“เทพเป็นอะไรมากไหม” เพียงแค่ประตูห้องเปิดออก รมย์นลินก็ถลากายพุ่งเข้าไปพร้อมเอ่ยถามแฟนหนุ่มด้วยความห่วงใยระคนตกใจ ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดสาว เพราะรีบวิ่งมาหาคนรักอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเพราะไม่ทันจะได้หวี
หลังจากที่เธอวางโทรศัพท์แล้วก็รีบลุกจากเตียง คว้าเสื้อคลุมชุดนอนได้ก็วิ่งมาหาแฟนหนุ่มที่หอซึ่งอยู่คนละฝากฝั่งของถนนอย่างกังวลและหวาดกลัวว่าเทพกานต์จะป่วยหนัก เพราะเห็นชายหนุ่มขาดการติดต่อไปหลายวัน มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไป โทรหาก็ไม่ติด ซึ่งผิดปรกติวิสัยของหนุ่มที่รักเรียนไม่เคยขาดแม้สักครั้ง
“หลิน...ขอโทษนะที่ต้องโทรไปกวน แต่เทพไม่รู้ว่าจะโทรหาใครแล้วจริงๆ ” เทพกานต์เอ่ยบอกเสียงเบาหวิว และรีบเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม แต่ดวงตาคมวาวกลับจ้องมองร่างโปร่งบางเหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์จ้องเหยื่ออันโอชะ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปากข้างหนึ่ง เขาสู้วางแผนการเพื่อเข้าใกล้แม่สาวจอมหยิ่ง ไม่แม้แต่จะมีสายตาหรือเข้าใกล้ผู้ชายคนใดมาเกือบจะหกเดือนถึงได้มีวันนี้ เพราะอย่างนั้นคืนนี้เขาจะไม่ยอมให้รมย์นลินหนีรอดไปได้อีกแล้ว หลังจากที่หญิงสาวอิดออดมาหลายครั้ง
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ รู้ไหมว่าหลินเป็นห่วงเทพแค่ไหน มาหาที่หอหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยเจอ โทรหาก็ปิดเครื่อง มหาลัยก็ไม่ยอมไป เทพเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเราสองคนไม่ใช่คนรักกัน ถึงได้ทำเป็นลึกลับปิดบังกันอย่างนี้” มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ปากก็พร่ำตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ
วันนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้เธอกลับห้องก็รู้หรอกนะว่าเขาน้อยอกน้อยใจที่เธอไม่เชื่อใจ ถึงแม้ระหว่างที่คบกันนั้นจะยอมให้ชายหนุ่มถูกเนื้อต้องตัว แต่เพราะเธอกลัว...กลัวความผิดหวัง กลัวว่าจะถูกเมินหน้าหนี กลัวไปต่างๆ นานา สารพัดความกลัวที่มันแล่นเข้าสู่หัวใจ เลยอิดออดไม่ยอมที่จะค้างและมีอะไรกับชายหนุ่ม
“ขอโทษนะหลิน เป็นเพราะป่วย เลยทำให้หงุดหงิด อยากจะอยู่คนเดียว คิดมากไม่อยากให้ใครต้องมารับภาระกับคนที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เรี่ยวแรงก็ไม่มี เหมือนกับเป็นคนไร้ค่าอย่างไรไม่รู้”
สองแขนเล็กเรียวโอบรอบร่างหนาใหญ่อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เทพกานต์เป็นทุกข์กังวลกับความรู้สึกกลัวของตัวเอง “ขอโทษนะเทพ แต่หลินกลัว เทพก็เห็นว่ามีหนุ่มสาวหลายคู่ที่รักกันแล้วก็ไม่ยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดจนมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น บ้างก็ถูกทอดทิ้งให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เพียงลำพัง หลินกลัวจริงๆ นะ...กลัวว่าระหว่างเราจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น แล้วหลินจะทำยังไงล่ะถ้าเกิดเทพทิ้งหลิน หรือปล่อยให้ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นเพียงลำพัง”
เทพกานต์สะดุ้งเฮือกกับคำพูดที่ออกจากเรียวปากนุ่มและอวบอิ่มที่เขาเคยได้ลิ้มรสมาหลายครั้งแล้ว แต่เพราะศักดิ์ศรีบางประการที่มันค้ำคออยู่ก็ทำให้เขาต้องรีบสลัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปในทันที ร่างหนาหันหน้ามาหารมย์นลิน สองมือใหญ่วางทาบบนผิวหน้าขาวนวล ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่ววงหน้าขาวสวยรูปไข่ที่สวยงามและสะดุดตาชายหนุ่มทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
ตั้งแต่ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ จมูกโด่งเป็นสัน พวงแก้มขาวนวลเต็มไปด้วยเลือดฝาดสีชมพู และสุดท้ายนั้นคือ...ริมฝีปากอิ่มเต็มและหวานนุ่ม ทำเอาใจหนุ่มถึงกับกระเจิดกระเจิงได้ทุกครั้งยามที่ได้ลิ้มรส ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนพวงแก้มนุ่ม พร้อมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตเหมือนกับกำลังสะกดจิตให้รมย์นลินนั้นหลงใหลในคำพูดที่ปั้นแต่งขึ้นมาอย่างสวยหรูและหวานฉ่ำ แต่หาความจริงใจไม่ได้สักนิด
“หลินก็รู้ว่าเทพรักหลินแค่ไหน แล้วอย่างนี้เทพจะทำร้ายหัวใจของตัวเองได้ยังไงกันล่ะ ต่อให้โลกจะแตกไปต่อหน้า ในหัวใจและสายตา” เทพกานต์จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับต้องการสะกดจิตรมย์นลินให้หลงใหลใคร่เสน่หาในตัวเองจนยากเกินจะถอนตัวถอนใจได้
“จะมีแต่หลินคนเดียวเท่านั้น เราสองคนจะจับมือพร้อมเดินไปด้วยรักและเข้าใจ ในหัวใจเทพจะมีหลินครอบครอง สองแขนจะไม่โอบกอดใครอีกนอกจากหลินคนเดียวเท่านั้น...สัญญา”
“เทพ...” รมย์นลินผวากอดแฟนหนุ่มอย่างตื้นตันใจ
“หลินจ๋า เทพรักหลินนะ รักมาก รักสุดหัวใจเลย” เทพกานต์ไม่ยอมให้โอกาสดีหลุดลอยไป ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนหงายขึ้น ดวงตาคมกริบเป็นประกายพราวระยับมองอย่างต้องการสะกดจิตรมย์นลิน ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและหวานเชื่อมโน้มลงไปอย่างเชื่องช้าจนริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับสนิทแน่นบนเรียวปากอวบอิ่มและหวานเชื่อม
เทพกานต์กดจุมพิตเหมือนจะหยอกล้อแต่หนักหน่วง สร้างความซ่านสยิวและวาบหวามให้กับสาวน้อยอ่อนไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก ไม่เคยสักครั้งจากการแตะต้องตัวของชายหนุ่มที่จะเหมือนครั้งนี้
เพราะเธอรู้สึกเหมือนมีลูกไฟร้อนผ่าวทาบทับอยู่บนเรียวปากนุ่ม และมือใหญ่ที่เคลื่อนไหวไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนกาย และหยุดพักอยู่ตรงกลางระหว่างอก ชายหนุ่มกดคลึงอย่างย่ามใจ มือใหญ่ฟอนเฟ้นอย่างหนักหน่วงสลับแผ่วเบาอย่างต้องการดึงสติรมย์นลินให้ลุ่มหลง จนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นยินยอมที่จะเดินทางตามติดไปทุกหนทุกแห่งแล้วแต่เขาจะพาไป
“เรารักกันใช่ไหมหลิน” ริมฝีปากร้อนผ่าวประพรมจุมพิตไปทั่วใบหน้าขาวนวล ในขณะที่มือใหญ่ก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ กระดุมเสื้อนอน เพราะเสื้อที่หญิงสาวสวมใส่ออกมานั้นติดกระดุมด้านหน้าเลยเป็นโอกาสดีให้เทพกานต์ปลดกระดุมจากรังดุมและเข้าครอบครองสองเนินเนื้ออวบอิ่มและนุ่มหยุ่นอย่างรวดเร็ว จนรมย์นลินไม่ทันจะได้ห้ามปราม เพราะหัวใจก็หวั่นไหวและวาบหวามไปกับจุมพิตร้อนผ่าวที่เหมือนกับจะสูบเอาวิญญาณออกจากร่าง
มือใหญ่ดึงรั้งเอาชุดนอนออกจากเรือนกายโปร่งบางและโยนทิ้งไป สองแขนแข็งแกร่งกอดรัดร่างนุ่มนิ่มอย่างแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่าง พร้อมกับดันร่างที่เมื่อแรกเห็นว่าโปร่งบางแต่เอาเข้าจริงกลับกลมกลึงให้นอนลงบนเตียงนอน โดยไม่ยอมถอดถอนจุมพิตเว้าวอนและเรียกร้องให้ตอบสนอง
“เทพ...หลินกลัว” รมย์นลินสั่นสะท้านราวกับลูกนกตกน้ำ สองมือเล็กได้แต่จับอยู่บนแขนแข็งแกร่ง มองสบดวงตาเข้มอย่างเว้าวอน หัวใจเต้นแรงและเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากทรวง
“เทพรักหลินที่สุด...เราจะมีกันและกันตลอดไปนะ” ปากหนาพร่ำเอ่ยคำรักเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ...จัดการรมย์นลินให้สมรักสมปรารถนา
สัมผัสที่โลมไล้ทั่วกายาและคำรักหวานๆ ทำให้ความคิดที่จะห้ามปรามเริ่มเลือนหายไปจากสมองรมย์นลิน ด้วยปั่นป่วนและซ่านสยิว ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าออกกว้างให้ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวซอกซอนไปทั่วโพรงปาก ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดซอกซอนตามติดลิ้นใหญ่ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งสองโพรงปาก
สองมือเล็กเริ่มขยับเคลื่อนไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ และยิ่งวันนี้เทพกานต์ใส่เพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวก็ยิ่งทำให้มือเล็กได้สัมผัสกับผิวหนังอุ่นๆ จนร้อนอย่างถนัดถนี่ จนสองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วเล็กๆ หยอกล้อพัวพันกับเส้นผมหนาและนุ่ม บดเบียดลำตัวเสียดสีกับกายแข็งแกร่ง“หลินจ๋า...น่ารักมากเลยรู้ไหมคนดี”เทพกานต์ถึงกับร้องครางในลำคอกับการตอบสนองอย่างไร้เดียงสา ใช่ว่าเขาจะไม่เคยหลับนอนกับผู้หญิง ก่อนที่จะคบกับรมย์นลินก็มีแฟนมาแล้วตั้งหลายคน กิน เที่ยวและสุดท้ายก็จบลงบนที่นอนด้วยความสนุกสนาน ไม่เคยที่จะผูกมัดตัวเองกับใคร เบื่อก็เลิกกัน ต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง แต่ในบรรดาผู้หญิงที่คบและมีความสัมพันธ์กัน ไม่เคยมีใครทำให้เขาร้อนเป็นไฟเหมือนกับคนในอ้อมกอดนี้สักคนแม้กระทั่งจูบไม่เป็นสับปะรด แต่หวานฉ่ำเชื่อมยังกับน้ำผึ้งจากดอกไม้แรกแย้ม ทำเอาเขาร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนอยากปล้ำเสียหลายครั้ง แต่เพราะกลัวไก่จะตื่นเลยต้องระงับอารมณ์เอาไว้ เคยแม้กระทั่งลับหลังหญิงสาวแล้วไปนอนกับคนอื่น แต่ทุกครั้งที่เขาจูบกับใครก็ตามความคิดก็จะวนเวียนกลับมาหาร
กายใหญ่แทรกเข้าไปพำนักระหว่างลำขาเสลา ปลายนิ้วยาวใหญ่ที่ซุกไซ้ไปในกลีบกุหลาบนุ่มขยับเคลื่อนตัวออกแผ่วเบาและนุ่มนวล มือใหญ่สอดและดันสะโพกงามงอนให้ลอยขึ้นเหนือฟูก เพื่อให้ได้ยลกุหลาบอวบอูมอย่างถนัดตาไม่มีสิ่งใดขวางกั้น“อู้...” ชายหนุ่มถึงกับส่งเสียงครางแหบพร่าในลำคอ ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง พร้อมกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ “สวยมาก...ที่รัก...สวยที่สุด” เทพกานต์พูดออกมาเหมือนกับคนละเมอมือใหญ่ละจากการบีบเคล้นทรวงสล้าง ลากไล้จากหน้าท้องแบนราบเรียบและสวยไปด้านหลังเอวเล็กคอดขยำนวดสะโพกกลมกลึง พร้อมกับใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปอย่างช้า แต่ดวงตาคมกริบกลับเหลือบขึ้นมองมและได้สบกับดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งหวาดหวั่นและหวาดกลัว วาบหวาม หวั่นไหวและร้อนผ่าวไปด้วยไฟปรารถนาเหมือนกับภูเขาไฟร้ายที่รอวันปะทุ“ขอนะหลิน...” เทพกานต์บอกเสียงนุ่มและแผ่วพลิ้ว จรดริมฝีปากร้อนผ่าวประทับบนเนินดอกรักสะอาดขาวแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารถเส้นไหมนุ่มจนพลิ้วกระจายเพราะความร้อนแรงของพายุพิศวาสที่หล่อหลอมสองกายให้เดินไปในเส้นทางเดียวกันริมฝีปากหนาร้อนขบเม้มผิวเนื้อขาวเนียนจากต้นขาด้านในฝั่งหนึ่งและย้ายไปอีกฝั
“ไม่ต้องกลัวนะ เทพทั้งรักทั้งหลงหลินแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว หลินจะทิ้งให้คนที่รักต้องทรมานเหรอ รู้ไหมว่าถ้าถูกปฏิเสธคราวนี้ เทพคงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เลย” เทพกานต์กัดฟันบอกด้วยความปวดร้าวและน้อยใจที่รมย์นลินไม่เชื่อใจเขาใบหน้าคมคร้ามแดงคล้ำ ลมหายใจหอบแรง แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดกับการที่ยังไม่ได้ฝังร่างในความอบอุ่นและฉ่ำร้อน แต่ก็ยอมตัดสินใจปล่อยมือเล็กเรียวให้เป็นอิสระพร้อมกับหันหลังหนีหญิงสาว ด้วยรู้ดีว่าถึงรมย์นลินจะใจแข็งแค่ไหน แต่ถ้าถูกเขาแสดงออกแบบนั้น หญิงสาวย่อมต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามใบหน้านวลผุดผ่องคลี่ยิ้มพราย เมื่อมือเล็กสอดเข้าระหว่างเอวสอบ วางใบหน้าแนบกับแผ่นหลังกว้าง “ขอโทษ เทพอย่าโกรธหลินเลยนะ” ง้องอนเสียงหวานพร่า “หลินแค่กลัว”“เทพไม่ได้โกรธหลินนะ แต่โกรธตัวเอง ที่ทำให้คนที่รักกลัว และ...” เทพกานต์พูดเสียงหวานนุ่มทุ้ม และหันกลับมาพร้อมกับคว้ามือเล็กเรียวไปจูบเบาๆ มือใหญ่ลูบไล้บ่ากว้างแผ่วเบาและนุ่มนวล ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปบนพวงแก้มอิ่มเต็มและแดงซ่านมือเล็กเรียวยื่นไปวางบนริมฝีปากหนาอุ่นร้อน ใบหน้าขาวนวลแดงปลั่งอายจนต้องเสหลบลงมองฟูกที่นั่งอยู่ จึงทำให้ไม่เห็นสายตาแห่งความดีใจและ
“กูว่านะไอ้เทพ หลินรักมึงจริงๆ ว่าแต่มึงเถอะจะทำยังไงต่อไปล่ะ ระวังเขาจะกัดไม่ปล่อยนะโว้ย” ฉัตรจักรถามอย่างอยากรู้ สงสารรมย์นลินขึ้นมาสุดใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยเหลือหญิงสาวได้อย่างไร ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาเองที่คิดเล่นอะไรแผลงๆ นี่ถ้าเกิดหญิงสาวรับไม่ได้ขึ้นมา บาปนี้ไม่ติดตัวเขาไปจนตายหรือไงกัน คงได้แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้วเทพกานต์จะคิดได้และจริงจังกับหญิงสาวด้วยการแต่งงานด้วย แต่ดูท่าจะเป็นเพียงแค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียวเท่านั้นเอง“เอาน่ามึงจะคิดอะไรมากไอ้ฉัตร แค่เล่นๆ จะไปจริงจังอะไรนักหนา ไม่นานก็เลิกกัน มึงก็รู้คนอย่างกูไม่เคยรักใคร และไม่เคยทนอยู่กับผู้หญิงคนไหนได้นานเกินสามเดือน กับคนนี้กูทนมาเกือบจะหกเดือนถึงได้ฟัน แม่ง...ยากชะมัด แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยว่ะ” เทพกานต์พูดอย่างไม่แคร์ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำที่เขาพูดออกไปนั้น รมย์นลินได้ยินเต็มสองหูขาเรียวยาวอ่อนแรง ร่างโปร่งบางทรุดตัวลงกองกับพื้นห้อง ทั้งที่มือยังคงจับลูกบิดประตูห้องเอาไว้ “ไม่จริงๆ เราหูฝาดไปเอง เทพเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง” หญิงสาวพูดกับตัวเองเสียงสั่นเครือ น้ำตาไม่รู้ว่ามาจากไหนเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลง
ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันหน้าไปประจันกับเทพกานต์ ในดวงตากลมโตเป็นประกายเด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าว ดูภายนอกเธอนั้นนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่ใครจะรู้เล่าว่าภายในกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ความเจ็บปวดที่ได้รับในวันนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพง และคนที่สร้างมันขึ้นมาจะต้องได้รับการเอาคืนอย่างสาสม!น้ำเสียงหวานดุจระฆังแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ดังมาจากเวทีใหญ่กลางคลับมีระดับของโรงแรมเลิศหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร เรียกความสนใจจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาให้หยุดชะงักและค่อยๆ หันหน้าไปมองอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ระยะทางจากเวทีกับจุดที่ซึ่งยืนอยู่จะอยู่ห่างไกลหลายเมตร แต่เทพกานต์ก็ยังสามารถมองผ่านความมืดไป และได้เห็นสาวสวยรูปร่างสูงโปร่งได้ชัดเจนกระจ่างตาเค้าโครงหน้ารูปหัวใจ เหมือนกับภาพวาดที่สวยหวานปนเศร้า ดวงตากลมโตอมโศกล้อมรอบด้วยขนตายาวงอนไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นเพราะคิดไปเอง หรือเพราะเพลงรักหวานปนเศร้าที่เจ้าตัวกำลังร้องครวญให้กับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในห้องได้ฟังกันอย่างหลงใหล คิ้วเรียวโก่งเหมือนวงพระจันทร์ จมูกเล็กโด่งได้สันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสดเป็นมันวาวขยับขึ้นลงเป
“เงียบไปเลยนะไอ้ฉัตร กูไม่อยากได้คนอื่น อยากได้คนนี้ และกูก็ต้องได้ด้วย” เทพกานต์พูดเสียงเข้ม รู้สึกเหมือนกระไอร้อนผ่าวค่อยๆ แผ่ซ่านจากกึ่งกลางเรือนกายและลามเลียไปถึงใบหน้าอย่างรวดเร็ว“งั้นมึงก็เอาอย่างนี้ซิวะไอ้เทพ” ฉัตรจักรเสนอความคิดด้วยเพราะเริ่มรู้สึกรำคาญในความเรื่องมากของเพื่อน “มึงเขียนใส่กระดาษให้น้องเขาเอาไปส่งให้ แล้วถ้ายายนักร้องนั่นเล่นตัวนักไม่มาคุยด้วย...มึงก็ตามไปปล้ำเสียในห้องแต่งตัวเสียเลยไหมล่ะ” ฉัตรจักรพูดประชดประชันด้วยอิดหนาระอาใจในความเอาแต่ใจของเพื่อนรัก ที่อยากได้อะไรแล้วมักจะต้องเอาให้ได้ แล้วก็ต้องนั่งหน้าเหวอ เมื่อเทพกานต์ตอบกลับมา“เออ...ความคิดมึงดีมากเลยวะไอ้ฉัตร” ร่างหนาใหญ่เอนตัวอิงโซฟานุ่ม เท้าแข็งแกร่งพาดขึ้นไปทับบนขาอีกข้าง มือใหญ่ควานหาปากกาที่มักจะอยู่ติดกับเสื้อและยื่นอีกมือไปรับกระดาษจากพนักงานที่ส่งมาให้ใบหน้าจืดเจื่อนเต็มที่ ก่อนก้มเขียนอะไรบางอย่างแบบลายมือเหมือนกับไก่เขี่ย เพราะมองไม่ค่อยจะเห็นนลินยื่นมือไปรับกระดาษสีขาวที่พนักงานส่งมาให้พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตากลมโตมองตามมือใหญ่ที่ชี้บอกตำแหน่งของเจ้าของกระดาษ พร้อมพยักหน้ารับ ริมฝีป
“อ้าว...เฮ้ย...มึงโกรธแม่สาวนักร้องนั่นแล้วมาลงที่กูได้ไงวะ โกรธใครก็ไปลงกับคนนั้นซิโว้ยไอ้เทพ” ฉัตรจักรโวยวายเสียงดัง พร้อมความเสียดาย ด้วยตรงที่นั่งอยู่แสงไฟไม่สว่างเท่าไหร่ เลยทำให้เขาเห็นหน้าเพื่อนรักไม่ชัด แต่ก็คิดว่าคงจะแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะที่กรุ่นอยู่เป็นแน่แท้ แล้วก็นึกกลัวระคนสงสารนักร้องสาว ซึ่งเพิ่งจะเดินจากไปเมื่อครู่ ที่กล้าหาญหักหน้าเทพกานต์อย่างไม่รู้เลยว่าชะตากรรมตัวเองจะต้องเจอกับเรื่องร้ายแรงอะไรบ้างมือใหญ่ยกขึ้นตบบ่ากว้างเบาๆ “หรือมึงจะหมดเสน่ห์แล้ววะไอ้เทพ ผู้หญิงเขาเลยไม่สนใจ” ฉัตรจักรถามน้ำเสียงยิ้มๆ ดวงตาคมตวัดมองไปยังมุมทางเดินที่ร่างโปร่งบางลับหายไปเมื่อครู่อย่างเสียดาย แรกเริ่มเขามาที่นี่ก็เป็นเพราะเรื่องงาน แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องหวานเศร้าและไพเราะเพราะพริ้งช่างต่อว่าต่อขานนั่นเข้า มันตรงเข้าไปกระแทกตรงกึ่งกลางหัวใจอันแข็งแกร่งให้อ่อนยวบและละลายกลายเป็นเทียนไขถูกลนไฟในบัดดลใบหน้าคมคร้ามค่อยๆ หันไปมองอย่างเชื่องช้าแล้วก็ต้องตกตะลึง หัวใจเต้นแรงและเร็วไม่เป็นจังหวะ ยามสายตาได้ยลใบหน้าหวานปนเศร้าที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามซึ่งสะท้อนอยู่ในแสงไฟรำไร เหมือนกับตกอยู่ใ
รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นตรงมุมหนึ่งของริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป ถ้าให้เดา คิดว่าเดาไม่ผิด จะต้องเป็นนายเทพกานต์ อรุณสนิทชัยวงศ์ จอมหยิ่งที่หลงตัวเองเหลือเกิน คงจะคิดว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่ง แต่ยังไงก็ซื้อชีวิต ความตาย ความรักและความเจ็บปวดไม่ได้อยู่ดีร่างหนาใหญ่เดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังเก้าอี้ แสงไฟที่เปิดอยู่ส่องให้เห็นเค้าหน้าหญิงสาวรางๆ จนต้องรีบก้มศีรษะลงไป เพื่อมองดูให้ถนัดตายิ่งขึ้นดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วใบหน้าขาวนวลผ่องซึ่งยังมีเครื่องสำอางปกปิดอยู่ แล้วก็รู้สึกแปลก เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจกับวงหน้าสวยที่คุ้นตาคุ้นใจเหลือเกินคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม พยายามคิดดูว่าเค้าหน้านี้เหมือนใครที่เขาเคยเจอหรือรู้จักบ้างไหม แต่ก็คิดไม่ออกว่าละม้ายคล้ายใคร จนต้องรีบสะบัดศีรษะทิ้งไปก่อน เพราะเชื่อ ถ้าเขาเคยเห็นหรือรู้จักหญิงสาวจริงๆ ไม่นานก็จะต้องนึกออกดวงตาคมค่อยๆ ไล่มองไปบนวงหน้าสวยอย่างช้าๆ ดูไกลๆ เขาก็ว่าสวยแล้ว แต่ยิ่งเห็นใกล้ๆ แบบนี้ก็ยิ่งทำให้หัวใจสั่นวูบไหวเทพกานต์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ความต้องการที่ถูกข่มเอาไว้ก็เริ่มพลุ่งพล่าน ริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับมันช่างเย้ายวนให้อยากก้มหน้าลงไปแล้วบ
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว