Share

บทที่ 128

Author: ลูกพีชแสนสวย
last update Last Updated: 2024-12-10 17:00:01
หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบขาด ฉันเจ็บปวดจนรู้สึกว้าวุ่นไปหมด!

คมมีดปักลึกเข้าไปในเนื้อและเลือด แต่ไม่รู้กู้จือโม่เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขาตอบโต้กลับด้วยการโจมตีต้าจ้วงจนล้มลงไปทันที!

ในที่สุด ตำรวจจำนวนมากก็กรูกันเข้ามาทางประตู!

เจ้าหน้าที่นำหน้าหลายคนถือกระบองและโล่ เข้าควบคุมตัวทั้งสองคนได้อย่างรวดเร็ว!

ตอนนี้พวกเขาถึงเริ่มรู้สึกกลัว ร้องไห้จนทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหลปนกันพลางพูดว่า “คุณตำรวจ พวกเราโดนใส่ร้าย! เราไม่ได้ทำอะไรเลย!”

“มีคนสั่งให้พวกเราทำแบบนี้ จะมาจับพวกเราทำไมล่ะ คุณตำรวจควรไปจับตัวเขาสิ!”

หลังจากโดนเตะไปหนึ่งที พวกเขาก็ยอมสงบลงในที่สุด เลิกโวยวายร้องลั่นเสียที!

ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมา ดูเหมือนจะมีตำแหน่งไม่น้อย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน รีบเข้าไปประคองกู้จือโม่พลางถามว่า “คุณชายกู้ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เมื่อเห็นเสื้อของกู้จือโม่เปื้อนเลือด ชายวัยกลางคนถึงกับสะดุ้งตกใจพลางพูดว่า “คุณชายกู้ บาดแผลของคุณ...”

กู้จือโม่ลุกขึ้น ยกมือปัดเขาออก แม้จะก้าวเดินอย่างลำบาก แต่ยังมุ่งตรงมาหาฉันอย่างชัดเจน!

ผู้กำกับการเพิ่งตั้งสติได้ รีบตะโกนสั่งว่า “พ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 129

    ตอนนี้ฉันมัวแต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของกู้จือโม่ จนเผลอลืมไปว่ามีคนร้ายลักพาตัวอีกสองคนถ้าวันนี้กู้จือโม่ไม่ได้พาตำรวจมาทันเวลา ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ลำบากแล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายทำให้ฉันต้องทรุดตัวลงนั่งทันทีบรรยากาศเงียบสงัดลงทันที พวกเราต่างนั่งเงียบ รอคอยผลอย่างใจจดใจจ่อที่ประตู ห้องฉุกเฉินมีตัวอักษรสีแดงเรืองแสง ฉันจ้องมองมันตลอดจนเผลอเหม่อลอยหลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับกู้จือโม่ก็ย้อนกลับมาในความคิดครั้งแล้วครั้งเล่าคำพูดของเขาที่ว่า “ฉันจะจีบเธอ” ยังคงก้องอยู่ในหูของฉันไม่จางหายฉันอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาจะทำเพื่อฉันได้ถึงเพียงนี้ ตอนนั้นฉันจะยังปฏิเสธเขาอยู่ไหม?หัวใจที่เคยคิดว่าหนาวเหน็บจนไร้ความรู้สึก ดูเหมือนจะเริ่มอุ่นขึ้นทีละน้อยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดคนข้างในก็เปิดประตูออกมา“คุณหมอ กู้จือโม่เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”คุณหมอรับสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของฉัน ขณะถอดหน้ากากออกพลางพูดว่า “มีดถูกดึงออกแล้ว แผลกำลังเย็บอยู่ ต่อจากน

    Last Updated : 2024-12-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 130

    กู้จือโม่เข้ารับการผ่าตัดด้วยการดมยาสลบ ชั่วครู่เขาคงยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาฉันอยากจะเดินออกไป แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ยกเท้าไม่ขึ้นนั่งอยู่สักพัก ความรู้สึกไม่สบายใจก็ค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผ่านไปอีกสองชั่วโมง พ่อบ้านของกู้จือโม่เดินออกมาแล้วพูดว่า “คุณเฉียว คุณชายฟื้นแล้วครับ”กู้จือโม่ฟื้นแล้ว...ฉันสูดลมหายใจลึก ความหนักอึ้งในใจเหมือนก้อนหินที่กดทับอยู่ ในที่สุดก็หายไปฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่ทันทีที่ลุกขึ้นยืน โลกทั้งใบก็หมุนคว้าง และในวินาทีต่อมาฉันก็จมดิ่งเข้าสู่ความมืดมิดเมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง แสงแดดอ่อน ๆ ก็ส่องผ่านม่านบาง ๆ เข้ามาในห้องฉันลืมตาขึ้น ก็ได้ยินเสียงของกู้จือโม่ดังขึ้นข้างหูว่า “ตื่นแล้วเหรอ? มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายบ้างไหม?”“แม่บ้านอู๋ รีบไปตามหมอมาเร็ว!”พอหันไปก็เห็นกู้จือโม่ที่มีรอยฟกช้ำบนแก้มจากการต่อสู้กับคนร้ายเขานั่งอยู่บนรถเข็น มีสายน้ำเกลือที่หลังมือ อาจเป็นเพราะเสียเลือดมาก ทำให้สีหน้าดูไม่ค่อยดีนักสายตาของฉันมองไปที่บริเวณหน้าท้องของเขา แต่เพราะมีเสื้อผ้าปิดอยู่ ฉันจึงไม่สามารถบอกได้ว่าแผลลึกหรือร้ายแรงแค่ไหนเมื่อครู่ในความฝัน ฉากในฝั

    Last Updated : 2024-12-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 131

    "เฉียวซิงลั่ว เธอต้องการผลักไสฉันออกไปจริง ๆ ใช่ไหม?" เสียงของกู้จือโม่เต็มไปด้วยความเย็นชา พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวเขาที่กดดันลงอย่างชัดเจนฉันเม้มปาก ไม่ตอบอะไร กลัวคำพูดต่อไปของเขาฉันอยากให้เขาหยุดพูด แต่ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปาก เขากลับพูดต่อ"เธอก็ชอบฉันเหมือนกันใช่ไหม? แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?""ตอนที่เห็นฉันถูกแทง เธอกลัวมากใช่ไหม? เธอพูดอะไรกับฉันบ้างตอนนั้น ฉันได้ยินทุกคำ"คำพูดของกู้จือโม่เหมือนหินก้อนหนึ่งที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่สงบนิ่ง ทันทีที่มันสัมผัสผิวน้ำ คลื่นกระเพื่อมก็ปรากฏความทรงจำที่ฉันพยายามลืม ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งจนไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปตอนที่กู้จือโม่ถูกคนร้ายแทง เลือดของเขาไหลซึมเปื้อนเสื้อผ้าจนชุ่มฉันมองเห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนเสื้อของเขา และมองดูเขาทรุดลงข้างฉัน ก่อนจะแก้มัดเชือกบนตัวฉันแล้วหมดสติไปฉันกลัว... กลัวมากกว่าตอนที่รู้ว่าเขาไม่มีวันรักฉันในชาติก่อนฉันกลัวว่าจะไม่มีเขาอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ฉันกลัวว่าจะไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป และกลัวว่าในอนาคตเมื่อพูดถึงเขา จะต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า ‘ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่’ฉันกลัวท

    Last Updated : 2024-12-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 132

    ฉันกับกู้จือโม่ทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผล คุณอู๋ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด "คุณชาย...คุณหนู..."ความรู้สึกน้อยใจที่ไม่มีที่มาพุ่งเข้ามาในใจ ฉันดึงผ้าห่มลงจากหน้า แต่พบว่ากู้จือโม่ไม่อยู่แล้วคุณอู๋ยืนอยู่ข้างเตียงของฉัน ดูเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี "คุณหนู..."ฉันสูดลมหายใจลึก พยายามกดความรู้สึกทั้งหมดลงไป แล้วส่งยิ้มให้คุณอู๋ "คุณอู๋ รบกวนไปดูคุณชายกู้หน่อยนะคะ ตามเขาไปให้แน่ใจว่าเขากลับถึงห้องพักผู้ป่วยอย่างปลอดภัยก็พอ""ฉันไม่มีปัญหาอะไร ตุณไปเถอะค่ะ"เมื่อฉันพูดแบบนั้น คุณอู๋พยักหน้าและรีบวิ่งออกไปห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ฉันนอนมองเพดานอยู่นาน ความรู้สึกอึดอัดในใจจึงค่อย ๆ เบาบางลงฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหา ลั่วอี้ฝาน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โทรกลับมาเสียงของเขาในสายฟังดูไม่ผ่อนคลายเหมือนเคย "มีอะไรหรือเปล่า? พอดีเพิ่งกินข้าวกับคณะกรรมการเสร็จ พึ่งออกมาจากโรงแรม"ก่อนหน้านี้ฉันตั้งใจจะใช้เงินสองล้านหยวนเพื่อซื้อที่ดินผืนนั้น แต่ลั่วอี้ฝานลองติดต่อหลายทางแล้วพบว่าถ้าไม่ผ่านการประมูลตามกฎหมาย อาจจะได้ราคาถูกลงอีกสามถึงสี่แสนหยวนช่วงนี้เขาเลยต้องวิ่งหาเส้นสายทุกทาง เพื่

    Last Updated : 2024-12-11
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 133

    "ยังมีใครอีก?""เฉินเยวี่ย""ผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"ฉันตอบรับด้วยเสียง "อืม""เธอกล้าเหรอ?"ฤดูหนาวลึกเข้ามาอีกระดับ ใบของต้นการบูรแทบจะหลุดร่วงหมด เหลือเพียงกิ่งก้านเปลือยเปล่ายื่นออกไปฉันไม่รู้ว่าเฉินเยวี่ยจะกล้าหรือไม่ แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ ความอิจฉาสามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงจนดูไม่เหมือนเดิมได้ฉันไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป แต่ก็ไม่ดูถูกธรรมชาติของมนุษย์ และข้อสงสัยของฉันก็ไม่ได้ไร้ที่มาที่ไป"วันนั้น ตอนที่คนร้ายที่รับโทรศัพท์ เสียงที่ฉันได้ยินในวินาทีแรกเหมือนเสียงของผู้หญิง"ตอนนั้นฉันยังไม่กล้ายืนยัน แต่เมื่อคิดย้อนไป ฉันนึกถึงตอนที่เรียนมัธยมปลายปีสอง เฉิงเฉิงเคยหลงใหลนักพากย์เสียงชายคนหนึ่งที่เสียงไพเราะมากเธอใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนฟังเสียงของนักพากย์คนนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสแต่ไม่นานก็มีข่าวออกมาว่านักพากย์คนนั้นแท้จริงเป็นผู้หญิง เสียงนั้นถูกแต่งเสียงผ่านอุปกรณ์เสียงและโปรแกรมตัดต่อเฉิงเฉิงเสียใจจนหมดอาลัย และเริ่มค้นคว้าวิธีแยกแยะเสียงจริงของคน ฉันอยู่กับเธอทุกวัน เลยได้ยินเรื่องเหล่านี้จากเธอบ่อย ๆเมื่อครู่ฉันตั้งใจฟังเสียงในความทรงจำอีกครั้ง และก็ชัด

    Last Updated : 2024-12-12
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 134

    ฉันจับมือของกู้จือโม่ไว้ มือของเขาร้อนอย่างกับไฟ ฉันจึงขอให้พ่อบ้านช่วยเอาน้ำมาให้เพื่อลดไข้ด้วยวิธีทางกายภาพฉันใช้ผ้าชุบน้ำเย็นวางไว้ที่หน้าผาก และใช้แอลกอฮอล์เช็ดตามฝ่ามือ แผ่นหลัง และฝ่าเท้าของเขา หลังวุ่นวายกว่าชั่วโมง อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ลดลงเล็กน้อยเสื้อผ้าของเขาเปียกชื้นไปหมด ฉันที่ไม่สามารถยกเขาได้จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาตลอดกระบวนการทั้งหมด กู้จือโม่ไม่ได้ลืมตาขึ้นเลยแม้แต่น้อยฉันรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย จับมือเขาไว้แน่นแล้วเรียกเขา “กู้จือโม่ ตื่นเถอะ ลืมตาขึ้นมาดูฉันหน่อยได้ไหม?”หลังจากที่ฉันพูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีฉันดีใจอย่างท่วมท้น ฉันพยุงตัวเองขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “กู้จือโม่ นายฟื้นแล้วเหรอ?”แววตาของเขาในตอนแรกดูเลื่อนลอย แต่ค่อย ๆ กลับมาแจ่มใสขึ้นทีละน้อยเขาจ้องมองฉันโดยไม่พูดอะไร ฉันเริ่มรู้สึกกังวล จึงยื่นมือแตะหน้าผากเขาอีกครั้ง “หรือจะเป็นไข้จนเบลอไปแล้ว?”“ทั้ง ๆ ที่ไข้ก็ลดลงแล้วนี่นา” ฉันพูดพลางหันไปขอให้พ่อบ้านเรียกหมอ แต่กลับถูกมือของกู้จือโม่คว้าไว้แน่น“ไม่

    Last Updated : 2024-12-12
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 135

    ฉันอ้าปากเหมือนจะพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกไป แต่คำสองคำนี้มันดูเบาเกินไป เบาจนไม่น่าจะทำให้ใครเชื่อได้“กู้จือโม่”ฉันมองเขา ในชั่วขณะหนึ่ง ฉันอยากจะถามเขาว่าเขาเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณไหม เชื่อในเรื่องอดีตและชาติภพไหม เชื่อในเรื่องการเกิดใหม่ไหม เชื่อไหมว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ ฉันกับเขามีจุดจบที่ไม่ดีแต่เพียงแค่ชั่วขณะเดียว ฉันก็ล้มเลิกความคิดนั้นเพราะแม้แต่ฉันเอง บางครั้งยังรู้สึกเลือนราง ว่าชีวิตก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริงหรือแค่จินตนาการ แล้วเขาที่เป็นคนไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติตั้งแต่ต้น แล้วจะเชื่อได้ยังไงกู้จือโม่มองฉัน รอคำพูดถัดไปของฉันฉันเม้มปาก มองเขาแล้วพูดออกมา “ฉันเคยชอบนายมาก ชอบจนใช้แรงทั้งหมดที่มี ฉันชอบนายมากจริง ๆ แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป”“นายเคยบอกว่าฉันเป็นคนที่มีความอดทนแค่สามนาทีใช่ไหม?” ฉันยิ้มให้เขา “บางทีนายอาจจะพูดถูก”“การชอบนายก็คงเป็นเรื่องที่ฉันชอบได้แค่สามนาทีเหมือนกัน”“เธอชอบฉัน” กู้จือโม่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ “พูดอะไรแบบนี้ออกมา เธอคิดว่าฉันจะเชื่อจริง ๆ เหรอ?”"เฉียวซิงลั่ว ทำไมเธอต้องหลอกตัวเองด้วย?" กู้จ

    Last Updated : 2024-12-12
  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 136

    ฉันกำลังจะโมโหใส่เขาให้หลีกทาง แต่พอได้ยินคำถามนั้นกลับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอียงคอมองอย่างงุนงงกู้จือโม่โน้มตัวลงจนระดับสายตาเท่ากันกับฉัน “หืม? หึงใช่ไหม?”“ไปให้พ้น!”ฉันทั้งโกรธทั้งเขิน รู้สึกเหมือนเขาจี้จุดเข้าอย่างจัง และในขณะเดียวกันก็ไม่พอใจเขามากเขาอยากจะทำตัวเป็นผู้ชายแสนอบอุ่นก็ให้เป็นไป แต่ถ้าจะอบอุ่นแบบนี้ก็ช่วยอบอุ่นให้ห่าง ๆ หน่อยเถอะอีกอย่าง เขาเอาโครงการมาแลกกับบ้านกู้เพื่อให้ฉันปล่อยเรื่องที่เฉินเยวี่ยใส่ร้ายฉัน แม้ฉันจะได้ประโยชน์จากมัน แต่ความรู้สึกระหว่างการถูกบังคับกับการเลือกเองมันแตกต่างกันมากหลังจากฉันพูด ‘ไปให้พ้น’ ออกไป กู้จือโม่นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหมือนจะโดนจี้จุดขำจนหัวเราะไม่หยุดฉันจ้องเขา แต่เขาหัวเราะจนตัวงอ ไม่สามารถยืนตรงได้แต่ไม่นาน เสียงหัวเราะก็หยุดลงทันที เพราะเขาดันไปกระเทือนแผลที่ตัวเอง สีหน้าของเขาจึงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดตอนนี้เป็นตาเขาที่เสียหน้า ส่วนฉันกลับยิ้มแย้มด้วยความสะใจฉันยิ้มพลางพูดอย่างเน้นย้ำทีละคำ “สมน้ำหน้า”พอฉันพูดจบ พอดีผู้ดูแลของกู้จือโม่เคาะประตูเข้ามา เห็นเจ้านายของเขานั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับ

    Last Updated : 2024-12-12

Latest chapter

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 248

    มองส่งชายคนนั้นจากไป ฉันยืนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็น สายลมอันหนาวเหน็บพัดผ่าน ฉันกระชับเสื้อคลุมบางเบาให้แนบตัว แสงไฟข้างทางที่ริบหรี่สลับสว่างส่งแสงสีส้มทอดลงบนตัวฉัน ฉันก้าวเดินช้า ๆ ท่ามกลางสายลมเย็นในรองเท้าส้นสูง แสงไฟถนนสีส้มสะท้อนให้เห็นเงาหลังที่โดดเดี่ยวและอ้างว้างของฉัน ระยะทางไม่ไกลนัก ฉันเดินกลับถึงบ้านแล้วถอดรองเท้าที่กัดเท้าทิ้งไว้บนพื้น เท้าที่ปวดหนึบค่อย ๆ ก้าวไปบนพรมขนแกะ รอยเลือดจาง ๆ ประหนึ่งดอกเหมยที่ประทับลงบนพรม ฉันหยิบแอลกอฮอล์และสำลีก้านมา ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดบาดแผล ฉันกัดฟันอดทนกับความเจ็บ ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เปลือกตาหนักอึ้งจนฉันฝืนต่อไปไม่ไหว สุดท้ายจึงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ ในความฝัน ฉันรู้สึกถึงไออุ่นอันแผ่วเบา ราวกับบ่ายแก่ในสวนที่แสงแดดอ่อนโยนสาดส่องลงบนร่างกาย เงาร่างเลือนรางค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน เห็นเพียงคุณย่าหลังค่อมยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ “คุณย่า! คุณย่า!” ฉันร้องไห้จนใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา วิ่งตรงไปหาคุณย่า ฉันอยากอยู่กับคุณย่ามากแค่ไหนกัน! ฉันอยากย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ไร

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 247

    สายตาที่จริงจังจ้องฉันเขม็ง ฉันสัมผัสได้ถึงความดื้อรั้นและท่าทางที่ครอบงำของเขา จึงแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ “รัก? นายรู้เหรอว่าความรักคืออะไร?” เขาพูดอยู่ตลอดว่ารักฉัน แต่กลับไม่เคยทำอะไรเลย บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีของฉันที่เด็ดขาดเกินไป ทำให้ในสายตาของเขามีแววความกังวลเจืออยู่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะคาดไม่ถึงว่าฉันจะพูดแบบนี้ และไม่คิดว่าฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาอย่างชัดเจน หลังจากดื่มไปไม่น้อย ฉันก็รู้สึกได้ว่ากระเพาะของตัวเองเริ่มมีอาการแสบร้อน แต่การจะยืนหยัดในสังคมและสร้างพื้นที่ของตัวเองให้ได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น ฉันเม้มริมฝีปาก พยายามฝืนยืนตัวตรงอย่างมั่นคง เงยหน้ามองเขาอย่างไม่ยอมก้มหัวและไม่หยิ่งผยอง ดูเหมือนว่าในชาติก่อนก็ไม่ต่างจากตอนนี้เลย ฉันเอาแต่เงยหน้ามองเขาอยู่ตลอด ฉันก็เหมือนต้นไม้ที่หยั่งรากอยู่ในโคลนตม เงยหน้าขึ้นมองกู้จือโม่ที่อยู่บนเมฆอันบริสุทธิ์ไร้ที่ติ “ฉันรักเธอจริง ๆ ความรู้สึกระหว่างเรากับเฉินเยวี่ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย ฉันมองผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น” เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะมีความรู้สึกต่อต้านเฉินเยวี่ยอยู่เล

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 246

    ตระกูลเฉียวในตอนนั้นพยายามจะผูกมัดฉันไว้ ราวกับว่าความรุ่งเรืองหรือความล่มจมของเราต้องไปด้วยกัน แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการมาตลอดไม่เคยเป็นอย่างนั้นเลย สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่เหยียบย่ำบนตัวฉัน คอยดูดซับพลังและประโยชน์จากฉันเรื่อยไปเท่านั้น และเขารู้ดีถึงสถานการณ์ของฉัน แต่กลับให้โอกาสพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนที่ฉันพลิกสถานการณ์ด้วยความพยายามของตัวเองจนกลายเป็นที่สองได้ ฉันก็รู้แล้วว่าการเอาชนะที่หนึ่งนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันสามารถเป็นที่สองที่ไม่มีใครเหมือนได้ “คุณกู้ ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน เราสองคนก็ยังคงอยู่กันคนละโลก คุณสามารถมีอนาคตที่ดีกับคุณเฉินได้ แต่ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไป คดีที่มีหลักฐานชัดเจนกลับถูกตัดสินว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าตระกูลกู้ของพวกคุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ในเมื่อพวกคุณแยกแยะถูกผิดไม่ได้ ฉันจะทำให้โลกสีเทานี้มีสีสันเอง” ฉันรู้ว่าตอนนี้คำพูดที่ฉันเอ่ยออกมานั้นฟังดูเหมือนคำประกาศที่ยิ่งใหญ่เกินตัว แต่สักวันหนึ่งฉันจะพยายามจนได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด และทำให้ทุกคนรู้ถึงความสามารถของฉัน ที่จริงแล้วฉันก็แค่ต้องการความยุติธรรมเท

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 245

    บีบบังคับผู้หญิงให้ลงน้ำแล้วค่อยช่วยให้ขึ้นฝั่งใหม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนพวกนี้ถนัดที่สุดหรอกเหรอ? แต่เขาพูดแบบนี้ ไม่เหมือนกับเศรษฐีใหญ่ที่กำลังไล่ขอทานไปหรืออย่างไร คิดจะตัดฉันออกไปให้พ้นทางเหรอ? “นายรู้อยู่แล้วว่าฉันถูกบีบบังคับ แต่นายกลับเลือกที่จะช่วยตระกูลเฉียว เป้าหมายของนายก็เพื่อทำให้ฉันกลายเป็นหุ่นเชิดแบบนั้นใช่ไหม? นายคิดจะทำอะไรกันแน่ แค่กระดิกนิ้วฉันก็ต้องวิ่งเข้าหานายงั้นเหรอ? นายคิดว่าฉันเป็นตัวอะไร ของเล่น? ทาสรับใช้? หรือนายคิดว่าฉันไม่มีศักดิ์ศรี สามารถเหยียบย่ำฉันได้ตลอดไปงั้นเหรอ?” ตอนนั้นเขารู้ดีว่าฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยฉันเลย แถมยังคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นผลจากการกระทำของฉันเองด้วย แม้สุดท้ายจะรู้ว่าใครคือฆาตกร เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับฉัน เอาแต่บอกว่าจะช่วยฉันเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือทุกอย่างกลับเงียบหายไป ทั้ง ๆ ที่คดีนี้มีหลักฐานชัดเจนแต่กลับถูกตัดสินว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ทั้งตระกูลกู้ติดค้างฉันไม่น้อยเลยว่าไหม? “ฉันไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับเธอ หรือดูถูกเธอเลย เพียงแต่บางเรื่องฉันทำไม่ได้จริง ๆ ฉันหวังว่าเธอ

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 244

    การไม่รบกวนเขา คือสิ่งที่ฉันสามารถทำได้มากที่สุด เมื่อฉันก้าวเข้าไปในโรงแรมด้วยชุดเดรสยาวสีฟ้าน้ำทะเล สายตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่ฉันในทันที บางทีสำหรับฉันในตอนนี้ ความอ่อนเยาว์และความงามอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด คนจำนวนมากมักจะมองแต่เปลือกนอกของผู้อื่นอย่างผิวเผิน หากแม้แต่ความตั้งใจที่จะทำความเข้าใจยังไม่มี แล้วโอกาสที่จะพัฒนาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? โชคดีที่ตอนนี้ฉันมีทุกอย่างแล้ว ใบหน้าที่ซีดเซียวในอดีตหายไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้มาคือร่างกายที่สดใหม่ อ่อนเยาว์ และงดงามกว่าเดิม เมื่อฉันไปร่วมงานเลี้ยงเพียงลำพัง มองดูอาหารอันโอชะบนโต๊ะและกลุ่มคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใจฉันก็พอจะเข้าใจแล้วว่างานเลี้ยงคืนนี้มีความหมายว่าอย่างไรไม่ใช่เงินทุกก้อนที่จะหามาได้ง่าย ๆ บางก้อนนั้นต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อแสดงถึงความจริงใจของตัวเอง และเพื่อให้โดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ ฉันยกแก้วขึ้นกล่าวคำเชิญดื่มก่อนเป็นคนแรก จากนั้นก็แสดงเจตจำนงของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและมั่นใจ คนเหล่านี้ก็ดูจะคอแข็งกันทั้งนั้น อาจเป็นเพราะเก่งเรื่องงานสังคม พอดื่มไปได้สักพัก ฉันก็เริ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 243

    เดิมทีอากาศค่อนข้างแจ่มใส แต่ตอนนี้กลับมีฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉันรู้สึกกระวนกระวายยิ่งขึ้น และยังเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาในใจ โชคดีที่ไม่นานฉันก็กลับถึงบ้าน และพอถึงบ้าน ฉันรีบลงไปแช่น้ำร้อนในอ่างทันที ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปล่อยวางทุกอย่าง ทำให้จิตใจของตัวเองค่อย ๆ กลับมาสงบอีกครั้ง อย่าให้เรื่องใดมาส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของฉัน และอย่าให้ความรู้สึกใด ๆ มาควบคุมเส้นทางชีวิตของฉัน ชาติที่แล้วฉันใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ แถมยังทำให้ฉันรู้สึกขำตัวเอง เพราะการทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดไปกับความรักนั้น สุดท้ายก็แค่ทำให้ตัวเองยิ่งลำบากและน่าสมเพชมากขึ้นเท่านั้น ครั้งนี้ ฉันมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แต่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้หรือไม่ เมื่อฉันยืนอยู่ในห้องมืด ๆ สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ มองลงไปข้างล่างผ่านหน้าต่าง ฝนที่เทกระหน่ำภายใต้แสงไฟถนนกลับดูงดงามอย่างน่าเศร้าใจ พาให้ความคิดของฉันย้อนกลับไปในชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นค่ำคืนฝนตกที่เย็นชาและเงียบงันไม่ต่างกัน วันนั้นฉันสวมเสื้อโค้ตผ้าขนสั

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 242

    เขาเป็นพ่อของฉันจริง ๆ ซึ่งฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อนี้ได้ แต่เขากลับต้องการขายลูกสาวเพื่อไต่เต้า แถมยังมองฉันเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามใจอีก เขามีลูกสาวสองคน แต่ชีวิตของเราสองคนกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ราวกับว่าฉันเป็นเพียงรองเท้าคู่หนึ่งที่ใครก็สามารถหยิบไปใส่ได้ เขาไม่เคยใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับฉันเลย บางทีอาจเป็นเพราะฉันคาดหวังในความสัมพันธ์นี้มากเกินไป หรือเพราะฉันต้องการความรักจากครอบครัวที่ไม่เคยได้รับมาก่อน จึงผลักดันตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงทางตัน “ตอนนั้นตระกูลเฉียวได้รับผลประโยชน์จากฉันไปไม่น้อย ฉันก็หวังให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ แต่ภายหลังก็เพิ่งเข้าใจว่า เรื่องดี ๆ จะมีมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” บางทีอาจมีเพียงในสถานการณ์แบบนี้เท่านั้นที่ฉันจะพูดอะไรออกมาได้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะช่วยให้ฉันสงบลงได้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเรื่องตลกที่น่าขัน ทำได้เพียงบอกความในใจที่ไม่กล้าพูดออกไปให้คนข้าง ๆ ฟัง เขาเพียงรับฟังอย่างเงียบ ๆ เป็นผู้ฟังที่ซื่อสัตย์ที่สุด ส่วนฉันในตอนนั้นก็ได้แต่ครุ่นคิดทุกสิ่งเงียบ ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ระบายความเจ็บปวดในใจออก

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 241

    ผู้อาวุโสหนานเผยรอยยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ ท่าทีที่มองฉันก็แฝงไว้ด้วยความภูมิใจเล็กน้อย ฉันรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก แต่การจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของฉันเองล้วน ๆ “สาวน้อยเฉียว เธออย่าเพิ่งดีใจไป ฉันอยากแนะนำเขาให้เธอก็จริง แต่เขานิสัยประหลาดกว่าฉันอีกนะ จะทำให้เขายอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ผู้อาวุโสหนานรีบพูดขัดทันที ทำให้ฉันยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่าตอนที่ฉันกำลังตกอยู่ในวิกฤต ฉันคว้าไว้ได้เพียงฟางเส้นสุดท้าย แต่กลับพบว่าฟางเส้นนี้ช่วยอะไรฉันไม่ได้เลย “แต่ด้วยความสามารถของเธอ ฉันเชื่อว่าเธอจัดการได้แน่นอน” ความกดดันถาโถมเข้ามาอย่างมหาศาล จนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะล้มลง และในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี ทุกสิ่งในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย การจะดำเนินไปตามเส้นทางในชาติที่แล้วนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน แต่ข้อมูลที่ฉันมีอยู่มากพอที่จะทำให้ฉันคว้าความได้เปรียบล่วงหน้ามื้อนี้เป็นมื้อที่น่าพึงพอใจ แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ได้พบกับวิธีแก้ไขใหม่ ๆ แทน เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรตลอดทางกลับบ้าน นั่งอยู่

  • หวนรักหนีลิขิต   บทที่ 240

    เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ฉันรู้สึกผิดหวังทันที แต่ก็รีบรวบรวมกำลังใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ฉันรู้ดีว่าโอกาสมักเป็นของคนที่เตรียมพร้อม ฉันจึงไม่อาจยอมแพ้ไปง่าย ๆ แบบนี้ นี่คือหนทางเดียวที่ฉันจะพิสูจน์ตัวเองได้ และยังเป็นก้าวแรกในชีวิตของฉันด้วย ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ผู้อาวุโสหนาน ฉันเข้าใจถึงความกังวลของคุณค่ะ แต่ได้โปรดเชื่อว่าโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานใหม่สำหรับคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่สามารถทำให้แสงแห่งศิลปะของคุณเปล่งประกายได้อีกครั้งด้วย อีกทั้งฉันเชื่อว่าโครงการที่คุณกำลังทำอยู่และโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์ต้องมีความเชื่อมโยงที่น่าอัศจรรย์บางอย่าง ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ค่ะ” หลังจากที่ผู้อาวุโสหนานได้ยินดังนั้น แววตาก็ฉายแววความสงสัยขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนคำพูดของฉันจะดึงดูดความสนใจของเขา จนเขาเริ่มพิจารณาข้อเสนอของฉันอีกครั้ง ฉันรีบฉวยโอกาสกล่าวต่อไปว่า “ผู้อาวุโสหนาน คุณทราบหรือเปล่าคะว่าฉันชื่นชมคุณมาโดยตลอด ผลงานของคุณมอบทั้งแรงบันดาลใจและข้อคิดให้ฉันมากมาย ส่วนโครงการเซาท์เ

DMCA.com Protection Status