หลังจากกลับจากสวนป่าด้วยกันในวันนั้น จิณณาก็ไม่เจอหน้าอาทิตย์อีกเลย มีเพียงข้อความที่เขาฝากไว้กับป้าแวว สั่งให้หล่อนทำงานในห้องลอฟต์ให้เสร็จ โดยไม่ต้องออกไปทำงานในไร่สตรอว์เบอร์รีอีก
การไม่พบหน้าเขาทำให้จิณณาหายใจหายคอโล่งขึ้นเช่นกัน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาช่วยหล่อนไม่ให้ลื่นตกไปในลำธาร ดวงหน้าผุดผ่องก็ร้อนเห่อขึ้น‘โอ๊ย!’เสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของเขายังดังก้องอยู่ในหู ในเวลานั้นจิณณาไม่กล้าลืมตามาเห็นความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หล่อนยังคงทอดตัวนิ่งอยู่บนความอบอุ่นที่รองรับอยู่หลายวินาทีกระทั่งรู้สึกถึงแรงโอบรัดรอบแผ่นหลัง จิณณาจึงสะดุ้ง ลืมตาขึ้นโดยพลันด้วยสัญชาตญาณของวัยสาว หากพริบตาเดียว ร่างของหล่อนก็ถูกพลิกลงไปอยู่เบื้องล่าง เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อรับรู้ว่าร่างกายและวิญญาณถูกครอบงำจนสูญสิ้นการควบคุมวงแขนแข็งแรงรัดร่างของหล่อนเอาไว้แน่น ดวงหน้าคมสันที่หล่อนเคยลอบมองอยู่หลายครั้งนั้นเคลื่อนมาใกล้ จิณณาหลับตาหนี แล้วริมฝีปากก็ถูกความรุ่มร้อนเข้าครอบครอง ประกบบดเบียดจนแน่น ร่างกายของจิณณาเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไป“คุณ!”จิณณาอึกอัก พูดต่อไม่ถูก จึงได้แต่หลบหน้าหลบตาความทรงจำน่าอายครั้งที่นัวเนียอยู่กับเขาตรงริมลำธารเด่นชัดขึ้นอีกหนแล้วคราวนี้หล่อนยังแอบมานอนหลับอยู่ในห้องแสนรักของเขาแถมเมื่อก้มมองตัวเองก็พบว่ายังเอาเครื่องนอนของเขามาใช้อีก...จิณณารู้สึกแย่กับตัวเองก็คราวนี้นี่แหละ“ขอโทษค่ะ จิณไม่ตั้งใจ”“ขอโทษเรื่องอะไร”อาทิตย์ถามเสียงเหมือนละเมอ ดวงตาคมจับจ้องอยู่กับดวงหน้าสวยที่เพิ่งตื่นนอน ผมยาวสยายดูยุ่งเหยิง...หากเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ“จิณมาแอบนอนหลับในห้องของคุณ ขอโทษนะคะ”“นั่นสิ ฉันต้องทำโทษเธอยังไง”เสียงของเขาแปลกไป จิณณาไม่ได้คิดไปเอง เมื่อเหลือบมองหน้าเขาก็พบสายตารุ่มร้อนแปลกๆ สายตาแบบนี้ทำให้จิณณาไม่อยากอยู่ใกล้เขาสักนิด พอเลื่อนสายตาลงต่ำ ดวงหน้าของหญิงสาวก็เห่อร้อนเสื้อเชิ้ตของเขาถูกปลดกระดุมตลอดแนว จนเห็นกล้ามท้องแข็งรำไรอยู่ข้างในแม้จะเคยเห็นเขาในสภาพเปลือยท่อนบนมาก่อน แต่มันต่างจากคราวนี้ จิณณากำลังรู้สึกเหมือนถูกเขย่าขวัญยิ่งกว่าครา
อาทิตย์มองร่างอวบอัดกลมกลึงในห่อผ้านวมที่ถอยไปซุกอยู่ตรงมุมห้องด้วยความสงสารและเกิดความรู้สึกหวงแหนขึ้นเต็มหัวใจ“ฉันขอโทษที่ฉวยโอกาสกับเธอ”ชายหนุ่มบอก ‘ขอโทษ’ เป็นครั้งที่สอง และทั้งสองครั้งนั้นเมื่อจิณณาได้ฟัง หล่อนก็ยิ่งน้ำตาซึมไหล จนเขาพูดต่อไม่ออก“คุณออกไป”แล้วนี่เป็นคำขอของหล่อนที่เขาให้ไม่ได้เช่นกัน เขาไม่อาจทิ้งจิณณาไว้ในห้องนี้ตามลำพังหลังจากเอาเปรียบหล่อนถึงสามครั้งติดกัน“ฉันต้องดูแลเธอ”“ไม่ต้อง!”เสียงแผ่วเครือสวนกลับทันที อาทิตย์ยกมุมปากยิ้ม ให้หล่อนต่อว่าและโต้กลับเขายังดีกว่าเห็นหล่อนเอาแต่นั่งซึมเศร้า“เอาละ ฉันจะพาเธอไปห้องนอน เธอต้องอยู่ในห้องนอนของฉัน คืนนี้ฉันยังไม่ให้เธอกลับไปห้องพักข้างล่าง”จบถ้อยคำนั้นหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา แววตาของหล่อนดูตื่นพิกล จนชายหนุ่มต้องเม้มริมฝีปากไว้แน่น“ฉันจะไม่รังแกเธอ” อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในคืนนี้...อาทิตย์พูดต่อขึ้นในใจ “ฉันแค่อยากให้เธอพักผ่อนให้สบาย ห้องนอนของฉันนอนสบายกว่าห้
อาทิตย์นอนเอนกายอ่านหนังสืออยู่บนโซฟายาวในห้องนอน หากก็เหลือบสายตามองคนที่นั่งกัดแซนด์วิชฝีมือเขาด้วยท่าทางเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง ความห่วงใยในตัวหญิงสาวทำให้เขาไม่อาจปล่อยหล่อนให้ห่างสายตาในเวลานี้“กินได้ไหม หรือจะเปลี่ยนเป็นข้าวต้ม ฉันจะให้คนทำมาให้”“ไม่ต้องค่ะ จิณกินแซนด์วิชได้”“แน่ใจหรือว่ากิน ไม่ใช่ดมหรอกหรือ”จิณณาหน้าง้ำ วางแซนด์วิชลงในจาน แล้วประคองแก้วโกโก้ที่เกือบจะเย็นชืดมาจิบแทน“เธอคิดอะไรอยู่หรือ”พอเห็นท่าทางนิ่งเงียบของหล่อน อาทิตย์ก็อดที่จะซอกแซกถามไม่ได้หากจิณณาก็แค่ส่ายหน้า...ส่ายหน้าไม่ได้แปลว่าไม่คิด แต่หมายถึงไม่ยอมให้เขารับรู้ต่างหาก“ไม่บอกก็ตามใจ”“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”“วันนี้ไม่ให้ฉันรู้ก็ได้ ฉันยอม แต่วันหน้าฉันไม่ให้เธอปิดบังอะไรจากฉันแน่ๆ”จิณณาเหลือบมองคนตัวใหญ่ที่เปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งไขว่ห้างบนโซฟา เขาทอดมองหล่อนมาตรงๆ ...ไม่ได้ลอบมองอย่างเมื่อครู่แล้วจิณณาจะพูดออกไปได้อย่างไรว่ากำลังหวั่นเ
จิณณาขยับตัวเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งขยุกขยิกอยู่บนกาย หล่อนพลิกหนีแล้วตั้งท่าจะนอนหลับต่อ แต่เจ้าสิ่งนั้นก็ยังตามติดมา“อืม...”หล่อนส่งเสียงในลำคอพลางสะบัดน้อยๆ หวังให้เจ้าสิ่งรบกวนนั้นหายไป แต่กลายเป็นว่ามันกลับโอบรัดแล้วกักกันหล่อนไว้ทั้งตัวจิณณาปรือเปลือกตา แล้วกะพริบตาปริบๆ เพื่อโฟกัสภาพ สิ่งแรกที่สายตาจับได้เป็นโคมไฟที่อยู่ใกล้หัวเตียงความคิดและสติของจิณณาแล่นปราดกลับคืนร่างอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ หากสิ่งรบกวนนั้นกลับรัดหล่อน แล้วดึงจนล้มลงบนที่นอนตามเดิม“คุณอั๋น”“ตื่นแล้วหรือ ฉันรอตั้งนาน” ...จวนเจียนจะลักหลับอยู่ตั้งหลายครั้งอาทิตย์มองร่างกลมกลึงที่เขานอนกกกอดมาครึ่งค่อนคืนด้วยสายตาพราวระยับ มีความสุขเหลือเกินที่ได้กอดรัดแม่ร่างน้อย เขาสูดดมกลิ่นหอมของนวลเนื้อสาวอย่างแสนชื่นใจ“คุณ! คุณมานอนตรงนี้ได้ยังไง ก็ไหนว่า...”“ว่าอะไร...หืม”“เมื่อคืนคุณบอกว่าจะนอนบนโซฟา”“ใช่ ฉันนอนบนโซฟาไปแล้ว แต่นอนไม่หลับ มันปวดคอปวดหลังไ
หลังจากเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว อาทิตย์ก็เข้าไปในห้องลอฟต์ในเวลาเกือบสิบนาฬิกา เขาทอดฝีเท้าตรงไปยังมุมด้านในของห้อง ซึ่งเป็นจุดที่เขาและจิณณาโรมรันกันเมื่อวานนอกจากเครื่องนอนจะถูกพับเก็บแล้ว เสื้อผ้าของจิณณาทั้งชั้นนอกและชั้นใจก็ถูกพับวางไว้ข้างๆ อย่างเรียบร้อย รวมถึงเสื้อเชิ้ตชื้นฝนที่เขาถอดทิ้งไว้ด้วยชายหนุ่มก้มหยิบเสื้อผ้าทั้งของเขาและหล่อนไว้ในมือ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้อง“ใครเข้ามาเก็บห้อง...ป้าแววหรือเปล่า”อาทิตย์หรี่ตาครุ่นคิด อาจเป็นแม่บ้านใหญ่ที่เข้ามาทำความสะอาดห้องลอฟต์อย่างที่เคยทำ และแม่บ้านคนนี้ก็เคยทำงานอยู่กับพิจิกา เขารู้อยู่เต็มอกว่าทั้งสองคนยังคงติดต่อสม่ำเสมอ แถมค่อนข้างสนิทสนมกันด้วยและจากสภาพห้องนี้ที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ แน่นอนว่าคนอย่างป้าแววมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อาทิตย์คาดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อย่างทะลุปรุโปร่งเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ทิ้งจิณณาไว้ตามลำพัง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังคนในบ้าน ให้รู้เสียเลยก็เป็นการดี เขากับจิณณาจะได้ทำตัวได้สะด
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่อาทิตย์เฝ้าสังเกตจิณณาซึ่งนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ทางหน้าบ้าน เขาบอกผ่านป้าแววให้สั่งส้มโอคอยอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวอาทิตย์เชื่อว่าตนเลือกคนไม่ผิด เพราะเด็กคนนั้นพูดเป็นต่อยหอยอยู่ตลอดเวลา คงทำให้จิณณาเพลินไปได้ในจังหวะนี้จะหาว่าเขาไม่มีปัญญาทำให้หล่อนสบายใจ เขาก็ยอมรับ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถทำให้หล่อนร่าเริงขึ้นมาได้ เขาก็ไม่ขัดทั้งนั้นส่วนป้าแววนั้นไม่ผิดจากที่เขาคาด หญิงชรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและจิณณา แถมยังพูดให้อาทิตย์ต้องหน้าม้านด้วยว่ารู้สึกพลาด ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่างอย่างจิณณาให้อยู่ใกล้แมวตะกละอย่างเขา‘ป้าแววก็พูดเกินไป ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย’‘คุณอั๋นรู้ใช่ไหมว่าจะมาทำเล่นๆ กับคนในบ้านไม่ได้ ถ้ารู้ถึงหูคุณนายจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ เพราะคุณนายถือเรื่องพวกนี้มาก มันทำให้คนในปกครองไม่เคารพเรา’‘ให้ผมพูดตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะป้าแววก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า’‘เวลาอะไรคะ แล้วนานแค่ไหน จะปล่อยให้คุณอั๋นเอาเปรียบ
ไม่ยากเกินความสามารถของอาทิตย์สำหรับการหลอกล่อให้จิณณาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาในทุกค่ำคืน แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบหญิงสาว แต่อาทิตย์ก็ไม่สนใจเขายอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่ในจังหวะนี้ขอเลือกทำตามใจตัวเอง และคิดเข้าข้างตัวเองว่าทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เขาก็ทำให้จิณณาได้พบกับความสุขล้นไปด้วยที่สำคัญกว่านั้น อาทิตย์มั่นใจว่าจิณณาไม่ได้รังเกียจเขา เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าท่าทางของแม่สาวน้อยที่มีต่อเขานั้นมันคืออะไร บางเรื่องไม่ต้องมีคำอธิบาย แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจและความรู้สึก“แม่เคยเห็นเธอแล้ว”จู่ๆ อาทิตย์ก็พูดขึ้นในค่ำคืนที่ทั้งสองคนขลุกอยู่บนเตียงนอน จนคนที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาตัวเกร็งขึ้นมา“ครั้งล่าสุดที่แม่มาที่นี่ เธอย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ตอนนั้นเธอนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่กับคนงานในโถงใกล้กับห้องครัว แม่ทำท่าจะเดินไปหา คงอยากจะดูหน้าเธอให้ได้ แต่ฉันขวางเอาไว้ก่อน”จิณณาเริ่มร้อนรน หากอาทิตย์กลับเห็นเป็นเรื่องขัน เขายังมีแก่ใจหัวเราะ“แค
“แม่คุณสงสัยว่าคุณมีใครแอบไว้หรือเปล่า แล้วคุณก็ว่าสุดท้ายคุณก็ซุกจิณไว้จริงๆ อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าเมียเก็บแล้วจะให้เรียกอะไร”อาทิตย์ถึงกับกุมขมับกับการก้าวพลาดของตัวเอง...แต่ก็ยังดีที่แม่คุณยอมเปิดปากบอกสิ่งที่อยู่ในใจ แม้แลกด้วยการถูกเรียกว่าเป็นผัวเก็บของเจ้าหล่อนก็เถอะ!“ฉันไม่เคยคิดจะให้เธอเป็นเมียเก็บหรือเมียซุก แต่ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียจริงๆ”คำยืนยันที่แสนโอหังของเขาทำให้จิณณาตีสีหน้าไม่ถูก แน่นอนว่าความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่บินหายไปแล้ว แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเขานั้นกลับเพิ่มเป็นทวีหญิงสาวจ้องมองเขานิ่ง มือก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้ด้วย จนเมื่อเห็นว่ามิดชิดพอก็พูดกับเขา“จิณโกรธคุณ”“โกรธเรื่อง…?”“คุณบังคับจิณ ทำให้จิณเจ็บ ดูสิ เป็นจ้ำๆ หมดแล้ว”“ไหนดูสิ” เขาดึงแขนหล่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นจริงตามที่บอกก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเหมือนกัน “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้เธอเจ็บ...แต่เธอผิวบาง”“คุณทำผิดแล้วมาใส่ร้ายจิณ”
เสียงพูดคุยดังแว่วเข้ามาในหู จิณณาคิดว่าเป็นเพียงความฝัน เพราะหล่อนพยายามปรือตาเปิด แต่รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งเหลือเกิน ครั้นจะปล่อยตัวเองให้หลับต่อ จิตใต้สำนึกก็บอกว่าหล่อนนอนหลับมากเกินไปแล้ว ควรจะตื่นขึ้นได้สักทีหญิงสาวพยายามฝืนตัวเอง ค่อยๆ ปรือเปิดดวงตาขึ้นอีกรอบ กระทั่งทำได้สำเร็จ เพดานห้องสีขาวที่มีดวงไฟงดงามหรูหราปรากฏขึ้นในสายตา แล้วก็จดจำได้ต่อมาว่าหล่อนอยู่ที่ไหน“ตื่นแล้วหรือหนูจิณ ดูสิ ตัวก็ไม่ร้อน แต่นอนหลับนิ่งไปเลย”เสียงคุ้นหูพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวลและอ่อนโยนตรงหน้าผากทำให้จิณณาเบือนหน้าไปมอง แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หล่อนก็ชันกายขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย“อาจารย์พริก!”หล่อนตกใจ ไม่นึกว่าจะเห็นพิจิกาในห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องนอนส่วนตัวของอาทิตย์ เพราะจิณณายังไม่มั่นใจในสิทธิ์ของตัวเองนัก“ทำไมทำหน้าตกใจ หนูจิณไม่ดีใจหรือที่เห็นฉัน ชักจะน้อยใจแล้วนะ”“ไม่ค่ะ หนูจิณ เอ่อ...นึกไม่ถึงว่าจะได้เจออาจารย์”“โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่นะหนูน้อย”พิจิ
หลังจากเรียกเด็กในบ้านให้พาจิณณาไปพักผ่อนแล้ว พอคล้อยหลังจิณณาไป คุณนายอรอรก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ท่าทางเหมือนจมอยู่กับความคิด ในขณะที่ลูกชายคนรองก็ยังนั่งปักหลักอยู่ข้างๆ ไม่ยอมลุกไปไหนเช่นกัน“แม่คิดว่าซ้ออายุสิบเจ็ดสิบแปดได้ยังไง เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยและเคยทำงานที่กรุงเทพฯ มาแล้ว”ข้อมูลที่ได้ยินนั้นทำให้เศรษฐีนีใหญ่เบิกตาโต แล้วหันขวับไปทางคนพูด“อ้าว! แล้วทำไมแกเพิ่งบอกฉัน ฉันอุตส่าห์ทำใจให้ยอมรับอยู่ตั้งนานว่าพี่แกไปฉวยเด็กมาทำเมีย เห็นหน้าตายังกับเพิ่งจบมัธยม แต่กิริยาท่าทางก็น่าเอ็นดู ผิดจากที่ฉันนึกภาพเอาไว้มาก แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเป็นเด็กของหนูพิจิกาก็ต้องน่ารักไม่ต่างกัน ไม่งั้นจะให้ตามหลังกันได้ยังไง”“แม่ก็ยังเอ็นดูหนูพิจิกาของแม่ไม่เลิกนะ อย่าเผลอเอาเขาใส่พานให้นายอั๋นเข้าก็แล้วกัน จำไว้ว่าตอนนี้นายอั๋นมีเมียเรียบร้อยแล้ว”“เอาน่า ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก แกก็บอกเองนี่ว่าพี่แกย้ำนักย้ำหนาว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่เคยคบหากัน”“นายอั๋นยืนยันตามนั้น ส่วนอีกคนผมไม่รู้ความรู้สึกเขาหรอก สนิทกันม
“หนูจิณไม่อยู่ ไม่มีใครเห็นว่าออกไปไหน มันเป็นไปได้ยังไง ทั้งในบ้านและไร่ของเราก็มีคนอยู่ตั้งมาก”อาทิตย์ออกอาการตกใจ เมื่อเรียกคนงานมาพร้อมหน้าเพื่อสอบถามว่าเห็นจิณณากันบ้างไหม และคำตอบก็ไปในทางเดียวกัน...ไม่มีใครรู้และไม่มีใครเห็นหล่อน“หนูจิณเอาโทรศัพท์ไปด้วยไหม แล้วคุณอั๋นโทร.หาเธอหรือยัง”ป้าแววที่ถูกตามมาจากบ้านพักกลางไร่ออกอาการร้อนรน นางเป็นห่วงจิณณาไม่น้อยกว่าใคร ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ยังโกรธอาทิตย์อยู่ เพิ่งบอกกับตัวเองว่าจะไม่พูดและไม่ยุ่งแล้วด้วยซ้ำ แต่พอไม่ทันข้ามวันก็กลับต้องมาช่วยกันเหมือนเดิม“ผมไม่มีเบอร์หนูจิณ”“แล้วเป็นผัวเมียประสาอะไร ไม่รู้เรื่องของเขาเลย”ป้าแววอดไม่ได้ที่จะบ่น ถ้าอาทิตย์จะโกรธนางอีกก็ตามใจ เพราะเหลืออดเต็มทนแล้วเหมือนกัน หากคราวนี้เจ้าของบ้านหนุ่มกลับก้มหน้ายอมรับผิดเสียง่ายๆ“ผมรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ใส่ใจหนูจิณอย่างที่ป้าพูดจริงๆ” อาทิตย์บอกเสียงอ่อนน้อม เพราะรู้สึกสำนึกผิด “เมื่อตอนเย็นผมก็ก้าวร้าวกับป้า ผมขอโทษด้วย&rd
และเวลานี้จิณณาก็ห่วงความรู้สึกของหญิงชราเช่นกัน รู้ดีว่าฝ่ายนั้นยอมออกปากพูดกับอาทิตย์เพราะหวังดีต่อทุกคน...โดยเฉพาะพิจิกาที่เป็นเจ้านายเก่าของป้าแววเองหญิงสาววางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง แล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับกางเกงยีนออกมา แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ที่มีแบงก์ร้อยสามใบกับเหรียญอีกไม่กี่เหรียญวางเคียงกันอย่างเตรียมพร้อมบรรยากาศในตลาดประจำอำเภอช่วงเวลาเย็นนั้นค่อนข้างเงียบ ไม่มีคนพลุกพล่านเช่นเวลาเช้า ร้านรวงปิดไปหมดแล้ว เหลือแต่ร้านค้าที่เป็นตึกแถวซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นที่พักอาศัยด้วยที่ยังเปิดอยู่จิณณาเดินผ่านไปเงียบๆ ละแวกนี้หล่อนคุ้นเคยดี เพราะเห็นจนชินตามาตั้งแต่จำความได้ ผู้คนล้วนแต่คุ้นหน้า แถมเวลานี้หล่อนก็สัมผัสได้ว่าสายตาบางคู่ก็กำลังมองตาม หากจิณณายังคงก้าวดุ่มๆ ตรงไป หล่อนไม่พร้อมจะทักทายกับใครทั้งสิ้น และยินดีที่ไม่ได้ยินเสียงทักถามจากพวกเขาหญิงสาวเดินไปหยุดตรงห้องแถวชั้นเดียว เมื่อกวาดสายตามองรอบตัว หล่อนก็เห็นความเก่าโทรมชัดตาขึ้น“มาถึงแล้วหรือ แล้วมายังไง มีใครมาส่งหรือเปล่า”ลัดดา...แม่วั
“เมื่อกี้ฉันโทร.ไป แกไม่ได้รับ ยุ่งอยู่หรือเปล่า”น้ำเสียงของแม่ผิดจากที่จิณณาคาด หล่อนคิดว่าแม่จะโกรธและเกรี้ยวกราดกับเรื่องที่หล่อนทำลงไปเสียอีก หากน้ำเสียงนั้นกลับทอดอ่อนเจือความอ่อนล้า วูบหนึ่งจิณณาก็รู้สึกผิด ขณะที่ตัวเองอยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ ได้รับการดูแลอย่างดี แต่แม่ยังทำงานอย่างหนัก แม่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสามมาดักรอซื้อของจากพ่อค้าขายส่ง เพื่อจะนำมาขายบนแผงในช่วงเวลากลางวัน“ไม่ยุ่งค่ะ แม่สบายดีไหม”“ไม่เจ็บไม่ป่วย ฉันก็เป็นของฉันเหมือนเดิม แล้วแกล่ะ เป็นยังไงบ้าง”จิณณาเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลพรั่งพรูอีกคราว หล่อนอ้าปากจะตอบ แต่กลัวเสียงสะอื้นจะหลุดลอดออกไป“แกหายไปเลยนะ ทำงานกับใคร อยู่ที่ไหนก็ไม่โทร.มาบอกฉัน ถ้าพ่อแกไม่บังเอิญได้ยินคนในตลาดพูดถึงแก ฉันก็คงหูหนวกตาบอดไปอีกนาน”เป็นอย่างที่จิณณาคาดไว้ แม่รู้เรื่องของหล่อนจากพ่อเลี้ยงจริงๆ“แม่ผัวของแกมากว้านซื้อตึกแถวในตลาดเราไปหลายคูหา เห็นว่าจะทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่เป็นศูนย์การค้าขายจำพวกพืชผลทางเกษตรครบวงจร มีพวก
“พี่ไม่เข้าใจจิณ พี่คิดว่าเราเข้าใจกันแล้วเสียอีก”น้ำเสียงของอาทิตย์ติดจะตัดพ้อ จิณณาเมินหนี เพราะไม่ต้องการให้ตัวเองใจอ่อน“มันเป็นไปไม่ได้...ไม่ได้เลย”“ตรงไหนที่คิดว่าไม่ได้ จิณติดขัดยังไง”“มันไม่เหมาะสมเลย จิณกับ...คนรอบตัวของจิณจะทำให้พี่อั๋นมัวหมอง ทำให้คุณนายเสื่อมเสีย แล้วทำให้อาจารย์พริกเสียชื่อเสียงไปด้วย”ต้นเหตุมาจากหล่อนคนเดียว การดื้อรั้นเดินไปข้างหน้าอาจทำให้ทุกคนที่หล่อนรักและเคารพต้องเสียหายไปด้วย“อธิบายให้เข้าใจกว่านี้ว่าพี่จะมัวหมองยังไง ทำไมแม่ของพี่ถึงจะได้รับผลกระทบไปด้วย แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพริกตรงไหน”“จิณและครอบครัวของจิณต่างกับพี่อั๋นมาก จิณไม่เคยคิดเรื่องของเราสองคนว่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เพราะจิณมองไม่เห็นทาง”“หนูจิณคิดมากไปเองนะ มันไม่มีปัญหาอะไรเลย พี่ไม่เคยคาดหวังให้ใครดีพร้อม เพราะพี่เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบเหมือนกัน พี่ต้องการแค่คนที่พี่รักและเขาก็รักพี่ เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วเราสองคนมีความสุขเท่านั้นก็พอ”
จิณณาเลือกที่จะกอบโกยช่วงเวลาที่สร้างความสุขให้กับตัวเอง แม้ความรู้สึกหวั่นต่ออนาคตจะเข้ามาหาอยู่บ่อยครั้ง แล้วยังมีความรู้สึกผิดต่อแม่ที่หล่อนทำตัวออกนอกลู่นอกทางอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ยังเข้ามาสะกิดเตือน มันเป็นความหอมหวานที่ยังแทรกด้วยรสขมเพื่อให้หล่อนได้รู้ตัวอยู่เรื่อยๆในช่วงบ่ายของวันทำงาน คนงานในไร่ยังทำงานกันตามปกติ จิณณาใช้เวลาว่างของตัวเองหางานในบ้านทำไปด้วย และวันนี้หล่อนก็เช็ดฝุ่นตรงกรอบหน้าต่างเสร็จเป็นบานที่สามแล้วส่วนอาทิตย์ก็มักจะหมกตัวอยู่ในห้องทำงานนานๆ บางครั้งเขาก็ประชุมทางไกลกับทีมงานที่อยู่คนละประเทศ เมื่อเขาทำงานอยู่ภายในบ้าน จิณณาจึงต้องอยู่ป้วนเปี้ยนไม่ห่างจากเขา เพราะเวลาชายหนุ่มเรียกหาหรือต้องการสิ่งใด หญิงสาวก็จะจัดหาให้เขา งานเหล่านี้ได้กลายเป็นหน้าที่ของหล่อนไปโดยปริยายเช่นกันจนเมื่อจิณณาเช็ดกระจกจนเมื่อยแขนก็คิดว่าจะเก็บงานที่เหลือไว้ทำต่อในวันพรุ่งนี้ หล่อนนำอุปกรณ์ทำงานไปทำความสะอาดแล้วเก็บเข้าที่ไว้ดังเดิม ก่อนจะเดินกลับมายังโถงบ้านอาทิตย์เดินลงบันไดมาพอดี จิณณาเห็นเข้าก็หยุดมองเขาด้วยความที่อยู่ด้วยกันแท
คนที่กำลังกุมเกมรักไล่สายตาหื่นกระหายทั่วกายสาว แผ่นหลังบางและเอวคอดกิ่ว ก่อนจะเคลื่อนมือร้อนผ่าวมาจับสะโพกผายงามจนมั่น แล้วเร่งจังหวะถี่กระชั้นซ้ำๆ เข้าหา หวังแกล้งเจ้าร่างงามจิณณาบิดกายเร่าอยู่เบื้องล่าง ความเสียววาบก่อตัวอยู่ในช่องท้อง ยิ่งสะโพกเพรียวแกร่งขยับเคลื่อนหมุนวนสลับกับการกระแทกซ้ำอย่างช่ำชอง แก่นกายยาวใหญ่อาละวาดอยู่ภายในช่องทางรัก ความคับแคบอุ่นนุ่มที่ชุ่มชื้นนั้นก็บีบกระชับ หญิงสาวกระตุกถี่เมื่อเขายิ่งเร่งจังหวะรัวเร็ว สะโพกสาวหนั่นแน่นกระเพื่อมไหวช่างเร้าใจนักแล้วการควบคุมของอาทิตย์ก็ขาดสะบั้น จากที่คิดเพียงจะแกล้งหญิงสาว หากเป็นเขาที่ตกหลุมพราง ถูกกับดักความอุ่นนุ่มและอ่อนหวานจนต้องเร่งจังหวะกระชั้นส่งหล่อนถึงเส้นชัย แล้วเคลื่อนไหวถี่แรงเพื่อปลดปล่อยตัวเองตามสงครามรักค่อยๆ สงบลง คงเหลือเพียงเสียงหายใจหอบของฝ่ายชายและเสียงครางแผ่วเหมือนแมวอิ่มจากหญิงสาว อ้อมกอดแข็งแรงยังคงโอบรัดร่างงามสะพรั่งไว้อย่างหวงแหน ชายหนุ่มกดจมูกโด่งลงตรงซอกคอระหง แล้วขบเม้มดูดดึงผิวนวลด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ“คนเจ้าเล่ห์”คำแรกจากหญิงส
“เกลียด!”“เกลียดพี่หรือ แล้วทำไมหนูจิณหน้าแดง”ชายหนุ่มจ้องมองใกล้ๆ เหมือนจะสำรวจตรวจตราหาทุกความรู้สึกที่ผุดออกมาจากดวงหน้าผุดผ่อง จนเจ้าหล่อนต้องผงะกายหนี กลัวใจคนบ้านี่จะทำอะไรอย่างไม่คาดคิด จิณณายังไม่อยากเสี่ยง เพราะบริเวณนี้ยังมีคนงานในไร่ป้วนเปี้ยนอยู่“เมื่อกี้พี่รอหนูจิณอยู่ที่บ้าน ห่วงจนจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าร้อนหรือไม่สบายตัวหรือเปล่า ใจจริงพี่ไม่อยากให้ตากแดดตากลมหรอกนะ แต่ที่ให้มาเพราะเห็นว่าหนูจิณสนุกกับการทำงานในไร่” อาทิตย์บอกความรู้สึกของตัวเอง เพราะไม่อยากให้หญิงสาวเข้าใจเขาผิด คิดว่าเป็นจอมบงการไปเสียทุกเรื่อง “ที่พี่มารับให้กลับบ้านด้วยกัน หนูจิณเข้าใจพี่นะ”จิณณามองเขานิ่ง หล่อนเข้าใจความรู้สึกของอาทิตย์ตั้งแต่เห็นเขามาตามแล้วละ แต่ที่ยังต่อต้าน เพราะขัดใจกับการชอบสั่งของเขามากกว่าแต่พอเขาพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้ มีหรือที่หล่อนจะไม่เข้าใจและเห็นใจเขา“หนูจิณก็อยู่ในไร่นี้ อยู่ใกล้พี่อั๋นอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องห่วง”“อยากให้ใกล้มากกว่านี้ พี่ชอบให้อยู่ด้วยกัน