หลินเฟยที่รีบเดินจนขาแทบพันกันปากก็บ่นว่าบุรุษใจร้ายผู้นั้น นางนั้นตื่นตระหนกไปหมดจนสั่นไปทั้งตัวรีบออกมาจากสถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีขืนอยู่ต่อมีหวังท่านลุงท่านป้าได้เป็นลมหมดสติเพราะอยู่ๆ หลานสาวก็มีสามีขึ้นมา ดูท่าบุรุษผู้นั้นก็คงจะใกล้หมดความอดทนเต็มที หลินเฟยที่เดินมายังหอตำราที่เป็นหอขนาดใหญ่สมกับเป็นจวนราชครูที่มีตำรามากมายหลากหลายนัก ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางชอบมากและมักจะมาขลุกอยู่ที่นี่เสมอ นำตำราเก็บเข้าที่ก็ยืนถอนใจแรงๆ วันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนางนักกำลังจะหันหลังเพื่อกลับไปยังเรือนของนางที่อยู่ไม่ไกลจากหอตำราก็ชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ที่แข็งแกร่งและอบอุ่นนัก แต่กลิ่นที่แตะปลายจมูกกลับคุ้นเคยนักพลันตัวแข็งทื่อรีบก้าวถอยหลังจนชนเจ้ากับชั้นหนังสือ"ท่านแม่ทัพ! " เอ่ยเรียกน้ำเสียงสั่นจนคนฟังสัมผัสได้"โอ้! น่ายินดีนักที่อาเฟยยังจำสามีได้ นึกว่าพอมีบุรุษสูงศักดิ์อย่างรัชทายาทมาตามเกี้ยวจะหลงลืมว่าตัวเองมิได้ตัวเปล่าเล่าเปลือย จนไม่คิดจะจดจำข้าผู้เป็นสามีเสียอีก" กล่าวแล้วมองร่างบางที่ตนเฝ้าถวิลหาอยู่ทุกวันที่ใช้มือเล็กบางผลักอกแกร่งออกแล้วจะเดินออกไปทั้งที่พึ่งได้พบหน้าก็จะเด
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจวนราชครูวันนี้ช่างดูแปลกๆนัก มองดูชื่นมื่นอย่างไรชอบกลโดยเฉพาะบุรุษผู้ได้ชื่อว่ายิ้มยากตอนนี้กับนั่งอมยิ้มอย่างโง่งมตักนู่นตักนี่ให้เจ้าของจวนแล้วส่งยิ้มให้จนท่านราชครูมองอย่างประหลาดใจว่าศิษย์รักเป็นอะไรมากหรือไม่ตอนนี้ถึงได้ดูอารมณ์ดีนัก ตอนพึ่งมายังทำหน้าอย่างกับคนเบื่อชีวิต ตอนนี้กลับยิ้มระรื่นเอาใจคนนู้นคนนี้จนทุกคนมองเหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนสามหนุ่มที่เหลือนั้นกำลังนั่งสังเกตอาการของแม่ทัพหนุ่มที่ลอบมองสบตากับโฉมงามของจวนราชครูอยู่บ่อยครั้ง และตอนนี้โฉมสะคราญไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่ากำลังเขินอายเป็นอย่างมากทั้งใบหน้า ลำคอระหงและใบหูเล็กนั้นแดงก่ำ นัยน์ตาหวานฉ่ำน้ำนั้นสั่นระริก สองพี่น้องหันมามองสบตากันฝ่ายหนึ่งส่งสายตาราวจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายเลยเอ่ยอย่างไร้เสียงพลางส่ายหน้าน้อยๆ ว่า ข้าไม่รู้ส่วนรัชทายาทที่ตอนนี้แม้อาหารจะรสเลิศแต่ช่างฝืดคอนัก พระองค์สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของญาติผู้น้องตั้งแต่เห็นเฟยเอ๋อแล้วแต่ยังไม่ปักใจว่าจะเป็นอย่างที่ทรงคิด จนกระทั่งญาติผู้น้องขอตัวออกไปหลังจากที่เฟยเอ๋อออกไปจากห้อง หายไปนานสองนานพอกลับมาก็เดินยิ้มแย้มเข้ามาอย่าง
หลินเฟยเมื่อกลับมาถึงเรือนของตนด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม วันนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยมือจากบุรุษนาม อู๋หยางหรง อีกไม่ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่หรือปาอ๋องซื่อจื่อหรือแม้แต่เป็นบุรุษธรรมดาก็จะไม่ยอมปล่อยมือเพราะเขาคือสามีของนาง นางจะไม่ยอมเสียเขาไปอย่างแน่นอนนางจะต้องแต่งเข้าจวนแม่ทัพ และต้องเป็นภรรยาเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น หากเป็นหนึ่งไม่ได้นางขออยู่คนเดียวดีกว่า ตราบใดที่ในใจของเขายังมีแค่นาง นางก็พร้อมที่จะลงสนามสู้กับสตรีทุกคนที่คิดแย่งชิงของๆ นาง แววตาหวานซึ้งฉายความเด็ดเดี่ยว เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรู้สึกสบายใจขึ้น เตรียมตัวอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นแล้วจะได้รีบเข้านอนพรุ่งนี้นางต้องตื่นแต่เช้าเพราะรับปากกับท่านแม่ทัพไว้ว่าจะไปเดินชมตลาดด้วยกัน คิดถึงคนที่เอ่ยชวนแก้มนวลก็ร้อนผ่าวทำไมถึงได้ทำอะไรน่าอับอายนัก ยกสองมือขึ้นกุมแก้มที่เห่อร้อนรีบสะบัดหน้าขับไล่ภาพน่าอายในหัวรีบเร่งเดินเข้าห้องอาบน้ำทันทีมือบางปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายงามเย้ายวนยังไม่ทันได้ก้าวลงในอ่างอาบน้ำก็ต้องตกใจกับมือหนาอุ่นร้อนที่โอบกระชับเอวบางจากด้านหลัง"อ๊ะ! ท่านแม่ทัพ!" หันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายก็
วันรุ่งขึ้นจวนราชครูหนานก็ได้ต้อนรับแขกสูงศักดิ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้นั้นแปลกไปเพราะไม่ใช่รัชทายาทอย่างเคยแต่เป็น ปาอ๋องซื่อจื่ออู๋หยางหรง ที่มารออยู่ในห้องรับรองของจวนได้สักพักแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาที่วันนี้เกลี้ยงเกลาดูเคร่งขรึมนัก ลุกขึ้นทำความเคารพเจ้าของจวนที่เดินเข้า"ศิษย์เคารพอาจารย์ขอรับ" กล่าวขึ้นแล้วรอจนท่านอาจารย์นั่งลงจึงได้นั่งลงด้านข้าง "ซื่อจื่อมีเรื่องอะไรหรือไม่ถึงได้มาหาอาจารย์แต่เช้า"ท่านราชครูหนานเล่อผิงถามขึ้นอย่างสงสัยนัก หากศิษย์ผู้นี้มาหานั้นต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่าง เพราะปกติเจ้าตัวนั้นไม่ค่อยได้มาเยือนจวนตนนักเพราะฮ่องเต้ผู้มีศักดิ์เป็นเสด็จลุงของศิษย์คนนี้มักจะเรียกใช้ให้ทำภารกิจสำคัญอยู่เสมอเพราะไม่ทรงไว้ใจผู้ใด จนซื่อจื่อมีงานรัดตัวจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเองมากนัก แต่ช่วงนี้ทั้งราชสำนักและเรื่องทั้งนอกและในแคว้นต่างอยู่ในสถานการณ์ปกติเหตุใดสีหน้าของศิษย์รักถึงได้เหมือนกำลังแบกหินก้อนใหญ่เอาไว้ตลอดเวลาอย่างนี้ "หากมีอะไรก็บอกกล่าวอาจารย์ได้ หากช่วยได้อาจารย์ก็เต็มใจช่วยเจ้าอยู่แล้ว"กล่าวออกไปอย่างห่วงใยนัก แม่ทัพอู๋หยางหรงได้ฟังดังนั้นจึงเงียบไป ปล่อยให้อ
รถม้าคันงามของจวนแม่ทัพที่แล่นออกมาจากจวนราชครูเป็นที่สนใจของชาวเมืองร้านตลาดนัก ข่าวลือที่ว่าทั้งสองจวนจะมีงานมงคลท่าจะจริงกระมัง ผู้คนต่างกล่าวขานกันไปต่างๆ นานา ดูวุ่นวายยิ่งนัก ภาพรถม้าที่แล่นตรงไปยังจวนปาอ๋องยิ่งตอกย้ำข่าวลือและตอกย้ำลงในจิตใจของใครบางคนที่นั่งมองอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจนรถม้าแล่นหายไปจากสายตา แต่เล็บที่จิกเข้าเนื้อจนมือบางสั่นเทาก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกภายในรถม้าตอนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศหวานชื่นนัก"ท่านแม่ทัพหยุดรังแกข้าเสียทีท่านรู้หรือไม่ว่ากว่าข้าจะแต่งตัวเสร็จต้องใช้เวลากี่มากน้อย"ร่างงามที่ตอนนี้แก้มทั้งสองนั้นช้ำไปหมดแล้วเพราะโดนบุรุษผู้นี้จ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดหึหึ "เจ้าไม่จำเป็นต้องแต่งเลยก็งามมากอยู่แล้ว"เสียงเอ่ยชมทำให้ใบหน้างามยิ้มแก้มปริอย่างเขินอายนัก แต่เสียงกระซิบข้างใบหูเล็กทำให้นางอับอายจนแก้มจะแตกเพราะความร้อนที่เห่อแดงไปทั้งหน้า"แล้วถ้ายิ่งไม่สวมเสื้อผ้าเลยยิ่งงามนัก""ท่านแม่ทัพ!!"คนบ้าพูดอะไรกันด้วยความอับอายจึงทุบอกแกร่งไปหนึ่งที "ถ้ายังไม่เลิกเรียกพี่ว่าท่านแม่ทัพอีกก็จะหอมอยู่อย่างนี้แหละ""ก็ข้าไม่ชินนี่""ไม่ชินก็ต้อ
วันรุ่งขึ้นข่าวการสู่ขอลูกสะใภ้ของปาอ๋องอู๋หยางไท่ และพระชายาซือเซียน ที่ทรงเสด็จมาเป็นผู้ใหญ่สู่ขอหลานสาวท่านราชครูหนานเล่อผิงให้บุตรชายด้วยตนเองก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะสินสอดทองหมั้นที่ขนมาในวันนี้ว่ากันว่ายาวเกือบหนึ่งลี้ ชาวเมืองต่างตั้งตารองานมงคลที่คาดว่าจะต้องยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของยอดบุรุษแห่งแคว้น ข่าวนี้ทำให้บรรดาคุณหนูทั้งหลายพากันซับน้ำตากันระงมไม่เว้นแม้กระทั่ง จวนเสนาบดีตระกูลอัน "กรี้ดดดดดข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม ท่านพ่อท่านแม่ท่านต้องช่วยลูกนะเจ้าคะ ท่านต้องช่วยลูก หากข้าไม่ได้แต่งเข้าจวนแม่ทัพข้าจะไม่แต่งให้ใครเด็ดขาด ฮือ ฮือ "เสียงกรีดร้อง คร่ำครวญของคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงที่ดังขึ้นทำให้บรรดาบ่าวไพร่ต่างหวาดกลัวจนหัวหด ใครในจวนแห่งนี้มีใครบ้างไม่รู้ฤทธิ์เดชของคุณหนูใหญ่ อันชุนลี่ ว่านางนั้นโมโหร้ายแค่ไหนข่าวลือที่ว่านางงดงามอ่อนหวานบริสุทธิ์ดุจดั่งน้ำค้างนั้นใช้ได้กับภายนอกจวนเท่านั้น "ลี่เอ๋อลูกรักเจ้าสงบจิตสงบใจก่อนเถิด อย่างไรพ่อเจ้าต้องหาทางให้เจ้าแต่งเข้าจวนท่านแม่ทัพอย่างแน่นอน ใช่ไหมเจ้าคะท่านพี่"เสียงฮูหยินที่เอ่ยขึ้นอย
ร่างใหญ่ที่ก้าวมาหาร่างบอบบางอย่างช้าๆนั้นดูคล้ายพยัคฆ์ที่จ้องจะตะครุบเหยื่อตัวน้อย จนร่างบางได้แต่ปลงกับคนตรงหน้านัก"ท่านแม่ทัพขอรับ องค์รัชทายาทมาขอพบขอรับ" ร่างหนาถึงกับชะงักเท้ากลอกตามองบนอย่างหมดอาลัยนัก แล้วก็เช่นเดิมที่คนไร้มารยาทไม่ต้องรอให้เขานั้นอนุญาต เดินยิ้มด้วยใบหน้าสาแก่ใจนักเพราะพระองค์พึ่งพบกับหลานเอ๋อตรงหน้าจวนจึงรีบจ้ำมาที่นี่"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ" โฉมงามที่พระองค์ไม่เจอเสียนานนั้นยังคงงดงามดังเดิม แต่ดูสดใสขึ้นจากเดิมมากนักคงเพราะกำลังจะมีงานมงคลกระมัง ส่วนเจ้าตัวร้ายกาจนั่นกำลังมองมายังพระองค์อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เหอะ ทำเป็นสงบเยือกเย็นที่แท้ก็หื่นหลบในอย่านึกนะว่าพระองค์ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไร ฝันไปเถอะขอเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน"สวัสดีน้องชายที่รักยิ่ง เจ้าไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าตาถึงดูไม่ได้ขนาดนั้น" "มีอะไรก็รีบๆ พูดมาดีกว่า" วันนี้เป็นวันอะไรกันนะทำไมถึงมีตัวร้ายกาจมาเยือนพร้อมกันอย่างนี้ ไม่คิดปล่อยให้เขามีเวลาส่วนตัวกับคนรักบ้างเลยหรือไง"โอ้! เจ้าไม่เจอข้าเสียตั้งนานไม่คิดถึงกันแล้วยังไร้ไมตรีกับข้าอีก ช่างเจ็บปวดใจนัก เฟยเอ๋อ ช่วยกอดปลอบพี่ชา
ในวังหลวงตอนนี้ต่างมีบรรดาคุณหนูและฮูหยินตระกูลสูงต่างๆ เดินโอ้อวดความมั่งคั่งของตน บ้างก็แนะนำยกยอปอปั้นบุตรของตนเพื่อให้ได้คู่ครองที่คู่ควร และดูเหมือนจะมีสตรีนางหนึ่งที่ถูกจับตามองจากบรรดาฮูหยินจวนต่างๆ เพื่อทาบทามให้บุตรชายตนและบรรดาชายหนุ่มนั้นต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ สตรีที่ดูงดงามอ่อนหวานร่างบอบบางดูน่าทะนุถนอมในชุดสวยราคาแพงสีชมพูกลีบบัวที่ขับให้โฉมงามดูน่ารักสดใสยิ่งขึ้นใบหน้าอ่อนหวานยกยิ้มสวยหวานหว่านเสน่ห์ให้ทุกคนอย่างไม่ถือตัวและดูมีไมตรีจิตทำให้ได้รับคำชื่นชมจนยิ้มแก้มแทบปริคุณหนูใหญ่อันชุนลี่ หญิงงามอันดับหนึ่ง ที่กำลังเยื้องย่างอย่างเฉิดฉายเป็นที่ชื่นชมของทุกคนอยู่ในตอนนี้ จนกระทั่งรถม้าจากจวนตระกูลหนานมาจอดลงมีขุนนาง บรรดาฮูหยินและคุณหนูคุณชายต่างๆ ที่ล้วนรอคอยที่จะดูโฉมหน้าสตรีที่กอบกุมหัวใจซื่อจื่อที่พ่วงด้วยตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นจนมีข่าวว่าจะมีพิธีมงคลเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้หนึ่งในนั้นที่ให้ความสนใจยิ่งกว่าผู้ใดคือคุณหนูอันชุนลี่ที่ถึงกับกำมือแน่นรู้สึกเกลียดชังทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าของอีกฝ่าย ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถม้าคนแรกก็คือท่านราชครูหนานเล่อผิงท
ร่างบอบบางบนชุดมงคลสีแดงของเจ้าสาวที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นนัก วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยมาอย่างใจจดใจจ่อตลอดการเดินทางในระยะเวลาสองเดือนท่านพี่ฉีฟงดูแลนางเป็นอย่างดีและให้เกียรตินางมาตลอดไม่เคยล่วงเกินนางอีกเลยจะมีก็แต่กอดหอมแก้มและจูบนิดหน่อยเท่านั้น ในวันมงคลของนางนางอยากให้สามีของนางมีความสุขที่สุดและคืนเข้าหอของนางจะต้องเร่าร้อนที่สุดสามีนางจะต้องอยู่ในกำมือนาง จนลืมการร่วมหอครั้งแรกไปเลยถึงเขาจะบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยาปลุกกำหนัดและเล่ห์กลของสตรีเท่านั้นแต่นางไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสี่ยวหลานที่นั่งคิดอย่างหมายมั่นนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนางได้ช่วยเหลือนางคณิกานางหนึ่งไว้ด้วยความบังเอิญจากการโดนฉุด นางจึงให้ตำราไว้เล่มหนึ่งบอกว่าเป็นตำราหายากมากเป็นสินน้ำใจ นางจึงรับไว้แต่พอเปิดดูนางเกือบจะหยุดหายใจเพราะเป็นตำราวสันต์จึงได้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย จนเมื่อไม่นานมานี้นางได้นำออกมาศึกษาจนแตกฉานเพื่อใช้ในคืนเข้าหอของนางโดยเฉพาะและที่สำคัญนางยังได้ถ่ายทอดเคล็ดลับให้พี่สะใภ้คนงามของนางอีกด้วย เมื่อนึกถึงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างล
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งข้อเท้าและเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังใกล้เข้าทำให้ปาอ๋องและพระชายาซือเซียน บุตรชาย บุตรเขย ที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากันอยู่นั้นหันไปมองสาวน้อยวัยสี่หนาวและสามหนาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูนัก ร่างกลมป้อมสองร่างที่จูงมือกันวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าแดงก่ำชื้นเหงื่อเพราะพากันวิ่งเล่นจนเหนื่อย"ท่านย่าหลานอยากกินขนมจังเจ้าค่ะ"อู๋ไป๋หลินที่มาถึงก็ป่ายปีนขึ้นมานั่งข้างพระชายาซือเซียนออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดูนัก"หลานก็อยากกินนักเจ้าค่ะท่านยาย"หานหลันซี บุตรีวัยสามหนาวของกุนซือฉีฟงและเสี่ยวหลานที่ปีนมานั่งอีกด้านก็ไม่น้อยหน้าช่างออดอ้อนเหมือนญาติผู้พี่มิมีผิดเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนกับความน่ารักน่าชังของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี"ช่างน่าน้อยใจนักไม่มีใครสนใจคนแก่ผู้นี้เลยหรือ หลินเอ๋อก็ไม่สนใจปู่ ซีเอ๋อก็ไม่สนใจตา มันน่าน้อยใจจริงๆ ไม่มีใครรักข้าเลยหรือนี่" เสียงตัดพ้อไม่ค่อยจริงจังที่เอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนอมยิ้มกับท่าทางของคนแก่ที่น่าโหดแต่พยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกร้องความสนใจจากหลานๆ ที่พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดและหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้คนแก่ชื่นใจนัก "หลินเอ๋อรักท่
หลินเฟยที่คล่อมอยู่เหนือร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งสะบัดผมยาวสลวยไว้ด้านหลังมองคนใต้ร่างด้วยสายตายั่วยวนนัก ใช้นิ้วเรียวเล็กไล้ตั้งแต่จมูกโด่งได้รูปมายังริมฝีปากหนาที่นางรู้ว่าร้ายกาจเพียงใดบดคลึงแผ่วเบาจนคนใต้ร่างครางอือแม่ทัพหยางหรงหรี่ตามองภรรยารักด้วยสายตาเร่าร้อนนักทั้งตื่นเต้นว่านางจะทำอะไรและแปลกใจหนักหนาว่าเฟยเอ๋อของเขาไปได้ท่าทางแสนยั่วยวนนี้มาจากที่ใดกันแม้จะดูขัดเขินแต่เขากลับพอใจนัก มองดูนิ้วเล็กขาวผ่องลากไล้สันกรามแกร่งมาตามลำคอล่ำสันใช้สองมือบอบบางแหวกชุดคลุมตัวในออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำหนั่นแน่นแต่งแต้มด้วยรอยแผลประปรายดูน่าหลงใหลนัก มือเรียวเล็กนุ่มนิ่มลูบไล้แผ่นอกกว้างกำยำจนร่างหนากล้ามเนื้อหดเกร็งกัดกรามแกร่งแน่นด้วยความซ่านเสียว เห็นมือบางยกขึ้นปลดชุดนอนบางเบาออกจากร่างงามเย้ายวนเหลือแค่เอี๊ยมบังทรงสีแดงตัวน้อยที่แทบไม่ช่วยอะไรเลยตัดกับผิวขาวผ่องนวลเนียนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จึงรีบเอื้อมไปเพื่อดึงเอี๊ยมตัวน้อยที่ช่างเกะกะนักแต่ถูกมือเล็กตะครุบไว้"ไม่เอาจะถอดเอง"เสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นไหวจนเขารู้สึกได้หึหึ เสียงหัวเราะของคนใต้ร่างจึงดัง
อู๋ไป๋หลินอายุเข้าสองเดือนพอดิบพอดีกับที่จวนอ๋องจะมีงานมงคลของท่านอาหญิงของเจ้าตัวเล็ก จึงทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายกันยกใหญ่ พระชายาซือเซียนแม่สามีดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพราะบุตรสาวจะได้ออกเรือนเสียทีหลังจากรอคอยอย่างหวาดผวาว่าบุตรสาวจะมิได้ออกเรือนเพราะนางนั้นทโมนนักไม่เหมือนบุตรีจวนอื่นที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เย็บปักถักร้อยล้วนเป็นเลิศแต่บุตรของนางเอาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่ว ผิดกับปาอ๋องพ่อสามีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด หนวดกระตุกเพราะความไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้เพราะภรรยาได้ใส่พานถวายเสียอย่างนั้น หึ เจ้าฉีฟงไม่นึกว่าเจ้านั่นจะมาเป็นบุตรเขยพระองค์ ช่างแสบนัก แล้ววันมงคลก็มาถึงแม่ทัพหยางหรงที่มองภรรยาที่แต่งตัวงดงามนักตาปรอย ร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้นอยู่ในชุดสีส้มอมแดงที่พออยู่บนร่างสมส่วนนั้นช่างขับผิวให้ดูขาวผ่องนวลเนียนนัก"เฟยเอ๋อ คืนนี้เราเข้าหอกันนะ"หลินเฟยหันมองร่างสูงตาโต พลันใบหน้าร้อนผ่าว"ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ""ก็ท่านหมอบอกว่าสามารถทำได้แล้ว แต่พี่เห็นเจ้ายุ่งๆ อยู่กับงานมงคลของหลานเอ๋อ เลยไม่อยากให้เจ้าเหนื่อยนัก วันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่าง เข้าหอพร้อมกันดีงามนัก"พูดขึ้นตาหวานฉ่
หลินเฟยที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่กอบกุมมือเล็กของนางอยู่ หันไปมองก็เห็นเป็นร่างคุ้นตาที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ นางโชคดีที่สุดที่มีบุรุษที่แสนดีผู้นี้อยู่เคียงข้าง"ท่านพี่" แม่ทัพหยางหรงที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกอย่างดีใจนักหลังจากคลอดบุตรคนแรกของทั้งสองนางก็สลบไปท่านหมอแจ้งว่านางเสียเลือดมากแต่ไม่เป็นอันตรายแค่หมดแรงเท่านั้น พักสักครู่ก็รู้สึกตัวแต่นางกลับหลับไปถึงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็มๆ เขาจึงร้อนใจนัก มานั่งเฝ้านางไม่ยอมห่างเพราะกลัวว่านางจะเป็นอะไรไป เขาคงอยู่ไม่ได้แน่"เฟยเอ๋อเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ใดอีกหรือไม่ ซิ่วอิง ซิ่วอิงตามท่านหมอเร็วเฟยเอ๋อฟื้นแล้ว" คนตัวโตที่ดูร้อนรนนัก ส่งเสียงเรียกบ่าวคนสนิทของชายารักจนคนตัวเล็กต้องรีบจับมือใหญ่ไว้"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านพี่ แค่รู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น" สิ้นเสียงอ่อนแรงท่านหมอก็เข้ามาตรวจชีพจรร่างบาง" ไม่มีอะไรน่าห่วงพ่ะย่ะค่ะดื่มยาบำรุงสักสามเทียบอาการอ่อนแรงก็จะหายหลังจากนั้นก็ดื่มยาสำหรับสตรีหลังคลอดร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ" ท่านหมอจึงขอตัวกลับไปจัดยาสำหรับพระชายา" ลูกของเราเล่าเ
แม่ทัพหยางหรงที่ได้รับสาส์นด่วนจากกุนซือฉีฟงทั้งที่เขาพึ่งกลับมาถึงและต้องกุมขมับเพราะอู๋เสี่ยวหลานน้องสาวหายตัวไป และต้องกุมขมับอีกครั้งเมื่อเปิดอ่านสาส์นฉบับนั้นของสหายดี ดียิ่งเจ้าสหายน่าตายแล้วเขาจะแจ้งบิดามารดาว่าอย่างไร หลินเฟยที่เห็นสามีอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง"มีอะไรร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่" หยางหรงจึงหันมาส่งยิ้มให้ร่างอวบอิ่มที่มองมายังเขาอย่างห่วงใย จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ภรรยาฟัง หลินเฟยถึงกับหัวเราะออกมา ท่านกุนซือฉีฟงช่างร้ายกาจจริงๆ นับถือ นับถือ"ถึงว่าท่านพี่กับท่านกุนซือถึงคบหาเป็นสหายกันได้"แม่ทัพหยางหรงได้ฟังถึงกับคิ้วกระตุกหรี่ตามองภรรยารัก"ร้ายกาจเหมือนกันมิมีผิด" พร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสามี "โอ้ะ!!!!"เสียงหัวเราะที่หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากมายทำให้หลินเฟยตกใจนัก"ท่านพี่ ข้าปวดท้องเจ้าค่ะ"หยางหรงที่ตกใจนักเมื่อเห็นภรรยาเจ็บปวด บั่นคอศัตรูมาเป็นร้อยเป็นพันเห็นความเจ็บปวดทรมานจนชาชิน แต่พอเห็นภรรยาเจ็บปวดหัวใจรู้สึกบีบรัดนัก รีบร้อนเรียกบ่าวไพร่ตามหมอกันจ้าละหวั่น ช้อนร่างอุ้ยอ้ายขึ้นอุ้มตรงไ
เสี่ยวหลานที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นปลายยามซื่อลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมองพอดีกับที่บุรุษร่างสูงเปิดประตูห้องเข้ามาในมือถือถาดสำรับเข้ามาสองสามอย่าง"หลานเอ๋อตื่นแล้วหรือลุกกินอะไรเสียหน่อยเถิดเมื่อวานก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น เสี่ยงหลานมองบุรุษหน้าตาหล่อเหลาดูอบอุ่นที่นางมอบหัวใจรักให้ตั้งแต่แรกพบ แต่ทุกอย่างกลับพังลงเพราะเขาแต่งสตรีอีกคนเข้าจวนเมื่อสามปีก่อน แต่วันนี้คนที่นางไม่คิดจะหวนคืนอีกกลับกลายเป็นสามีนางตั้งแต่วันแรกที่พานพบ ร่างบางจึงหลับตาลงอีกครั้ง ครุ่นคิดว่านางจะทำอย่างไรต่อจากนี้ จะยอมแต่งเป็นภรรยารองของเขาหรือปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างไม่เคยเกิดขึ้นเห็นร่างบางเอาแต่หลับตานิ่งไม่ยอมขยับ ร่างสูงจึงเดินมาว่างถาดอาหารไว้บนโต๊ะแล้วมานั่งลงข้างๆ ร่างบาง"หลานเอ๋อ พี่ไม่อยากรังแกเจ้าหรอกนะ" "..........." "หรืออยากให้ทำแบบเมื่อคืนนี้อีก" ฉีฟงเห็นนางยังคงเอาแต่เงียบ จึงขู่ออกไปพร้อมโน้มไปหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กเป่ารดลมหายใจอุ่นร้อน จนนางลืมตาแล้วถอยหนี"โอ้ย" ร่างบางถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะกึ่งกลางร่าง จนน้ำตาเล็ด" หลานเอ๋อ เป็นอย่าง
อู๋เสี่ยวหลานหัวใจเต้นแรงมากนางจะยอมใจอ่อนให้บุรุษผู้นี้ไม่ได้ เขามีภรรยาไปแล้ว นางกับเขาไม่สามารถเดินร่วมเส้นทางกันอีก แม้บุรุษนั้นสามารถมีสองภรรยาสี่อนุได้แต่ไม่ใช่สำหรับนาง ครอบครัวของนางยึดมั่นในรักเดียวมาตลอดนางคงทำใจให้ยอมรับการใช้สามีร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ เท้าบางที่ไม่ถูกพันธนาการจึงยกขึ้นกระทืบเท้าใหญ่เต็มแรง ร่างหนาที่ไม่ทันตั้งตัวและไม่คิดว่านางจะกล้าทำจึงเสียหลักปล่อยร่างบอบบางออกจากอ้อมแขนและถูกแขนเล็กตบจนหน้าหัน หูอื้อไปเลยทีเดียว ร่างบอบบางที่กำลังจะวิ่งออกไปถูกกระชากเต็มแล้วร่างสูงใหญ่ก็อุ้มนางขึ้น พาเดินไปยังเตียงใหญ่เสี่ยวหลานที่รู้ว่าฉีฟงคิดจะทำอะไรจึงดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง"ปล่อยข้า คนสารเลวปล่อยข้า ท่านคิดจะข่มเหงว่าที่ภรรยาผู้อื่นหรืออย่างไร" ฉีฟงกัดกรามแน่นโยนร่างบางลงบนเตียงนุ่มอย่างโกรธเคืองนัก"ว่าที่ภรรยาหรือก่อนเจ้าจะร่วมหอกับชายอื่นก้าวขาออกจากห้องนี้ให้ได้เสียก่อนเห็นเป็นอย่างไร" ร่างหนาโถมเข้าใส่ร่างเล็กเต็มแรง คิดจะร่วมหอกับชายอื่นหรืออย่าได้ฝันกรี๊ดดดด" ปล่อยข้าหานฉีฟงเจ้าคนชั่วปล่อยข้า" เสียงก่นด่าถูกริมฝีปากหนากดทับไม่ให้แปร่งออกมาให้ระค
อู๋เสี่ยวหลานที่เดินวนไปเวียนมาอยู่นั้นรีบเดินไปหลบเพราะสังเกตเห็นพี่ชายตัวเองเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง รออยู่สักครู่ก็ไม่เห็นมีใครเดินออกมา หรือว่าจะหมดแรงจนเดินไม่ไหว หึ ขอเข้าไปดูหนังหน้าสตรีแพศยานั่นหน่อยเถอะ ว่าแล้วก็เดินตรงไปยังห้องเป้าหมายทันทีเสียงกุกกักหน้าประตูที่ดังขึ้นทำให้ฉีฟงที่นอนคิดถึงอดีตอยู่นั้นเกร็งตัว ผู้ใดคิดเหยียบจมูกเขากัน ใบหน้าที่ดูอบอุ่นอยู่เสมอพลันเย็นชาขึ้นทันที อู๋เสี่ยวหลานที่ย่องเข้ามานั้นรีบเดินตรงเข้ามาที่เตียงด้วยฝีเท้าเบาเห็นผู้ที่อยู่บนเตียงนอนคลุมผ้าจึงใช้มือเล็กดึงผ้าออกแต่กลับเป็นเพียงหมอนข้างเสียนี่ ยังไม่ทันตั้งตัวก็มีเงาร่างสูงใหญ่เข้ามาประชิดทางด้านหลังพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชานักจนร่างบางแข็งทื่ออย่างตกใจ "เจ้าเป็นใคร แล้วมีจุดประสงค์อันใดบอกมา"พร้อมกระชับกริชในมือ ฉีฟงรู้ว่าบุคคลที่เขาจับอยู่นั้นเป็นสตรีอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะตัวเล็กถึงเพียงนี้ แต่สตรีนี่แหละเป็นเพศที่น่าหวั่นกลัวที่สุด เขาจะไม่ประมาทอีก "ขะ ข้าแค่เข้าห้องผิดเจ้าค่ะ ปล่อยข้านะเจ้าคะ ข้าแค่มาตามสามีเท่านั้น เห็นเขาพาสตรีมาที่นี่จึงตามมาแต่ดันเข้าผิดห้อง"เสียงหวานที่ดูค