกลับมาแล้ว... เหวินหลี่ ลูกรู้ไหมว่าลูกกำลังจะได้เป็นคุณปู่แล้ว อีกสองเดือนข้างหน้าครอบครัวเราจะมีสมาชิกมาเพิ่มแล้วนะเหวินหลี่ ลูกจะมีความสุขขนาดไหนถ้าลูกได้เห็นเรื่องพวกนี้!ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันคุณย่าก็กำลังจะจากไป แต่เธอไม่สามารถทำใจได้เหวินหลี่กลับมาแล้วลู่เจ๋อจับมือของเธอ แล้วพูดเสียงเบากับคนอื่น : “ผมอยากอยู่กับคุณย่าเพียงลำพัง ทุกคนไปพักเถอะครับ!”หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้วเขาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าจนกระทั่งถึงช่วงเวลาสุดท้าย เขาหวีผมสีเทาของคุณย่าอย่างอ่อนโยน และยังร้องเพลงให้คุณย่าฟัง เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เว
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของคุณย่า ชีวิตก็กลับคืนสู่ความสงบสุขลู่เจ๋อเริ่มกลับบ้านบ่อยขึ้นพวกเขายังคงเฉยชาต่อกัน พูดคุยกันน้อยลงเวลาทานข้าว นอนห่างกัน ถึงขนาดบางครั้งเขาก็ไปนอนห้องรับแขก มีเพียงบางคืนเท่านั้นที่เขาจะกอดเธอเพื่อสัมผัสลูกน้อย สัมผัสถึงความเป็นอยู่ของลูก... เมื่อเฉียวซุนตื่นขึ้นมา เธอจะนิ่งเงียบและปล่อยให้เขาสัมผัสตัวเด็กมีเพียงแค่เรื่องเด็กเท่านั้นที่ยังประคองความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วเธอลืมไปแล้วว่าเธอเคยชอบเขา...เขาก็ลืมไปแล้วว่าเคยอยากชดใช้ให้เธอ เขายิ่งลืมเรื่องที่เคยพูดออกไป...เฉียวซุน ผมอยากได้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เมื่อกลับถึงบ้านก็จะมีเด็กเดินมากอดขาเรียกผมว่าพ่อ พวกเขาลืมช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีต่อกัน เหลือเพียงความเจ็บปวด สุดท้ายพวกเขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว และทั้งคู่ก็ทนเข้าหากันไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นการกอดกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดที่อ่อนโยนต่ออีกฝ่ายก็ตาม.........หนึ่งเดือนหลังจากที่คุณย่าจากไปเฉียวซุนอุ้มท้องมาแปดเดือนแล้ว เธอไม่ค่อยได้ออกไปไหน ร้านค้าต่าง ๆ ก็มีหลินเซียวคอยดูแลให้เธอ เย็นวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศ
หลินเซียวหลั่งน้ำตา : "ฉันจะช่วยดูแลลูกเธอเอง!"เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อยหลินเซียวนั่งสักพักแล้วจึงออกไปดูแลหน้าร้านต่อ ยังไงซะก็ต้องมีคนดูแลหน้าร้านหลังจากที่เธอเดินออกไป เฉียวซุนนั่งพิงหน้าต่างอยู่คนเดียว แสงสีส้มสะท้อนผ่านเข้ามากระทบใบหน้าสวย เพิ่มความรู้สึกอ่อนโยน ในเวลานี้ เจ้าหนูลู่เหยียนก็กำลังดิ้นเบา ๆ อยู่ในท้องกลมนูน ดูมีความสุขเฉียวซุนวางฝ่ามือลงบนท้องนูน รับรู้ถึงการมีอยู่ของลูกน้อย หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน... เธอกำลังจินตนาการว่าเจ้าหนูลู่เหยียนจะหน้าตาเป็นอย่างไร และเธอก็ยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงมันเจ้าหนูลู่เหยียนเกิดในช่วงต้นฤดูหนาวเฉียวซุนไปซื้อผ้าตัวเล็กตัวน้อยมากมายให้กับเจ้าหนูลู่เหยียนที่ห้างสรรพสินค้า เสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพูทั้งหมด และทุกชิ้นก็น่ารักเหมาะสมกับลูกน้อยเมื่อเธอลงไปชั้นล่างและผ่านบริเวณขายเสื้อผ้าผู้ชาย ก็ถูกพนักงานขายรบกวนพนักงานขายแนะนำเธออย่างกระตือรือร้น : “คุณนายคะ วันนี้แบรนด์ของเรากำลังจัดโปรโมชั่นส่วนลด 12% ทั้งร้าน คุณคงจะรู้ว่าแบรนด์เราไม่ได้มาจัดกิจกรรมแบบนี้บ่อย ครั้งนี้แบรนด์เรามีการเฉลิมฉลองจึงได้มีส่วนลดมากมายข
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว