หลินชิงชิงตวัดสายตามองหวังอ้ายหลินที่โดนชายฉกรรจ์ลากไปด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินไปดูอาการคุณพระเอกที่นอนพิงต้นไม้ไว้ ใบหน้าซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ หลินชิงชิงวิ่งเข้ามาดูอาการด้วยความร้อนใจ
"พี่เหว่ยเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอทรุดตัวลงข้างๆ
หลี่เหว่ยพยายามลืมตาขึ้นมอง แต่เปลือกตาหนักอึ้งราวกับมีก้อนตะกั่วถ่วงไว้
"ชิง...ชิงชิง หรือนี่" เขาพึมพำ เสียงแหบพร่า
"ใช่ค่ะพี่เหว่ย ฉันเอง" หลินชิงชิงตอบ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเป็นห่วง
หลี่เหว่ยรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มในกาย
"พี่เหว่ยอย่าเพิ่งพูดอะไรนะคะ ฉันจะพาพี่ไปหาหมอ พี่ดูไม่สบายมาก" หลินชิงชิงประคองเขาขึ้น
"ไม่...ไม่ต้อง" หลี่เหว่ยค้านเสียงแผ่ว "พี่...พี่ไม่เป็นไรมาก"
"แต่..."
"ชิงชิง" หลี่เหว่ยขัดขึ้น "พี่อยาก...อยากกลับบ้านพัก"
หลินชิงชิงมองพี่เหว่ยด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นแววตาอ่อนล้าของเขา เธอก็ไม่อาจขัดใจได้
"ก็ได้ค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับ "งั้นเดี๋ยวฉันพาพี่เหว่ยกลับบ้านพักของพวกยุวชนปัญญานะคะ"
เมื่อมาถึงห้องพัก หลินชิงชิงก็พยุงชายหนุ่มไปนั่งบน
พอหลี่เหว่ยตั้งสติได้เขาเอ่ยถาม "ชิงชิง...แล้วเสี่ยวหลงล่ะ อยู่ไหนหรือ"หลินชิงชิงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม "เอ่อ...คือ...พี่เหว่ยคะ พอดีตอนที่พี่เกิดเรื่องขึ้น ฉันห้เสี่ยวหลงกลับบ้านไปก่อนค่ะ"หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ "น่าเสียดายจัง วันนี้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นซะก่อน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหลงคงจะได้ดูหนังมังกรหยกจนจบ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด "พี่ขอโทษนะชิงชิง ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยปลอบใจคุณพระเอก "ไว้คราวหน้าค่อยพาเขาไปดูก็ได้ค่ะ"หลี่เหว่ยมองหน้าหลินชิงชิงอย่างรู้สึกผิด"ชิงชิง... พี่ขอโทษนะสำหรับเรื่องที่เกิดในวันนี้""พี่เหว่ยไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ" หลินชิงชิงส่ายหน้า "มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลย หวังอ้ายหลินต่างหากที่เป็นคนผิด" น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวขึ้น "คอยดูเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยหล่อนเอาไว้แน่ๆ""แล้ว... แล้วตอนนี้หวังอ้ายหลินอยู่ไหน" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความโกรธเคืองหลินชิงชิงตอบอย่างกระอักกระอ่วน "เอ่อ...คือ...ตอนที่ฉันเข้าไปช่วยพี่ ฉันโมโหมาก เลยตบหล่อนไปแรงๆ หล่อนคงจะอับอายละ
หลินชิงชิง จัดการนำร่างของหลินซื่อเจี๋ยหายเข้าไปในมิติก่อนจะไปโผล่กลางลานหน้าหมู่บ้าน เธอจัดการแขวนร่างนั้นไว้บนต้นไม้พวกชาวบ้านหลังจากดูงิ้วที่บ้านเศรษฐีเจียงเสร็จต่างพูดคุยกันระหว่างที่เดินกลับบ้านด้วยความเพลิดเพลินใจทันใดนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ชาวบ้านที่กำลังเดินกลับบ้าน ต่างมากันหยุดชะงักด้วยความตกใจ เสียงนั้นดังมาจากต้นไม้ใหญ่กลางลานหมู่บ้าน พวกเขาพากันวิ่งไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นใต้ต้นไม้นั้นปรากฏร่างหญิงสาวในชุดขาวโพลน ผมยาวสยาย ใบหน้าซีดเซียว ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เบื้องล่าง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองร่างที่ห้อยโตงเตงอยู่บนกิ่งไม้ "นั่น... นั่นมันหลินซื่อเจี๋ยไม่ใช่รึ?" เสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น"แล้ว... แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครละ อย่าบอกนะว่าเป็น ผะ..ผี "หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทา"ผีหลอก ผีหลอก" เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูน่ากลัวของหลินชิงชิง ที่เมคอัพหน้าจนเหมือนผีหลินชิงชิงได้ยินเสียงชาวบ้านพูดคุยกัน เธอจึงลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมอง
เช้าวันรุ่งขึ้น หมู่บ้านหลงเหมินเต็มไปด้วยความโกลาหล พวกชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน หลินเจี้ยน และหวังซูเม่ย ออกตามหาหลินซื่อเจี๋ย แต่ก็ไร้วี่แวว"หรือว่า...เจ้ารองจะถูกผีเฉินซูเม่ยจับตัวไปแล้วจริงๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น"เมื่อคืนฉันเห็นหล่อนด้วยตาตัวเอง หล่อนหายตัวไปมา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ น่ากลัวนัก" ป้าหวังเล่าให้เพื่อนบ้านฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"ฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากทางสุสาน ขนลุกไปหมด" ลุงจางพูดเสริม "คงไม่ต้องสงสัยแล้ว หลินซื่อเจี๋ยต้องถูกผีเฉินซูเม่ยเอาไปแน่ๆ"หลินเจี้ยน พ่อของซื่อเจี๋ย ใจคอไม่ดี เขาออกตามหาลูกชายคนรองทั้งคืน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ หวังซู่เม่ย ภรรยาของเขา เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ "เจ้ารองของแม่ แกไปอยู่ที่ไหนออกมาหาแม่เถอะ""เราต้องไปตามหาซื่อเจี๋ยที่สุสาน" หลินเจี้ยนตัดสินใจ "ฉันไม่เชื่อว่าผีนังเฉินซูเม่ยจะทำอะไรลูกชายฉันได้"ชาวบ้านบางส่วน จ้องมองหลินเจี้ยนด้วยความสงสาร จึงยอมร่วมเดินทางไปสุสานด้วย แต่ทุกคนต่างหวาดระแวง มองซ้ายมองขวา กลัวว่าจะพบเจอกับผีเฉินซูเม่ยอีก
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านใหญ่ตระกูลหลิน หลี่อ้ายเจีย ผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลหลิน ใบหน้าที่เคยสงบนิ่ง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ช่วงนี้บ้านสกุลหลินเหมือนโดนคำสาป เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่หลานสาวคนเล็กของหลินผิงผิง ที่โชคร้ายตกลงไปทะเลสาบ จนถูกชายอันธพาลอย่าง เหลยเทียนเหิง ช่วยชีวิตไว้ ชื่อเสียงของหลานสาวที่เคยขาวสะอาด บัดนี้กลับแปดเปื้อน อนาคตที่เคยสดใส กลับมืดมนลงแถมหลานชายคนรองหลินซื่อเจี๋ย ก็ยังมาโดนผีนังเฉินซู่เม่ย ตามมาหลอกหลอน หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวนำเขาลงมาจากต้นไม้ เจ้ารองก็มีอาการ อยู่ในอาการหวาดผวา ร้องไห้ไม่หยุด ซ้ำร้ายยังเพ้อละเมอเห็นผีนังเฉินซู่เม่ยหญิงสาวที่ที่ผูกคอตายที่หลังบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว ตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอด"ซื่อเฉิง ซื่อเหวิน พวกแกสองคนดูแลเจ้ารองให้ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา ย่าจะไปจุดธูปไหว้พระ ขอยันต์คุ้มครองป้องกันอันตรายให้กับพวกเราเพื่อนำมาป้องกันนังเผีร้ายฉินซู่เม่ย " หลี่อ้ายเจีย สั่งหลานชายคนโต ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ครับ คุณย่า" หลินซื่อเฉิงและหลินซื่อเหวิน รับคำด้วยน้ำเสี
เมื่อหลี่อ้ายเจียกลับมาถึงบ้านใหญ่ หญิงชราได้ยินเสียงร้องไห้โฮของหลินผิงผิงดังระงมไปทั่วห้องโถงใหญ่ของบ้านตระกูลหลิน"โธ่เอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่อีกนี่ถึงได้มาเอะอะโวยวายในบ้าน" หลี่อ้ายเจียกล่าวด้วยความโมโห "ทำไมช่วงนี้ บ้านสกุลหลินถึงได้มีแต่เรื่อง"เสียงฝีเท้าหนักๆ ของหลี่อ้ายเจียดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ใบหน้าของหญิงชราแดงก่ำด้วยโทสะ สายตากราดมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ก่อนจะจับจ้องไปที่หลินผิงผิง หลานสาวคนโปรดที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนตั่งนอนตัวใหญ่ หวังซู่เม่ยผู้เป็นมารดาได้แต่นั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลอย่างที่สุด"ผิงผิง ซู่เม่ย เกิดอะไรขึ้น?" หลี่อ้ายเจียเอ่ยถามเสียงเข้ม แม้จะโมโหจนแทบอยากจะระเบิดออกมา แต่หลี่อ้ายเจียก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ หลานสาวคนนี้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลี่อ้ายเจียก็พร้อมจะปกป้องหลานสาวสุดที่รักเสมอ"คุณย่า..." หลินผิงผิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม "หนู... หนู..." หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้น ความอับ
เมื่อหลี่เหว่ยเดินจากไป ทั้งสองสามีภรรยายืนคุยกันต่อ"นี่คุณ คิดยังไงกับเรื่องนี้" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามความคิดเห็นของคนเป็นสามีหลินเจิ้งเทียนลูบคางครุ่นคิด "พ่อหนุ่มหลี่เหว่ยคนนี้ก็ดูเป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี ฐานะก็มั่นคง...แต่" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบ"แต่อะไรคะ" หวังจื้อเหยาถามด้วยความอยากรู้"แต่ว่าพ่อยังไม่ค่อยรู้จักนิสัยใจคอเขาดีนัก แล้วอีกอย่างชิงชิงของเราก็ยังเด็ก จะรีบร้อนหมั้นหมายไปทำไม" น้ำเสียงทุ้มของหลินเจิ้งเทียนแฝงไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อลูกสาวคนเดียวของพวกเขาหวังจื้อเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย "แต่ถ้าเขาดีจริง ปล่อยให้หลุดมือไปก็เสียดายแย่สิคะ" เธอยังคงเชื่อมั่นในสายตาของตัวเอง หลี่เหว่ยดูเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อม เหมาะสมกับลูกสาวของเธอทุกประการหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ "จริงของแม่ พ่อจะลองสืบดูประวัติพ่อหนุ่มคนนี้ให้ละเอียดอีกที ส่วนชิงชิง เดี๋ยวพ่อจะค่อยๆ คุยกับลูกเอง ถ้าลูกรักชอบพ่อหนุ่ม... เอ่อ... ยุวชนปัญญาคนนี้จริงๆ พ่อก็ไม่อยากไปขัดขวางเด็กทั้งสองที่รักกัน"หวังจื้อเหยาคลี่ยิ้ม "ค่ะ ฉันก็เชื่อว่าชิงชิงข
ภายในบ้านไม้หลังเล็กๆ ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงทานอาหารเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อยหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อ กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามลูกสาวคนเดียวด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เอ็นดู“ชิงชิง…ลูกคิดยังไงกับพ่อหนุ่มหลี่คนนั้น”หลินชิงชิงถึงกับชะงัก หยุดมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แม้จะพอรู้มาบ้างว่าหลี่เหว่ยจะให้แม่สื่อมาสู่ขอ แต่พอพ่อของเธอเอ่ยถามตรงๆ ความรู้สึกเขินอายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจนยากจะควบคุม“พี่เหว่ย…ก็เป็นคนดีค่ะ” หลินชิงชิงตอบเสียงเบา พลางแสร้งทำเป็นสงสัย “พ่อถามทำไมเหรอคะ”หลินเจิ้งเทียนมองลูกสาวด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกออก อาการเขินอายของลูกสาวของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่า เธอคงมีใจให้พ่อหนุ่มยุวชนปัญญาคนนั้นไม่น้อย เขาถอนหายใจเบาๆ อย่างใช้ความคิด“อีกวันสองวันนี้ พ่อหนุ่มหลี่เขาจะให้แม่สื่อมาขอหมั้นหมายกับลูกไว้ก่อน ลูกคิดเรื่องนี้ยังไงบ้างล่ะ”หลินชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดา ดวงตาใสแป๋วเป็นประกาย "หมั้นหมายเหรอค
เมื่อหลินชิงชิงมาถึงโรงเรียน เธอก็ตั้งใจเรียนตามปกติ หลังจากช่วงเช้ายุ่งวุ่นวายกับการสอนเพื่อนๆ ในห้องที่ไม่ค่อยเข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์บนกระดาน ในที่สุดคาบเรียนคณิตศาสตร์ก็จบลง หลินชิงชิงเลยตั้งจิตเข้ามาภายในมิติ"เฮ้อ... ในที่สุดก็ได้เข้ามาสักที" หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องปรุงยาทันที เธอหยิบเอาสมุนไพรนานาชนิดที่อยู่ในมิติมาผลิตเครื่องสำอาง เพิ่มเติม"ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบไปสั่งทำกล่องไม้เพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะไปขายที่ตลาดมืดตอนวันเสาร์ไม่ทันการ" หลินชิงชิงบ่นพึมพำพลางเก็บอุปกรณ์ต่างๆทันทีที่เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น หญิงสาวก็รีบเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋า ก่อนจะก็รีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปยังโรงจอดรถจักรยาน ก่อนจะปั่นไปที่ร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ 'หลี่เจีย' ที่ตั้งอยู่บนถนนต้าหลี่ทันที"สวัสดีค่ะเถ้าแก่" หลินชิงชิงเอ่ยทักทายเถ้าแก่ด้วยรอยยิ้ม "งานที่หนูสั่งไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเสร็จรึยังคะ"เถ้าแก่หลี่ยิ้มรับ "อ้าว แม่หนู มาพอดีเลย ของทำเสร็จหมดแล้วล่ะ" ว่าแล้วเขาก็หยิบกล่องไม้แกะสลักสวยงามส่งให้"นี่ไง ของหนู" เถ้าแก่ชี้ให้ด
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท
เช้าวันถัดมา หลังจากหลินชิงชิงตื่นนอน เธอพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังจะออกจากบ้าน หญิงสาวเลยเอ่ยถามคนทั้งคู่"พ่อกับแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ" หลินชิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องไปที่บิดามารดาที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน"พ่อกับแม่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายน่ะลูก" หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อตอบพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู "ถึงแม้ช่วงนี้บ้านเราจะพอมีเงินจากที่ลูกขายสมุนไพรได้ แต่พ่อก็อยากเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือสูง ๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่"หลินชิงชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักของพ่อแม่ น้ำตาคลอหน่วยเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่เก็บงำไว้ "พ่อคะ แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เดี๋ยวหนูพาพ่อกับแม่ไปดูอะไรบางอย่าง แต่พ่อและแม่ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอาจเป็นอันตรายได้"หลินเจิ้งเทียนและภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยเห็นลูกสาวพูดจาจริงจังแบบนี้มาก่อน "มีอะไรเหรอลูก บอกพ่อกับแม่ได้เลย" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามห
หวังอ้ายหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุยังคงวนเวียนในหัว ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน รถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาหา เสียงกรีดร้องของผู้คน กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ และความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกายแต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงมิติอันว่างเปล่า รอบตัวเธอมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททันใดนั้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดึงดูดให้เธอเคลื่อนที่เข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเข้าใกล้ แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นภาพ เป็นภาพเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถยนต์รูปทรงแปลกตาที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง"นี่มันที่ไหนกัน" หวังอ้ายหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเธอล่องลอยไปตามท้องถนน มองดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันด้วยความสนใจ ราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกอนาคต กระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธ
หลังจากขึ้นบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อย สมาชิกบ้านสามต่างก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่อันกว้างขวางเมื่อคืนพวกเขานอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่หลินเสี่ยวหลงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน เขาสูดหายใจเข้าลึก อากาศยามเช้าสดชื่น"บ้านของเราสวยจังเลยครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นหลินชิงชิงหันมายิ้มให้ "แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวออกแบบเองกับมือ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในขณะเดียวหวังจื้อเหยา ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม "ลูกๆ ตื่นกันแล้วเหรอ ลงไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวต้องรีบไปโรงเรียน วันนี้มีสอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู"แม่ครับ ผมจะตั้งใจสอบครับ" หลินเสี่ยวหลงยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยกับมารดาหวังจื้อเหยา หัวเราะเบาๆ "แม่รู้ว่าเสี่ยวหลงของแม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้เต็มที่นะลูก" เธอมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงก็ปั่นจักรยานจากไปส่งหลินเสี่ยว