หน้าหลัก / โรแมนติก / ห้วงฝันใต้แสงจันทรา / บทที่ 5.4 ความทรงจำที่เลือนลาง

แชร์

บทที่ 5.4 ความทรงจำที่เลือนลาง

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-15 10:00:48

หลี่หานค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับอยู่ที่เดิม เขามองเห็นหน้าของเหยากุ้ยเฟยกำลังแดงและนางกำลังหลับตา

“เหยากุ้ยเฟย” เขากระซิบข้างหูนาง

“เจ้า! เคยทำแบบนี้กับผู้ใด”

“ไม่เคย” หลี่หานตอบด้วยแววตาที่ใสซื่อ

“หลี่หานการละครหรืออย่างไร”

“อื้ม คนพวกนั้นไปแล้ว” เขาชี้ให้ดูว่าไม่มีผู้ใดคอยแอบตาม

“ใครเขาจะอยู่ดูเล่า เจ้าปล่อยข้าได้หรือยัง” นางถามเขาเพราะมือทั้งสองข้างยังอยู่ที่เดิม

จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินกลับตำหนักเย็นอย่างเงียบ ๆ ไม่คุยกันตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่

-------------------------------------------------------------------------

เช้าวันต่อมา

ม้าเร็วจากเมืองชายแดนส่งสารเรื่องกองทัพของอ๋องชิงหมิงให้ฮ่องเต้ที่ท้องพระโรง

“ถวายรายงานพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะประกาศให้เหล่าเสนาบดีรับรู้ว่าในเวลานี้กองทัพของอ๋องชิงหมิงและอ๋องจิ้งเมืองชายแดนกำลังถูกล้อมโด

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.1 หัวใจที่ยังคงเจ็บปวด

    ถานลี่อิง หญิงสาวอายุย่างยี่สิบลี้ภัยสงครามจากแคว้นฉินมายังเมืองต้าซิงเพียงลำพัง หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เงียบสงบในเมืองแห่งนี้ หลังจากเดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายมาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงต้าซิงไม่มากนัก เรี่ยวแรงของนางแทบจะไม่มีเหลือแล้ว และนางรู้ตัวว่าร่างกายอันอ่อนแอใกล้จะทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน“พี่สาว ท่านเจ็บป่วยที่ใดหรือ” เด็กน้อยคนหนึ่งถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของนาง“น้ำ ขอน้ำได้หรือไม่”“ท่านรอตรงนี้สักครู่” เด็กน้อยรีบวิ่งไปตักน้ำมาให้นางเมื่อได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางขอบคุณเด็กคนนี้ที่ช่วยเหลือ พอได้มองไปรอบหมู่บ้าน กลับเห็นแค่เพียงเด็ก และคนชราไม่กี่คนจึงรู้สึกสงสัย“เจ้าชื่ออะไรหรือ”“เสี่ยวเฟย”“ครอบครัวของเจ้าล่ะ”“ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าไปในเมืองหลวงได้สามวันแล้ว ยังไม่กลับมา” เขาตอบพลางมองไปยังทิศทางนั้นขณะที่ทั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.2 อดีตที่หลอกหลอน

    หลี่หงจวิ้นเข้ามาสวมกอดเหออี้เทียนโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง“ข้าขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าขอโทษจริง ๆ” หลี่หงจวิ้นพูดกับเขา น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล หากคนจากพรรคมารมาเห็นคงต้องบอกว่าเป็นน้ำตาแห่งคำลวงเป็นแน่ ไม่มีทางที่หลี่หงจวิ้นจะร้องไห้ให้กับผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่เสียน้ำตาให้เขา“คุณชายท่านนี้ ปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” เหออี้เทียนพยายามบอกเขาให้ปล่อยตัวเอง ในใจคิดว่าบุรุษสองคนยืนกอดกันแนบแน่น แถมอีกคนยังร้องไห้อาวรณ์เป็นภาพที่ค่อนข้างดูแปลกตาอยู่บ้าง“คุณชาย ปล่อยข้าก่อนเถิด ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว” เหออี้เทียนบอกเขาอีกครั้งเพราะคนผู้นี้กลับกอดเขาแน่นขึ้นอีก“เหออี้เทียน เขาคือผู้ใดหรือ” ถานลี่อิงถามเขาด้วยความสงสัย แต่เหออี้เทียนกลับส่ายหัวแทนคำตอบ นางจึงพยายามช่วยแกะมือที่โอบเพื่อนของนางอยู่“คุณชาย ท่านปล่อยเพื่อนของข้าได้หรือไม่” น่าสงสัยว่าหลี่หงจวิ้นรู้สึกกำลังถูกขัดขวางอยู่ เขาปรายตามองถานลี่อิงด้วยสายตาพิฆาต จนนางผงะถอยหลังสามก้าว“ลี่อิง ทำไมหรือ เจ้ามาช่วยข้าก่อน”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.3 อยู่เคียงข้างกัน

    เมื่อเหออี้เทียนเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ยังคงไม่นึกสงสัยในตอนแรกจึงถามเขาด้วยความเป็นห่วง“หลี่หงจวิ้น เจ้าเป็นอันใด”คำตอบของเขามีเพียงรอยยิ้มหิวกระหายวิญญาณของเหออี้เทียน“เทียนเทียน เกิดอันใดขึ้น” ถานลี่อิงวิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังเขา“ลี่อิง เจ้าถอยไปก่อน” เขาบอกนางก่อนจะหันมาพูดกับหลี่หงจวิ้น“หลี่หงจวิ้น มองหน้าข้า เจ้าต้องตั้งสติ เข้าใจหรือไม่” เหออี้เทียนพูดกับเขาเมื่อนึกเรื่องหนึ่งออกเหออี้เทียนเคยศึกษาในตำรามาก่อน อาการเช่นนี้คืออาการของคนในพรรคมารยามที่พลังมารควบคุมร่างกายและจิตใจ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ หลี่หงจวิ้นเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเหออี้เทียน แววตาของเขาหิวกระหาย ปากขยับท่องวิชามารพลันดอกพลับพลึงแดงเริ่มผุดขึ้นมารอบบริเวณ เตรียมพร้อมที่จะเสพวิญญาณของคนที่อยู่ตรงหน้า“หลี่หงจวิ้น หยุดได้แล้ว” เหออี้เทียนจ้องตาเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นว่าหลี่หงจวิ้นไม่มีท่าทีจะฟังเขา จึงวาดฝ่ามือผลักเขาออกไปหนึ่งชุ่นแล้วใช้วิชาสายหนึ่งพยายามทำให้จิตใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.4 ห่วงหาอาวรณ์

    “เทียนเทียน” ถานลี่อิงร้องไห้เรียกเขา จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวทีเล็กทีละน้อย ทำให้ผนึกที่อยู่ในตัวนางเกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้น“ช้าก่อน” เสียงของต้วนจื่อเยี่ยนดังขึ้นพร้อมกับคนในพรรคฝนโลหิตราวห้าสิบคน“เพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ เจ้านี่มันจอมฉวยโอกาส” หวังเหว่ยตวาดเขา“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ต้วนจื่อเยี่ยนตอกกลับ แล้วถามเหออี้เทียน“หลี่หงจวิ้นเล่า เจ้าฆ่าเขาหรือยัง”“...” เหออี้เทียนไม่ตอบอันใด เรี่ยวแรงของเขาเริ่มจะหมด ทั้งยังเจ็บปวดบาดแผลไปทั่วร่าง“ยังไม่ฆ่ามันสินะ” ต้วนจื่อเยี่ยนเห็นท่าทีของเหออี้เทียนก็พอเดาได้ เมื่อรู้ข่าวจากคนในพรรคว่าหาตัวหลี่หงจวิ้นไม่เจอ เขาก็รีบมาที่นี่ทันที“...” เหออี้เทียนยังคงนิ่งเงียบ“หรือว่าเจ้าโดนเสน่ห์มารของมันแล้ว เฮอะ เจ้าหลี่หงจวิ้นคิดจะเก็บของดีไว้กินผู้เดียว” หวังเหว่ยพูดออกมา“แล้วเจ้านั่นหายไปที่ใด ทำไมไม่มาชิงเหยื่อของตนกลับไป” พรรคหมอกทมิฬสงสัยมองไปรอบ ๆ ตัว“หม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.1 การรอคอยที่เนิ่นนาน

    ท้องฟ้าสีครามแต้มด้วยปุยเมฆขาว ๆ ในวันนี้ก็ยังคงเป็นดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฝูงปักษาสวรรค์ที่นานครั้งจะปรากฏตัวอวดโฉมต่างพากันโผบินไปยังตำหนักเทพเบื้องบนราวกับมีงานชุมนุมรื่นเริง ด้านล่างทางขึ้นเขาดินแดนเทพมีหอเซียนต่าง ๆ มากมายสำหรับเซียนที่คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพ มนุษย์ และเผ่าอื่น ๆ ในใต้หล้าริมทะเลสาบด้านหลัง มีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าที่รับคำวิงวอนจากมนุษย์ส่งให้เหล่าเทพได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในหอเซียนไปนั่งชื่นชมธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเช่นเคยหลิวลี่เซียง เจ้าอยู่ที่ใดกัน เซียนหนุ่มผู้นี้ถอนหายใจพลางมองไปยังเป็ดยวนยางคู่หนึ่งเป็ดยวนยางยังมีคู่แล้วเจ้าอยู่แห่งหนใด ความฝันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ไม่มีเจ้าราวกับชีวิตมีบางสิ่งขาดหายไปความรำพึงรำพันของเขาเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากได้พบนางในฝัน แต่ความฝันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน ครั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เกิดเป็นเซียนก็คอยแต่จะตามหานางทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะดินแดนเซียน ดินแดนมนุษย์ เผ่าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เคยไปมาทั้งหมด หากแต่ไม่มีวี่แววจะได้พบกับนาง เหลือเพียงแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-20
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.2 มนตร์ปีศาจจิ้งจอก

    เหรินฮ่าวหรานลงจากล่างเขาดินแดนเทพมาอยู่ในดินแดนมนุษย์ได้สามสี่วัน เขาใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องของตนเองกับหลิวลี่เซียง ระยะเวลาสองพันปีที่เขารอคอยนางมา หากคำตอบไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาจะทำเช่นไรทว่าเรื่องหัวใจของตนเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้นานนัก ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ความฝันที่ผ่านมาแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนชาติภพที่เขาและนางต้องเผชิญร่วมกันในฐานะที่แตกต่างกันไป เหรินฮ่าวหรานตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าคำตอบเป็นเช่นไร เขาจะยังคงรอนางอย่างที่เคยรอเสมอมา ความรักของเขาจะมอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เหรินฮ่าวหรานเริ่มยิ้มออก ใจที่เคยสับสนค่อยผ่อนคลายลงเหรินฮ่าวหรานเก็บของเตรียมจะออกจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ เขาก็เห็นผีเสื้อสีขาวบินมาจากทางหน้าต่างห้องผีเสื้อนำทาง ผู้ใดกำลังตามหาข้าอยู่หรือ เหรินฮ่าวหรานเอื้อมมือแตะที่ผีเสื้อตัวนั้นก่อนจะออกมายืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องล่าง พลันได้พบเจอคนผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มมาให้ก็ใจเต้นรัวหลิวลี่เซียง เขาไม่รอช้ากระโดดลงมาจากชั้นสองของโรงเต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-21
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.3 มิตรภาพผองเพื่อน

    เหรินฮ่าวหรานไม่รอช้าหยิบมีดขึ้นมากรีดลงที่ตรงหน้าอก พลันเลือดสีแดงฉานไหลริน เขารีบนำภาชนะรองมาให้หลิวลี่เซียงดื่มจนกว่านางจะดีขึ้น“พอแล้ว” ซือมู่เฉินห้ามปราม“แต่นาง...” เหรินฮ่าวหรานมองหลิวลี่เซียงด้วยสีหน้ากังวล“วันนี้พอเท่านี้ อีกครู่หนึ่งนางจะหาย”หลิวลี่เซียงมีท่าทีสงบลง สีตาของนางกลับมาเป็นเช่นเดิม สติที่หายไปเริ่มกลับมาจนแก้มของนางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง นางรีบหันหลังหลบสายตาของเหรินฮ่าวหราน“เป็นอันว่า นางหายดีแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะเสี่ยวหราน เจ้าตามข้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซือมู่เฉินบอกเขาแล้วเดินออกจากห้องไปรอข้างนอก“เถอะน่า รีบตามไปเร็วเข้า เดี๋ยวข้าอยู่กับนางเอง” ไป๋เยว่ซินเห็นท่าทีของเขาก็รีบบอกให้คลายกังวล เหรินฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วตามออกไป“ซินซิน เมื่อครู่ข้าทำอันใดไปบ้าง” หลิวลี่เซียงหามาถามไป๋เยว่ซิน“อาเซียง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีท่าทางเช่นนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอันใดมากหรอก เจ้าเพิ่งจะโดนมนตร์ปีศาจจิ้งจอกมา”“ถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.4 ผีเสื้อสีขาว

    “เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าคอยรักษานางจนครบหนึ่งร้อยวัน แล้วข้าจะไต่สวนเรื่องราวอีกครั้ง” เทพพิทักษ์กฎกล่าวโดยสรุปก่อนจะหันไปทางคนที่เหลือ“พวกเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอก ดินแดนเทพไม่อาจตัดสินความถูกผิดได้ ข้าส่งจะตัวพวกเจ้าไปที่แคว้นชิงชิว”ซือมู่เฉินยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเทพพิทักษ์กฎ ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง“หากข้าไม่ได้ทำความผิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตัดสินข้าไม่ได้” ซือมู่เฉินเผยตราราชวงศ์เมืองฉางให้พวกเขาดู“องค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ” เทพองค์หนึ่งพูดขึ้น“พวกเจ้าอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์ไปเลย ข้ายืนยันว่าข้าและสหายบริสุทธิ์ใจ ระหว่างที่เหรินฮ่าวหรานรักษานาง พวกข้าจะออกตามหาคนต้นเหตุเพื่อมารับโทษให้ได้”“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของจิ้งจอกเก้าหาง วาจาที่เอ่ยออกมาแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ มิเช่นนั้นจะถูกวาจาศักดิ์ย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเอง รวมถึงนางด้วยใช่หรือไม่” เทพพิทักษ์กฎทวนเขาอีกครั้งถึงสิ่งที่เขาเดิมพันเอาไว้ขณะหันไปมองไป๋เยว่ซิน“ข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23

บทล่าสุด

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.5 นิจนิรันดร์(ตอนจบ)

    หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านมาครบหนึ่งร้อยวัน เทพพิทักษ์กฎสั่งให้นำตัวเหรินฮ่าวหรานและหลิวลี่เซียงเข้ามาที่ท้องพระโรงเพื่อไต่สวนครั้งสุดท้าย หากดูจากภายนอกแล้ว หลิวลี่เซียงเหมือนกลับมาเป็นปกติ แต่เหล่าเทพเซียนทั้งหลายยังคงกังขาว่านางหายจากมนตร์ปีศาจแล้วหรือไม่ ส่วนเหรินฮ่าวหรานนั้น ร่างกายภายนอกดูไม่เป็นอันใดเพราะยาจากชิวฉือ แต่ภายในนั้นบอบช้ำเกินพรรณนา“เทพบุปผา ท่านยืนยันได้หรือไม่ว่าสติของท่านกลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว” เทพพิทักษ์กฎถามนางขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของเหล่าเทพเซียน“อื้ม” นางพยักหน้า สายตายังคงมองไปที่เหรินฮ่าวหรานด้วยความเป็นห่วง เวลานี้ไม่คิดสนใจผู้ใดนอกจากเขา“เรื่องของท่านกับเขา เหรินฮ่าวหรานเคยกล่าวว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้น ท่านยืนยันได้หรือไม่”“ข้ายืนยันได้ เขาไม่มีวันทำร้ายข้า ทั้งไม่จำเป็นต้องใช้มนตร์ปีศาจเพื่อให้ข้าหลงรักเขา ไม่ว่าจะอยู่ในชาติภพใด เขาจะคอยปกป้องข้า ไม่มีวันทอดทิ้ง” หลิวลี่เซียงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ท่านเพิ่งได้พบเจอเขา เหตุใดถึงเชื่อใจเขา” เทพวารีก

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.4 ผีเสื้อสีขาว

    “เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าคอยรักษานางจนครบหนึ่งร้อยวัน แล้วข้าจะไต่สวนเรื่องราวอีกครั้ง” เทพพิทักษ์กฎกล่าวโดยสรุปก่อนจะหันไปทางคนที่เหลือ“พวกเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอก ดินแดนเทพไม่อาจตัดสินความถูกผิดได้ ข้าส่งจะตัวพวกเจ้าไปที่แคว้นชิงชิว”ซือมู่เฉินยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเทพพิทักษ์กฎ ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง“หากข้าไม่ได้ทำความผิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตัดสินข้าไม่ได้” ซือมู่เฉินเผยตราราชวงศ์เมืองฉางให้พวกเขาดู“องค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ” เทพองค์หนึ่งพูดขึ้น“พวกเจ้าอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์ไปเลย ข้ายืนยันว่าข้าและสหายบริสุทธิ์ใจ ระหว่างที่เหรินฮ่าวหรานรักษานาง พวกข้าจะออกตามหาคนต้นเหตุเพื่อมารับโทษให้ได้”“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของจิ้งจอกเก้าหาง วาจาที่เอ่ยออกมาแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ มิเช่นนั้นจะถูกวาจาศักดิ์ย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเอง รวมถึงนางด้วยใช่หรือไม่” เทพพิทักษ์กฎทวนเขาอีกครั้งถึงสิ่งที่เขาเดิมพันเอาไว้ขณะหันไปมองไป๋เยว่ซิน“ข้า

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.3 มิตรภาพผองเพื่อน

    เหรินฮ่าวหรานไม่รอช้าหยิบมีดขึ้นมากรีดลงที่ตรงหน้าอก พลันเลือดสีแดงฉานไหลริน เขารีบนำภาชนะรองมาให้หลิวลี่เซียงดื่มจนกว่านางจะดีขึ้น“พอแล้ว” ซือมู่เฉินห้ามปราม“แต่นาง...” เหรินฮ่าวหรานมองหลิวลี่เซียงด้วยสีหน้ากังวล“วันนี้พอเท่านี้ อีกครู่หนึ่งนางจะหาย”หลิวลี่เซียงมีท่าทีสงบลง สีตาของนางกลับมาเป็นเช่นเดิม สติที่หายไปเริ่มกลับมาจนแก้มของนางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง นางรีบหันหลังหลบสายตาของเหรินฮ่าวหราน“เป็นอันว่า นางหายดีแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะเสี่ยวหราน เจ้าตามข้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซือมู่เฉินบอกเขาแล้วเดินออกจากห้องไปรอข้างนอก“เถอะน่า รีบตามไปเร็วเข้า เดี๋ยวข้าอยู่กับนางเอง” ไป๋เยว่ซินเห็นท่าทีของเขาก็รีบบอกให้คลายกังวล เหรินฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วตามออกไป“ซินซิน เมื่อครู่ข้าทำอันใดไปบ้าง” หลิวลี่เซียงหามาถามไป๋เยว่ซิน“อาเซียง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีท่าทางเช่นนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอันใดมากหรอก เจ้าเพิ่งจะโดนมนตร์ปีศาจจิ้งจอกมา”“ถ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.2 มนตร์ปีศาจจิ้งจอก

    เหรินฮ่าวหรานลงจากล่างเขาดินแดนเทพมาอยู่ในดินแดนมนุษย์ได้สามสี่วัน เขาใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องของตนเองกับหลิวลี่เซียง ระยะเวลาสองพันปีที่เขารอคอยนางมา หากคำตอบไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาจะทำเช่นไรทว่าเรื่องหัวใจของตนเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้นานนัก ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ความฝันที่ผ่านมาแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนชาติภพที่เขาและนางต้องเผชิญร่วมกันในฐานะที่แตกต่างกันไป เหรินฮ่าวหรานตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าคำตอบเป็นเช่นไร เขาจะยังคงรอนางอย่างที่เคยรอเสมอมา ความรักของเขาจะมอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เหรินฮ่าวหรานเริ่มยิ้มออก ใจที่เคยสับสนค่อยผ่อนคลายลงเหรินฮ่าวหรานเก็บของเตรียมจะออกจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ เขาก็เห็นผีเสื้อสีขาวบินมาจากทางหน้าต่างห้องผีเสื้อนำทาง ผู้ใดกำลังตามหาข้าอยู่หรือ เหรินฮ่าวหรานเอื้อมมือแตะที่ผีเสื้อตัวนั้นก่อนจะออกมายืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องล่าง พลันได้พบเจอคนผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มมาให้ก็ใจเต้นรัวหลิวลี่เซียง เขาไม่รอช้ากระโดดลงมาจากชั้นสองของโรงเต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.1 การรอคอยที่เนิ่นนาน

    ท้องฟ้าสีครามแต้มด้วยปุยเมฆขาว ๆ ในวันนี้ก็ยังคงเป็นดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฝูงปักษาสวรรค์ที่นานครั้งจะปรากฏตัวอวดโฉมต่างพากันโผบินไปยังตำหนักเทพเบื้องบนราวกับมีงานชุมนุมรื่นเริง ด้านล่างทางขึ้นเขาดินแดนเทพมีหอเซียนต่าง ๆ มากมายสำหรับเซียนที่คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพ มนุษย์ และเผ่าอื่น ๆ ในใต้หล้าริมทะเลสาบด้านหลัง มีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าที่รับคำวิงวอนจากมนุษย์ส่งให้เหล่าเทพได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในหอเซียนไปนั่งชื่นชมธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเช่นเคยหลิวลี่เซียง เจ้าอยู่ที่ใดกัน เซียนหนุ่มผู้นี้ถอนหายใจพลางมองไปยังเป็ดยวนยางคู่หนึ่งเป็ดยวนยางยังมีคู่แล้วเจ้าอยู่แห่งหนใด ความฝันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ไม่มีเจ้าราวกับชีวิตมีบางสิ่งขาดหายไปความรำพึงรำพันของเขาเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากได้พบนางในฝัน แต่ความฝันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน ครั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เกิดเป็นเซียนก็คอยแต่จะตามหานางทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะดินแดนเซียน ดินแดนมนุษย์ เผ่าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เคยไปมาทั้งหมด หากแต่ไม่มีวี่แววจะได้พบกับนาง เหลือเพียงแต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.4 ห่วงหาอาวรณ์

    “เทียนเทียน” ถานลี่อิงร้องไห้เรียกเขา จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวทีเล็กทีละน้อย ทำให้ผนึกที่อยู่ในตัวนางเกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้น“ช้าก่อน” เสียงของต้วนจื่อเยี่ยนดังขึ้นพร้อมกับคนในพรรคฝนโลหิตราวห้าสิบคน“เพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ เจ้านี่มันจอมฉวยโอกาส” หวังเหว่ยตวาดเขา“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ต้วนจื่อเยี่ยนตอกกลับ แล้วถามเหออี้เทียน“หลี่หงจวิ้นเล่า เจ้าฆ่าเขาหรือยัง”“...” เหออี้เทียนไม่ตอบอันใด เรี่ยวแรงของเขาเริ่มจะหมด ทั้งยังเจ็บปวดบาดแผลไปทั่วร่าง“ยังไม่ฆ่ามันสินะ” ต้วนจื่อเยี่ยนเห็นท่าทีของเหออี้เทียนก็พอเดาได้ เมื่อรู้ข่าวจากคนในพรรคว่าหาตัวหลี่หงจวิ้นไม่เจอ เขาก็รีบมาที่นี่ทันที“...” เหออี้เทียนยังคงนิ่งเงียบ“หรือว่าเจ้าโดนเสน่ห์มารของมันแล้ว เฮอะ เจ้าหลี่หงจวิ้นคิดจะเก็บของดีไว้กินผู้เดียว” หวังเหว่ยพูดออกมา“แล้วเจ้านั่นหายไปที่ใด ทำไมไม่มาชิงเหยื่อของตนกลับไป” พรรคหมอกทมิฬสงสัยมองไปรอบ ๆ ตัว“หม

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.3 อยู่เคียงข้างกัน

    เมื่อเหออี้เทียนเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ยังคงไม่นึกสงสัยในตอนแรกจึงถามเขาด้วยความเป็นห่วง“หลี่หงจวิ้น เจ้าเป็นอันใด”คำตอบของเขามีเพียงรอยยิ้มหิวกระหายวิญญาณของเหออี้เทียน“เทียนเทียน เกิดอันใดขึ้น” ถานลี่อิงวิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังเขา“ลี่อิง เจ้าถอยไปก่อน” เขาบอกนางก่อนจะหันมาพูดกับหลี่หงจวิ้น“หลี่หงจวิ้น มองหน้าข้า เจ้าต้องตั้งสติ เข้าใจหรือไม่” เหออี้เทียนพูดกับเขาเมื่อนึกเรื่องหนึ่งออกเหออี้เทียนเคยศึกษาในตำรามาก่อน อาการเช่นนี้คืออาการของคนในพรรคมารยามที่พลังมารควบคุมร่างกายและจิตใจ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ หลี่หงจวิ้นเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเหออี้เทียน แววตาของเขาหิวกระหาย ปากขยับท่องวิชามารพลันดอกพลับพลึงแดงเริ่มผุดขึ้นมารอบบริเวณ เตรียมพร้อมที่จะเสพวิญญาณของคนที่อยู่ตรงหน้า“หลี่หงจวิ้น หยุดได้แล้ว” เหออี้เทียนจ้องตาเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นว่าหลี่หงจวิ้นไม่มีท่าทีจะฟังเขา จึงวาดฝ่ามือผลักเขาออกไปหนึ่งชุ่นแล้วใช้วิชาสายหนึ่งพยายามทำให้จิตใ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.2 อดีตที่หลอกหลอน

    หลี่หงจวิ้นเข้ามาสวมกอดเหออี้เทียนโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง“ข้าขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าขอโทษจริง ๆ” หลี่หงจวิ้นพูดกับเขา น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล หากคนจากพรรคมารมาเห็นคงต้องบอกว่าเป็นน้ำตาแห่งคำลวงเป็นแน่ ไม่มีทางที่หลี่หงจวิ้นจะร้องไห้ให้กับผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่เสียน้ำตาให้เขา“คุณชายท่านนี้ ปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” เหออี้เทียนพยายามบอกเขาให้ปล่อยตัวเอง ในใจคิดว่าบุรุษสองคนยืนกอดกันแนบแน่น แถมอีกคนยังร้องไห้อาวรณ์เป็นภาพที่ค่อนข้างดูแปลกตาอยู่บ้าง“คุณชาย ปล่อยข้าก่อนเถิด ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว” เหออี้เทียนบอกเขาอีกครั้งเพราะคนผู้นี้กลับกอดเขาแน่นขึ้นอีก“เหออี้เทียน เขาคือผู้ใดหรือ” ถานลี่อิงถามเขาด้วยความสงสัย แต่เหออี้เทียนกลับส่ายหัวแทนคำตอบ นางจึงพยายามช่วยแกะมือที่โอบเพื่อนของนางอยู่“คุณชาย ท่านปล่อยเพื่อนของข้าได้หรือไม่” น่าสงสัยว่าหลี่หงจวิ้นรู้สึกกำลังถูกขัดขวางอยู่ เขาปรายตามองถานลี่อิงด้วยสายตาพิฆาต จนนางผงะถอยหลังสามก้าว“ลี่อิง ทำไมหรือ เจ้ามาช่วยข้าก่อน”

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.1 หัวใจที่ยังคงเจ็บปวด

    ถานลี่อิง หญิงสาวอายุย่างยี่สิบลี้ภัยสงครามจากแคว้นฉินมายังเมืองต้าซิงเพียงลำพัง หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เงียบสงบในเมืองแห่งนี้ หลังจากเดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายมาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงต้าซิงไม่มากนัก เรี่ยวแรงของนางแทบจะไม่มีเหลือแล้ว และนางรู้ตัวว่าร่างกายอันอ่อนแอใกล้จะทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน“พี่สาว ท่านเจ็บป่วยที่ใดหรือ” เด็กน้อยคนหนึ่งถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของนาง“น้ำ ขอน้ำได้หรือไม่”“ท่านรอตรงนี้สักครู่” เด็กน้อยรีบวิ่งไปตักน้ำมาให้นางเมื่อได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางขอบคุณเด็กคนนี้ที่ช่วยเหลือ พอได้มองไปรอบหมู่บ้าน กลับเห็นแค่เพียงเด็ก และคนชราไม่กี่คนจึงรู้สึกสงสัย“เจ้าชื่ออะไรหรือ”“เสี่ยวเฟย”“ครอบครัวของเจ้าล่ะ”“ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าไปในเมืองหลวงได้สามวันแล้ว ยังไม่กลับมา” เขาตอบพลางมองไปยังทิศทางนั้นขณะที่ทั้ง

DMCA.com Protection Status