Share

บทที่ 163

Author: ลูกพีชแสนสวย
ลั่วอี้ฝานรอบคอบกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เขาขับรถสำหรับครอบครัวมารับ บอกว่ารถแบบนี้พื้นที่กว้างกว่า จะทำให้คุณย่าสบายขึ้น

แถมรถยังเป็นรุ่นหรูที่เบาะสามารถปรับเอนนอนได้ ทำให้คุณย่าสามารถนอนพักได้สบาย

เขาอุ้มคุณย่าขึ้นรถด้วยตัวเอง จากนั้นก็หยิบผ้าห่มมาคลุมให้ ก่อนจะลงมาจากรถ

ฉันอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ถูก มันทั้งซาบซึ้งและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน

เขาเป็นแค่เพื่อนของฉันแท้ ๆ แต่กลับดูแลครอบครัวของฉันได้ดีขนาดนี้

ฉันกลัวว่าเขาจะให้มากเกินไป ในขณะที่ฉันไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกันตอบแทนเขาเลย

“เป็นอะไรไป?” ลั่วอี้ฝานยืนกอดอก ทำหน้ามั่นอกมั่นใจ “หรือรู้สึกว่าฉันหล่อจนทนไม่ไหว อยากมาเป็นแฟนฉันแล้ว?”

ความซาบซึ้งในใจฉันหายวับไปทันที ฉันจ้องมองเขานิ่งอยู่สองสามวินาที ก่อนจะชี้ไปที่ปกเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? ดูเหมือนนายจะใส่เสื้อกลับด้านอยู่นะ”

ลั่วอี้ฝานชะงัก “...”

ประมาณสิบเอ็ดโมง ในที่สุดเราก็พาคุณย่ามาถึงอะพาร์ตเมนต์

ฉันจัดห้องพักให้คุณย่าเรียบร้อย แล้วป้อนอาหารกลางวันให้เสร็จ ก่อนจะออกมาจากห้อง

เมื่อออกมาที่ห้องนั่งเล่น ฉันพบว่าลั่วอี้ฝานยังนั่งอยู่ที่โ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 164

    รถติดหนักจนใช้เวลาเดินทางถึงสี่สิบนาที ทั้งที่ปกติแค่สิบนาทีก็ถึงแล้วหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตคนแน่นเอี๊ยด ที่จอดรถข้างทางเต็มหมด แม้แต่ที่จอดในชั้นใต้ดินก็ไม่มีเหลือลั่วอี้ฝานก็เลยบอกให้ฉันลงจากรถก่อนแล้วรอเขาอยู่ที่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตฉันกวาดตามองรอบ ๆ ตัว ทุกที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ฉันไม่อยากรอที่นี่ แต่ลั่วอี้ฝานไม่เปิดโอกาสให้ฉันปฏิเสธเลย รถเขาแล่นออกไปในพริบตาทันใดนั้นฉันก็อยากจะสบถออกมาดัง ๆฉันหาที่ที่คนน้อยหน่อยเพื่อยืนรอลั่วอี้ฝาน แต่ไม่นานคนที่ซื้อของเสร็จแล้วก็เริ่มมายืนรอรถกันในบริเวณนี้อีกไม่มีทางเลือก ฉันเลยต้องหามุมใหม่ที่คนน้อยกว่าเดิมแต่พอเจอมุมที่ดูสงบขึ้น จู่ ๆ ก็มีคนผลักฉันจากด้านหลัง"ขอโทษครับ ๆ!"ฉันเซไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยืนทรงตัวได้ในทันทียังไม่ทันมองเลยว่าใครเป็นคนพูดขอโทษ ดูเหมือนผู้คนรอบตัวจะผลัดเปลี่ยนหน้าไปหมดแล้วทันใดนั้นฉันรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ตัวเองเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นกู้จือโม่ยืนอยู่ข้างรถเบนซ์สีดำ มือจับประตูรถไว้ ดูไม่ออกว่าเขากำลังจะขึ้นรถหรือเพิ่งมาถึงสายตาเราประสานกัน แต่ดวงตาของเขาแฝงความรู้สึกบางอย่างที่ฉั

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 165

    ลั่วอี้ฝานชอบซื้อของจริง ๆ กว่าพวกเราจะเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตได้ เราสองคนก็มีของเต็มสองมือจนแทบถือไม่ไหวพอจัดการขนของเข้าใส่ท้ายรถจนเรียบร้อย เขาก็โบกมือใหญ่ ๆ อีกครั้งแล้วพูดว่า "เสร็จเรื่องซื้อของในซูเปอร์ฯ แล้ว เดี๋ยวไปตลาดอาหารทะเลกันต่อ ซื้อกุ้งอาร์กติกกับปูจักรพรรดิกลับบ้านกัน!""ไม่ไปแล้ว! ฉันไม่ไหวแล้ว!" ฉันยกมือทั้งสองที่โดนถุงรัดจนแดงขึ้นให้เขาดู "ฉันถืออะไรไม่ไหวแล้ว ถ้าจะไป นายไปเองเถอะ ฉันเรียกแท็กซี่กลับบ้านดีกว่า"พูดจบก็พอดีมีแท็กซี่คันหนึ่งแล่นผ่านมา ฉันยกมือโบกแท็กซี่ให้จอดลงทันที แต่ก่อนที่ฉันจะเดินไปถึง กลับมีคนอื่นพุ่งเข้าไปขึ้นแท็กซี่ก่อน"...!" ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ส่วนลั่วอี้ฝานหัวเราะลั่นเขาหัวเราะจนพอใจ เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะผลักฉันไปที่รถ "โอเค โอเค วันนี้ไม่ไปแล้ว ไว้ค่อยไปพรุ่งนี้แทนแล้วกัน"พวกเรากลับถึงอพาร์ตเมนต์ตอนหกโมงครึ่ง ขนของที่ซื้อกลับมาจัดเข้าที่เรียบร้อย พอหันมามองกัน ท้องของเราทั้งคู่ก็ร้องโครกออกมาพร้อมกันเราจ้องหน้ากันอยู่นานจนลั่วอี้ฝานเป็นฝ่ายพูดก่อน "ให้ฉันทำบะหมี่ให้กินไหม?""นายทำเป็นเหรอ?"ฉันมองหน้าเขาด้วยความสงสัย แน่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 166

    พูดจบ ลั่วอี้ฝานก็เหมือนนักมายากลที่ล้วงซองเอกสารออกมาจากเสื้อ แล้วยื่นให้ฉัน "ดูนี่สิ"ฉันมองหน้าเขาครู่หนึ่งก่อนจะรับเอกสารมาเปิดดู ข้างในเขียนว่า ‘สัญญาพัฒนาโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์’ฉันอึ้งไปสองวินาที ก่อนจะเริ่มประมวลผลสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชาติที่แล้วที่ดินผืนนี้ถูกซื้อโดยบริษัทต่างชาติ ซึ่งพัฒนาให้กลายเป็นหมู่บ้านวิลล่าหรูสำหรับคนมีฐานะฉันจำได้ว่าตอนนั้นบริษัทต่างชาติเจ้าของโครงการถือหุ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เรากลายเป็นหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งในโครงการนี้ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?ฉันมองลั่วอี้ฝานด้วยความสงสัย "หมายความว่ายังไง? นายเอาที่ดินไปแลกสิทธิ์พัฒนากับบริษัทฝั่งนั้นเหรอ?"ลั่วอี้ฝานดีดนิ้วด้วยท่าทางภูมิใจ "ใช่ เธอบอกให้ฉันลองติดต่อกับบริษัทนี้ล่วงหน้าใช่ไหม? ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนเธอนั่นแหละ ว่าจะขายที่ดินให้พวกเขาในราคาสูงก็พอ""แต่ตอนที่ที่ดินผืนนี้ถูกตระกูลกู้เล่นงานจนเกิดปัญหา แม้สุดท้ายเราจะซื้อที่ดินมาได้ แต่ฉันรู้สึกอึดอัดใจมากที่ต้องกลืนคำพูดขม ๆ นั่นลงไปแบบนั้น""ก็เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ แทนที่จะขาย ฉันเจรจากับบริษัทต่างชาติเพื่อขอร่วมทุนแทน ที่ดินผืนนี้ฉ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 167

    “ก็ได้ ก็ได้! เจ้าแม่ความงามของเราอย่างเฉียวซิงลั่วพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น!” ลั่วอี้ฝานพูดด้วยน้ำเสียงแซวพร้อมเดินไปทางห้องครัว“ฉันขอดูหน่อยนะว่าวันนี้เชฟเฉียวจะทำอะไรกิน? น้ำต้มผักหรือไข่ผัดมะเขือเทศอีกแล้วรึเปล่า?”คำพูดเขาทำเอาฉันปรี๊ดขึ้นมาทันที คว้าหมอนอิงบนโซฟาแล้วปาใส่เขา “ถ้าพูดจาแบบนี้อีก ฉันโยนออกไปนอกหน้าต่างแน่!”ลั่วอี้ฝานหันกลับมารับหมอนได้พอดี แล้วปามันกลับมาที่ฉันอีกที “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!”ฉันมองพื้นห้องที่เลอะเทอะ ก่อนจะก้มลงเก็บกวาดไปพลางพูดไปว่า “ฉันเหนื่อยแทบตาย แค่จัดบ้านไปได้ครึ่งเดียวเอง นายมาก็ดีแล้ว สองคนช่วยกันงานจะได้เสร็จไวขึ้น”ลั่วอี้ฝานถึงกับหยุดมองไปรอบ ๆ บ้าน ก่อนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เออ แฮะ ดูดีเหมือนกันนะ”“แน่นอนอยู่แล้ว!” พวกเราช่วยกันจัดบ้านไปด้วยหยอกล้อไปด้วยจนเสร็จ ตอนนั้นฟ้ามืดพอดีฉันไปตั้งหม้อหุงข้าวไว้ก่อนจะล้มตัวลงนั่งบนโซฟา ลูบท้องตัวเองไปพลางบ่น “หิวจะตายอยู่แล้ว อยากกินตอนนี้เลย”ทันใดนั้นเอง เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นลั่วอี้ฝานลุกไปเปิดประตู กลับมาพร้อมถุงใหญ่ในมือฉันมองเขาด้วยความสงสัย “ของในบ้านก็จัดเสร็จหมดแล้ว นี

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 168

    ลั่วอี้ฝานหยิบโทรศัพท์ออกมากด ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมันลง แล้วเดินมาช่วยฉันเก็บจานชามที่เหลือจากมื้ออาหารเมื่อครู่ที่เคทีวี ไคเสวียนเหมินในห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดชั้นบนสุด มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ชายผมแดงคนหนึ่งที่เจาะริมฝีปากหันไปเรียกกู้จือโม่ที่นั่งอยู่มุมห้อง “พี่โม่ นั่งคนเดียวทำไม มาสนุกด้วยกันหน่อยสิ!”กู้จือโม่เพียงแค่มองผ่านไปด้วยสายตาเรียบเฉย จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ของเขาต่อบนหน้าจอโทรศัพท์ หน้าโปรไฟล์ของเฉียวซิงลั่วถูกเลื่อนขึ้นเลื่อนลง แต่กลับไม่มีการอัปเดตอะไรเลยกู้จือโม่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพิมพ์คำว่า “สวัสดีปีใหม่!” ลงไปในช่องข้อความระหว่างที่เขากำลังลังเลว่าจะกดส่งดีหรือไม่ ชายผมแดงก็เดินเข้ามานั่งข้าง ๆกู้จือโม่ยังไม่ทันได้ปิดหน้าจอ เนื้อหาในโทรศัพท์ก็ถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าเต็ม ๆชายผมแดงชะงักไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผมว่าอย่าส่งเลยดีกว่า”“ทำไมล่ะ?” กู้จือโม่หันมาถามด้วยความสนใจ“คือ...” ชายผมแดงพูดอึกอักอยู่พักหนึ่ง ราวกับกำลังตัดสินใจ ก่อนจะพูดต่อว่า “งั้นผมให้พี่ดูอะไรบางอย่างแล้วกัน”เขาเปิดหน้ากรุ๊ปเพื่อนและเลื่อนหาข้อควา

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 169

    มีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับเฉินเยวี่ยเดินเข้ามาเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้เธอ "ใส่ซะเถอะ เดี๋ยวจะป่วยเอา"เฉินเยวี่ยมาจากครอบครัวธรรมดา การที่เธอสามารถเข้ามาอยู่ในกลุ่มของเหล่าลูกคนรวยได้นั้น เป็นเพราะกู้จือโม่ตั้งแต่มัธยมต้น กู้จือโม่ก็ถูกบังคับให้พาเฉินเยวี่ยมาเล่นด้วย ดังนั้นคนในกลุ่มจึงรู้จักเธอไม่มากก็น้อยในกลุ่มนี้มีเพียงส่วนน้อยที่มีท่าทีเป็นมิตรกับเธอ ส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานะผู้สังเกตการณ์ และก็มีไม่น้อยที่ดูถูกเธออาจจะด้วยความต้องการให้คนยอมรับและความรู้สึกต่ำต้อย เฉินเยวี่ยจึงมักจะไม่ปฏิเสธคนในกลุ่ม แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็สวมเสื้อคลุมนั้น"โอ๊ย เธอจะไปยุ่งอะไร? คนเขาอยากแต่งแบบนี้ก็เพื่ออาโม่ไม่ใช่หรือไง?"มีคนแซว ทำให้ทั้งห้องหัวเราะกันครืนเมื่อถูกจับได้ถึงความตั้งใจที่ซ่อนอยู่ เฉินเยวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ต้องหัวเราะไปพร้อมกับคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความอับอายเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ไม่ได้ทำลายบรรยากาศการเฉลิมฉลองข้ามปีของกลุ่ม ทุกคนกลับมาสนุกสนานได้อย่างรวดเร็วกู้จือโม่ยังคงคิดถึงแต่เฉียวซิงลั่ว จนดูแตกต่างจากบรรยากาศรอบตัวที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฉินเยวี่ยค่อย ๆ เลื่อนต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 170

    ทุกคนดื่มเหล้าหมดแก้ว แล้วแยกย้ายกันออกจากห้องไปทีละกลุ่มไม่นานห้องคาราโอเกะที่เคยคึกคักก็เหลือเพียงกู้จือโม่อยู่คนเดียวเขานั่งไถหน้าจอโทรศัพท์ไปมา สลับดูสองภาพถ่ายนั้น พร้อมดื่มเหล้าทีละแก้วในขณะเดียวกันแม่บ้านที่กำลังจะเข้ามาทำความสะอาดห้อง กลับถูกเฉินเยวี่ยหยุดไว้เฉินเยวี่ยยื่นเงินสดจำนวนหนึ่งให้ พร้อมยิ้มพลางอธิบาย "ข้างในมีคนเมาหลับอยู่ค่ะ เป็นคุณชายตระกูลกู้ เขาไม่ชอบให้ใครรบกวน"แม่บ้านดูอึดอัดใจเล็กน้อย แต่ก็รับเงินไว้เฉินเยวี่ยดันเงินใส่กระเป๋าของแม่บ้าน พลางกล่าว "เมื่อกี้ในห้องมีแต่ทายาทของบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ผู้จัดการของคุณต้องเข้าใจแน่ ไม่มีใครอยากเจอเรื่องยุ่งยากหรอก จริงไหมคะ?"เงินจำนวนนี้ดูเหมือนจะได้ผล แม่บ้านพยักหน้าอย่างลังเล ก่อนจะจากไปเฉินเยวี่ยสะพายกระเป๋าเดินไปที่ห้องน้ำ แล้วนำถุงผงสีขาวเทลงอ่างล้างหน้า ปล่อยให้มันไหลลงท่อระบายน้ำภายในห้องคาราโอเกะ กู้จือโม่ที่กำลังดื่มเหล้ารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างอุณหภูมิที่เคยปกติ เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าประหลาดไม่นานใบหน้าของกู้จือโม่ก็ขึ้นสีแดงผิดปกติ ดวงตาเริ่มพร่ามัวเขาตระหนักได้ทันท

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 171

    ฉันเดินตามลั่วอี้ฝานลงมาชั้นล่าง ตอนกลางคืนเราดื่มเหล้ากันไปบ้าง และคนขับรถที่เพิ่งเรียกก็ยังมาไม่ถึงความเร่งร้อนบนใบหน้าของลั่วอี้ฝานชัดเจนมาก ฉันเม้มริมฝีปากก่อนจะถามขึ้นมาเบา ๆ "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?"ลั่วอี้ฝานยิ้มบาง ๆ ให้ฉัน เขายังคงถือโทรศัพท์ในมือ "แม่ฉันทะเลาะกับพ่ออีกแล้ว คราวนี้แม่ก็ยังใช้วิธีขู่ฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมืออีกเหมือนเคยน่ะ"ฉันเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อคิดว่าคืนนี้เขาเลือกอยู่ที่เมืองอวิ๋นเฉิงเพื่อเป็นห่วงฉันกับคุณย่าแทนที่จะกลับบ้าน ฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมา "ขอโทษนะ ที่ฉันกับคุณย่า...""ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรือคุณย่าเลย" ลั่วอี้ฝานพูดแทรก เขายกมือขึ้นบีบสันจมูก สีหน้าแฝงความรู้สึกประชดตัวเอง "แม่ฉันไม่ได้ทำแบบนี้ครั้งแรกหรอก ทุกปีในคืนวันสิ้นปี ที่บ้านคนอื่นเขามีเสียงหัวเราะ ส่วนบ้านฉันมีแต่เสียงทะเลาะกัน โยนจานแตกเป็นเรื่องปกติ""ในความทรงจำของฉัน ไม่มีเลยสักปีที่ฉันจะได้นั่งทานอาหารค่ำในวันสิ้นปีอย่างสงบสุขกับครอบครัว""ฉันอยู่ที่อวิ๋นเฉิงเพราะเรื่องโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ และเพราะฉันไม่อยากกลับไปเห็นพวกเข

Latest chapter

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 370

    “อย่าให้เธอหนีไปได้!”เสียงคำรามของหัวหน้าชายดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และแฝงความเร่งรีบอย่างชัดเจนแต่ฉันรู้ดีว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายของฉันฉันพุ่งเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ลังเล โถมตัวเข้าหาหน้าต่างทันที ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเปิดบานหน้าต่างที่หนักและเก่าไปสุดแรงสายลมเย็นพัดกระทบใบหน้า พร้อมกับกลิ่นอายของค่ำคืน ทำให้ฉันลืมความหวาดกลัวและความเหนื่อยล้าไปชั่วขณะฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันตัวเตรียมหนีไป แต่ทันใดนั้นเอง ปลายเสื้อของฉันก็ถูกกระชากเอาไว้!“ปล่อยฉันนะ!”ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ พยายามดิ้นรนสุดแรง แต่แรงที่จับฉันไว้นั้นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว ราวกับจะดึงฉันกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่ปรานีในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด ฉันเหวี่ยงมีดปอกผลไม้ในมือออกไปอย่างสุดแรง แม้ว่าจะไม่ได้แทงเข้าเป้าตรง ๆ แต่คมมีดก็เฉือนเข้าที่แขนของเขา ทิ้งรอยแผลลึกไว้พร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมา!ความเจ็บปวดทำให้เขาเผลอคลายมือโดยไม่รู้ตัว ฉันฉวยโอกาสนี้สะบัดตัวหลุดจากการควบคุม แล้วกระโจนออกไปทันที ร่างของฉันลอยอยู่กลางอากาศ แขวนตัวอยู่เหนือพื้นด้านล่าง!‘กระโดดเร็ว!’ฉันตะโกน

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 369

    ในตอนนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของฉันอย่างกะทันหันฉันต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ตัวตนของพวกเขา หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไว้ เพื่อรอโอกาสที่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้แต่ฉันก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเขากำลังทดสอบขีดจำกัดของฉันฉันเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามลำพัง ไร้ที่พึ่งพาเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ จำเป็นต้องรักษาความสงบและใช้สติปัญญาอย่างถึงที่สุดฉันกวาดตามองชายเหล่านั้นอย่างเงียบ ๆ โดยประมาณแล้วดูเหมือนว่าจะมีเพียงสามคนฉันคำนวณในใจเงียบ ๆ หากจำเป็นต้องลงมือ อย่างน้อยฉันต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาเสียก่อนดังนั้น ฉันจึงจงใจเพิ่มระดับเสียง ทำท่าเหมือนกำลังหาโทรศัพท์ไปด้วย ขณะเดียวกันก็ใช้หางตาสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างระมัดระวัง“ขอโทษค่ะ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของฉันจะอยู่ในห้องนั่งเล่น รอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา”พูดจบ ฉันค่อย ๆ หมุนตัวทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่แท้จริงแล้ว ฉันใช้ปลายเท้าเกี่ยวเข้ากับกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ตรงขอบประตู กระถางนั้นเป็นเพียงของตกแต่งในชีวิตประจ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 368

    ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ยังคงแฝงไปด้วยความหนักแน่นฉันพยักหน้า พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูนิ่งสงบที่สุด“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“พวกเราเป็นทีมปฏิบัติการพิเศษของตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ปล้นในช่วงเช้าวันนี้ เรามีบางเรื่องที่ต้องสอบถามคุณเพิ่มเติม”ชายที่เป็นผู้นำยื่นบัตรประจำตัวให้ดู น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังที่ไม่อาจมองข้ามได้ฉันชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเหตุปล้นที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา จะโยงมาถึงตัวฉันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ฉันก็พยายามทำตัวให้สงบที่สุด ก่อนจะขยับตัวหลบไปด้านข้าง เตรียมให้พวกเขาเข้ามาในบ้านแต่ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ดึกขนาดนี้ ตำรวจจะมาหาฉันถึงบ้านได้อย่างไรกัน?ฉันหยุดเดินทันที ความระแวงพุ่งขึ้นสุดขีด สายตากวาดมองไปมาระหว่างชายเหล่านั้น พยายามจับพิรุธจากแววตาของพวกเขาในตอนนั้นเอง เบาะแสเล็กน้อยบางอย่างก็สะดุดตาฉันชายที่เป็นหัวหน้าถึงแม้จะแสดงบัตรออกมา แต่ในสายตาที่พร่ามัวของฉัน บัตรใบนั้นดูเหมือนจะมีแสงสะท้อนที่ผิดปกติ ไม่เหมือนกับวัสดุพลาสติกทั่วไปที่ควรจะเป็นเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 367

    สำหรับกู้จือโม่ ความรักของเขามีหรือไม่มี ก็ไม่สำคัญสำหรับฉันอีกต่อไปบางที สักวันหนึ่ง เขาอาจยอมทิ้งฉันเพื่อครอบครัวของเขาก็เป็นได้คิดมาถึงตรงนี้ ฉันเผลอแสดงรอยยิ้มขมขื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความปล่อยวางเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันเก็บข้าวของเสร็จล่วงหน้าแล้วและออกเดินไปตามทางแสงแดดลอดผ่านกลุ่มเมฆบางเบา โปรยเป็นลวดลายลงบนพื้น เติมความอบอุ่นให้กับเช้าวันนี้ที่เงียบเหงาขึ้นมาเล็กน้อยฉันสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึก ๆ พยายามปล่อยความหม่นหมองของเมื่อคืนออกไปทั้งหมด และเตรียมตัวต้อนรับวันใหม่บนท้องถนน ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างเร่งรีบและวุ่นวายกับชีวิตของตัวเองฉันเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ในใจกลับมีทิศทางที่ชัดเจน ฉันจะมุ่งมั่นกับชีวิตและหน้าที่ของตัวเองให้มากขึ้น และจะไม่ให้ความรู้สึกมาผูกมัดฉันอีกต่อไปขณะที่ฉันกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบรอบตัวฉันหันกลับไปมอง เห็นชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาหาฉันด้วยท่าทางตื่นตระหนก ขณะที่ด้านหลังของเขามีกลุ่มชายฉกรรจ์สีหน้าดุดันไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เห็นได้ชัดว

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 366

    เมื่อหลินเฉี่ยนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาการอยู่ที่นี่ต่อไปจะยิ่งทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดขึ้น ฉันหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันทีเดินอยู่บนถนนอันเงียบสงัด ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เด็กหนุ่มที่เคยอ่อนโยนและน่ารักในวันวาน กลับมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของความรู้สึกในตอนนี้ดูเหมือนจะสามารถสืบทอดกิจการของครอบครัวได้ แต่กลับสูญเสียอิสรภาพในการเลือกความรักของตัวเองไม่รู้ว่าเดินมาได้นานแค่ไหน ฉันก็พบว่าตัวเองมาถึงริมแม่น้ำแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำพอดีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเบา ๆ นำพาความเย็นเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยพัดพาความหงุดหงิดในใจให้จางหายไปด้วยฉันเดินทอดน่องเพียงลำพังบนถนนที่มีแสงไฟสลัว ในหัวยังคงฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าความรัก ความรับผิดชอบ ผลประโยชน์ของครอบครัว... คำเหล่านี้สานกันเป็นใยซับซ้อนในความคิดของฉัน ทำให้ยากที่จะหลุดพ้นบางเรื่องฉันเคยผ่านมันมาแล้ว แต่บางเรื่องกลับทำให้ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน แม้ว่าจะมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ฉันก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดีฉันหยุดเดิน เ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 365

    สีหน้าของลู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน เขามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะรีบหลบสายตากลับไป ราวกับกำลังชั่งใจและตัดสินใจบางอย่างในใจฉันรับรู้ได้ถึงความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขา ไม่ใช่แค่เพราะหลินเฉี่ยนที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังเป็นเพราะทางเลือกที่เขาเคยทำ รวมถึงความไม่แน่นอนต่ออนาคตของตัวเอง“หลินเฉี่ยน เธอใจเย็น ๆ ก่อนนะ”น้ำเสียงของลู่เฉินพยายามรักษาความสงบ แต่ความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่กลับไม่อาจปกปิดได้“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุยเรื่องนี้ เราหาเวลาคุยกันให้ดีอีกทีได้ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินเฉี่ยนไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่เธอดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตรงนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยเรื่องนี้ เธอจึงสูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง“ก็ได้ แต่ฉันต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากคุณตอนนี้เลย เกี่ยวกับการหมั้นของเรา คุณคิดยังไงกันแน่?”ลู่เฉินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างช้า ๆ ในที่สุด“หลินเฉี่ยน ผมรู้ว่าฉันติดค้างคำอธิบายกับคุณ เกี่ยวกับการหมั้น ผมไม่เคยคิดจะหนี เพียงแต่... ผมต้องใช้เวลาเพื่อจัดการความคิดของตัวเอง ธุรกิจของครอบครัว อนาคตของเราสักหน่อย เร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 364

    ในคำพูดของเขา มีทั้งความจำใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดถึงอดีต และความสับสนต่ออนาคตที่ไม่แน่นอนฉันตระหนักได้ว่าหนทางชีวิตของแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราต่างก็ใช้วิธีของตัวเองในการประนีประนอมกับโลกใบนี้ และพูดคุยกับตัวเองภายในใจฉันแตะหลังมือของเขาเบา ๆ อย่างแผ่วเบา มอบกำลังใจให้เขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“จริง ๆ แล้ว ทุกเส้นทางชีวิตล้วนมีคุณค่าและความหมายในแบบของตัวเอง การที่นายรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว นั่นก็เป็นความรับผิดชอบและความกล้าหาญในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนเรื่องการแต่งงาน แม้ว่าตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ใครจะรู้ได้ล่ะว่า คู่ชีวิตในอนาคตอาจกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายก็ได้?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาฉายแววคลายกังวลขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ อย่างไม่รู้ตัว“เธอพูดถูกนะ เฉียวเฉียว บางทีฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”ท่ามกลางบทสนทนา กลิ่นหอมของกาแฟอบอวลไปทั่วอากาศ ราวกับพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลามัธยมที่ไร้กังวลอีกครั้ง“จริง ๆ แล้ว นายอาจรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เหมือนกรงขัง แต่พวกเราที่ดิ้นรนต่อสู้อยู่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 363

    ในตอนนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่ยังต้องฝืนยิ้มต่อหน้าผู้คน และเล่นตามบทบาทในพิธีศพอันแสนไร้สาระทุกครั้งที่ฉันมองแผ่นหลังของไอ้สารเลวนั่น ความโกรธและความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจคนที่ควรจะเป็นที่พึ่งพาที่มั่นคงที่สุดของฉัน กลับเลือกที่จะใช้การจากไปของคุณย่าเพื่อตอบสนองความต้องการเห็นแก่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลาที่ฉันต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนมากที่สุดหลังจากพิธีศพจบลง ฉันเดินวนเวียนอยู่เพียงลำพังในสวนหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นเยียบและเงียบเหงาเป็นพิเศษฉันหวนคิดถึงทุกช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นที่เคยใช้ร่วมกับคุณย่า รอยยิ้มของเธอ คำสอนของย่า ราวกับยังคงก้องอยู่ข้างหูน้ำตาไหลรินอย่างเงียบงันในช่วงเวลานี้ ความคับแค้น ความโกรธ และความไม่ยอมรับทุกอย่าง ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุดแต่ตอนนี้ คนที่เจ็บปวดจริง ๆ คือเฉิงเฉิง ฉันรู้สึกทรมานใจเหลือเกินเห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากหลังจากการจากไปของคุณย่า ฉันเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันฉันสูดลมหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แล้วหันไปมองเฉิงเฉิงด้วยความต

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 362

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ เฉียวเฉียว การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน แต่เช่นเดียวกับที่เธอกล่าวไว้ เราทุกคนจำเป็นต้องหาหนทางที่จะก้าวออกจากความเศร้าและกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง คุณทำได้ และฉันเชื่อว่าฉันก็ทำได้เช่นกัน”เสียงของเฉิงเฉิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นมากขึ้น แม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงก่ำ แต่ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ“ฉันจำได้ว่า คุณย่าเคยบอกฉันว่า ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง เราจะได้พบเจอผู้คนมากมาย และก็ต้องลาจากกับหลายคนเช่นกัน การจากไปของแต่ละคนมีไว้เพื่อให้เราซาบซึ้งกับคนที่ยังอยู่เคียงข้างเรามากขึ้น และให้เห็นคุณค่าของเส้นทางชีวิตข้างหน้าของตัวเอง ฉันคิดว่า ตอนนี้ย่าคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง มองฉันด้วยความอ่อนโยน และหวังให้ฉันเข้มแข็งก้าวต่อไป”ฉันจับมือเธอเบา ๆ มอบกำลังใจให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ“เฉิงเฉิง คำพูดของย่าเธอถูกต้องแล้ว เราต้องก้าวต่อไปโดยมีความรักของเธออยู่กับเรา พรุ่งนี้เราจะเผชิญกับพิธีศพด้วยกัน แม้ว่ามันจะยาก แต่ก็นับเป็นการอำลาย่าของเธอ และเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของเราเอง”คืนนั้น เราคุยกันมากมาย ตั้งแต่ความทรง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status