เมื่อพวกเขาทั้งสามคนเดินมาถึงบ้านเศรษฐีเจียง ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านที่มาดูงิ้วและหนังกลางแปลงกัน ที่ลานกว้าง เสียงดนตรีงิ้วดังแว่วมาจากด้านหนึ่งของลานบ้าน ผู้คนนั่งล้อมรอบเวที ต่างเพลิดเพลินกับการแสดงงิ้ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง แสงไฟจากเครื่องฉายหนังส่องกระทบจอผ้าใบขนาดใหญ่ เด็กๆ นั่งเรียงรายอยู่ด้านหน้า ต่างจ้องมองจอหนังด้วยความสนใจ
หลี่เหว่ยพาหลินชิงชิงและหลินเสี่ยวหลงเดินฝ่าฝูงชนไปยังด้านหน้าจอหนังขนาดใหญ่ เขาปูเสื่อที่เตรียมไว้ลงบนพื้นหญ้า ให้ทั้งสามคนได้นั่งดูหนังอย่างสะดวกสบาย หลินชิงชิงนั่งลงข้าง ๆ คนร่างสูง ส่วนหลินเสี่ยวหลงนั่งลงใกล้ๆ กับเธอ เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"วันนี้เขาฉายหนังเรื่องอะไรคะพี่เหว่ย? " หลินชิงชิงถามอย่างกระตือรือร้น
"คืนนี้ฉายเรื่อง 'มังกรหยก' น่ะ" หลี่เหว่ยตอบ "เป็นหนังกำลังภายใน สนุกมากเลย"
แม้ว่าหลินชิงชิงจะเคยดูละครโทรทัศน์เรื่องนี้มาแล้วในยุคปัจจุบัน แต่การได้มาดูหนังกลางแปลงในบรรยากาศแบบนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ
"จริงเหรอครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานเสียงดัง "ผมชอบหนังกำลั
แสงสีขาวสว่างวาบราวกับสายฟ้าฟาด หลินชิงชิงและหลินเสี่ยวหลงก็ถูกดึงเข้าไปในมิติ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเธอหลินเสี่ยวหลงมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น "พี่ชิงชิง ที่นี่มันที่ไหนกัน? ""นี่คือมิติของพี่เอง" หลินชิงชิงตอบน้องชายตามตรงสถานที่แห่งนี้เต็มไปต้นไม้อันอุดมสมบูรณ์ พื้นดินปกคลุมไปด้วยผักผลไม้ป่าและสมุนไพรนานาชนิด มีลำธารใสไหลผ่าน และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือบ้านไม้โบราณหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า ราวกับหลุดออกมาจากยุคสมัยอื่น"พี่ได้รับมิติแห่งนี้มาจากท่านเซียน ตอนที่พี่สาวโดนนังผิงผิงผลักหัวฟาดพื้นจนเกือบตาย" หลินชิงชิงบอกความจริงบางส่วนให้น้องชายได้รับรู้หลินเสี่ยวหลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "จริงหรือครับพี่ชิงชิง""ใช่แล้วละน้องเล็ก" หลินชิงชิงกล่าวก่อนจะเดินมาลูบหัวน้องชาย"เสี่ยวหลง อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ ไม่อย่างนั้นพี่สาวอาจจะเกิดอันตรายได้ ความโลภของมนุษย์น่ากลัวเพียงใดถ้าพวกเขารู้ว่าพี่สาวมีมิติแห่งนี้พวกเขาอาจจะมาแย่งชิง หรือฆ่าพี่สาวตายก็ได้"ดวงตากลมโตของเสี่ยว
ในขณะเดียวกันทางด้านหวังอ้ายหลิน เมื่อเห็นหลินชิงชิงเดินออกไปกับน้องชาย เธอจ้องมองเด็กสาวสายตาด้วยความอาฆาต ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่น"นังแพศยา เป็นเพราะแกแผนการที่ฉันวางไว้ถึงพังไม่เป็นท่าหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป"หญิงสาวสะบัดหน้าพรืด หันกลับไปหาลูกสมุนของบิดาที่ยืนคอยอยู่ไม่ห่าง "พวกแกทั้งห้าคน ไปจัดการนังหลินชิงชิง พวกแกรุมจัดการมันหนักๆ เอาให้มันไม่เป็นผู้เป็นคน" น้ำเสียงเย็นยะเยือกของอ้ายหลินแผ่รังสีอำมหิตออกมา ลูกสมุนของบิดาทั้งห้ารับคำสั่งอย่างรู้งาน พวกเขารีบเดินตามหลินชิงชิงออกไปทันทีอ้ายหลินมองตามพวกลูกน้องของบิดาไปด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย หลินชิงชิงแกไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของเธอไปได้ คราวนี้แหละ เธอจะได้แก้แค้นให้สาสมใจเสียทีหญิงสาวหยิบแก้วน้ำหวานสองแก้วที่เตรียมไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลี่เหว่ยที่นั่งดูหนังอยู่เพียงลำพัง ใบหน้ากลับมาแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น"สหายเหว่ย มาดูหนังคนเดียวหรือคะ" อ้ายหลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อน
หลินชิงชิงตวัดสายตามองหวังอ้ายหลินที่โดนชายฉกรรจ์ลากไปด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินไปดูอาการคุณพระเอกที่นอนพิงต้นไม้ไว้ ใบหน้าซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ หลินชิงชิงวิ่งเข้ามาดูอาการด้วยความร้อนใจ"พี่เหว่ยเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอทรุดตัวลงข้างๆหลี่เหว่ยพยายามลืมตาขึ้นมอง แต่เปลือกตาหนักอึ้งราวกับมีก้อนตะกั่วถ่วงไว้"ชิง...ชิงชิง หรือนี่" เขาพึมพำ เสียงแหบพร่า"ใช่ค่ะพี่เหว่ย ฉันเอง" หลินชิงชิงตอบ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเป็นห่วงหลี่เหว่ยรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มในกาย"พี่เหว่ยอย่าเพิ่งพูดอะไรนะคะ ฉันจะพาพี่ไปหาหมอ พี่ดูไม่สบายมาก" หลินชิงชิงประคองเขาขึ้น"ไม่...ไม่ต้อง" หลี่เหว่ยค้านเสียงแผ่ว "พี่...พี่ไม่เป็นไรมาก""แต่...""ชิงชิง" หลี่เหว่ยขัดขึ้น "พี่อยาก...อยากกลับบ้านพัก"หลินชิงชิงมองพี่เหว่ยด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นแววตาอ่อนล้าของเขา เธอก็ไม่อาจขัดใจได้"ก็ได้ค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับ "งั้นเดี๋ยวฉันพาพี่เหว่ยกลับบ้านพักของพวกยุวชนปัญญานะคะ"เมื่อมาถึงห้องพัก หลินชิงชิงก็พยุงชายหนุ่มไปนั่งบน
พอหลี่เหว่ยตั้งสติได้เขาเอ่ยถาม "ชิงชิง...แล้วเสี่ยวหลงล่ะ อยู่ไหนหรือ"หลินชิงชิงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม "เอ่อ...คือ...พี่เหว่ยคะ พอดีตอนที่พี่เกิดเรื่องขึ้น ฉันห้เสี่ยวหลงกลับบ้านไปก่อนค่ะ"หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ "น่าเสียดายจัง วันนี้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นซะก่อน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหลงคงจะได้ดูหนังมังกรหยกจนจบ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด "พี่ขอโทษนะชิงชิง ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยปลอบใจคุณพระเอก "ไว้คราวหน้าค่อยพาเขาไปดูก็ได้ค่ะ"หลี่เหว่ยมองหน้าหลินชิงชิงอย่างรู้สึกผิด"ชิงชิง... พี่ขอโทษนะสำหรับเรื่องที่เกิดในวันนี้""พี่เหว่ยไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ" หลินชิงชิงส่ายหน้า "มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลย หวังอ้ายหลินต่างหากที่เป็นคนผิด" น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวขึ้น "คอยดูเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยหล่อนเอาไว้แน่ๆ""แล้ว... แล้วตอนนี้หวังอ้ายหลินอยู่ไหน" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความโกรธเคืองหลินชิงชิงตอบอย่างกระอักกระอ่วน "เอ่อ...คือ...ตอนที่ฉันเข้าไปช่วยพี่ ฉันโมโหมาก เลยตบหล่อนไปแรงๆ หล่อนคงจะอับอายละ
หลินชิงชิง จัดการนำร่างของหลินซื่อเจี๋ยหายเข้าไปในมิติก่อนจะไปโผล่กลางลานหน้าหมู่บ้าน เธอจัดการแขวนร่างนั้นไว้บนต้นไม้พวกชาวบ้านหลังจากดูงิ้วที่บ้านเศรษฐีเจียงเสร็จต่างพูดคุยกันระหว่างที่เดินกลับบ้านด้วยความเพลิดเพลินใจทันใดนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ชาวบ้านที่กำลังเดินกลับบ้าน ต่างมากันหยุดชะงักด้วยความตกใจ เสียงนั้นดังมาจากต้นไม้ใหญ่กลางลานหมู่บ้าน พวกเขาพากันวิ่งไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นใต้ต้นไม้นั้นปรากฏร่างหญิงสาวในชุดขาวโพลน ผมยาวสยาย ใบหน้าซีดเซียว ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เบื้องล่าง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองร่างที่ห้อยโตงเตงอยู่บนกิ่งไม้ "นั่น... นั่นมันหลินซื่อเจี๋ยไม่ใช่รึ?" เสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น"แล้ว... แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครละ อย่าบอกนะว่าเป็น ผะ..ผี "หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทา"ผีหลอก ผีหลอก" เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้าขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูน่ากลัวของหลินชิงชิง ที่เมคอัพหน้าจนเหมือนผีหลินชิงชิงได้ยินเสียงชาวบ้านพูดคุยกัน เธอจึงลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมอง
เช้าวันรุ่งขึ้น หมู่บ้านหลงเหมินเต็มไปด้วยความโกลาหล พวกชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน หลินเจี้ยน และหวังซูเม่ย ออกตามหาหลินซื่อเจี๋ย แต่ก็ไร้วี่แวว"หรือว่า...เจ้ารองจะถูกผีเฉินซูเม่ยจับตัวไปแล้วจริงๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น"เมื่อคืนฉันเห็นหล่อนด้วยตาตัวเอง หล่อนหายตัวไปมา ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ น่ากลัวนัก" ป้าหวังเล่าให้เพื่อนบ้านฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"ฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนมาจากทางสุสาน ขนลุกไปหมด" ลุงจางพูดเสริม "คงไม่ต้องสงสัยแล้ว หลินซื่อเจี๋ยต้องถูกผีเฉินซูเม่ยเอาไปแน่ๆ"หลินเจี้ยน พ่อของซื่อเจี๋ย ใจคอไม่ดี เขาออกตามหาลูกชายคนรองทั้งคืน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ หวังซู่เม่ย ภรรยาของเขา เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ "เจ้ารองของแม่ แกไปอยู่ที่ไหนออกมาหาแม่เถอะ""เราต้องไปตามหาซื่อเจี๋ยที่สุสาน" หลินเจี้ยนตัดสินใจ "ฉันไม่เชื่อว่าผีนังเฉินซูเม่ยจะทำอะไรลูกชายฉันได้"ชาวบ้านบางส่วน จ้องมองหลินเจี้ยนด้วยความสงสาร จึงยอมร่วมเดินทางไปสุสานด้วย แต่ทุกคนต่างหวาดระแวง มองซ้ายมองขวา กลัวว่าจะพบเจอกับผีเฉินซูเม่ยอีก
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านใหญ่ตระกูลหลิน หลี่อ้ายเจีย ผู้เป็นใหญ่แห่งตระกูลหลิน ใบหน้าที่เคยสงบนิ่ง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ช่วงนี้บ้านสกุลหลินเหมือนโดนคำสาป เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่หลานสาวคนเล็กของหลินผิงผิง ที่โชคร้ายตกลงไปทะเลสาบ จนถูกชายอันธพาลอย่าง เหลยเทียนเหิง ช่วยชีวิตไว้ ชื่อเสียงของหลานสาวที่เคยขาวสะอาด บัดนี้กลับแปดเปื้อน อนาคตที่เคยสดใส กลับมืดมนลงแถมหลานชายคนรองหลินซื่อเจี๋ย ก็ยังมาโดนผีนังเฉินซู่เม่ย ตามมาหลอกหลอน หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวนำเขาลงมาจากต้นไม้ เจ้ารองก็มีอาการ อยู่ในอาการหวาดผวา ร้องไห้ไม่หยุด ซ้ำร้ายยังเพ้อละเมอเห็นผีนังเฉินซู่เม่ยหญิงสาวที่ที่ผูกคอตายที่หลังบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว ตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอด"ซื่อเฉิง ซื่อเหวิน พวกแกสองคนดูแลเจ้ารองให้ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา ย่าจะไปจุดธูปไหว้พระ ขอยันต์คุ้มครองป้องกันอันตรายให้กับพวกเราเพื่อนำมาป้องกันนังเผีร้ายฉินซู่เม่ย " หลี่อ้ายเจีย สั่งหลานชายคนโต ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ครับ คุณย่า" หลินซื่อเฉิงและหลินซื่อเหวิน รับคำด้วยน้ำเสี
เมื่อหลี่อ้ายเจียกลับมาถึงบ้านใหญ่ หญิงชราได้ยินเสียงร้องไห้โฮของหลินผิงผิงดังระงมไปทั่วห้องโถงใหญ่ของบ้านตระกูลหลิน"โธ่เอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่อีกนี่ถึงได้มาเอะอะโวยวายในบ้าน" หลี่อ้ายเจียกล่าวด้วยความโมโห "ทำไมช่วงนี้ บ้านสกุลหลินถึงได้มีแต่เรื่อง"เสียงฝีเท้าหนักๆ ของหลี่อ้ายเจียดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ใบหน้าของหญิงชราแดงก่ำด้วยโทสะ สายตากราดมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ก่อนจะจับจ้องไปที่หลินผิงผิง หลานสาวคนโปรดที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนตั่งนอนตัวใหญ่ หวังซู่เม่ยผู้เป็นมารดาได้แต่นั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลอย่างที่สุด"ผิงผิง ซู่เม่ย เกิดอะไรขึ้น?" หลี่อ้ายเจียเอ่ยถามเสียงเข้ม แม้จะโมโหจนแทบอยากจะระเบิดออกมา แต่หลี่อ้ายเจียก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ หลานสาวคนนี้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลี่อ้ายเจียก็พร้อมจะปกป้องหลานสาวสุดที่รักเสมอ"คุณย่า..." หลินผิงผิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม "หนู... หนู..." หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้น ความอับ
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท
เช้าวันถัดมา หลังจากหลินชิงชิงตื่นนอน เธอพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังจะออกจากบ้าน หญิงสาวเลยเอ่ยถามคนทั้งคู่"พ่อกับแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ" หลินชิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องไปที่บิดามารดาที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน"พ่อกับแม่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายน่ะลูก" หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อตอบพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู "ถึงแม้ช่วงนี้บ้านเราจะพอมีเงินจากที่ลูกขายสมุนไพรได้ แต่พ่อก็อยากเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือสูง ๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่"หลินชิงชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักของพ่อแม่ น้ำตาคลอหน่วยเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่เก็บงำไว้ "พ่อคะ แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เดี๋ยวหนูพาพ่อกับแม่ไปดูอะไรบางอย่าง แต่พ่อและแม่ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอาจเป็นอันตรายได้"หลินเจิ้งเทียนและภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยเห็นลูกสาวพูดจาจริงจังแบบนี้มาก่อน "มีอะไรเหรอลูก บอกพ่อกับแม่ได้เลย" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามห
หวังอ้ายหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุยังคงวนเวียนในหัว ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน รถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาหา เสียงกรีดร้องของผู้คน กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ และความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกายแต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงมิติอันว่างเปล่า รอบตัวเธอมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททันใดนั้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดึงดูดให้เธอเคลื่อนที่เข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเข้าใกล้ แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นภาพ เป็นภาพเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถยนต์รูปทรงแปลกตาที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง"นี่มันที่ไหนกัน" หวังอ้ายหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเธอล่องลอยไปตามท้องถนน มองดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันด้วยความสนใจ ราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกอนาคต กระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธ
หลังจากขึ้นบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อย สมาชิกบ้านสามต่างก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่อันกว้างขวางเมื่อคืนพวกเขานอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่หลินเสี่ยวหลงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน เขาสูดหายใจเข้าลึก อากาศยามเช้าสดชื่น"บ้านของเราสวยจังเลยครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นหลินชิงชิงหันมายิ้มให้ "แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวออกแบบเองกับมือ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในขณะเดียวหวังจื้อเหยา ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม "ลูกๆ ตื่นกันแล้วเหรอ ลงไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวต้องรีบไปโรงเรียน วันนี้มีสอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู"แม่ครับ ผมจะตั้งใจสอบครับ" หลินเสี่ยวหลงยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยกับมารดาหวังจื้อเหยา หัวเราะเบาๆ "แม่รู้ว่าเสี่ยวหลงของแม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้เต็มที่นะลูก" เธอมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงก็ปั่นจักรยานจากไปส่งหลินเสี่ยว