“ราคาก็ตกลงกันไว้แล้ว พอฉันมาถึงจะมาเปลี่ยนเงื่อนไข แบบนี้ไม่เหมาะนะ'” เขายิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นนิ้วสามนิ้วออกมา “เพิ่มอีกสามพันเหรอ?” เขาส่ายหัวเบา ๆ “สามหมื่นเหรอ?” เขายังคงส่ายหัว ฉันเริ่มไม่พอใจ “อย่าบอกนะว่าจะเพิ่มอีกสามแสน คุณช่วยมีจรรยาบรรณในอาชีพบ้างได้ไหม” เขาพยักหน้า แล้วใช้นิ้วจุ่มลงในกาแฟ เขียนตัวเลข 'เจ็ด' ลงบนโต๊ะ ฉันมองเขาอย่างงุนงง “คดีนี้ของคุณไม่มีเบาะแสอะไรเลย ผมต้องค้นหาด้วยตัวเองทีละนิด ถ้าเพิ่มอีกสามแสน ผมรับรองว่าจะหาตัวคนร้ายให้คุณได้ภายในเจ็ดวัน”ฉันลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ตกลง จากนั้นเขาถามฉันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับทุกคนในอวิ๋นเฉิง แล้วก็ขอตัวไปก่อน ฉันนั่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ย้อมท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดงยามเย็น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับอะพาร์ตเมนต์ พอกลับถึงอะพาร์ตเมนต์ ลั่วอี้ฝานกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างคุยโทรศัพท์ เขาบอกฉันว่า เราได้รับที่ดินบริเวณชานเมืองแล้ว รัฐบาลกำหนดระยะเวลาให้ต้องใช้งานได้ภายในห้าปี ที่ดินผืนใหญ่ขนาดนั้น รอบ ๆ ต้องสร้างทั้งศูนย์การค้า โรงพยาบาล และโรงเรียน อีกทั้งยังต้องพัฒนาเป็นย่านการค้าใหม
ภัตตาคารจุ้ยอี้เซวียน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ตลอดทั้งคืน บรรดาผู้บริหารต่างพยายามหาเหตุผลให้พวกเราดื่มเหล้า คนในทีมทีละคนสองคนโดนพวกเขาเล่นงานจนเมาหมด สุดท้ายเหลือแค่ฉันคนเดียว ผู้อำนวยการอู๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คีบถั่วลิสงเม็ดหนึ่งใส่ปากก่อนพูดว่า “คุณเฉียว อายุยังน้อยแต่เก่งขนาดนี้ ทำเอาพวกคนแก่แบบพวกเรารู้สึกละอายใจจริง ๆ” “มา ๆ ผมขอชนแก้วกับคุณสักหนึ่งครั้ง” พูดจบ ผู้อำนวยการอู๋ก็หมุนขวดเหล้า เทเหล้าขาวหนึ่งแก้ว แล้วเอาน้ำผลไม้ตรงหน้าฉันออกไปแทน ฉันมองพวกเขา ทั้งกลุ่มดูเหมือนพวกเจ้าเล่ห์ ไม่กล้าทำอะไรเกินไป แต่เรื่องบังคับให้ดื่มเหล้านี่ไม่มีใครยอมปล่อยผ่านเลยสักคน ฉันถือแก้วเหล้าลุกขึ้น เติมเหล้าจนเต็มแก้วของผู้อำนวยการอู๋ พร้อมกับส่งยิ้มหวานนุ่มนวลให้ “ผู้อำนวยการอู๋พูดเกินไปแล้ว โครงการทางชานเมืองใต้ พวกเรากับท่านต่างก็เร่งรีบเหมือนกัน ยิ่งเริ่มก่อสร้างได้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้นค่ะ”“จีดีพีของอวิ๋นเฉิงติดอันดับต้น ๆ ของประเทศได้ ก็เป็นเพราะการบริหารที่ยอดเยี่ยมของพวกท่านผู้นำเมืองค่ะ” ฉันยกแก้วขึ้นชนกับผู้อำนวยการอู๋ “ควรเป็นฉัน
ทันใดนั้น สีหน้าของชายผมแดงก็เปลี่ยนไปทันที “พี่จือโม่...พี่ พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” “ขอโทษซะ” เสียงของกู้จือโม่ยังคงคุ้นเคยจนเหมือนถูกสลักไว้ในกระดูกของฉัน ฉันเอียงศีรษะเล็กน้อย เห็นเขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว ยิ่งทำให้เขาดูเย็นชาและเคร่งขรึมยิ่งขึ้น ชายผมแดงตัวเล็กหงอยลงทันที คิ้วทั้งสองข้างตกลง มือทั้งสองวางเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าตัวเอง “ขอโทษครับ” “นายขอโทษใคร?” กู้จือโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้ความอดทน ชายผมแดงตัวเล็กยืนตัวตรงทันที ก่อนจะโค้งให้ฉัน “พี่สาว ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไป หวังว่าพี่จะใจกว้างไม่ถือสาและยกโทษให้คนอย่างผมนะครับ” ฉันมองเขาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินอ้อมกู้จือโม่ไปอีกทางแล้วจากมา มือของกู้จือโม่ที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นแล้วคลายออก สุดท้ายเขาก็เดินมาข้างฉัน “ฉันจะให้คนขับรถไปส่งเธอ ดึกขนาดนี้ เธอเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวมันไม่ปลอดภัย” ฉันไม่ได้สนใจเขา พอดีกับที่มีแท็กซี่คันหนึ่งมาส่งผู้โดยสาร คนก่อนลงจากรถแล้ว ฉันก็รีบเข้าไปนั่งและบอกที่อยู่ทันที แท็กซี่เคลื่อนตัวออกไป ฉันหลับตาลง แต่ภาพของกู้จือโม่เมื่อครู่นี้กลับปรากฏขึ้นมาในหัวของฉัน
ความเจ็บปวดบีบแน่นที่อกแล่นเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกพุ่งเข้ามาในหัวของฉัน ลำคอราวกับมีบางอย่างอุดตัน แห้งผากและทรมานอย่างยิ่ง ฉันลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาดื่มหนึ่งแก้ว แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความโดยไม่คิดอะไร ถึงได้พบว่านักสืบเอกชนที่ฉันจ้างไว้ส่งข้อความมาหาฉันหลายข้อความ “ระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว รีบติดต่อกลับด่วน!” สองชั่วโมงต่อมา เขาส่งข้อความมาอีกว่า “เจอแล้ว ยืนยันตัวคนร้ายได้แน่นอน หลักฐานอยู่ในมือฉัน ถ้าจ่ายส่วนที่เหลือ ผมจะส่งให้คุณ” หัวใจของฉันเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ มือสั่นด้วยความตื่นเต้นจนควบคุมไม่ได้ ลมหายใจก็พลันหนักขึ้นอย่างไม่รู้ตัว : ‘คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา’ ฉันพิมพ์ข้อความนี้ด้วยมือที่สั่นเทา แล้วคว้ากระเป๋าสะพายออกจากบ้านทันที อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า : ‘ที่ร้านกาแฟครั้งก่อน รอคุณอยู่ที่โต๊ะเดิม’ ฉันรีบขึ้นรถบริการเรียกผ่านแอปออนไลน์ ตลอดทางเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ ในที่สุด ฉันก็มาถึงหน้าร้านกาแฟ ฉันเปิดประตูรถแล้ววิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว เขายังคงแต่งตัวเหมือนเดิม แต่คราวนี้ดูผ่อนคลายมากขึ้น “หลักฐานล่
ฉันเปิดวิดีโอในมือดูซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด เฉินเยวี่ย! เฉินเยวี่ยอีกแล้ว! “ไม่ใช่แค่นี้นะ ผมยังเจอเรื่องสนุกอีกอย่างด้วย” อาจเป็นเพราะได้เงินไปแล้ว อารมณ์เขาเลยดีจนยอมบอกอะไรมากกว่าปกติ ฉันเงยหน้าขึ้น รอให้เขาพูดต่อ “ติ๊งต่อง” เสียงดังขึ้นพร้อมกับมีวิดีโออีกคลิปส่งเข้ามาในโทรศัพท์ เขายกกาแฟขึ้นจิบหนึ่งคำแล้วพูดว่า “คืนนั้นคุณไปส่งผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าประตูคอนโด ไม่นานนักก็มีรถมายบัคมาจอดอยู่ที่นั่น เป็นของตระกูลกู้ จากนั้นไม่นานก็มีรถแท็กซี่มาจอดหน้าประตูอีกคัน ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถพยาบาลก็เร่งเข้ามาในคอนโด” “ผมตั้งใจตรวจสอบดูแล้ว ผู้ชายที่คุณไปส่งคือคุณชายคนเล็กแห่งตระกูลลั่ว” “ส่วนคนที่รถพยาบาลพาไปคือคุณชายตระกูลกู้ และคุณก็ตามไปด้วยตลอดทาง” “ส่วนฆาตกร เฉินเยวี่ย ที่บ้านของเธอในอวิ๋นเฉิงไม่มีชื่อเสียงอะไร รถแท็กซี่ที่เธอนั่งมา ได้ขับตามรถมายบัคของตระกูลกู้มา” “นั่นหมายความว่า ตอนที่คุณยังอยู่บ้าน เฉินเยวี่ย ก็ได้ตามคุณชายตระกูลกู้เข้าไปในคอนโดแล้ว หลังจากที่พวกคุณออกไป เธอถึงได้ลงมือ” ฉันชะงักไป ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเฉินเยวี่ย จัรู้ที่อยู่ของฉันเพราะตามกู้จ
สองคนนั้นค่อย ๆ เดินห่างออกไป แต่ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมชนเธอให้ตาย! แก้แค้นสิ! ชนให้ตายไปเลย!ชนให้ตายไปเลย!เสียงปีศาจกระซิบซ้ำ ๆ ในหัวของฉัน ขณะเดียวกันเท้าของฉันก็เหยียบคันเร่งโดยไม่รู้ตัวในเสี้ยววินาที รถพุ่งออกไปเหมือนลูกธนูจากคันธนู มุ่งตรงไปยังทั้งสองคน"ซิงลั่ว เด็กดี หยุดเดี๋ยวนี้!"ในวินาทีที่รถกำลังจะชนพวกเธอ ฉันเหมือนจะได้ยินเสียงของคุณย่าฉันรีบเหยียบเบรกสุดแรงจนรถหมุนล้อกับพื้น เสียงยางเสียดสีดังสนั่น จนเกือบทำให้ยางระเบิด“โอ๊ย!” เฉินเยวี่ยถูกกระแทกจนล้มลงไปชนกับกระถางดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เลือดไหลออกจากขาของเธอทันทีโจวอวิ๋น แม่ของเฉินเยวี่ย รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเธอขึ้นอย่างลนลานเฉินเยวี่ยถูกพาไปนั่งที่ข้างแปลงดอกไม้ แม่ของเธอช่วยเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากขาให้เธอ จากนั้นถึงได้มีเวลาหันมาสนใจฉันโจวอวิ๋นเดินมาเคาะกระจกรถของฉัน ใบหน้าของเธอแนบชิดกับกระจกพร้อมตะโกนด่าด้วยคำพูดหยาบคาย"แกลงมานี่เดี๋ยวนี้! แกขับรถยังไง ไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไง?""ทำไมไม่กล้าลงมา! ฉันบอกเลยนะว่าตรงนี้มีกล้องวงจรปิด แกหนีไปไหนไม่รอดหรอก!""นางเด็กเวร คิดว่าแค่มีรถขับแล้วเก่งมา
"ช่วยด้วย! มีคนกำลังพยายามจะฆ่าคน!"ฉันขับรถตามพวกเธอจนกระทั่งออกจากประตูทางออกของชุมชน ก่อนที่จะเลี้ยวรถออกไปอีกทางในที่เปลี่ยว ฉันจอดรถริมถนน ทิ้งตัวลงพิงเบาะนั่งด้วยหัวใจที่สับสนสายตาของฉันจ้องมองน้ำในแม่น้ำใต้สะพานที่ไหลเอื่อย ๆ อยู่นาน กว่าจะรู้สึกสงบลงเมื่อสงบลง ฉันก็เริ่มคิดอย่างมีเหตุผลอีกครั้งตอนนี้ฉันมีหลักฐานทั้งหมดในมือแล้ว รวมถึงการที่เฉินเยวี่ยเผลอสารภาพออกมาเองในช่วงที่เธอตื่นตระหนกด้วยขั้นตอนต่อไปก็คือ แจ้งความและดำเนินคดีไม่ถูกสิ...คุณปู่กู้ปกป้องเฉินเยวี่ยมาตลอด ด้วยอิทธิพลของตระกูลกู้ในอวิ๋นเฉิง การทำลายหลักฐานหรือปกปิดเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจครั้งก่อน ฉันอดกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือไม่ได้ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ พี่ชายของเฉิงเฉิงครอบครัวของเฉิงเฉิงล้วนอยู่ในวงการราชการ หากฉันไม่สามารถสู้ด้วยตัวเองได้ ฉันก็จะต้องใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันฉันใช้เวลาพิมพ์ข้อความนานพอสมควร คิดทบทวนถ้อยคำทุกประโยคอย่างละเอียด ก่อนที่จะรวบรวมทุกอย่างส่งเป็นข้อความไปให้พี่ชายของเฉิงเฉิงรออยู่สักพัก แต่
เสียงของโจวอวิ๋นหยุดลงทันทีเธอนอนอยู่บนพื้นอยู่นานประมาณสองนาทีก่อนจะลุกขึ้นมา ส่งสายตาอาฆาตมาทางฉัน พร้อมกับบ่นอะไรบางอย่างพลางเดินจากไปฉันมองแผ่นหลังของเธออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มเยาะและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยถ้าไม่มีตระกูลกู้ เฉินเยวี่ยกับแม่ก็เป็นแค่พวกไร้ค่า พวกเธอคงไม่มีอำนาจที่จะทำเรื่องชั่ว ๆ และคุณย่าของฉันก็คงไม่ต้องมาตายธรรมชาติของมนุษย์นั้นชั่วร้าย ยิ่งคนโง่เขลาเท่าไหร่ ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความโลภและความใคร่ เฉินเยวี่ยที่กล้าทำตัวอวดดีถึงขั้นทำเรื่องที่ทำลายชีวิตคนอื่นได้แบบนี้ แม่ของเธอก็มีส่วนช่วยสร้างนิสัยเหล่านั้นไม่น้อยเลยงั้นก็ปล่อยให้พวกเธอได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ก็แล้วกันฉันยิ้มบาง ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความสั้น ๆ แล้วส่งออกไป…… ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้โจวอวิ๋นยืนอยู่ต่อหน้ากู้เซิ่งเหยียน ร้องไห้จนน้ำตาและน้ำมูกไหลพราก “คุณท่านคะ เฉินกังทิ้งฉันกับเยวี่ยเยวี่ยไว้เพียงลำพังมาตั้งแต่หลายปีก่อน ตอนนี้ในชีวิตฉันก็มีแค่เยวี่ยเยวี่ยเท่านั้น”“ถ้าเยวี่ยเยวี่ยต้องถูกนางเด็กหน้าด้านนั่นส่งเข้าคุก ฉันก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ตระกูลเฉินก็คงต้องจบสิ
จางเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย และเสริมว่า “นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อผ้าและความประณีตในการตัดเย็บ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพและมูลค่าของมันตั้งแต่แรกเห็น”ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราก็รีบลงมือออกแบบอย่างรวดเร็วฉันวางแนวคิดเกี่ยวกับสไตล์โดยรวมและการออกแบบลวดลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเนื้อผ้าและควบคุมกระบวนการผลิต พยายามทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์แบบที่สุดหากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่โดดเด่นเพียงพอ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ผสมผสานองค์ประกอบของอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันฉันรู้ดีว่า หากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถดึงดูดสายตาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาความนิยมในตลาดได้อย่างยาวนาน จำเป็นต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความวินเทจและความทันสมัยให้ได้ฉันหลับตาลง จินตนาการถึงองค์ประกอบสุดคลาสสิกจากอดีต กระดุมแบบจีนที่ประณีต เส้นสายอันอ่อนช้อยของกี่เพ้า รวมถึงการตัดเย็บที่เรียบง่ายและการจับคู่สีที่ทันสมัยฉันพยายามผสานองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เสื้อผ้ามีทั้งกลิ่นอายของประวั
“เธอกับฉันต่างก็รู้ดีว่าชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาสั่งสมและสะสมผลงาน สำหรับปัญหาที่เธอพูดถึง ฉันมีแนวคิดเบื้องต้นอยู่สองสามข้อ”“ก่อนอื่น เราสามารถเริ่มต้นจากแนวคิด ‘เล็กแต่โดดเด่น’ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างแม่นยำ เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับที่ภักดีในช่วงแรก เราสามารถผสมผสานแนวคิดการออกแบบของฉันเข้ากับประสบการณ์ด้านการบริหารของเธอ ร่วมกันสร้างคอลเลกชันแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือซีรีส์แนวคอนเซ็ปต์ ที่ให้แต่ละชิ้นงานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้น”“นอกจากนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การออกแบบของเธออาจถูกตั้งคำถามหรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ เราสามารถใช้กลยุทธ์ ‘คอนเทนต์คือสิ่งสำคัญ’ โดยการนำเสนอภาพถ่ายคุณภาพสูง บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างละเอียด และให้โมเดลสื่อสารอารมณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละชิ้นงานไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและทัศนคติ นอกจากนี้ เราสามารถเชิญแฟชั่นบล็อกเกอร์หรือเคโอแอลที่มีอิทธิพลมาทดลองใส่และช่วยโปรโมต เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการขยายอิทธิพลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น”“นอ
พวกเรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ“ฉันอยากร่วมมือกับเธอ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ด้วยกัน”ตอนนี้ฉันมีเงินทุนอยู่บ้าง จึงสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แล้วเขาจะช่วยฉันบริหารจัดการ พวกเราจะร่วมกันออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ภายในร้านกาแฟ แสงไฟอ่อนโยนส่องกระทบใบหน้าของซูข่ายเหวิน เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“ร่วมมือกัน? สร้างแบรนด์เสื้อผ้า? ฟังดูเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก!” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ชัดเจนว่าเขาสนใจข้อเสนอของฉันมากฉันพยักหน้าแล้วอธิบายแนวคิดของฉันอย่างละเอียด“ใช่เลย ฉันมีความสนใจอย่างมากในด้านการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนเธอเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน สะสมทั้งประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย ฉันคิดว่า ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันคงจะสร้างประกายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาแน่นอน”ซูข่ายเหวินคนกาแฟในถ้วยเบา ๆ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกมา“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนอื่น เราต้องกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ว่าเราจะเดินสายแฟชั่นระดับไฮเอนด์แ
ค่ำคืนค่อย ๆ ล่วงเลย ไฟริมทางในมหาวิทยาลัยเริ่มส่องสว่าง เงาของพวกเราถูกยืดออกยาวใต้แสงไฟฉันเงยหน้ามองกู้จือโม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความแน่วแน่ ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเล็กน้อยบางที ฉันอาจให้โอกาสเขา และให้โอกาสตัวเองด้วยเช่นกันมองเข้าไปในดวงตาของเขา อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ ว่าทำไมถึงเคยยึดติดกับเขามากขนาดนั้น? บางทีอาจเป็นเพราะความรักของฉันที่มีต่อเขามันลึกซึ้งกว่าที่คิดจริง ๆบางทีความรักอาจค่อย ๆ งอก เงยขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว หรืออาจเป็นเพราะบางเหตุการณ์ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักถูกหว่านลงในใจฉัน พอรู้ตัวอีกที เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว“จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราสองคนจะมานั่งคุยอะไรกันที่นี่ในวันนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เรายังเด็กกันอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีตอนนี้เธออาจจะแค่รู้สึกผิดกับฉัน ถึงได้คิดแบบนี้ แต่พอถึงวันที่เธอเติบโตขึ้นจริง ๆ เธอจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่ไหม?”ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเยวี่ยกับเขา ฉันไม่มีวันลืม ดังนั้นฉันรู้ดีว่า ตอนนี้เขายังไม่โตพอ แม้ว่าเขาจะดูเก่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่ความคิด
แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่
ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั
ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู
ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่
“บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ