รอยยิ้มเศร้าหม่นหมองแต้มบนหน้านวลผ่อง เหมือนมีใครเตะฟุตบอลมาอัดใส่ทรวงอกจนจุกหายใจแทบไม่ออก กระทั่งสูดลมหายใจเข้าปอดก็เหมือนมีเข็มร้อยเล่มพันเล่มมาทิ่มแทงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอยู่ จนร้าวรวดใจแทบขาด สาวเท้าบอบบางเดินไปหาเทพกานต์เหมือนคนหมดแรง สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกลงไปกลางฝ่ามือ“ได้ค่ะ ฉันจะทำตามความต้องการของคุณ!” ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้วนี่นา ของเคยๆ เหมือนข้าวที่ต้องกิน นับประสาอะไรกับรสสวาทที่หล่อหลอมให้คนบางคนเป็นคนขึ้นมา อยากได้ก็จะให้ แต่หลังจากนี้ก็ทางใครทางมันแล้วกัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่กับคนไร้หัวใจ เห็นเขาเป็นของเล่น อยากสนุกด้วยเมื่อไหร่ก็กระดิกนิ้วเรียก เบื่อเมื่อไหร่ก็ไล่ด้วยเท้า“หยุดตรงนั้นแหละ” มือใหญ่สะบัดโบกน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มที่คนถูกมองเห็นแล้วใจสั่น ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจทีละน้อย ไม่รู้ว่าเทพกานต์จะมีลูกเล่นอะไรอีก “ฉันอยากเห็นแกเต้นระบำเปลื้องผ้าให้ดู”อรินธวัชยืนอึ้ง ดวงตาเบิกกว้าง ความโกรธพุ่งขึ้นเหมือนภูเขาไฟปะทุ ในวงหน้าและดวงตาแดงเหมือนมีประกายเพลิงลุกไหม้อยู่ นี่มันบ้าเกินไปแล้วนะ“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงคุณเทพกานต์ ถึงผมจะต้องยอมทำตามคำ
มือใหญ่ช้อนบั้นท้ายเต่งตึงให้ลอยขึ้น เพื่อตัวเองจะได้ซอกซอนกลืนกินความหวานช่ำนุ่มได้อย่างสะดวก ปลายลิ้นสากระคายจุ่มจ้วงสอดแทรกเป็นจังหวะสลับตวัดฉวัดเฉวียนเวียนวนลากเลื้อยเหมือนกับงูที่กำลังฉกศัตรู ซอกซอนกวาดไล้เนื้อในหวานฉ่ำนุ่ม เหมือนได้ค้นพบดินแดนที่มีน้ำค้างหวานนุ่มให้ดื่มกินไม่ขาดสาย ยิ่งกวาดไล้ลึกมากเท่าไหร่ปริมาณก็มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ“อือ...เจ้านาย...เบาๆ ซิฮะ...” อรินธวัชร้องบอก สะโพกส่ายร่อนไปร่อนมา สมองหมุนคว้างเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาวๆ ท้องน้อยปั่นป่วนบีบตัวตอดรัด เรือนกายสั่นสะท้านไหวโยกเหมือนกับเรือลำน้อยอยู่ท่ามกลางพายุร้าย เสียวซ่านระคนสุขสมแล่นพล่านไปทั่วกายาที่ลอยละล่องไปตกอยู่กลางท้องน้ำเย็นฉ่ำกายเล็กพลิกนอนคลานเข่าจนสะโพกลอยขึ้น ริมฝีปากหนาขบกัดจุมพิตร้อนผ่าวขึ้นไปอย่างเชื่องช้า มือใหญ่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ค้างคาอยู่บนเรือนกายสลัดทิ้งไป เพียงแค่ทาบกายแข็งแกร่งไปบนกลีบกายสาวเท่านั้น เทพกานต์ก็ร้องอู้ ใบหน้าบูดเบี้ยวเหยเก สมองหมุนคว้าง เมื่อถูกดูดด้วยพลังอันมหาศาลจนความแข็งแกร่งซึ่งขยายใหญ่หายเข้าไปฝังในความนุ่มนิ่มและอบอุ่นจนหมดตัว“อา...อรินธวัช สุดยอดที่สุดเลย”เม
ฉัตรจักรแอบกลั้นหัวเราะกับน้ำเสียงหวานนุ่มของแม่นักร้องสาวที่ดังมาในโทรศัพท์เครื่องเล็ก แทบไม่น่าเชื่อ นลินคนที่เขาเห็นตอนยืนอยู่บนเวทีกับคนที่กำลังคุยกับแพรพนัสนั้นไม่เหมือนกันเลย คนหนึ่งดูอ่อนหวาน เหงา เศร้าเหมือนสายน้ำที่ไหลเรื่อยๆ แต่อีกคนกลับตรงกันข้าม อารมณ์ร้าย มุทะลุและดุดัน เป็นเหมือนไฟพร้อมที่จะเผาไหม้ทุกคนที่อยู่ใกล้ เพราะความร้อนใจ “เปล่าหรอก ฉันเพียงแค่เหนื่อยและคิดถึงแกเท่านั้นเอง” “ไม่จริง ถ้าแกคิดแค่นั้นแกไม่ร้องไห้หรอกนัส” “เอาน่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปหาแกนะ เจอกันที่เก่าตอนเที่ยงนะ” ไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพื่อนรักก็ชิงวางสายไปเสียก่อน จนเธอต้องรีบกระหืดกระหอบหาทางออกจากที่คุมขังมาให้ทันเวลานัด แต่นี่ก็เลยเวลาไปนานโขแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้แพรพนัสจะยังนั่งรออยู่อีกหรือเปล่า แต่เพียงแค่เปิดประตูแล้วเห็นร่างเล็กบางนั่งเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยากก็ทำให้หญิงสาวลืมนึกถึงสิ่งอื่นได้ เร่งรีบเดินไปหาเพื่อนที่ตอนนี้อยู่ในชุดหญิงสาวน่ารัก แม้จะแปลกตาแต่กลับสวยหวาน และบอบบางเหมือนกับตุ๊กตาแก้วเจียระไนเมื่อเดินเข้าไปจนเกือบถึง นลินก็ยิ่งแปลกใจ ปกติแล้วแพรพนัสจะตัดผมซอยจนสั้น
“ไม่รู้ซิ คงต้องดูๆ กันไปก่อน อนาคตไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน บางที่ฉัตรเขาคงจะคิดอะไรกับฉันบ้าง ถึงได้ทำแบบนี้”“ความรู้สึกของแกล่ะนัส”วงหน้าสวยแย้มยิ้มอย่างเศร้าหมอง เธอเพิ่งรู้และยอมรับกับตัวเอง เมื่อไม่กี่วันมานี่เอง ทำไมถึงได้ไม่อยากจากชายหนุ่มไปไหน ยอมถูกข่มเหง เพราะใจได้มอบให้คนฉวยโอกาสคนนั้นไปตั้งแต่สองครั้งแรกที่เจอหน้ากันแล้วล่ะ สัมผัสทุกอย่างที่ได้รับเลยฝังตรึงอยู่ในสมองและหัวใจ แต่กลบเกลื่อนด้วยความโกรธและเสียหน้า“ฉันคิดว่า ฉันรักเขานะหลิน” แพรพนัสเอ่ยบอกเพื่อนรักน้ำเสียงเบาหวิวแต่มั่นคงและหนักแน่น โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นมีอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินชัดเจนเต็มสองหู หัวใจเต้นระทึกเปี่ยมล้นด้วยความสุข เพียงแค่ได้ยินคำว่ารักแม้จะไม่ได้พูดกับเขาตรงๆ แต่ก็ทำให้หัวใจอิ่มเอิบจนยิ้มกว้างทั้งใบหน้าและดวงตา“ยิ้มจนปากฉีกถึงใบหูเลยนะไอ้ฉัตร หุบมั่งก็ได้เพื่อน” เทพกานต์แซวเพื่อน ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก็เห็นว่ามีเวลาเกือบชั่วโมง ก่อนจะถึงเวลาที่นลินนัดเขาไว้นี่คงจะมาหาเพื่อนก่อนแล้วคุยกับเขาต่อเลย ส่วนเขาพอโทรหาฉัตรจักร กะว่าจะชวนเพื่อนไปนั่งเหล่สาวๆ ในห้าง ทานกาแฟ คุยเรื่องสัพเพเหระ แต่พ
“เฮ้ย!! ไอ้เทพ คงไม่ได้หมายความว่า...” ฉัตรจักรที่เริ่มมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลใหม่อีกครั้งด้วยความละเอียดรอบคอบ ก่อนจะอึ้งเหมือนโดนใครปล่อยหมัดเข้าตรงปลายคาง เมื่อรับรู้ว่านักร้องสาวคนที่เขาเองเคยถูกใจนั้นจะเป็นคนเดียวกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง ซึ่งหนีหายสาบสูบไปเมื่อหลายปีก่อน“อือ...มึงคิดไม่ผิดหรอกไอ้ฉัตร ถึงว่าเล่นงานกูหนักเหลือเกิน ล่อหลอกให้อยากแล้วจากไป” เทพกานต์กัดฟันบอกเพื่อน ทุกครั้งที่เจอนลิน จะต้องมีเหตุให้เขาเจ็บตัวและบอบช้ำเสมอ“มึงจะทำยังไงต่อไป”“ถึงเวลามึงก็รู้เอง” เทพกานต์บอกเสียงเครียด ดวงตาวาววับจับจ้องที่ร่างโปร่งบางเหมือนกับเสือที่จับจ้องเหยื่อ รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหนา‘คิดว่าจะมาเล่นงานฉันแล้วจะลอยนวลไปได้ง่ายๆ หรือรมย์นลิน รู้จักฉันน้อยไปแล้วแม่ตัวแสบ เธอจะต้องรับโทษอย่างสาสม’นลินสะดุ้งเฮือก ขนตามเรือนกายลุกชัน ใบหน้าสวยค่อยๆ หันไปมองรอบๆ อย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกเหมือนกับมีสายตาอันเกรี้ยวกราดของใครบางคนจับจ้องอยู่ แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครให้ความสนใจเธอเลยสักนิด แต่ใจนั้นกระหวัดไปถึงเทพกานต์ด้วยคิดว่าอาจจะมาก่อนเวลานัด แต่ไม่นะ คนอย่างนั้นถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่มาหรอก อย่างดี
“อ้าว...เป็นอะไรไปน่ะหลิน” เทพกานต์เอ่ยถาม เพราะจับตามองอยู่ทุกวินาที ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ผิวเนื้อนุ่มบริเวณเนินแขนที่โผล่พ้นตัวเสื้อออกมา ใบหน้าคมคร้ามโน้มไปจนเกือบจะชิดใบหู “หึงเหรอ” ริมฝีปากหนาร้อนขบเม้ม ปลายลิ้นลากไล้ซอกซอนไปในช่องหูเล็ก“ใคร้...ใครหึงนายกันยะ น้ำหน้าอย่างนายมีดีอะไรให้ฉันต้องหึงหวงล่ะ” หญิงสาวตอกกลับ ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างถือดี แต่ในหัวใจกลับเต้นแรงและเร็วเหมือนกับจะทะลุออกจากทรวง“อ้าว...ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เห็นทำหน้าทำตาเหมือนกับจะกินฉันอย่างนั้นแหละ ไม่ให้คิดว่าหึงแล้วจะให้คิดยังไงล่ะ”“แหวะ...คนนิสัยเสียอย่างนายใครหึงก็บ้าแล้ว เห็นผู้หญิงสวยไม่สวยไม่สนใจ แค่คลำดูไม่มีหางก็หาทางฟาดจนเรียบ วันไหนติดเอดส์มา ฉันจะนั่งหัวเราะให้ฟันหักเลย”“หลิน!” แพรพนัสร้องห้ามปรามด้วยความกลัวและกังวลอยู่ในหัวใจกับไฟร้ายที่เพื่อนรักเล่นอยู่ ถึงแม้นลินจะบอกว่ากำลังจะยุติเรื่องราวในเร็ววันนี้และกลับไปเป็นรมย์นลินคนเดิม แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดีนั่นแหละ ระหว่างที่ยังไม่ยุติเกิดเทพกานต์รู้เรื่องก่อนล่ะ เพื่อนเธอไม่ถูกฆ่าหมกห้องเสียก่อนหรือไง คิดแล้วกลัวแทน แต่ดูเหมือนว่ารมย
“อย่าเหมาฉันรวมไปด้วยซิหลิน เดี๋ยวนัสเขาโกรธไม่ยอมกลับบ้านด้วย เธอต้องรับผิดชอบนะ” ฉัตรจักรรีบเอ่ยปากปฏิเสธรวดเร็ว “ใช่ไหมนัส”“ไม่รู้ซิ เพราะถ้าเกิดมีผู้หญิงมานั่งตักนายและจูบกับนายแบบนั้นต่อหน้าฉันนะ ฉันไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ แต่จะต่อยนายนั่นแหละให้หน้าคว่ำแล้วก็ทางใครทางมัน อย่าได้มาเจอกันอีกเป็นดีที่สุด ถ้าไม่คิดจะมีฉันคนเดียว คบเผื่อเลือกอยากได้รักหลายรสชาติก็ไปหาคนที่รับได้แล้วกัน เพราะฉันไม่ทนเป็นของให้ใครเลือก และไม่ทนอยู่กับคนมักมากด้วย”ฉัตรจักรถึงกับหนาวในใจ ใครจะไปรู้ล่ะถ้าเกิดวันหนึ่งสาวๆ ที่เขาเคยคบด้วยเกิดมาทำอย่างที่เจนสุดาทำกับเทพกานต์ มีหวังสูญเสียแพรพนัสไปเป็นแน่ ไม่ได้ ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ต้องรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน “โธ่...นัสจ๋า...”“ไม่ต้องมาจ๋ากับฉัน เลี่ยน”“ไม่จ๋าก็ได้ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ นัสต้องฟังเหตุผลฉันก่อนนะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นคบกับฉันก่อนที่ฉันจะได้เจอกับนัส ก็ควรอภัยให้นะ แต่ถ้าหลังจากที่เราคบกัน...ฉันเกิดไปพลาดพลั้งกับใครเราค่อยมาพูดกันอีกทีดีไหม”“เหตุผลของคนเห็นแก่ตัว” นลินเอ่ยขึ้นอย่างไม่เจาะจงว่ากำลังกล่าวหาใคร“ผู้หญิงคนนี้เ
“ไม่รู้เหมือนกัน” แพรพนัสตอบกลับและหันไปสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความอยากรู้ นลินกำลังทำอะไรกันแน่ ไหนบอกแค่จะยั่วยวนเทพกานต์ให้หลงรัก แล้วทำตัวหนีหายไปไง“หูคุณไม่ได้ฝาดหรอกค่ะ คุณเจนสุดา เผอิญฉันดวงซวยไปหน่อยที่ดันคิดจะจับผู้ชายคนนี้ แล้วถูกผู้หญิงเอ้ย!” หญิงสาวเอามือปิดปาก ก่อนจะยกมือส่ายเบาๆ“ไม่ใช่ๆ โทษที ผู้ชายของเขาโทรศัพท์มาด่ามาว่าแย่งผัวเขานะคะ ไม่แค่นั้นนะคะ ยังจะส่งรูปมาให้ดูด้วย อยากดูไหมล่ะ ฉันมีพกในกระเป๋าเยอะเลย แบบว่าเอาไว้เตือนสติตัวเอง อย่าหลงกับรูปลักษณ์ภายนอก จนถูกหมาป่าบางตัวหลอกกินฟรี” นลินบอกพร้อมกับดึงเอารูปในกระเป๋ามายื่นให้เจนสุดา หวังจะใช้การอาละวาดของหญิงสาวตัดความสัมพันธ์กับเทพกานต์ และทำตัวหนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย“กรี๊ด...เทพ...เทพเป็นอย่างที่นังคนนี้ว่าจริงๆ หรือคะ ทำไมคะเทพ เจนนี่บำรุงบำเรอให้คุณไม่ถึงใจหรือไง ถึงได้เล่นไปเอาพวกเดียวกันน่ะ” หญิงสาวหวีดร้องเสียงแหลมเล็กจนบาดลึกเข้าไปในหู สองมือเล็กกำเป็นหมัดและทุบไปบนอกกว้างเหมือนกับแรงมด นอกจากจะไม่เจ็บแล้วยังสร้างความรำคาญให้กับเทพกานต์เสียอีก“บัดสีบัดเถลิง น่าเกลียด ยี้...น่าขยะแขยงเป็นที่สุดเ
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว