หลังเสร็จกิจ ทั้งสองต่างเงียบอาจจะเป็นเพราะว่าไม่ใช่สามีภรรยากัน หรือเพราะไม่ได้มีอะไรกันนานเกินไป จึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกเฉียวซุนใส่เสื้อผ้า แล้วพูดเบา ๆ ขึ้นว่า “ฉันรู้สึกเหนียวตัว อยากจะอาบน้ำสักหน่อย”บรรยากาศจึงเริ่มดีขึ้นเมื่อครู่ลู่เจ๋อรีบทำอย่างใจร้อนจนไม่ได้สวมถุงยางอนามัย แน่นอนว่าผู้ชายนั้นสบาย แต่ผู้หญิงนั้นล้างทำความสะอาดยุ่งยาก......ลู่เจ๋อกระแอมเบาๆ “ผมรอคุณข้างนอกนะ!” พูดเสร็จเขาก็เดินออกไป ส่วนบนเตียงที่ยุ่งเหยิงนั้น พรุ่งนี้ก็จะมีพนักงานทำความสะอาดมาจัดการเขาเป็นผู้ชายไม่ถือสาก็ได้ แต่เฉียวซุนไม่ถือไม่ได้เธอเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ ส่วนผ้าปูเตียงผืนเก่าได้ใส่ถุงเอาไว้แล้วเขียนระบุเอาไว้ว่าเลขาฉินจะส่งซัก......ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จเธอถึงเข้าไปอาบน้ำน้ำอุ่นไหลลงบนตัวทำให้เธอคิดถึงการแนบชิดกันเมื่อครู่ลู่เจ๋ออ่อนโยนมากขึ้น อาจเพราะต้องการทำตัวเปรียบเทียบกับใครสักคนมั้ง! แต่สำหรับเฉียวซุนแล้ว มันไม่มีความหมายอีกต่อไป ระหว่างพวกเขานอกจากเรื่องเซ็กซ์ก็ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว!หลังอาบน้ำเสร็จ เธอสวมกระโปรงเดิมกับตอนขามาลู่เจ๋อนั่งพิงโซฟาและสูบบุหรี่ นิ้วเรียวยาว
ตอนรุ่งเช้า หลินเซียวยังคงนอนนิ่งอยู่...เฉียวซุนเอาหน้าซุกบนฝ่ามือของเธอแล้วพูดพึมพำ “หลินเซียว ตื่นเถอะนะ! ต่อไปจะไม่มีใครรังแกคุณได้อีก ต่อไปคุณสามารถใช้ชีวิตได้ตอนฟ้าสาง คุณไม่ต้องกังวลว่าเรื่องแต่ก่อนจะมีคนรู้ ถูกคนดูถูก! ต่อไปคุณยังสามารถมีลูกได้”“ตื่นเถอะโอเคไหม? ฉันขอร้องล่ะ! ทำให้ฉันรู้ว่าทั้งหมดมันคุ้มค่า!”การรอคอยอย่างไร้ความหวัง ทำให้คนสิ้นหวังตอนเช้า หมอได้ประกาศสถานการณ์ที่ไม่ได้ ถ้าในอีกสี่ชั่วโมงหลินเซียวยังไม่ฟื้น เธออาจจะไม่ฟื้นตลอดไป ซึ่งพูดได้ว่าเธอจะเป็นเหมือนผักในร่างคนไม่ตื่นมาตลอดกาล...เฉียวซุนเจ็บปวดมากจนหายใจไม่ออก จู่ๆเธอก็วิ่งไปที่ห้องน้ำ จับอ่างล้างหน้าเธองออย่างแรงจนอ้วกเป็นน้ำดีออกมา เธอหมดแรงหมดแรงจนนั่งอยู่บนพื้นชิดผนังเธอค่อยๆขดตัวแล้วปิดหน้า “หลินเซียว! หลินเซียว!”นาทีนี้ความโศกเศร้าก็ไหลเหมือนแม่น้ำ...ในห้องผู้ป่วย จอภาพเชื่อมต่อกับนิ้วชี้ของหลินเซียวเริ่มเกิดความผันผวน เสียงแหลมปี๊ดๆๆๆ จากนั้นนิ้วของหลินเซียวก็สั่นเล็กน้อยเฉียวซุนกำลังร้องไห้เหรอ?อย่าร้องไห้!เฉียวซุนอย่าร้องไห้ ฉันจะแสดงการตีลังกาให้คุณดู...โอเคไหม?“เฉียวซุน.
เฉียวซุนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรเธอมองไปที่หลินเซียว พูดทั้งร้องไห้และหัวเราะว่า “มันจะไม่คุ้มได้ยังไง? เพื่อคุณทั้งหมดก็คุ้มค่า... ขอให้หายเร็วๆนะ!”น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลก็ออกมาจากหางตาของหลินเซียว...เฉียวซุนกอดเธอแน่นแล้วพึมพำ “คุณรู้หรือเปล่าว่า ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว!”หลินเซียวอ่อนแอลงมากแต่เธอยังใช้แรงทั้งหมดยกมือขึ้น กอดเฉียวซุนอย่างอ่อนโยน...หลังจากกินเสร็จ คุณหมอก็ตรวจร่างกายหลินเซียวเฉียวซุนหลีกตัวออกไปเธอเดินออกจากห้องผู้ป่วย เดินจนไปสุดทางเดินยาวด้านนอก มองดูแสงแดดข้างนอกอย่างเงียบๆ จากนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากโชคดีที่หลินเซียวตื่นขึ้นมาแล้วโชคดีที่หลินเซียวไม่รู้สึกเสียใจกับตัวเอง เธอยังมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่แต่เมื่อเฉียวซุนคิดถึงเด็กคนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่จมูกขึ้นมา... หลินเซียวอาจจะสามารถมีลูกได้ด้วยวิธีทางเทคโนโลยีในอนาคต แต่สรุปแล้วก็ไม่ใช่เด็กคนเดิมอีกต่อไป“เฉียวซุน!”ทันใดนั้น เสียงของลู่จิ้นเซิงก็ดังมาจากด้านหลังเฉียวซุนหันกลับมามองเขาอย่างเงียบ ๆ สักพัก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “คุณมาทำอะไรที่นี่”ลู่จิ้นเซิงหยิบถุงเอกสารในม
หัวใจของลู่จิ้นเซิงแหลมคมราวกับมีดเขากอดเธอไว้แน่น ไม่ให้เธอพูด ไม่ให้เธอจากไป...ให้เขากอดเธออยู่สักพัก...หลินเซียวไม่มีที่อยู่โรงแรมของเขา เธอจึงฉีกเอกสารแล้วบอกให้เขาไปให้พ้น!เธอพูดว่า เธอพูดว่า...เธอไม่รักเขา เขายิ่งไม่ควรค่าที่เธอจะเกลียด!เมื่อลู่จิ้นเซิงเดินออกจากห้องผู้ป่วย เขาดูสีหน้าผิดหวังท้อใจ เสื้อของเขามีจุดเปื้อนเลือด ดูแล้วน่าตกใจหนิงหลินยืนข้างอยู่นอกประตูเมื่อหนิงหลินเห็นลู่จิ้นเซิงออกมา เธอก็หัวเราะเยาะ “คุณกำลังคิดถึงผู้หญิงสารเลวนั่นอีกแล้วใช่มั้ย? ลู่จิ้นเซิง คนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่ใครคนอื่น แต่เป็นตัวของคุณเอง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณคิดถึงผู้หญิงสารเลวคนนี้อยู่ตลอด...”และตบฉาดหนึ่งก็ได้กระหน่ำมาที่หน้าของเธออย่างเต็มแรงจากนั้นลำคอของเธอก็ถูกบีบแน่น และถูกกดเอาไว้กับผนังฝั่งตรงข้ามหนิงหลินหายใจไม่ออก ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีม่วง คว้าแขนของลู่จิ้นเซิงเอาไว้ และพยายามทุบตีอย่าสุดแรง “ฉันด้อยกว่าเธอตรงไหน?ฉันเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหนิง หลินเซียวเป็นแค่พนักงานขายระดับสูง!”ลู่จิ้นเซิงต้องการฆ่าเธอ...ดวงตาของเขาแดงก่ำ แล้วเขาก็ตบไปที่เธออีกครั้ง “ถ้าคุณก
บริษัทยุ่งมาก แต่ลู่เจ๋อพาเธอไปเที่ยวหนึ่งสัปดาห์ถือได้ว่าเป็นฮันนีมูน!หลังจากกลับมาที่เมือง B แล้ว ลู่เจ๋อก็ยุ่งอยู่กับโปรเจกต์นั้น การทำโอทีเป็นเรื่องปกติ บางครั้งเขาก็มีประชุมทั้งคืนไม่กลับมานอนก็มี...ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นเรื่องยากที่ลู่เจ๋อกลับมาตรงเวลาโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสีดำค่อยๆขับรถเข้าไปในวิลล่า ตัวรถเปล่งประกายท่ามกลางพระอาทิตย์ตกสีส้มแดง ดูหรูหราที่น่าตื่นตาตื่นใจคนรับใช้มาเปิดประตูรีบเข้ามาแนะนำเรื่องอาหารเย็นอย่างกระตือรือร้นขายาวของลู่เจ๋อก้าวลงจากรถ เขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แล้วถามอย่างขี้เกียจ “คุณนายกลับมาหรือยัง?”คนรับใช้ยิ้ม “คุณนายมาได้ออกไปไหน! ตอนเช้ากับตอนบ่ายก็ทำอะไรอยู่ข้างบน!”ลู่เจ๋อหัวเราะเบา ๆตอนที่เขายิ้มอย่างผ่อนคลาย เขาดูหล่อมาก คนรับใช้สูงอายุอดไม่ได้ที่จะมองแล้วมองอีก ยิ่งกว่านั้นเธอช่วงนี้คุณผู้ชายค่อนข้างยุ่งเล็กน้อย แต่เขาก็ยังอารมณ์ดี น่าจะเป็นเพราะคุณนายกลับมาแล้ว!ตอนที่ลู่เจ๋อขึ้นไปข้างบน เขาถอดแจ็กเกตขนสัตว์บางๆออก ข้างในสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำเขาเปิดประตูห้องนอน ก็เห็นเฉียวซุนคุกเข่าบนพรม ข้างหน้ากองกล่องของขวัญก
เฉียวซุนบิดหน้าไปเล็กน้อย “คุณบอกจะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ?”ลู่เจ๋อก้มหน้าจูบเธออยู่นาน แล้วลุกจากเตียงไปอาบน้ำ พอเปิดประตูห้องน้ำรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็จางลง... จริงๆ แล้วในการแต่งงานผู้หญิงจะรักเธอหรือไม่ ร่างกายเป็นสิ่งที่ซื่อสัตย์ที่สุดเฉียวซุนรู้สึกสบายใจ แต่เธอไม่กล้าที่จะสนุกไปกับมันเธอยั้งความต้องการของผู้หญิงเอาไว้...แม้ตอนที่เธอทนไม่ไหวที่สุด เธอจิกผ้าปูที่นอนและปฏิเสธไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา...เธอไม่อยากเป็นเหมือนเมื่อก่อน กอดคอแล้วเรียกชื่อลู่เจ๋อเบาๆไม่กี่นาทีต่อมา ลู่เจ๋อก็เดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบเสร็จเฉียวซุนลุกขึ้นแล้วเธอสวมชุดราตรีผ้าไหม ผมสีดำยาวสยายไปทางด้านหลัง เธอดูบริสุทธิ์ยิ่งเซ็กซี่... เธอยืนอยู่หน้าหน้าต่างสูงจากพื้นถึงเพดานเธอเหม่อลอยอย่างเงียบๆ กระจกหน้าต่างเต็มไปด้วยความชื้นเนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิ นิ้วเรียวเล็กของเฉียวซุนลูบไล้เบาๆแม้ว่าจะไม่แน่ชัด แต่ก็เป็นตัวอักษรถางอย่างคลุมเครือลู่เจ๋อยืนเงียบๆ ที่ประตูห้องน้ำ... ในขณะนั้นอารมณ์ของเขาซับซ้อนถึงที่สุดภรรยาของเขาในใจมีคนอื่นแล้ว!พวกเขาเพิ่งทำ ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงนี้ คิดถึงคนนั้น...ถ
ดึกสงัด ลู่เจ๋อกลับมาที่ห้องนอนในห้องนอนมืดสนิท เฉียวซุนหายใจเป็นจังหวะ น่าจะหลับไปแล้วเขาถอดเสื้อออกแล้วนอนลงข้างหลังเธอ เอาหน้าแนบชิดกับคอของเธอ เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เล่นกับร่างกายของเธอเบาๆ จงใจปลุกเธอให้ตื่นสักพัก เฉียวซุนก็ค่อยๆหายใจถี่ขึ้นลู่เจ๋อรู้ว่าเธอตื่นแล้ว ริมฝีปากบางของเขาแนบใบหูเธอแล้วพูดเบาๆ "บอกผมสิ ว่าคุณยังรักผมอยู่!"เฉียวซุนลืมตาขึ้น...แต่เธอไม่มีปฏิกิริยาต่อคำพูดของลู่เจ๋อ เธออาจเป็นภรรยาของเขา เข้าสังคมกับเขา นอนกับเขา และดูแลเรื่องการกินอยู่ของเขา แต่เธอไม่อาจฝืนพูดได้ว่าเธอยังคงรักเขาอยู่...ไม่มีข้อตกลงระหว่างพวกเขาเหรอ?รักหรือไม่รัก เกี่ยวอะไรกัน!เธอเงียบไปนาน หัวใจของลู่เจ๋อก็หนักอึ้ง เขาพลิกตัวเธอขึ้นแล้วกดเธอไว้ใต้ร่าง... เขามองเธออย่างเงียบๆ ใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีดำของเขารุนแรงจนปิดไม่มิด“ลู่เจ๋อ เป็นอะไร?”เฉียวซุนมองเขาอยู่นาน เสียงแหบพร่าดังออกมาจากริมฝีปากแดงของเธอ เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวที่โตเต็มวัยเธอยกตัวขึ้น และสัมผัสริมฝีปากบางอันอ่อนนุ่มของเขาลู่เจ๋อไม่ได้เปิดปาก...เฉียวซุนเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง เธอจึงโน้มตัวไปเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง
หลินเซียวยิ้ม "ไปเร็ว!"…ลู่เจ๋ออยู่ในห้องโถงของอาคาร เขายืนอยู่หน้ากระจกสีฟ้าสูงจากพื้นจรดเพดาน สูบบุหรี่อย่างเงียบๆวันนี้ เขาตั้งใจแต่งตัวเนี้ยบสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวราวหิมะ และสูทกำมะหยี่แบบตะวันตกที่สั่งทำด้วยมือ ทั้งร่างดูดีมีชาติตระกูล... แต่เวลานี้ที่เขาสูบบุหรี่ กลับดูโดดเดี่ยวมาก!เขามาที่นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วเมื่อมาถึงหน้าประตู ก็เห็นกระเช้าดอกไม้เฉลิมฉลองขนาดใหญ่สองแถว ซึ่งหนึ่งในนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นดอกไห่ถังจำนวนหนึ่ง ไม่ง่ายเลยที่จะพบดอกไม้นี้ในฤดูนี้ เขาเห็นลายเซ็น – เหอจี้ถัง!เฉียวซุนน่าจะชอบมากเธอวางมันไว้ตรงกลางแต่เขาซึ่งเป็นสามี ที่ตั้งใจส่งกระเช้าดอกไม้ทั้งแปดใบไปนั้น กลับวางอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ ไม่ได้รับสนใจจากพนักงานต้อนรับมากนัก...ลู่เจ๋อไม่ได้เข้าไปตอนที่เขาสูบบุหรี่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อคืนเธอไม่ยอมจัดการเขา ไม่ใช่ว่าในใจแกล้งทำเป็นคนอื่นอยู่เหรอ... แล้วประโยคบอกรักเขา ยังไงเธอก็ไม่ยอมพูดออกมา!เฉียวซุนเจอลู่เจ๋อแล้ว เธอมองร่างที่โดดเดี่ยวของเขาเธอเดินเข้าไปช้าๆ มาอยู่ข้างเขา มองดูรูปร่างหน้าตาที่สง่างามของเขา ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกว่าสูญเสียเขาไป แต่ความ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว