ท่านอ๋องต่อว่านางและสกุลลี่ที่พึ่งเข้ามาทักทายจนทำให้หลายคนลอบขำ ทุกคนเริ่มซุบซิบถึงความไร้กาลเทศะนี้ของลี่จินเซียนก่อนที่นางจะหันไปตอบท่านอ๋องด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง“ขออภัยเพคะหม่อมฉันพบปัญหาระหว่างการเดินทางนิดหน่อยจึงทำให้ล่าช้าขอทรงโปรดอภัยให้ด้วยเพคะ”“ทำไม เครื่องประดับของเจ้ามันตกตามทางหรืออย่างไร”เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทุกคนเริ่มเห็นเครื่องแต่งกายของลี่จินเซียนที่สวมมาอย่างอลังการเป็นเพียงเรื่องตลก นางเริ่มทำสีหน้าไม่ถูกและเริ่มอับอาย“มิได้เพคะ คือว่าระหว่างทางท่านพ่อของหม่อมฉันป่วยดังนั้นจึงได้พากลับไปส่งที่จวนและค่อยย้อนกลับมาเพคะ”“ใต้เท้าลี่ป่วยหรอกหรือนี่ แล้วเจ้าเหตุใดจึงไม่ไปอยู่ดูแลเล่าหรือว่าตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งนี่สำคัญกว่าชีวิตของบิดาเจ้างั้นหรือ”ลี่จินเซียนก้มหน้าและอับอายเป็นอย่างมาก นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เช่นนี้มิเท่ากับว่าจงใจจะมิให้นางได้รับตำแหน่งนี้หรอกหรือ“เอาเถอะ เจ้าจะไปทำอะไรก็ทำเถอะ อีกสักพักข้าก็คงจะกลับแล้ว”“เพคะ”ลี่จินเซียนต้องรีบลุกเดินออกไปทันทีนางรู้ดีว่าหากยังขืนอยู่ต่อคงไม่พ้นอับอายเพิ่ม เมื่
เขามองใบหน้านางและพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองหมอหวังที่กำลังเตรียมผ้าเพื่อให้เล่อจื่อหลงใช้ดึงลูกธนูออกมา“ท่านพร้อมนะ”“อืมพร้อม ท่านอ๋องพระองค์พร้อมหรือไม่”“ข้าพร้อมแล้ว”“ข้าจะกอดท่านเอาไว้อี้เหริน ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะ”เขาซบไปที่ไหล่ของนางและกัดผ้าเอาไว้ หวังเจียวเมิ่งนับสามเพื่อให้เล่อจื่อหลงดึงลูกธนูออกมาจากไหล่ของท่านอ๋อง เลือดพุ่งออกมาราวสายน้ำเมื่อธนูถูกดึงออก ไม่นานท่านอ๋องก็หมดสติไปอีกครั้ง“แย่แล้วธนูนี่มีพิษ”“อะไรนะ!! พิษงั้นหรือเจียวเมิ่งเป็นพิษอะไรกัน”หวังเจียวเมิ่งไม่กล้าตอบเพราะนางรู้จักพิษชนิดนี้ดี พิษที่ทำจากแมลงร้ายกาจเจ็ดชนิดของอานฉวน พิษที่นางถูกบังคับให้ทำตอนที่ถูกจับตัวไว้เมื่อหลายเดือนก่อนไม่คิดว่าสุดท้ายจะมาพบที่นี่และคนที่โดนพิษก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของนางอีกด้วย“พิษเจ็ดไฟกัลป์”“พิษเจ็ดไฟกัลป์ มันคืออะไรกันแล้วมัน… เลวร้ายแค่ไหน”เล่อชุนหลันเอ่ยถามแต่ตอนนี้หวังเจียวเมิ่งเริ่มทายาและทำแผลให้กับท่านอ๋องอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เล่อชุนหลันเหมือนว่าจะรู้ดีว่ามันคือพิษที่ต้องใช้วิธีกรีดเลือดเอาพิษออก พิษร้ายแรงที่ท่านอ๋องถูกยิงในสนามรบเมื่อชาติก่อนแต่ครั้งนี้กลั
“อะไรนะ!! เหตุใดจึงได้…”“ท่านอ๋องเพคะ พระทัยเย็นก่อนเรื่องนี้ให้หม่อมฉันจัดการเถอะนะเพคะ”“ไม่ได้ชุนหลันข้าจะไม่ยอมรับผู้ใดเข้ามาที่วังหลังข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วข้าไม่ต้องการสตรีอื่น เรื่องแบบเดิมจะไม่เกิดขึ้นอีก”ชุนหลันหันไปทำสีหน้าให้ท่านอ๋องรับรู้ว่าไม่ควรตรัสสิ่งใดออกมาเพราะเสิ่นกงเริ่มแปลกใจกับสิ่งที่ท่านอ๋องตรัสออกมาแล้ว“ท่านอ๋องพระทัยเย็นก่อนเพคะ เสิ่นกงเจ้าไปเรียกหวังกงกงให้เข้ามาเถอะ ท่านพี่ข้าจะสวมฉลองพระองค์ให้นะเพคะ”นางเดินไปหยิบชุดฉลองพระองค์ท่านอ๋องมาสวมให้เขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะให้เสิ่นกงพาหวังกงกงมาเข้าเฝ้า เมื่อทั้งสองนั่งรออยู่ด้านในแม้ว่าสีพักตร์ท่านอ๋องจะไม่สู้ดีนักแต่ก็ยังดูเคร่งขรึม หวังกงกงจึงได้ถวายพระราชโองการให้ท่านอ๋องทันที“อะไรนะ เพราะเหตุผลบ้า ๆ นี้น่ะหรือถึงได้บังคับให้ข้ารับนางเข้ามา”เล่อชุนหลันหันไปมองที่หวังกงกงก่อนจะให้เสิ่นกงพาเขาออกไปด้านนอกและเดินมานั่งข้าง ๆ ท่านอ๋อง หยางอี้เหรินส่งราชโองการให้นางดูด้วยความโมโห“เนื่องจากพระชายาท่านอ๋องไม่สามารถตั้งครรภ์มังกรได้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ชินหยางอ๋องรับพระชายารอง พระสนมเข้ามาเพิ่มเพื่อให้วังหลังของเหลี
“อะไรนะ นี่เจ้ากล้า…”“อะแฮ่ม!! จินเซียน..”ลี่จางหย่งหันไปปรามบุตรสาวก่อนที่นางจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เพราะในวันนี้มีแขกเหรื่อมากมายอยู่ในงานเลี้ยง ลี่จางหย่งจะไม่มีวันลืมความอับอายในครั้งนี้ไปได้โดยเด็ดขาดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยหยันเริ่มดังขึ้นรอบด้าน เพราะความทะเยอทะยานของตัวเขาเองที่คาดหวังว่าบุตรีจะได้เข้าวังถึงกับเข้าหาพระสนมลี่จนได้ราชโองการมา คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะออกพระราชโองการมาแต่ท่านอ๋องก็ทรงรับช่วงต่อและตลบหลังกลับทำให้เขาอับอายโดยที่แต่งตั้งเพียงตำแหน่งสนมที่ต่ำที่สุดให้ นี่ถือเป็นการตบหน้าที่แรงที่สุด วันนี้ยิ่งงานที่จวนสกุลลี่ยิ่งใหญ่และมีแขกมาร่วมงานมากเพียงใด ก็ทำให้ลี่จางหย่งอับอายมากเท่านั้น“เจ้าสาวไปขึ้นเกี้ยวเถอะเลยฤกษ์มงคลแล้วจะไม่ดี”“ท่านพ่อ!!”“ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”“ท่านอ๋องเล่าเจ้าคะ เหตุใดพระองค์จึงไม่มารับข้า”“ท่านอ๋องไม่มีความจำเป็นจะต้องมารับสนม ตกลงจะขึ้นเกี้ยวหรือไม่ข้าไม่มีเวลารอท่านทั้งวันหรอกนะ”ลี่จินเซียนมองหน้าหลี่กงกงด้วยความโมโหแต่ก็ไม่โวยวายเพราะเกรงจะทำให้บิดาเสียหน้ามากไปกว่านี้ นางยอมเดินตามหลี่กงกงไปขึ้นเกี้ยวที่มีขบวนสั้นที่สุดไม่ต่างกับคน
ชุนหลันเมื่อได้ฟังยังรู้สึกขนลุกชูชันไปทั้งต้นคอ แม้ว่าในชาติก่อนท่านอ๋องจะเย็นชากับนางแต่ก็ไม่ถึงกับไม่ยอมรับและกลั่นแกล้งถึงเพียงนี้ ลี่จินเซียนยิ้มน้อย ๆ และเริ่มมีน้ำตา แต่เล่อชุนหลันเองก็มิได้พูดอะไร ท่านอ๋องทั้งปรามและข่มขู่นางมาก่อนที่จะมาที่นี่แล้วว่าอย่าใจอ่อนโดยเด็ดขาด ทุกอย่างให้เขาเป็นคนจัดการเอง“พะ เพคะ”สนมลี่เดินถอยออกไปและรีบไปรินน้ำชาถ้วยใหม่ที่ร้อนกว่าเดิมเดินและคุกเข่าลงและยื่นมาถวายอีกครั้ง คราวนี้นางเงยหน้าที่ปริ่มด้วยน้ำตาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจกับคนตรงหน้าซึ่งก็นับว่าได้ผลเพราะชุนหลันหันไปจะหยิบแต่สนมลี่รีบกล่าวขึ้นมาเสียก่อน“พระชายาเพคะ!! น้ำชานี้ข้าต้องยกให้ท่านอ๋องก่อน ของพระองค์เอาไว้ทีหลัง”ราวกับราดน้ำมันใส่ตัวเอง เล่อชุนหลันเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไร้ซึ่งความเห็นใจนางทันที แม้ว่าอยากจะช่วยแต่สนมลี่ที่โง่และยังทำตัวหยิ่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอยู่ตอนนี้ก็สมควรที่จะได้รับบทเรียน“ลี่จินเซียนเจ้ามายกน้ำชาให้กับเราสองคนหากมิให้พระชายาข้ารับแล้วเจ้ามายกทำไม”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิได้ไม่ยกแต่ตามธรรมเนียมแล้วต้องยกให้ท่านอ๋องเสียก่อนส่วนของพระชายารอหลังจากนี้”“เ
"พี่ชุนหลันนี่ท่าน… สงสัยท่านอ๋องงั้นหรือเจ้าคะ"“ข้าขอโทษนะเพียงแต่ว่าข้าเคยรู้มาว่าพิษนี้ร้ายแรงมากจึงได้กลัวน่ะ ข้าไม่ได้จะถามเพราะระแวงเจ้าเพียงแต่ว่าข้ากลัวว่าท่านอ๋องจะไม่กล้าบอกอาการที่แท้จริงกับข้าเท่านั้น”“เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นข้าจะบอกท่านว่าท่านอ๋องแม้ว่าจะถูกพิษร้ายแรงนั่นเล่นงานจริง ๆ แต่ว่าไม่เกินหนึ่งชั่วยามก็ได้ยาถอนพิษและขับพิษจากบาดแผลออกมาได้จนหมด ดังนั้นในตอนนี้พระองค์จึงได้ปลอดภัยจากพิษและไม่ได้ปิดบังอาการ หากจะปิดบังท่านก็มีเพียงแค่เรื่องเดียวเจ้าค่ะ”“เรื่องใดหรือ”“คือว่า… พระองค์มาถามข้าว่าพอจะมียาบำรุงใดที่จะทำให้ท่านตั้งครรภ์ได้บ้าง ท่านอ๋องถามข้าเช่นนี้ทุกครั้งจนข้าต้องจัดยามาให้ท่าน แต่ที่จริงแล้วยาที่ทำให้ตั้งครรภ์ได้ทั้งท่านและข้าต่างก็รู้ว่ามันไม่มีอยู่จริงแต่ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมั่นใจว่ายาชนิดนี้จะทำให้ท่านแข็งแรงจนตั้งครรภ์ได้จริง ๆ”“เฮ้อ..หยางอี้เหริน เรื่องอื่นฉลาดเสียหมดมาซื่อบื้อเอาเรื่องนี้ เช่นนั้นเจ้าก็กำลังจะจัดยาที่ว่านั่นให้เขานำมาให้ข้ากินสินะ”“เจ้าค่ะ แต่เป็นแค่ยาบำรุงภายในเท่านั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับครรภ์ เพียงแค่จะช่วยให้ท่านเลือดล
ขุนนางที่เหลือไม่ก้มหน้าก็ยืนตัวสั่น มีเพียงไม่กี่คนที่ยืนนิ่ง ๆ เพื่อมองดูลี่จางหย่งถูกพาตัวออกไปโบยด้านนอกท้องพระโรง นี่คงจะเป็นการสั่งสอนที่เขากล้าตลบหลังช่วงเวลาสำคัญที่ท่านอ๋องทำการเจรจาเรื่องต่างแคว้น แต่ลี่จางหย่งกลับใช้โอกาสนี้เข้าทางพระสนมลี่เพื่อทูลขอให้บุตรสาวตนเองได้เข้าจวนอ๋อง สุดท้ายก็ได้เพียงตำแหน่งสนมและตัวเองก็ยังถูกลงโทษอีก“เรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองวันก่อน คนร้ายถูกจับเป็นสองคนจับตายยี่สิบสามคนและมีส่วนหนึ่งหนีการจับกุมไปได้ ทั้งหมดเป็นคนของอานฉวนที่ลักลอบเข้ามาสืบข่าวในเหลียงโจว”“เช่นนั้นแสดงว่าการเจรจา…”“เรื่องการเจรจายังเป็นไปได้ด้วยดี ทูตที่ส่งไปกำลังจะเดินทางกลับมาผลของการเจรจาระหว่างเหลียงโจวและองค์ชายใหญ่ของอานฉวนผ่านไปได้ด้วยดี ครั้งนี้มีองค์รัชทายาทและองค์ชายสี่ร่วมเดินทางไปเจรจาด้วยพระองค์เอง”“ยอดเยี่ยมจริง ๆ”“ทางองค์ชายของอานฉวนได้มีการจับขุนนางชั่วในเมืองชุ่นมาลงโทษ พรรคพวกที่เหลือก็กำลังจะทยอยถูกกำจัด พวกมันที่เหลืออยากจะมาส่งข่าวเพื่อให้คนที่เหลียงโจวช่วยแต่กลับถูกทหารของเหลียงโจวดักซุ่มในวันก่อน ดังนั้นตอนนี้พวกมันจึงไร้ข่าวที่จะส่งต่อมายังในเมือ
ท่านอ๋องหันมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นเยือกที่ชวนขนลุกนั่นแม้แต่เล่อชุนหลันก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะโหดเหี้ยมจนถึงขั้นสั่งให้ลี่จินเซียนไปอยู่ที่ไกลผู้คนเช่นนั้น แต่วันนี้ลี่จินเซียนทำเกินไปจนทำให้ท่านอ๋องโกรธมากจริง ๆ“เจ้าอยากได้ตำหนักที่โอ่อ่า กว้างขวางสมฐานะมิใช่หรือ ที่นั่นเป็นตำหนักที่เจ้าต้องการอีกอย่างก็เป็นตำหนักที่แยกจากสาวใช้ แล้วเจ้ายังไม่พอใจสิ่งใดอีก”“ท่านอ๋องเพคะ หากว่าพระองค์มิได้ทรงรักหม่อมฉันเหตุใดจึงต้องฝืนรับหม่อมฉันเข้าวังมาทรมานเช่นนี้เพคะ”ชุนหลันค่อย ๆ นั่งลงไปที่เก้าอี้ตัวเดิม คำถามนี้ทำให้นางรู้สึกจุกในอกขึ้นมาเพราะว่าครั้งหนึ่งนางเคยเอ่ยถามเขาเมื่อชาติก่อนด้วยสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดไม่แพ้ลี่จินเซียนในตอนนี้“เจ้าถามข้างั้นหรือ เรื่องนี้เจ้าควรกลับไปถามบิดาของเจ้าต่างหากว่าเพราะเหตุใดจึงได้กล้าทำเรื่องเช่นนั้นลับหลังข้า เดิมทีข้าก็เคยพูดไปแล้วว่าจะไม่รับสตรีอื่นเข้ามาที่นี่แต่ดูที่พวกเจ้าสองพ่อลูกทำสิ มาในตอนนี้ยังกล้ามาถามข้าอีกงั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! พระองค์ทรงเป็นคนไร้หัวใจเช่นนี้ได้เช่นไร หากว่ารู้ว่าพระองค์มิทรงยินยอมหม่อมฉันคงไม่ฝืนพระทัย..”“ไม่ฝืนใจงั้นหรือ ข้าแส
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่