“ขอบใจจ้ะ นัสใจดีที่สุดเลย น่ารักสุดๆ เลยเพื่อนใครหว่า?” ร่างโปร่งบางวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนรักแต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อถูกปลายนิ้วเล็กๆ ของอีกฝ่ายยื่นออกไปดันหน้าผากเอาไว้“ไม่ต้องเลยแก อย่าเว่อร์” แพรพนัสต่อว่าถึงอาการดีใจจนเนื้อเต้นของเพื่อนรัก และดีใจที่ตัวเองคิดไม่ผิดเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนรักเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและสดชื่น“แกจะให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมา แต่...อ๊ะๆ ” ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นส่ายไปมา ถ้าไม่ดักทางไว้ก่อนเดี๋ยวแม่เพื่อนรักให้เธอทำเรื่องยากๆ อีก“ช่วยเท่าที่ฉันช่วยได้นะ ไม่เอาไอ้ประเภทที่ต้องฝืนใจแล้วนะแก”นลินพยักหน้าอย่างรับรู้ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนเกือบจะถึงใบหูที่แต่งแต้มบนวงหน้าสวยแล้วทำเอาแพรพนัสถึงกับหนาวเยือกในอก คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แล้วค่อยโล่งใจปนอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนบอกกลับมา“ไม่ฝืนใจแกสักนิดเดียวเลยนัส ก็เพียงแค่เรายังไม่กลับบ้านกันแต่ไปซื้อเสื้อผ้ากันหน่อย”“ห๊า! ...แกจะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปซื้อเสื้อผ้ากับแกเนี่ยนะ แกคิดอะไรของแกอยู่หรือหลิน”“เออ...เอาน่า เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ” นลินกอดแขนเพื่อนรัก ทาบแก้มบนไหล่กว้างและดึงให้หันกลับไ
“นี่คุณ ไม่ต้องกอดได้ไหม” แพรพนัสพยายามปลดแขนที่กอดเอวบางเอาไว้ออกไป แต่เหมือนกับมือใหญ่มีกาวหนาเคลือบอยู่ เลยไม่แม้แต่จะขยับเคลื่อน ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าพ่นจากเปลือกปากสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าขาวสวยเบะออกอย่างเบื่อหน่ายและโคตรจะหงุดหงิด ไม่เข้าใจนลินเลยว่าคิดทำอะไรอยู่ดีๆ ก็หายตัวไปพร้อมกับข้อความที่ว่าเดี๋ยวจะมีคนมาหาเธอ แล้วก็กลายเป็นไอ้บ้าหน้าหล่อหวานและคมเข้มมือกาวคนนี้“ไม่กอดไม่ได้ซิฮะ เดี๋ยวไม่สมจริง เอาน่า ผมไม่คิดอะไรกับคุณหรอกฮะ คิดเพียงแค่ว่าคุณเป็นเพื่อนหลิน และเมื่อเพื่อนรักของผมบอกว่าคุณกำลังเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ ผมก็รีบมาช่วยเหลือไงครับ” อรินธวัชบอกเสียงหวานนุ่ม บนวงหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้มไม่หุบ“แต่ฉันอึดอัด” ศอกแหลมๆ กระทุ้งไปที่ท้องชายหนุ่ม แล้วก็แปลกใจที่หน้าท้องหนุ่มหน้าหวานที่เธอเพิ่งจะรู้จักคนนี้ไม่แข็งแกร่งอย่างชายชาตรี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากชายหนุ่มหน้าหวานไม่เท่ากับความรู้สึกแปลบในใจกับภาพหนุ่มหล่อและสาวสวยที่กำลังจับไม้จับมือและส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้แก่กัน“โธ่...คุณก็คิดว่าผมเป็นคุณหลินเพื่อนคุณซิฮะ คุณจะได้ไม่อึดอัด และรับรองได้ว่าผมจะจัดการศัตรูของคุณให้หงายเ
“ทำไมจะไม่ได้ น้าจะบอกพ่อกับแม่ของเราด้วยว่าเราน่ะ ริอ่านเล่นหูเล่นตากับผู้ชาย”“แหม...คุณฉัตรฮะ จะทำกับน้องต้นหลิวเกินไปหรือเปล่าฮะ”“แกอย่ายุ่งไอ้หน้าหวาน ถ้ายังอยากมีหน้าหล่อๆ ไปจีบผู้หญิงอยู่” ฉัตรจักรสบถใส่ มือใหญ่กำหมัดไว้จนแน่น ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถระงับอารมณ์ได้สักแค่ไหนที่จะไม่ทำร้ายไอ้หนุ่มหน้าหวานและปากเสียที่ช่างก่อกวนอวัยวะเบื้องต่ำของเขาเสียเหลือเกิน“แหม คุณฉัตรนี่พูดไม่เพราะเลยนะฮะ ไม่รู้เจ้านายคบหาได้ยังไง อ๋อ...สงสัยจะเป็นประเภทเดียวกันคือว่า...” ชายหนุ่มหัวเราะกลั้วคอ สายตาไล่มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“ประเภทเห็นผู้หญิงคลำดูไม่มีหางละก็พ่อฟาดเรียบ ไม่รู้ว่าป้องกันมั่งหรือเปล่า”อรินธวัชหันไปเลิกคิ้วให้กับแพรพนัส ยิ้มหวานๆ นัยน์ตาแวววาว “ถ้าไปทำงานแล้ว นัสอย่าเข้าใกล้คุณฉัตรเขามากนะฮะ ผมหึง แต่ก็น้อยกว่ากังวล เพราะกลัวนัสจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกสุนัขจิ้งจอกบ้ากาม” ชายหนุ่มหันสายตาไปทางฉัตรจักรอย่างเน้นๆ ให้รู้ว่าเขาหมายถึงใครรอยยิ้มที่ได้รับเมื่อครู่มันคุ้นๆ สะกิดใจแพรพนัสเป็นอย่างมาก จนต้องมองใหม่ให้ชัดเจน คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน มันคุ้นมาก คุ้นจริงๆ แต่พอจะ
ลับสองร่างน้าหลานแพรพนัสก็รีบผลักอกหนุ่มร่างเล็กออกไปไกล ใบหน้าขาวสวยบูดเบี้ยวบึ้งตึง ดวงตาเป็นประกายขุ่นขวางและเขียวปั๊ด สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว แต่ริมฝีปากอ้าค้างเพราะไม่ทันจะได้พูดอะไรหนุ่มน้อยหน้าหวานก็พูดเสียก่อน“ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจ ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”แพรพนัสได้แต่ยืนอึ้งเมื่อหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าเปลี่ยนนิสัยเป็นคนสุภาพและอ่อนโยนโดยฉับพลัน พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ที่กระตุกใจเธอให้พาลคิดไปถึงใครอีกคนที่มีรอยยิ้มละม้ายคล้ายกันเหลือเกิน เสียแต่ว่าคนนั้นไม่ใช่ผู้ชายแต่เป็นผู้หญิง“เอาเป็นว่าตอนนี้ผมช่วยทำงานให้หลินเสร็จเรียบร้อยแล้วคงต้องขอตัวก่อน ผมต้องไปทำธุระต่อน่ะฮะ” ชายหนุ่มบอก ถึงตอนแรกจะสนุกที่ได้แกล้งฉัตรจักร แต่ตอนนี้เขาชักจะเป็นห่วงเจ้านายหนุ่มเสียแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถูกไก่แก่แม่ปลาช่อนคนใดงาบไปเสียหรือยัง“เดี๋ยวคุณ” มือเล็กยื่นไปจับแขนชายหนุ่ม พร้อมกวาดมองไปทั่วกายเล็กซึ่งถ้าเทียบความสูงกันแล้วมันก็ไล่เลี่ยกับนลิน รอยยิ้มที่เธอสะดุดใจคราแรกก็เหมือนกัน“มีอะไรฮะ ผมรีบ” อรินธวัชถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เขาบอกไม่ถูกเมื่อเห็นประกายในดวงตาคู่นั้น แพรพนัสกำลังสงสัย
ก็แหม...พ่อเจ้าประคุณดันนอนเสียจนเต็มเตียงแบบนี้ แล้วเขาจะเอาตัวเองยัดไปไว้ตรงส่วนไหนของเตียงหว่า จะให้นอนบนพื้นน่ะหรือ ไม่เอาล่ะ ที่นี่ตอนกลางวันน่ะ ร้อนจนตับแทบจะแตก แต่พอกลางคืนน่ะหนาวเย็นจนเหมือนกับอยู่แถบขั้วโลกร่างเล็กนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ กับร่างใหญ่ ปลายนิ้วเล็กลากไล้ไปบนวงหน้าคมคร้ามที่ตอนนี้แดงคล้ำอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อออกเค้าหวานโน้มลงไปกดจุมพิตไล่จากปลายจมูกโด่งและค่อยๆ ไล่ลงไปจนถึงริมฝีปากหนาและแดงก่ำ แขนเล็กโอบรอบกายใหญ่อย่างหวงแหน เป็นครู่ใหญ่ก่อนที่อรินธวัชจะผละออกและเริ่มแกะกระดุมเสื้อเพื่อให้เทพกานต์นอนสบายขึ้น“ขออนุญาตนะฮะเจ้านาย” เอ่ยอย่างเผลอไผล น้ำลายเหนียวติดลำคอ เมื่อเห็นแผ่นอกกว้างที่กำลังขยับไหวตามแรงหายใจ แม้จะมีร่องรอยเขียวช้ำไปบ้าง แต่เสน่ห์ยังไม่ลดลงเลย ยังเร้าใจหนุ่มน้อยให้เต้นแรงและเร็ว แล้วไหนจะมีไรขนเส้นเล็กๆ ที่ขึ้นประปรายไล่จากใต้ราวนมและลับหายไปในกางเกงตัวใหญ่มือเล็กยื่นไปจับไล้เบาๆ อย่างคนที่สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว อกกว้างและอุ่นจนอยากที่จะแนบใบหน้าลงไป และเมื่อใจสั่งการสมองก็ไม่รอคิดให้ละเอียดรอบคอบ ใบหน้าหล่อหวานก็แนบลงไปทันทีกลิ่นกายชาย
“อือ...ไม่นะเจ้านาย” ชายหนุ่มพยายามบอกแต่ทว่าเสียงกลับไม่ออกจากปากเลยสักนิด ดวงตากลมโตเบิกกว้าง วงหน้าหล่อหวานเบือนหนีจุมพิตร้อนผ่าว พร้อมพยายามดึงรั้งแขนเล็กให้ออกจากการจับกุม แต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกจากทรวง สองขาเรียวที่พยายามดันกายแกร่งให้ออกห่างก็ถูกตรึงไว้ด้วยสองขาแกร่งเสียอีกเมื่อหนึ่งพยายามหาทางหนี แต่อีกหนึ่งกลับรุกไล่ สองกายจึงบดเบียดเสียดสีกันเพิ่มอุณหภูมิความร้อนและไฟปรารถนาในเรือนกายให้ปะทุและลุกโชติช่วงได้อย่างรวดเร็ว คนที่เบือนหนีเริ่มตอบรับ ปากเล็กอวบอิ่มเผยออ้าให้ลิ้นใหญ่ลากไล้ไปตามเรียวฟันขาวสะอาดและเรียงตัวสวย กระพุ้งแก้มนุ่มถูกแตะแต้มหยอกล้อ จนถึงโคนลิ้นซึ่งไวต่อสัมผัสมือเล็กค่อยๆ ดึงออกจากมือใหญ่ไปโอบรัดและเคลื่อนไหวบนแผ่นหลังกว้าง ลิ้นเล็กๆ ที่เคยดุนดันขับไล่ลิ้นใหญ่ให้ถอยห่างกลับตามติดและเกี่ยวพัน กายเล็กบดเบียดเข้าหากายใหญ่ อากาศยามดึกสงัดเงียบสงบและเย็นยะเยือกเพราะความหนาวกลับไม่มีผลอะไรต่อสองกาย เมื่อตอนนี้เปลวเพลิงแห่งความปรารถนาได้ห่อหุ้มและห้อมล้อมคนทั้งคู่ไว้เสียหมดสิ้นแล้วเทพกานต์ลุ่มหลงในผิวกายเนียนและนุ่มดุจใยไหม
สองมือใหญ่ขยำนวดสะโพกกลมมนสลับกับต้นขาด้านใน ในขณะที่ริมฝีปากขบเม้มจุมพิตร้อนผ่าวไปทั่วบริเวณเนินสวาท ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้กดคลึงเกสรกุหลาบฉ่ำนุ่มสลับสอดแทรกแยกกลีบดอกไม้นุ่ม ล่วงล้ำเข้าไปแหวกว่ายในช่องทางอันอบอุ่นและร้อนชื้นซึ่งคับแน่นมากราวกับว่ายังไม่เคยมีภมรตัวใดได้เชยชมมาก่อน และมันตอดรัดลิ้นของเขาเสียจนกายใหญ่ถึงกับปวดร้าวแทบจะดาวดิ้น“ขอฉันนะหลิน...หวานที่สุดเลยยาหยี” เทพกานต์จมอยู่กับความหวานนุ่มเหมือนคนที่อดอยากอยู่กลางทะเลทรายและได้พานพบกับน้ำจากโอเอซิสริมฝีปากหนาขบเม้มดูดกลืนเกสร สลับใช้ปลายลิ้นสากร้อนสอดแทรกซอกซอนหาความหวาน...สำรวจความลึกล้ำตามธรรมชาติกลีบกายบอบบางนุ่มนวลและอ่อนโยน จนน้ำผึ้งฝาดหวานค่อยไหลซึมออกมาทีละน้อยๆ และเขากวาดไล้มันสู่เรือนกายทุกหยาดหยดอรินธวัชขยับดิ้นเป็นประวิง จิกเกร็งไปทั่วทุกสัดส่วน เหมือนร่างกายนี้เคยเป็นของเขาแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะมันได้กลายเป็นของหวานให้เทพกานต์ได้ดื่มกิน ไม่มีตรงส่วนใดที่ชายหนุ่มไม่ได้แตะต้อง แม้กระทั่งในส่วนที่ไม่สมควรก็ยังถูกชายหนุ่มรุกล้ำด้วยความหลงใหลและเพลิดเพลิน ลมหายใจหนุ่มหน้าหวานหอบพร่าแรงและเร็วเหมือนกับคนที่
“ไม่เจ็บแล้วงั้นพี่ไปต่อนะที่รัก” ไม่เพียงแค่พูดปากร้อนผ่าวงับเม็ดบัวนุ่มและกลืนกินจนเต็มปาก ปลายลิ้นไล้เลียดุนดันปลายยอดถันนุ่มหวานในอุ้งปากอย่างหลงใหล มือใหญ่ฟอนเฟ้นจนปลายยอดทับทิมบวมเป่งตามติดมือใหญ่ สะโพกสอบก็ขยับเคลื่อนออกก่อนจะผลักดันแก่นกายใหญ่เข้าไปจนสุดทางสวาท“จะ...เจ้านาย...” อรินธวัชหวีดร้องเสียงหลงโดยไม่รู้เลยว่าเสียงร้องของเขานั้นจะเป็นการปลุกเร้าอารมณ์เทพกานต์ให้ลุกโชติช่วง เรือนกายแอ่นโค้งเหมือนกับคันศร สองมือเล็กขยับเคลื่อนไปตามกายแกร่งอย่างสะเปะสะปะสลับซอกซอนเข้าไปจิกทึ้งดึงเส้นผมหนานุ่ม พร้อมเสียงร้องหวานๆ ที่ดังออกจากเรียวปากบางนุ่มไม่ขาดสายเรือนกายเบาหวิวเหมือนกับปุยนุ่น ล่องลอยไปในกระแสลมอันอบอุ่น ก่อนจะแตกกระจายเหมือนกับพลุไฟท่ามกลางสายธารเย็นฉ่ำ ทว่าความเสียวซ่านและสุขสมยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อกายใหญ่ยังคงขยับไหวโยกไปในความอบอุ่นและฉ่ำชื้นรัวเร็วสลับเชื่องช้า“หลินจ๋า...ที่รัก...สุดยอดเลยคนดี...” เทพกานต์ร้องบอกอย่างหลงใหล ในความรู้สึกของเขาคนที่อยู่ด้วยในค่ำคืนนี้คือนลิน นักร้องสาวที่เขาอยากได้ ที่ต้องทำให้เธอมีความสุขมากที่สุด เพื่อคราวต่อไปยามถูกเขาขอร้
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว