หลีชิงเฉิงได้รับเชิญเข้าไปในห้องโถงดอกไม้ตอนที่คนรับใช้มาเสิร์ฟชา ก็เดินอย่างฝีเท้าเบาๆ ตอนที่เขิญให้เธอดื่มชาก็ยังเบามากๆ หลีชิงเฉิงก็คิดในใจว่าเพราะว่าคุณนายตั้งท้อง ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังเป็นพิเศษเธอไม่เคยคิดว่าเฉียวซุนจะท้อง!ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีไม่ใช่หรอ ทำไมพึ่งแต่งงานใหม่เฉียวซุนก็ตั้งท้องหละ?ฝนที่ข้างนอกยังตกหนักสาดลงมาที่พื้น...ทำให้คนรู้สึกไม่ดีตอนนี้ประตูห้องโถงดอกไม้เล็กๆ ก็ถูกผลักให้เปิดออก หลีชิงเฉิงก็เงยหน้าขึ้นมาเจอลู่เจ๋อเขาอยู่ที่ประตู เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจเดินเข้ามาใบหน้าของเขาไม่ได้มีความโรแมนติกเหมือนเดิมอีกต่อไป ดวงตาของเขาก็เหมือนจะไม่มีความรักใคร่ซ่อนอยู่ เขาเหมือนจะเป็นพ่อบ้านที่จะเป็นสามีและพ่อที่ดี!ลู่เจ๋อล็อกประตูจากข้างใน น่าจะไม่อยากให้ใครหรือให้คนรับใช้ได้ยินแล้วเรื่องที่คุยกันไปถึงหูของเฉียวซุน...หลีชิงเฉิงรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งในหัวใจของเธอเธอละทิ้งความเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนแล้วถามไปตรงๆว่า “ลู่เจ๋อคุณใส่ใจเธอขนาดนี้ แค่เพราะเธอท้องหรอ ถ้าเธอไม่ได้ท้องเรื่องของพวกเรา...คงเป็นไปได้ใช่ไหม?” “เปล่าเลย”ลู่เจ๋อหยิบบุหรี่สีขาวเห
เธอพูดว่า "ฉันเชื่อคุณ!"ลู่เจ๋อสัมผัสใบหน้าของเธอเบา ๆ อดไม่ได้ที่จะสัมผัสติ่งหูอันอ่อนนุ่มของเธอ เฉียวซุนไวต่อความรู้สึกมาก เขาชอบกัดตรงนั้นเบา ๆ ตอนทำร้ายเธอทุกครั้ง เธอก็โอบเขาอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลลู่เจ๋อระงับความอยากเป็นเวลานานเมื่อนึกถึงเสน่ห์เหล่านั้นในเวลานี้ เสียงของเขาก็แหบแห้งเล็กน้อยตอนเปิดปากพูด "ผมจะเอารถไปให้คุณ และคุณให้คนรับใช้ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมชั้นบน ข้างนอกอากาศค่อนข้างหนาว"เขายืนขึ้นและจากไป เฉียวซุนมองดูแผ่นหลังของเขาลู่เจ๋อมักแต่งตัวดีเสมอในเวลานี้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม และชุดสูททำด้วยมือ แค่มองแผ่นหลังก็ทำให้เขาดูสูงส่งมาก... ไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวหลายคนหลงใหลเขาเฉียวซุนก้มศีรษะลง และลูบท้องส่วนล่างเบา ๆเธอคิดจริงๆ ว่าการเสแสร้งรักกับลู่เจ๋อนั้น จริงๆไม่ใช่เรื่องยากเลยคนรับใช้ลงมาจากชั้นบนในมือของเธอมีผ้าคลุมไหล่ที่เฉียวซุนสวมบ่อยๆ เธอสวมมันให้เฉียวซุน แล้วพูดเบาๆว่า "ข้างนอกพื้นลื่น คุณนายสวมรองเท้ากันลื่นอีกคู่ ต้องระวังเป็นพิเศษถ้าท้องอยู่"เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ-ก่อนหน้า เฉียวซุนไม่เคยตั้งการ์ดที่โรงพยาบาลลู่ซื่อ แต่ลู่เจ๋อย้ายเธอมาท
อาคารสำนักงานใหญ่ลู่ซื่อหลังจากลู่เจ๋อเซ็นลงนามเสร็จ จึงปิดเอกสาร เขาก็ถามเลขาฉินอย่างเป็นกันเองว่า "คุณรู้ไหมว่าร้านอาหารไหนโรแมนติกที่สุด เหมาะกับการออกเดทที่สุด?"เลขาฉินคิดอย่างจริงจังแล้วพูดว่า "ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเดทกับใคร ถ้าเป็นคุณนายลู่ ร้านอาหารเม็กซิกันในเมืองซีเฉิงก็ไม่เลวนะ แต่ถ้าเป็นคุณหลี่ ยิ่งซ่อนเร้นก็ยิ่งดี"สีหน้าของลู่เจ๋อดูไม่ดี!เขายืนขึ้นหยิบเสื้อคลุมของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ "หลี่ชิงเฉิงและผมไม่มีอะไรกันเลย"เลขาฉินเดินตามเขาพร้อมถือเอกสาร และเตือนเขาว่า "ฉันได้ยินมาว่าเธอไปสร้างปัญหาไว้ที่วิลล่า ประธานลู่ ถ้าคุณนายลู่ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ คุณอย่ามองโลกในแง่ดีนัก!"เธอพูดขนาดนี้ เพราะอารมณ์พาไป……ลู่เจ๋อยืนอยู่ตรงทางเข้าลิฟต์ มองดูตัวเลขสีแดง และไม่ได้พูดอะไรอารมณ์กลับดิ่งลง!ลู่เจ๋อเข้าไปนั่งในรถ คิดจะโทรหาเฉียวซุนพอดี และไปรับเธอออกไปทานอาหารเย็นลู่เจ๋อกลับโทรมาเขาบอกว่าคุณยายไม่สบาย จึงขอให้เขามาดูนี่คือสิ่งที่คุณนายลู่พูดทางโทรศัพท์ "ฉันเกรงว่าคงอยู่ไม่เกินฤดูหนาวนี้! ลู่เจ๋อ ฉันรู้ว่าพูดแบบนี้คุณจะไม่มีความสุข แต่เราต้องเตรียมรับมือสำ
ลู่เจ๋อยิ้มเล็กน้อย "คุณยายอย่ากังวล! ผมจะปล่อยเธอไปครับ"คุณยายรอประโยคนี้ของเขา เธอยิ้มเมื่อได้ยิน และเร่งเร้าให้เขากลับไปดูแลเฉียวซุน “อย่าวิ่งหนีมาหายายบ่อย! อย่าปล่อยให้ความเจ็บป่วยส่งต่อไปยังลูก”ลู่เจ๋อยิ้ม "เป็นไปได้ยังไง! เด็กที่ยังไม่เกิดเนี่ยนะ"น้ำเสียงของเขา คือความสุขที่ฉุดไม่อยู่คุณยายมีความสุขเมื่อได้ยินเธอมองดูภายในและภายนอกกำแพง รู้สึกว่า บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยพลังใหม่เพราะจะมีอีกชีวิตเกิดมา... เธอตั้งตารอคอยเด็กที่จะเกิดมาอย่างกระตือรือร้นเมื่อลู่เจ๋อลงไปชั้นล่าง ก็พบกับคุณหญิงลู่พอดี……คุณหญิงลู่กำลังสั่งให้คนรับใช้เตรียมจาน ดูเหมือนอยากจะเก็บมื้อเย็นไว้ให้ลู่เจ๋อลู่เจ๋อปฏิเสธ "ช่วงนี้เฉียวซุนไม่ค่อยอยากอาหาร ผมกลับไปก่อนนะ"คุณหญิงลู่วิจารณ์เฉียวซุนหนักมากช่วงนี้!เธอชอบลูกสะใภ้ที่เชื่อฟัง และคงจะดีที่สุดถ้าเธอมีความสามารถด้านศิลปะด้วย หากเธอฉลาดและมีความสามารถก็จะมองข้ามหัวแม่สามีอย่างเลี่ยงไม่ได้น้ำเสียงของคุณหญิงลู่กดดัน "แม่ไม่คัดค้านถ้าเธอจะทำธุรกิจ! แต่ตอนนี้เธอท้องแล้ว ก็ควรดูแลลูกของเธอให้ดี นอกจากนี้ ผู้หญิงไม่สมควรอยู่ในที่สาธารณะตลอดทั้งว
เฉียวซุนสงบลงครู่หนึ่งพลางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "ไปที่เมืองเซียงสิ! เดือนที่แล้วคุณนายหลี่แนะนำร้านดีๆให้ ฉันเลยรับมาเพราะรู้สึกว่าตัวร้านไม่เลวเลย!"เมืองเซียง?ลู่เจ๋อค่อนข้างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินเขาโน้มศีรษะลงจูบริมฝีปากสีแดงของเธออย่างลึกซึ้งเป็นเวลาเนิ่นนาน และกระซิบบอกเธอว่า : “ชอบที่นั่นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เขาอยากเอาใจเธอเพื่อให้เธอมีความสุข จึงรีบเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ : "เดี๋ยวผมให้เลขาฉินดูตารางงานให้ก่อน ถ้ามีวันว่าง ผมจะไปกับคุณ! เสร็จธุระจะได้ไปเดินเล่นด้วยกันเลย!""ไม่ต้องหรอก!"เฉียวซุนรีบลุกขึ้นมาห้ามเขา: "เสร็จธุระฉันก็จะกลับเลย! อีกอย่างร่างกายฉันก็ไม่ค่อยสะดวก แถมยังรู้สึกขี้เกียจนิดหน่อยค่ะ"ลู่เจ๋อมองลึกเข้าไป หัวใจของเฉียวซุนเต้นเร็วขึ้น เธอกลัวว่าลู่เจ๋อจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างลู่เจ๋อมองเธออยู่นาน จากนั้นจึงยื่นมือออกไปจับชุดนอนของเธอ และอดไม่ได้ที่จะลูบมันเบา ๆ และผูกสายรัดเอวให้เธอ ร่างกายเขาไม่ได้รับความพอใจ เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย: "หายากที่คุณจะพูดมากขนาดนี้! รอลูกคลอดเมื่อไหร่ เราออกไปเที่ยวกันไหม... หืม?”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย......เช
ลู่เจ๋อ รู้จักชายภูมิฐานคนนั้น เขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมืองเซียง——คุณฟาน!หากเขาจำไม่ผิดคุณนายหลี่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณฟาน และคุณนายหลี่ยังพาคนไปงานเลี้ยงส่วนตัวที่คฤหาสน์ครั้งที่แล้ว ดังนั้นเฉียวซุนรู้จักกับคุณฟานผ่านทางคุณนายหลี่ใช่ไหมนะ?ลู่เจ๋อยิ้มอย่างเย็นชาและเดินไปที่โต๊ะของทั้งสองคนเฉียวซุนเห็นเขาทันทีที่เงยหน้าขึ้นเธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอิ่มแยกออกเล็กน้อย เธอพึมพำ : "ลู่เจ๋อ คุณมาที่นี่ได้ยังไง"ลู่เจ๋อยิ้มเล็กน้อยเขาจับไหล่เธอเบา ๆ มองดูเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "ผมอยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณ ถามผู้ช่วยคุณ ถึงได้รู้ว่าคุณมากินข้าวที่นี่!"เขายื่นมือออกไปหาคุณฟาน และยิ้มอย่างสงบ: "คุณฟาน เจอกันอีกแล้วนะครับ!"คุณฟานลุกขึ้นและจับมือเขา และแนะนำลูกสาวของตนต่อทันที ลู่เจ๋อลูบหัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู พลางยิ้มและพูดต่อ : เฉียวซุนชอบเด็กมาก คุณฟานดีจริงๆ!"หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็นั่งข้างเฉียวซุนและทานอาหารด้วยกันเขาและคุณฟานเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงคุยกันเรื่องธุรกิจได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเฉียวซุน คอย
ลู่เจ๋อดับบุหรี่และมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่เฉียวซุนออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังเขาไม่ได้หันกลับไป เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา : "มีพนักงานหลายหมื่นคนที่สำนักงานใหญ่ลู่ซื่อกรุ๊ป และธุรกิจส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมือง B เฉียวซุน เธอก็รู้ว่าฉันย้ายมาเมืองเซียงไม่ได้ ยิ่งบริษัทยิ่งย้ายไม่ได้ง่าย ๆ เลย!”เฉียวซุนเดาว่าเขาเห็นมันแล้วเธอเดินไปยืนข้างหลังเขา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสองสามวินาทีก่อนจะวางกลับ: "คุณรู้แล้ว!""รู้อะไร?”ลู่เจ๋อหันไปมองเธอ และถามอย่างใจเย็น : "รู้ว่าคุณไม่รักผม รู้ว่าคุณต้องการทิ้งผมนะเหรอ? เฉียวซุน นี่เป็นวิธีที่อ่อนโยนที่สุดที่คุณคิดจะทิ้งผมใช่ไหม? คุณวางแผนที่จะรอเรื่องงานแต่งกับความสัมพันธ์ของเรามันสงบลง รอผมไม่สนใจขนาดนั้นแล้ว คุณก็จะพาลูกห่างออกไป ใช่ไหม?”เฉียวซุนไม่ได้ปฏิเสธถ้าฝืนอีกต่อไป ก็เหมือนไม่เคารพซึ่งกันและกัน!เธอตอบ: “ใช่!”ในที่สุดพวกเขาก็ถอดหน้ากากออกและเปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริงในช่วงกลางดึกเฉียวซุนมองลู่เจ๋อและสำลักเล็กน้อย: "ลู่เจ๋อ ฉันอยากไปจากคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ มันผิดเหรอ? คุณบอกว
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นในเมืองเซียง ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เจ๋อก็เดินทางมาถึงจุดแตกหักเขาไม่ค่อยกลับบ้านแม้จะกลับมา เขาก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าและแทบไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งสองเลย แม้แต่เรื่องลูก เขาก็ถามผ่านทางเลขาฉินสุขภาพของคุณย่าเริ่มแย่ลงเรื่อยๆลู่เจ๋อและเฉียวซุนจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงกัน คนหนึ่งไปตอนกลางวัน คนหนึ่งไปตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้อึดอัดเวลาเจอกัน คุณย่ารู้เรื่องนี้มาตลอด แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้บางครั้งก็มีเรื่องข่าวฉาวของลู่เจ๋อบ้างปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงเช้าตรู่เฉียวซุนนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ โดยมีกระจกกั้นระหว่างเธอและต้นไม้สีเขียวชอุ่มด้านนอกหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าเผยแพร่เรื่องราวอื้อฉาวของลู่เจ๋อเขาและดาราสาวแสนสวยพักโรงแรมเดียวกัน ในภาพถ่ายทั้งสองกำลังเดินอยู่บนทางเดินชั้นเพรสซิเดนสูทของโรงแรม มันไม่ได้เห็นชัดมาก แต่บรรยากาศรอบ ๆ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเฉียวซุนมองมันอยู่นาน...คนใช้กลัวเธอจะเสียใจ จึงพูดเบา ๆ : “คุณนายคะ นมเย็นหมดแล้ว ฉันไปอุ่นให้นะคะ”เฉียวซุนไม่อยากปฏิเสธน้ำใจเธอ จึงตอบรับไป ขณะเดียวกันนั
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว