“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู”
“…….” พี่เขาเงียบเอาแต่จ้องหน้าสีหน้าเขามันบอกอย่างชัดเจนว่าเอือมระอา เบื่อหน้าฉันเอามาก ๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวคนสวยพี่โมจิ กับพี่ผู้ชายสุดหล่อเข้ามาช่วย พี่พาร์ท เทพบุตรสุดหล่อคงไม่พามาที่โรงพยาบาลแน่นอน
“จะมองอีกนานมั้ย” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำให้สติมันกลับคืนมา ก็จะอะไรเขาหล่อไงเลยเอาแต่มอง
“ขอโทษค่ะ ก็พี่หล่อหนูเลยอยากมองนาน ๆ ถือว่าเป็นบุญตา งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้วจะกลับไปทำงานก็คงเดินไม่ไหว แค่จะเดินไปป้ายรถเมล์ยังคิดหนักเลย เฮ้อ
“รู้มั้ยเจอเธอทีไรฉันซวยทุกที แทนที่จะได้กินข้าวแต่ต้องพาใครก็ไม่รู้มาหาหมอ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ขอโทษค่ะ ที่หนูทำให้พี่เดือดร้อน” สองมือยกขึ้นไหว้เขาแล้วเดินขากะเผลกไปที่ป้ายรถเมล์ ไม่ได้โกรธเขาหรอก ที่พี่เขาพูดแบบนั้นก็มันเป็นเรื่องจริง ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันมันคือตัวซวย! ไม่งั้นจะทำให้พ่อแม่ตายเหรอ
“เจ็บชะมัดเลย แล้วแบบนี้จะทำงานยังไงเนี่ย” กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ ก็ใช้เวลามากพอสมควร แล้วหมอคือบอก ห้ามเดินเยอะไม่เดินแล้วจะทำงานยังไง เฮ้อ...
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ อีกแค่ 5 เดือนจะจบ ม. ต้องรีบหาเงินจะได้มีเงินเรียนต่อ ถึงจะไม่มีใครร่วมยินดีในวันที่ประสบความสำเร็จ
“หนูจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวหนู! ว่าหนูไม่ใช่ตัวซวย” ฉันแหงนหน้ามองขึ้นฟ้ายิ้มให้พ่อแม่ที่เฝ้ามองลงมาจากฟากฟ้าไกล
ฉันเชื่อแบบนั้นเชื่อว่าพวกท่านอยู่ข้าง ๆ คอยให้กำลังใจตลอด ที่ทุกคนบอกว่าฉันเป็นตัวซวยเพราะวันที่เกิดเป็นวันที่พ่อแม่สูญเสียทุกอย่าง ธุรกิจล้มละลาย จากที่เคยมีทุกอย่างก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง
“ทำไมพ่อกับแม่ไม่เอาหนูไปด้วยนะ เธียร เหนื่อยจังเลยค่ะ” แค่คิดน้ำตามันก็จะไหล แต่ก็ผ่านมาแล้วทุกอย่าง แค่บางครั้งมันก็ต้องการใครสักคนที่คอยปลอบ อยู่ข้าง ๆ อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นที่ไม่ต้องดิ้นรน
แต่ก็ช่างเถอะคนเราเกิดมาต่างกันแค่มีกินไปวัน ๆ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อก็พอแล้ว
“รอด้วยค่ะ” มัวแต่นั่งเหม่อรถเมล์มาก็เลยไม่เห็นดีนะเขาไม่ออกรถไปก่อน
“หลบ ๆ ๆ รีบ ชักช้า”
พรึบ
ตุ้บ
“โอ๊ย ดะ...เดี๋ยวก่อนรอหนูด้วย”
ทำไงล่ะทีนี้ กำลังจะก้าวขาขึ้นรถ มีผู้ชายวัยกลางคนที่ไหนไม่รู้เดินมาชนแล้วตัดหน้า แล้วข้อเท้ามันเจ็บเลยล้มก้นกระแทกพื้น แล้วรถบ้ามันก็ออกไปเลย
“รอก่อน” แต่ก็ไม่ทันแล้วกว่าจะพยุงตัวลุกขึ้นได้มันก็ไปไกลลิบ
“ฮึ เธอไม่ใช่แค่ตัวซวยของคนอื่นนะ ธีรดา แต่เป็นตัวซวยของตัวเองด้วย เอาไงล่ะทีนี้” จะทำไงได้ก็เดินสิ กว่ารถจะมาถึงป้ายก็อีกนาน หิวก็หิว เช้า เที่ยง คงต้องรวมเป็นมื้อเย็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่เจียวตามเคย อาหารที่อร่อยที่สุดเพราะมีปัญญาซื้อกินได้แค่นี้
“เจ็บเป็นบ้าเลย” แต่เดินยังไม่ถึงสามก้าว ก็ไม่ไหวแล้ว
“ทำไมไม่มีเจ้าชายแบบในนิยาย มาช่วย เวลาแบบนี้นะ ถ้าทุกอย่างมันดูง่ายเหมือนในนิยายเหมือนในซีรีส์ก็คงจะดี” ตื่น ๆ เลิกเพ้อแล้วรีบกลับบ้านได้แล้วยัยบ๊อง!!! นี่แหละฉันคนที่บ้า ๆ บอ ๆ ชอบเพ้อฝันจินตนาการทุกอย่างไป แต่คนเรามีฝัน ดีกว่าไม่มีนิ ยิ้มเข้าไว้สิ่งเดียวที่จะทำให้มีความสุข อย่าไปคิดมากกับสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง
แต่สิ่งที่ต้องคิด และคิดตอนนี้คือจะเดินยังไงให้ตัวเองไม่เจ็บ นี่แหละเรื่องยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
1 ชั่วโมงผ่านไป
สรุปยังอยู่ที่เดิมนั่งรอรถเมล์ รออย่างไม่มีความหวัง รอจนจะมืดแต่ทำไมรถมันไม่มาสักที หิวก็หิวแทบจะแทะเล็บตัวเองกินแล้ว ถ้ากินอิฐ หิน ดินทรายแถวนี้ลงไปได้คงกินเข้าไปแล้ว
คงไว้ได้แค่กลิ่น
ที่ไม่เคยเลือนราง
ยังหอมดังวันเก่า
ยามเมื่อลมโชยมา
ทิ้งไว้เพียงอดีต
ที่ไม่เคยหวนมา
ซ่อนเธอไว้ในใจ
ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แค่นั่งฟังเพลงรอ อีกสัก 10 นาที ถ้าไม่มีรถมาคงต้องเดิน เจ็บหน่อยแต่ก็ต้องทน เกิดเป็นคนต้องไม่ยอมแพ้
“ขึ้นรถ”
“ไปขึ้นรถ คนเรียกไม่ได้ยินหรือไง แล้วเธอเป็นบ้าอะไรชอบทำให้ฉันเดือดร้อนอยู่เรื่อย”
แต่ระหว่างที่กำลังเพลิน ๆ ใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาแล้วดึงหูฟังออก แต่พอเงยหน้าขึ้นมองเท่านั้นแหละ
“พี่พาร์ท” ถึงกับต้องฉีกยิ้มกว้าง เขามาได้ไง เขาเป็นห่วงฉันแน่ ๆ เลย
“เอาไปของเธอ” เขาทำเสียงแข็งพร้อมยื่นกระเป๋าเงินให้
“ของหนู?” ฉันรับจากมือเขาพร้อมเกาหัวทำหน้าสงสัยลืมไว้ตอนไหน? แย่จริง ๆ เลย
“เธอนี่มัน” เขาขบกรามแน่น ฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องดุ แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ฉันก็ได้แต่คิดว่าไปทำหล่นไว้ตอนไหน ดีนะไม่ได้ขึ้นรถเมล์ไม่งั้นได้โดยด่าหูชาแน่
“นี่!! จะนั่งบื้อ อีกนานมั้ย” แต่ต้องตกใจเมื่อเสียงเข้มเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเขามันดูไม่สบอารมณ์เลย
“เรียกหนูเหรอ” ฉันชี้นิ้วใส่ตัวเองมองซ้ายขวา แต่ตรงนี้มันมีฉันคนเดียว
“…..” สายตาคมกริบที่จ้องมามันดูน่ากลัวมาก ก็ใครจะไปรู้ว่าเรียกก็ไม่เห็นบอกอะไร ไม่พูดใครมันจะไปรู้ ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษนะ ถึงจะได้รู้ไปเสียทุกอย่าง
จ๊อก ๆ
“อดทนอีกนิดนะ จะถึงห้องแล้ว” ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถอยู่ ๆ ท้องมันก็ร้อง ก็นี่มันจะหกโมงเย็นแล้ววันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้ำหยดเดียว แต่ก็ได้แค่ข่มใจเอามือลูบท้อง พูดบอกมันเบา ๆ
จ๊อก ๆ
“ขอโทษค่ะ” แต่ไอ้ท้องบ้านี่มันก็ไม่เชื่อฟังจะร้องอะไรนักหนา
“…….” แล้วพี่พาร์ทเขาถึงกับพ่นหายใจแรง ๆ ออกมาอย่างรำคาญ
“ใกล้ถึงแล้วพี่จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ” ถ้าจอดตรงนี้เดินอีกแค่ 500 เมตร ก็ถึงหน้าห้องเช่าแล้ว เห็นพี่เขาหงุดหงิดแบบนี้แล้วไม่อยากรบกวน แค่นี้มันก็มากพอแล้ว
“พะ... พี่จะไปไหน” แต่อยู่ ๆ เขาก็ตีไฟเลี้ยวกลับรถไปไหนไม่รู้
“ฉันไม่ หน้ามืดปล้ำเธอหรอก” เขาพูดแค่นั้นแล้วขับรถไปไหนไม่รู้ พอเห็นสายตาดุดันคู่นั้นก็ได้แต่นั่งจ้องหน้า จะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะตอนนี้มันหิวจนไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว
“โอ๊ย” แต่อยู่ ๆ มันก็ปวดท้องขึ้นมา ปวดจนเหงื่อท่วมตัว มันปวดบิดอยู่ในท้องมันแสบ ๆ ยังไงก็ไม่รู้
“เป็นอะไรของเธอ” พี่พาร์ท หันมาถาม
“ปะ... เปล่าหนูไม่ได้เป็นอะไร” ฉันฝืนยิ้มให้เขาไป แค่นี้พี่เขาก็รำคาญจะตายแล้ว
“ปวดท้อง” เขามองมาที่มือที่กุมหน้าท้อง
“เธอนี่มัน!! โธ่เอ๊ย!!” แล้วพี่พาร์ท ก็ไม่พูดอะไรแต่กลับเร่งความเร็ว ซึ่งตอนนี้มันก็ปวดจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ เหงื่อมันเปียกโชกไปทั้งตัว...
โรงพยาบาล“……….” ตอนนี้ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงมันขยับตัวไม่ได้เพราะปวดท้องมาก เหตุจากเพราะวันนี้ทั้งวันไม่ได้กินข้าว แล้วฉันก็ไม่มีญาติที่ไหนพี่พาร์ทเลยรับเป็นเจ้าของไข้ แต่โรงพยาบาลใหญ่แบบนี้คงจะแพงน่าดูแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่าย เฮ้อ“ไว้เสร็จเรื่องทางนี้แล้วจะรีบกลับไปเคลียร์” เสียงพี่พาร์ทที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องดังขึ้น“……” ริมฝีปากบางเม้มปากแน่นเมื่อสายตาคมกริบคู่นั้นมองมา พร้อมร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นพี่จัดการแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี” ไม่รู้ว่าเขาคุยกับใครแต่น้ำเสียงมันเต็มไปด้วยความห่วงใย ต่างจากสายตาที่มองฉันมันเต็มไปด้วยความรำคาญ“ได้เดี๋ยวพี่จัดการให้จะมาเมื่อไหร่ก็บอก”“อึก” ในขณะที่กำลังจะดันตัวลุกขึ้น มือหนาก็กดที่ไหล่ดันร่างเล็กกดให้นอนที่เดิม ทำเอาตกใจหัวใจหล่นวูบเลยทีเดียว“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหา แค่นี้นะ” เขาวางสาย ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ ๆ“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เสียงเข้มดุดันเอ่ยขึ้น เอื้อมมือมาจับที่เส้นผม ฉันได้แต่มองเขาอย่างไม่กะพริบตา ทำไมผู้ชายคนนี้เขาดูอบอุ่นจัง เขาค่อย ๆ แกะผมที่ติดกับราวเตียงออกอย่างใจเย็นกลิ่นน้ำหอมราคาแ
“ขอบคุณพี่พาร์ทมากนะคะ งั้นเบียร์ขอพาลูกไปนอนก่อน”“ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว พี่ไม่อยู่ดูแลตัวเองดูแลลูกดี ๆ นะรู้มั้ย ไว้พี่เคลียร์งานเสร็จจะรีบกลับมาหา”“โอเคค่ะ ปะป๊า น้องพั้นซ์ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ แล้วหนูจะคิดถึงปะป๊าทุกวัน”“เป็นเด็กดีนะครับแล้วปะป๊าจะรีบกลับมา” พาร์ท หอมที่หัวเด็กน้อยวัย 5 เดือนเศษที่กำลังน่ารักน่าชัง เริ่มงอแงเพราะถึงเวลานอน“ไปนอนกันดีกว่า” เขาได้แต่มองตามหลังร่างบางแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากบ้านเพราะต้องบินไปทำงานดูแลธุรกิจที่ประเทศไทย“ป๋า แม่ครับพาร์ทไปแล้วนะ”“อย่าคิดมากไว้ทุกอย่างลงตัวป๋ากับแม่จะย้ายกลับไปอยู่ที่ไทยด้วย”“ครับป๋า” พาร์ทเดินเข้าไปกอดพ่อ“พาร์ทรักแม่นะครับ” และไม่ลืมที่จะเข้าไปกอดแม่“ดูแลตัวเอง อย่าเที่ยวให้มันมากเรื่องดื่มก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่าทำตัวเหมือนป๋าลูก ยิ่งแก่ยิ่งน่าเบื่อขี้บ่น”“ครับแม่ พาร์ทรู้แล้ว แม่ก็อย่าดื้อให้มันมากป๋าจะได้ไม่ต้องบ่น พาร์ทเห็นนะ ทำอะไรกัน”“ตาพาร์ท เรานี่กะล่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนเป็นแม่ถึงกับเขินพูดอะไรไม่ออกเมื่อลูกชายทำท่าทางทะลึ่งกลอกตามองหน้าพ่อกับแม่ แล้วที่น่าหมั่นไส้คนพ่อกลับยิ้มรับอย่างภาคภูม
ตอนเช้า“ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ร่างบางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเมื่อแสงแดดแยงตา ส่องกระทบเข้าที่ใบหน้าหวาน รู้สึกปวดหัวอย่างที่เธอไม่เคยปวดมากแบบนี้มาก่อน“เมื่อคืน” มันเหมือนจะจำอะไรได้แต่ก็จำอะไรไม่ได้พรึบ!!“ว่าแต่” เธียร ดีดตัวลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ห้อง“ที่นี่ที่ไหน? ห้องใคร? แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง?” คำถามนับร้อยพุ่งเข้ามาในหัว“เสื้อผ้า” พร้อมก้มสำรวจร่างกายตัวเอง“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยังใส่ชุดเดิม ร่างกายไม่มีอะไรบุบสลาย ไม่เจ็บไม่ปวด“แล้วที่นี่มันที่ไหน?” เด็กสาวในชุดคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ ค่อย ๆ ก้าวขาเดินสำรวจห้องที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู ในโทนแดงดำ มันดูแปลก ๆ แต่ก็ดูสวยมันดูลึกลับน่าค้นหาสองขาเรียวยังคงก้าวเดินสำรวจห้องไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินพรึบ!!โครม!เพล้ง!!“เฮือก!!” เธอสะดุ้งตกใจจนมือเธอเผลอไปปัด โมเดลจำลองเรือ Costa neoromantic มูลค่าหลายสิบล้านที่ทำจากคคริสตัลแท้ ตกลงแตกละเอียด เพราะมัวแต่เดินเหม่อมองนี่นั่นไม่ดูทาง ร่างบางชนเข้ากับแผงอกแกร่งไร้เสื้อผ้าปกคลุมของเจ้าของห้องเข้าอย่างจัง“…..” คนตัวเล็กในอ้อมแขนคนตัวโตตาเบิกกว้างตกตะลึงกับใบหน้าหล่อคม ม
หลายวันผ่านไปโรงเรียนเอกชนชื่อดัง“ว่าไงเธียรที่ให้วาดให้เสร็จมั้ย”“แค่นี้เอง นี่ไง”“ฝีมือดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่รับเป็นลูกศิษย์”“หนูต้องขอบคุณครูมากนะคะ ที่สอนวิชาความรู้ให้ ถ้าไม่มีครูเธียรคงแย่” เด็กสาวในชุดนักเรียน ม. ปลาย ถักเปียสองข้างหน้าตาน่ารักสดใสสมวัย“เสียดายที่เธียรน่าจะได้เรียนที่นี่ แต่ไม่เป็นไรคนมีพรสวรรค์อย่างเราเรียนที่ไหนมันก็เหมือนกัน” ครูหนุ่มใหญ่วัย 40 ต้น ๆ เป็นอีกคนที่คอยช่วยเหลือเด็กสาว ช่วยสอนศิลปะหางานให้ทำและวันนี้เพราะที่โรงเรียนที่ตัวเองสอนมีงานกิจกรรมแต่กลับไม่มีเวลา เลยไหว้วานเด็กสาวให้มาช่วยอุตส่าห์ไปขออนุญาตโรงเรียนวัดต้นสังกัดมาทำงานช่วยทั้งวัน เย็นนี้เห็นทีต้องเลี้ยงขนมเด็กสาวที่ครูเองก็รักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวคนหนึ่ง“งั้นไปกินขนมกันครูพาไปเลี้ยง”“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ” เหล่าเด็กนักเรียนที่มาช่วยงานต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะนานที ปีครั้งคุณครูจะพาไปเลี้ยง วันนี้ถือเป็นลาภปากต้องยกความดีให้ ธีรดาที่ขยันทำงานจนเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี“แต่เดินไปนะ ครูไม่มีรถ” พอได้ยินครูพูดแบบนั้นเหล่าเด็กซน ต่างพากันบ่นกันใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่ปั
…. เธียร…..ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คล้าย ๆ โลกมันเปลี่ยนไปมองไปทางไหน สวยงามกว่าเคยทุกครั้งทางโน้นก็ดูแปลกไป หัวเราะได้จนสุดทางโลกช่างสดใสทั้งวัน“คิ้ว หู ตา จมูก ปาก”“คนอะไรหล่อไม่มีที่ติ”“พี่พาร์ท พี่พาร์ท พี่พาร์ทของน้องเธียร” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน ถึงได้กลายเป็นคนบ้าถึงขนาดเก็บเอามาฝัน ลุกขึ้นหยิบดินสอมาวาดภาพ ผู้ชายที่แทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ นี่ไหมนะเขาเรียกรักแรกพบ“จะมองมุม ซ้ายก็หล่อ ขวาก็หล่อ จะมุมข้าง ๆ ด้านหน้า ด้านหลัง อร๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด คนหล่อ”…ธีรดาพูดยิ้มคนเดียวมองภาพชายหนุ่มในฝันที่เธอลงมือวาดขึ้นมา ไม่ว่าจะมองภาพนี้ทีไรมันก็ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต“ทำยังไงนะหนูถึงจะได้เจอพี่อีก” เฮ้อ แต่ก็คงได้แค่แอบฝัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบนั้น เขาคงจะมาสนใจเด็กข้างถนนอย่างเธอ ธีรดา แต่ใครสนกันล่ะ การรักใครสักคนมันไม่ได้จำกัดว่าต้องได้เขามาครองแค่ได้แอบมองและแอบรักมันก็สุขใจก็เหมือนเวลาเราดูซีรีส์แล้วเห็นพระเอกหล่อ ๆ ใครถูกใจก็มโนว่าเขาคือแฟนเรา ความสุขมันอยู่ที่เราต่างหาก แต่ตอนนี้เธอควรตื่นจากฝันยัยบ๊องแล้วอาบน้ำไปทำงานได้แล้ว ไม่ได้บอกใครนะฉันบอกกับตัวเอง
โรงพยาบาล“……….” ตอนนี้ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงมันขยับตัวไม่ได้เพราะปวดท้องมาก เหตุจากเพราะวันนี้ทั้งวันไม่ได้กินข้าว แล้วฉันก็ไม่มีญาติที่ไหนพี่พาร์ทเลยรับเป็นเจ้าของไข้ แต่โรงพยาบาลใหญ่แบบนี้คงจะแพงน่าดูแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่าย เฮ้อ“ไว้เสร็จเรื่องทางนี้แล้วจะรีบกลับไปเคลียร์” เสียงพี่พาร์ทที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องดังขึ้น“……” ริมฝีปากบางเม้มปากแน่นเมื่อสายตาคมกริบคู่นั้นมองมา พร้อมร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นพี่จัดการแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี” ไม่รู้ว่าเขาคุยกับใครแต่น้ำเสียงมันเต็มไปด้วยความห่วงใย ต่างจากสายตาที่มองฉันมันเต็มไปด้วยความรำคาญ“ได้เดี๋ยวพี่จัดการให้จะมาเมื่อไหร่ก็บอก”“อึก” ในขณะที่กำลังจะดันตัวลุกขึ้น มือหนาก็กดที่ไหล่ดันร่างเล็กกดให้นอนที่เดิม ทำเอาตกใจหัวใจหล่นวูบเลยทีเดียว“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหา แค่นี้นะ” เขาวางสาย ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ ๆ“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เสียงเข้มดุดันเอ่ยขึ้น เอื้อมมือมาจับที่เส้นผม ฉันได้แต่มองเขาอย่างไม่กะพริบตา ทำไมผู้ชายคนนี้เขาดูอบอุ่นจัง เขาค่อย ๆ แกะผมที่ติดกับราวเตียงออกอย่างใจเย็นกลิ่นน้ำหอมราคาแ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู”“…….” พี่เขาเงียบเอาแต่จ้องหน้าสีหน้าเขามันบอกอย่างชัดเจนว่าเอือมระอา เบื่อหน้าฉันเอามาก ๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวคนสวยพี่โมจิ กับพี่ผู้ชายสุดหล่อเข้ามาช่วย พี่พาร์ท เทพบุตรสุดหล่อคงไม่พามาที่โรงพยาบาลแน่นอน“จะมองอีกนานมั้ย” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำให้สติมันกลับคืนมา ก็จะอะไรเขาหล่อไงเลยเอาแต่มอง“ขอโทษค่ะ ก็พี่หล่อหนูเลยอยากมองนาน ๆ ถือว่าเป็นบุญตา งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้วจะกลับไปทำงานก็คงเดินไม่ไหว แค่จะเดินไปป้ายรถเมล์ยังคิดหนักเลย เฮ้อ“รู้มั้ยเจอเธอทีไรฉันซวยทุกที แทนที่จะได้กินข้าวแต่ต้องพาใครก็ไม่รู้มาหาหมอ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ขอโทษค่ะ ที่หนูทำให้พี่เดือดร้อน” สองมือยกขึ้นไหว้เขาแล้วเดินขากะเผลกไปที่ป้ายรถเมล์ ไม่ได้โกรธเขาหรอก ที่พี่เขาพูดแบบนั้นก็มันเป็นเรื่องจริง ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันมันคือตัวซวย! ไม่งั้นจะทำให้พ่อแม่ตายเหรอ“เจ็บชะมัดเลย แล้วแบบนี้จะทำงานยังไงเนี่ย” กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ ก็ใช้เวลามากพอสมควร แล้วหมอคือบอก ห้ามเดินเยอะไม่เดินแล้วจะทำงานยังไง เฮ้อ...ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ อีกแค่ 5 เดือนจะจบ ม. ต
…. เธียร…..ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คล้าย ๆ โลกมันเปลี่ยนไปมองไปทางไหน สวยงามกว่าเคยทุกครั้งทางโน้นก็ดูแปลกไป หัวเราะได้จนสุดทางโลกช่างสดใสทั้งวัน“คิ้ว หู ตา จมูก ปาก”“คนอะไรหล่อไม่มีที่ติ”“พี่พาร์ท พี่พาร์ท พี่พาร์ทของน้องเธียร” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน ถึงได้กลายเป็นคนบ้าถึงขนาดเก็บเอามาฝัน ลุกขึ้นหยิบดินสอมาวาดภาพ ผู้ชายที่แทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ นี่ไหมนะเขาเรียกรักแรกพบ“จะมองมุม ซ้ายก็หล่อ ขวาก็หล่อ จะมุมข้าง ๆ ด้านหน้า ด้านหลัง อร๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด คนหล่อ”…ธีรดาพูดยิ้มคนเดียวมองภาพชายหนุ่มในฝันที่เธอลงมือวาดขึ้นมา ไม่ว่าจะมองภาพนี้ทีไรมันก็ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต“ทำยังไงนะหนูถึงจะได้เจอพี่อีก” เฮ้อ แต่ก็คงได้แค่แอบฝัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบนั้น เขาคงจะมาสนใจเด็กข้างถนนอย่างเธอ ธีรดา แต่ใครสนกันล่ะ การรักใครสักคนมันไม่ได้จำกัดว่าต้องได้เขามาครองแค่ได้แอบมองและแอบรักมันก็สุขใจก็เหมือนเวลาเราดูซีรีส์แล้วเห็นพระเอกหล่อ ๆ ใครถูกใจก็มโนว่าเขาคือแฟนเรา ความสุขมันอยู่ที่เราต่างหาก แต่ตอนนี้เธอควรตื่นจากฝันยัยบ๊องแล้วอาบน้ำไปทำงานได้แล้ว ไม่ได้บอกใครนะฉันบอกกับตัวเอง
หลายวันผ่านไปโรงเรียนเอกชนชื่อดัง“ว่าไงเธียรที่ให้วาดให้เสร็จมั้ย”“แค่นี้เอง นี่ไง”“ฝีมือดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่รับเป็นลูกศิษย์”“หนูต้องขอบคุณครูมากนะคะ ที่สอนวิชาความรู้ให้ ถ้าไม่มีครูเธียรคงแย่” เด็กสาวในชุดนักเรียน ม. ปลาย ถักเปียสองข้างหน้าตาน่ารักสดใสสมวัย“เสียดายที่เธียรน่าจะได้เรียนที่นี่ แต่ไม่เป็นไรคนมีพรสวรรค์อย่างเราเรียนที่ไหนมันก็เหมือนกัน” ครูหนุ่มใหญ่วัย 40 ต้น ๆ เป็นอีกคนที่คอยช่วยเหลือเด็กสาว ช่วยสอนศิลปะหางานให้ทำและวันนี้เพราะที่โรงเรียนที่ตัวเองสอนมีงานกิจกรรมแต่กลับไม่มีเวลา เลยไหว้วานเด็กสาวให้มาช่วยอุตส่าห์ไปขออนุญาตโรงเรียนวัดต้นสังกัดมาทำงานช่วยทั้งวัน เย็นนี้เห็นทีต้องเลี้ยงขนมเด็กสาวที่ครูเองก็รักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวคนหนึ่ง“งั้นไปกินขนมกันครูพาไปเลี้ยง”“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ” เหล่าเด็กนักเรียนที่มาช่วยงานต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะนานที ปีครั้งคุณครูจะพาไปเลี้ยง วันนี้ถือเป็นลาภปากต้องยกความดีให้ ธีรดาที่ขยันทำงานจนเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี“แต่เดินไปนะ ครูไม่มีรถ” พอได้ยินครูพูดแบบนั้นเหล่าเด็กซน ต่างพากันบ่นกันใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่ปั
ตอนเช้า“ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ร่างบางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเมื่อแสงแดดแยงตา ส่องกระทบเข้าที่ใบหน้าหวาน รู้สึกปวดหัวอย่างที่เธอไม่เคยปวดมากแบบนี้มาก่อน“เมื่อคืน” มันเหมือนจะจำอะไรได้แต่ก็จำอะไรไม่ได้พรึบ!!“ว่าแต่” เธียร ดีดตัวลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ห้อง“ที่นี่ที่ไหน? ห้องใคร? แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง?” คำถามนับร้อยพุ่งเข้ามาในหัว“เสื้อผ้า” พร้อมก้มสำรวจร่างกายตัวเอง“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยังใส่ชุดเดิม ร่างกายไม่มีอะไรบุบสลาย ไม่เจ็บไม่ปวด“แล้วที่นี่มันที่ไหน?” เด็กสาวในชุดคอสเพลย์สุดเซ็กซี่ ค่อย ๆ ก้าวขาเดินสำรวจห้องที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู ในโทนแดงดำ มันดูแปลก ๆ แต่ก็ดูสวยมันดูลึกลับน่าค้นหาสองขาเรียวยังคงก้าวเดินสำรวจห้องไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินพรึบ!!โครม!เพล้ง!!“เฮือก!!” เธอสะดุ้งตกใจจนมือเธอเผลอไปปัด โมเดลจำลองเรือ Costa neoromantic มูลค่าหลายสิบล้านที่ทำจากคคริสตัลแท้ ตกลงแตกละเอียด เพราะมัวแต่เดินเหม่อมองนี่นั่นไม่ดูทาง ร่างบางชนเข้ากับแผงอกแกร่งไร้เสื้อผ้าปกคลุมของเจ้าของห้องเข้าอย่างจัง“…..” คนตัวเล็กในอ้อมแขนคนตัวโตตาเบิกกว้างตกตะลึงกับใบหน้าหล่อคม ม
“ขอบคุณพี่พาร์ทมากนะคะ งั้นเบียร์ขอพาลูกไปนอนก่อน”“ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว พี่ไม่อยู่ดูแลตัวเองดูแลลูกดี ๆ นะรู้มั้ย ไว้พี่เคลียร์งานเสร็จจะรีบกลับมาหา”“โอเคค่ะ ปะป๊า น้องพั้นซ์ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ แล้วหนูจะคิดถึงปะป๊าทุกวัน”“เป็นเด็กดีนะครับแล้วปะป๊าจะรีบกลับมา” พาร์ท หอมที่หัวเด็กน้อยวัย 5 เดือนเศษที่กำลังน่ารักน่าชัง เริ่มงอแงเพราะถึงเวลานอน“ไปนอนกันดีกว่า” เขาได้แต่มองตามหลังร่างบางแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากบ้านเพราะต้องบินไปทำงานดูแลธุรกิจที่ประเทศไทย“ป๋า แม่ครับพาร์ทไปแล้วนะ”“อย่าคิดมากไว้ทุกอย่างลงตัวป๋ากับแม่จะย้ายกลับไปอยู่ที่ไทยด้วย”“ครับป๋า” พาร์ทเดินเข้าไปกอดพ่อ“พาร์ทรักแม่นะครับ” และไม่ลืมที่จะเข้าไปกอดแม่“ดูแลตัวเอง อย่าเที่ยวให้มันมากเรื่องดื่มก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่าทำตัวเหมือนป๋าลูก ยิ่งแก่ยิ่งน่าเบื่อขี้บ่น”“ครับแม่ พาร์ทรู้แล้ว แม่ก็อย่าดื้อให้มันมากป๋าจะได้ไม่ต้องบ่น พาร์ทเห็นนะ ทำอะไรกัน”“ตาพาร์ท เรานี่กะล่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนเป็นแม่ถึงกับเขินพูดอะไรไม่ออกเมื่อลูกชายทำท่าทางทะลึ่งกลอกตามองหน้าพ่อกับแม่ แล้วที่น่าหมั่นไส้คนพ่อกลับยิ้มรับอย่างภาคภูม