โทรศัพท์มือถือของลู่เจ๋อดังขึ้นในช่วงกลางดึกลู่เจ๋อเอนตัวขึ้นพิงหัวเตียงและเปิดโคมไฟด้านข้าง เขามองเฉียวซุนที่ตื่นตามมา แล้วพูดเสียงเบากับปลายสายโทรศัพท์ : "แม่ มีอะไรครับ?”ปลายสายคือคุณหญิงลู่เสียงของคุณหญิงลู่ดูสุขุมในตอนกลางคืน : "ลู่เจ๋อ แม่เกรงว่าคุณย่าจะไม่ไหวแล้ว! ลูกพาเฉียวซุนมาที่นี่หน่อย อย่างน้อยก็ได้บอกลากันครั้งสุดท้าย"ลู่เจ๋อเงียบไปประมาณครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว: "จะไปเดี๋ยวนี้ครับ!"ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที พวกเขาก็แต่งตัวและมุ่งหน้าออกไปในตอนกลางคืนฝนตกลงมากระทบรถโรลส์-รอยซ์แสนหรูหรา และหยดน้ำก็ไหลลงมาตามตัวรถ ราวกับน้ำตาอันล้ำค่า...ลู่เจ๋อไม่ได้ขับรถเร็วมากเพราะเฉียวซุนกำลังท้องพวกเขาไม่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเลยเฉียวซุนนั่งมองเม็ดฝนปรอยด้านนอกอย่างเงียบ ๆ ข้างเขา เธอรู้ดีว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณย่าแล้ว...สัญญาณไฟแดงที่ทางแยกข้างหน้าทำให้ลู่เจ๋อต้องหยุดรถช้า ๆ เขาอารมณ์ไม่ดีและอยากสูบบุหรี่ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องโยนซองบุหรี่กลับเข้าไปในลิ้นชักหน้ารถ แล้วทิ้งฝ่ามือลง... เขาจับปลายนิ้วเรียวเฉียวซุนเบา ๆเขาไม่ทำอะไรนอกจ
ลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อดึงสติ แล้วจับมือของคุณย่า พลางพูดด้วยเสียงเบา : "ผมคือเหวินหลี่...ผมกลับมาแล้ว..."“เหวินหลี่กลับมาแล้ว!”คุณย่าเอียงศีรษะแล้วมองดูเขา เธอดูไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ เพียงแค่คิดว่าโครงหน้านี้คือเหวินหลี่ คือเด็กที่เธอเลี้ยงมา...เธอไม่มีแรง เสียงหัวใจของเธอมีแต่ขึ้น ๆ ลง ๆ และเธอก็ไม่สามารถเรียกชื่อนี้ได้อีกต่อไปเธอค่อย ๆ มองไปที่เหวินหลี่...มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ดูเงียบสงบ เพราะเหวินหลี่ของเธอกลับมาแล้ว... เหวินหลี่ ลูกรู้ไหมว่าลูกกำลังจะได้เป็นคุณปู่แล้ว อีกสองเดือนข้างหน้าครอบครัวเราจะมีสมาชิกมาเพิ่มแล้วนะเหวินหลี่ ลูกจะมีความสุขขนาดไหนถ้าลูกได้เห็นเรื่องพวกนี้!ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันคุณย่าก็กำลังจะจากไป แต่เธอไม่สามารถทำใจได้เหวินหลี่กลับมาแล้วลู่เจ๋อจับมือของเธอ แล้วพูดเสียงเบากับคนอื่น : “ผมอยากอยู่กับคุณย่าเพียงลำพัง ทุกคนไปพักเถอะครับ!”หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้วเขาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าจนกระทั่งถึงช่วงเวลาสุดท้าย เขาหวีผมสีเทาของคุณย่าอย่างอ่อนโยน และยังร้องเพลงให้คุณย่าฟัง เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เว
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของคุณย่า ชีวิตก็กลับคืนสู่ความสงบสุขลู่เจ๋อเริ่มกลับบ้านบ่อยขึ้นพวกเขายังคงเฉยชาต่อกัน พูดคุยกันน้อยลงเวลาทานข้าว นอนห่างกัน ถึงขนาดบางครั้งเขาก็ไปนอนห้องรับแขก มีเพียงบางคืนเท่านั้นที่เขาจะกอดเธอเพื่อสัมผัสลูกน้อย สัมผัสถึงความเป็นอยู่ของลูก... เมื่อเฉียวซุนตื่นขึ้นมา เธอจะนิ่งเงียบและปล่อยให้เขาสัมผัสตัวเด็กมีเพียงแค่เรื่องเด็กเท่านั้นที่ยังประคองความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วเธอลืมไปแล้วว่าเธอเคยชอบเขา...เขาก็ลืมไปแล้วว่าเคยอยากชดใช้ให้เธอ เขายิ่งลืมเรื่องที่เคยพูดออกไป...เฉียวซุน ผมอยากได้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เมื่อกลับถึงบ้านก็จะมีเด็กเดินมากอดขาเรียกผมว่าพ่อ พวกเขาลืมช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีต่อกัน เหลือเพียงความเจ็บปวด สุดท้ายพวกเขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว และทั้งคู่ก็ทนเข้าหากันไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นการกอดกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดที่อ่อนโยนต่ออีกฝ่ายก็ตาม.........หนึ่งเดือนหลังจากที่คุณย่าจากไปเฉียวซุนอุ้มท้องมาแปดเดือนแล้ว เธอไม่ค่อยได้ออกไปไหน ร้านค้าต่าง ๆ ก็มีหลินเซียวคอยดูแลให้เธอ เย็นวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศ
หลินเซียวหลั่งน้ำตา : "ฉันจะช่วยดูแลลูกเธอเอง!"เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อยหลินเซียวนั่งสักพักแล้วจึงออกไปดูแลหน้าร้านต่อ ยังไงซะก็ต้องมีคนดูแลหน้าร้านหลังจากที่เธอเดินออกไป เฉียวซุนนั่งพิงหน้าต่างอยู่คนเดียว แสงสีส้มสะท้อนผ่านเข้ามากระทบใบหน้าสวย เพิ่มความรู้สึกอ่อนโยน ในเวลานี้ เจ้าหนูลู่เหยียนก็กำลังดิ้นเบา ๆ อยู่ในท้องกลมนูน ดูมีความสุขเฉียวซุนวางฝ่ามือลงบนท้องนูน รับรู้ถึงการมีอยู่ของลูกน้อย หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน... เธอกำลังจินตนาการว่าเจ้าหนูลู่เหยียนจะหน้าตาเป็นอย่างไร และเธอก็ยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงมันเจ้าหนูลู่เหยียนเกิดในช่วงต้นฤดูหนาวเฉียวซุนไปซื้อผ้าตัวเล็กตัวน้อยมากมายให้กับเจ้าหนูลู่เหยียนที่ห้างสรรพสินค้า เสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพูทั้งหมด และทุกชิ้นก็น่ารักเหมาะสมกับลูกน้อยเมื่อเธอลงไปชั้นล่างและผ่านบริเวณขายเสื้อผ้าผู้ชาย ก็ถูกพนักงานขายรบกวนพนักงานขายแนะนำเธออย่างกระตือรือร้น : “คุณนายคะ วันนี้แบรนด์ของเรากำลังจัดโปรโมชั่นส่วนลด 12% ทั้งร้าน คุณคงจะรู้ว่าแบรนด์เราไม่ได้มาจัดกิจกรรมแบบนี้บ่อย ครั้งนี้แบรนด์เรามีการเฉลิมฉลองจึงได้มีส่วนลดมากมายข
ฝนตกหนักตลอดทั้งวันกลุ่มเมฆครึ้มลอยอย่างต่อเนื่องบนขอบฟ้าในตอนเย็นเฉียวซุนยืนอยู่ริมระเบียงพร้อมสวมผ้าคลุมไหล่และมองดูอย่างเงียบ ๆเธอคิดถึงการที่ตนเองแต่งงานกับลู่เจ๋อ เธอจำได้ว่าเธอเคยเผาไดอารี่ที่เธอเขียนให้เขาและรูปแต่งงานอันแสนหวานที่นี่ เหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้นถูกจารึกไว้ในใจและร่างกายของเธอ มันเหมือนไฟที่แผดเผา เธอไม่อาจลืมมันออกไปจากชีวิตได้โทรศัพท์มือถือในห้องนอนยังคงดังอย่างต่อเนื่องเฉียวซุนพับผ้าคลุมไหล่เบา ๆ พลางมองเมฆบนท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนแล้วรับโทรศัพท์เป็นสายจากเมิ่งเยียนหุยเขากำลังจะบอกข่าวร้ายกับเฉียวซุน : "คุณนายลู่ สถานการณ์ฝั่งพี่ชายคุณแย่มาก! จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ มีหลักฐานใหม่ และมีการตัดสินใจกะทันหันที่จะลองพิจารณาคดีล่วงหน้า หากพิจารณาจากเรื่องพวกนั้น เกรงว่าคงจะกลายเป็น 5 ปี! คุณอย่าพึ่งกังวลนะ...ผมไปสืบมาแล้ว เรื่องใหม่นี้ความสัมพันธ์กับตระกูลลู่ ขอแค่ประธานลู่ออกมารับหน้าให้ก็จะได้รับข่าวดี”เฉียวซุนถือโทรศัพท์ด้วยมือสั่นเทา ทำไม ถึงกลายเป็นห้าปีไปได้...เมิ่งเยียนหุยรู้สึกเสียใจเช่นกัน เขาพูดเบา ๆ ผ่านสายโทรศัพท์ : "ข
เขาพูดเหมือนกะจะเยาะเย้ย : "คุณคิดว่าคุณยังมีค่าขนาดนั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมยังสนใจเรื่องที่คุณจะหย่ากับผมเหรอ? คุณคิดว่า...ลู่เจ๋อยังต้องการคุณอยู่อีกเหรอ?” เฉียวซุนเบิกตากว้างที่ไร้ซึ่งน้ำตาเธอแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน!ที่แท้ในใจของลู่เจ๋อ เธอเป็นคนแบบนี้นี่เอง ตั้งแต่เมื่อก่อนจนกระทั่งถึงตอนนี้ ที่แท้เธอก็เป็นแค่คนขายตัวให้เขา...แม้กระทั่งเด็กในท้อง เขาก็พูดออกมาได้อย่างใจเย็น ทั้งหมดนี้ก็เพราะเขาเข้าใจผิดไปว่าเธอตัดสายของไป๋เซียวเซียว ลู่เจ๋อผลักมือเธอออกไป...ลู่เจ๋อไม่แม้แต่จะมอง ไม่แม้แต่จะอาลัยอาวรณ์ พลางเดินออกไป...เพื่อไปเจอคนรักเป็นครั้งสุดท้าย!ที่แท้ระหว่างเธอกับไป๋เซียวเซียว เธอคือตัวตลก สิ่งที่ตลกที่สุดคือ เธอพึ่งจะได้รู้ในวันนี้!เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ !เธอกล้าขอร้องลู่เจ๋อจริง ๆ เธอกล้าคิดว่าเขาจะยอมอยู่เพื่อเธอ...เธอพูดเสมอว่าเขารักไม่เป็น เธอพูดเสมอว่าเธอไม่อยากเป็นยาให้เขา เฉียวซุน เธอนี่มันตลกจริง ๆ เธอจะเป็นยาของลู่เจ๋อได้อย่างไร เธอเป็นแค่สิ่งระบายความต้องการของเขาเท่านั้น!เขาปฏิบัติต่อเธออย่างไร แล้วเขาปกป้องไป๋เซียวเซียวอย่างไรทำไมเธอถึงไม่เคยม
มันเจ็บไปทั้งกาย!เจ็บจนเธอแทบหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตายในวินาทีถัดไป แต่เฉียวซุนก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน... เธอยังคงมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ในท้องของเธอ!เจ้าหนูลู่เหยียนอายุได้เพียง 8 เดือนและยังไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเธอเกลียดความเย็นชาและความโหดเหี้ยมของลู่เจ๋อ แต่เธอรักเนื้อและเลือดในท้องของเธออย่างสุดซึ้ง เธอตั้งตารอคอยการกำเนิดของลูกอย่างสุดซึ้ง เธอไม่สามารถตายแบบนี้ได้...เธอตายไม่ได้!เธอตายไม่ได้!เฉียวซุนหายใจเข้าแรง ๆ ราวกับว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดจากการหดตัวได้ เธอเงยหน้าขึ้นและกรีดร้องอย่างสุดกำลัง——“เข้ามาหน่อย...”“ช่วยลูกฉันด้วย...”......ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอภายนอกยังคงมีพลุอยู่บนท้องฟ้าด้านล่างยังคงมีการบรรเลงเพลงรื่นเริงอยู่...เฉียวซุนดันมือเธอกับพื้น เธออดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสและคลานไปที่ประตูห้องนอน ใครอยู่ข้างนอก ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย ช่วยลูกของฉันด้วย...เลือดไหลจากพื้นถึงบันไดระหว่างขา มีเลือดอีกก้อนใหญ่ไหลลงมา หยดลงมาจากบันไดอันหรูหรา——ติ๋ง ติ๋ง ติ๋งเช่นเดียวก
“ใครกล้าเข้ามา ฉันจะบีบคอเธอให้ตาย!”“ฉันจะให้กลุ่มบริษัทสกุลู่ของคุณเป็นข่าว!"“ฉันจะทำลายชื่อเสียงของลู่เจ๋อ! พวกคุณสนใจเรื่องชื่อเสียงศักดิ์ศรีมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่เข้ามาช่วยล่ะ...ทำไมพวกคุณไม่ช่วยเธอ? พวกคุณมองเห็นเฉียวซุนเป็นคนเหมือนกันบ้างไหม...” ......ลู่จิ้นเซิงยืนมองหลินเซียวอย่างเงียบ ๆ ในระยะไกลเขามองดูท่าทางบ้าคลั่งของเธอ เขามองดูเธอที่ปกป้องเฉียวซุนอย่างสิ้นหวัง และเขาก็ตกอยู่ในอาการงุนงง...หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินไปหาเธอเขาดึงหลินเซียวออกจากตัวของคุณหญิงลู่ และกอดเธออย่างแรงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอขยับได้อีกต่อไปหลินเซียวได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาเธอตกตะลึง : เขาคือลู่จิ้นเซิง!เธอไม่หันกลับมามอง และพูดเบา ๆ กับคนที่อยู่ข้างหลังเธอ : "คุณต้องให้เธอช่วยชีวิตเฉียวซุน เฉียวซุนตายไม่ได้ เธอตายไม่ได้! ลู่จิ้นเซิง ถือว่าฉันขอร้องคุณเถอะ! ลู่จิ้นเซิง ฉันขอเด็กของฉันขอร้องคุณ! ได้หรือไม่?”ลู่จิ้นเซิงกอดเธอไว้แน่นเขามองไปที่คุณหญิงลู่และพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว : "เก็บเฉียวซุนไว้! ไม่เช่นนั้นวันหนึ่งลู่เจ๋อจะเป็นบ้าไป แล้วคุณจะต้องเสียใจ!"คุณหญิงลู่ถึงกับตะลึง!