ที่อีกด้านหนึ่ง หวังอ้ายหลิน กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ หลังจากเห็นหลี่เหว่ยเดินไปกับนังหลินชิงชิง ความคับแค้นใจปะทุขึ้นในอกจนเธอต้องเดินออกไปโดยไม่สนใจใคร หวังเพียงจะหาที่ระบายอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น
"ช่างน่าโมโห นังแพศยา ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้แก" หวังอ้ายหลินสบถกับตัวเองเบาๆ ขณะก้มหน้าเดินไปตามทาง
"โอ๊ย" หวังอ้ายหลินร้องขึ้นเมื่อเดินชนเข้ากับใครบางคนอย่างแรง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างหัวเสีย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง อารมณ์เดือดดาลก็ถูกเก็บกลับอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้ใครเห็นความโกรธเกรี้ยวของเธอในตอนนี้เพราะจะทำให้เธอสูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีงาม
"ขอโทษนะคะ เป็นเพราะฉันไม่ระวังเอง" อ้ายหลินเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจกลับเหยียดหยามหญิงสาวตรงหน้า
'ก็แค่นังเด็กบ้านนอก' เธอคิดในใจ
หลินผิงผิงเองก็กำลังหงุดหงิดไม่แพ้กัน คู่หมั้นของเธอเพิ่งยกเลิกงานแต่งงานไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอจึงแอบหนีออกมาจากบ้านเพื่อร้องไห้ตามลำพัง
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ดูทางเหมือนกัน" หลินผิงผิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"ง
เมื่อถึงเช้าเช้าวันจันทร์ หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงจัดเตรียมข้าวกล่องสำหรับมื้อกลางวันเรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยลาพ่อกับแม่ออกเดินทางไปโรงเรียนประถมในหมู่บ้านพร้อมกับน้องชายตัวน้อย"พ่อคะ แม่คะ วันนี้หนูจะพาเสี่ยวหลงไปสมัครเรียนนะคะ" เสียงใสๆ ของหลินชิงชิงดังขึ้น ทำให้พ่อแม่ของเธอหันมามอง"เดินทางดีๆ นะลูก ระวังตัวด้วย" พ่อกับแม่ของหลินชิงชิงกล่าวด้วยความเป็นห่วง สายตาเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย"พ่อไม่ต้องเป็นห่วงพวกหนูหรอกค่ะ เดี๋ยววันนี้พ่อกับแม่ก็คุมงานสร้างบ้านก็แล้วกันนะคะ ตอนนี้รั้วก็ใกล้จะล้อมเสร็จแล้ว" หลินชิงชิงตอบกลับอย่างร่าเริง ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้คนเป็นพ่อหลินเจิ้งเทียน รับกระดาษมาอย่างงุนงง "นี้อะไรหรือลูก?" เขาถาม"แบบบ้านของเราค่ะ หนูออกแบบบ้านไว้" หลินชิงชิงตอบด้วยแววตาเป็นประกายหลินเจิ้งเทียนก้มลงมองแบบบ้านที่ลูกสาววาดขึ้นมาอย่างตั้งใจ บ้านที่หลินชิงชิงออกแบบเป็นบ้านปูน รูปแบบสมัยใหม่ที่โปร่งโล่งสบาย แตกต่างจากบ้านเดิมที่พวกเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง"ว้าว! ลูกออกแบบได้สวยมากเลย" หลินเจิ้งเทียนเ
ชายชราผู้ได้รับความช่วยเหลือจากหลินชิงชิงเอ่ยถามชื่อของเธอด้วยความเอื้ออาทร "แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ?""หนูชื่อหลินชิงชิงค่ะ มาจากหมู่บ้านหลงเหมินค่ะ" หญิงสาวตอบกลับ"งั้นเดี๋ยวปู่ไปส่งหนูที่โรงเรียนเองนะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่หนูช่วยชีวิตปู่เอาไว้" ชายชราเสนอด้วยความจริงใจหลินชิงชิงเห็นว่าเวลาใกล้จะสายแล้ว เธอจึงตอบรับข้อเสนอของชายชรา "ขอบคุณค่ะคุณปู่"ระหว่างทาง ชายชราเอ่ยถามหลินชิงชิงด้วยความสนใจ "แล้วตอนนี้หนูเรียนชั้นไหนแล้วล่ะ?""หนูเคยเรียนจบแค่ชั้นประถมในหมู่บ้านค่ะ" หลินชิงชิงตอบตามความเป็นจริง เจ้าของร่างนี้เรียนแค่ระดับประถม"หนูอยากเรียนต่อชั้นมัธยม แต่คุณย่ากลับไม่ยอมส่งหนูเข้าเรียน ท่านบอกว่าผู้หญิงเรียนไปก็เท่านั้น แต่ตอนนี้บ้านสามของหนูแยกบ้านออกมาแล้ว หนูเลยตั้งใจจะมาสอบข้ามชั้นอีกครั้งคะ หนูอยากเรียนระดับชั้นเดียวกับเพื่อน ๆ ในรุ่นเดียวกัน"ชายชราเมื่อได้ยินดังนั้นก็สงสารชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กน้อยผู้มีพระคุณของเขาเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณโรงเรียนมัธยมศึกษาเมืองเฉิงตู เจิ้งเทียนฉี ก้าวลงจากรถพร้อมกับเด็
หลังเลิกเรียนในขณะที่หลินชิงชิงลงจากเกวียนรถ ที่พาเธอกลับมาจากโรงเรียนมัธยม ทันใดนั้น ร่างสูงโปร่งของหลินผิงผิง พี่สาวของเธอ ก็ปรากฏขึ้นขวางทาง"ชิงชิง พี่มีเรื่องจากจะปรับความเข้าใจ" เสียงของผิงผิงแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด "เรื่องที่ผ่านมาพี่สาวคนนี้รู้ตัวว่าทำผิดกับเธอมากเหมือเกิน" เธอเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ "ชิงชิง เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า"หลินชิงชิงมองหลินผิงผิงด้วยสายตาเย็นชา ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังดูละครตลกที่น่าขัน "ปรับความเข้าใจ?" เธอทวนคำพูดของหลินผิงผิง น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน"เรื่องที่ผ่านมาพี่รู้ตัวว่าทำผิดกับฉันด้วยเหรอ? พี่พูดเหมือนกับว่าจำได้ว่าแกล้งอะไรฉันมาบ้าง"หลินผิงผิงหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามรักษาสีหน้าสำนึกผิดเอาไว้ "ชิงชิง พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ทำไม่ดีกับน้องมาก พี่ขอโทษจริงๆ""ขอโทษ?" ชิงชิงหัวเราะในลำคอ "คำขอโทษของพี่มันช่างไร้ค่าสิ้นดี" เธอหรี่ตามองผิงผิงอย่างไม่ไว้ใจ "พี่จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าพี่สำนึกผิดจริงๆ ไม่ใช่แค่มาตบตาเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรจากฉันอีก"ผิงผิงรีบโ
หลินผิงผิงเมื่อเห็นพวกชาวบ้านเข้าข้างนังหลินชิงชิงเธอถึงกับกัดฟันกรอดทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำของเหลยเทียนเหิง ทำให้ทุกสายตาหันไปมอง"ในเมื่อฉันล่วงเกินผิงผิงไปแล้ว ฉันจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานเอง" เหลยเทียนเหิงพูดเสียงเจ้าเล่ห์ เขาที่ทั้งยากจนและเกียจคร้าน ทำให้ไม่มีสาวๆ คนไหนสนใจจะแต่งงานกับเขาในเมื่อมีเหยื่อหลงเข้ามา เขาที่อยากมีเมียนอนอุ่นไหนเลยจะปฏิเสธแผนการชั่วร้ายเช่นนี้ แต่นึกไม่ถึงเลยแทนที่เขาจะได้คนน้อง กลับได้คนพี่มาแทน ถึงจะเป็นใครเขาก็ไม่สนทั้งนั้น"ไหนๆ เธอก็ถูกถอนหมั้นแล้ว ไม่แต่งกับฉัน ก็ไม่มีใครจะแต่งงานกับเธอแล้ว"คำพูดของเขาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของหลินผิงผิง เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างก็เรียกว่าอันธพาลประจำหมู่บ้าน ที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ คิดจะกินหงส์ฟ้าแบบเธอเหรอ ฝันไปเถอะ"ฉันไม่แต่งกับแกหรอก!" หลินผิงผิงตะโกนสุดเสียง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลออกมาอาบแก้ม "คนขี้เกียจสันหลังยาวแบบนี้ ฉันเอามาทำผัวก็โง่เต็มที"เหลยเทียนเหิงถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ความโกรธจะเริ่มปรากฏบนใบหน้า"นังนี่!" เขาคำรามเสียงต่ำ "กูอ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากแม่ของเธอทำกับข้าวง่ายๆ เสร็จ สมาชิกภายในครอบครัวทุกคนกำลังนั่งล้อมวงทานข้าวเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นหอมของข้าวต้มและผักดองโชยเตะจมูกชวนให้น้ำลายสอ"พ่อคะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จ "ตอนนี้รั้วบ้านเราก็ใกล้จะล้อมเสร็จหมดแล้ว แล้วพ่อจะสร้างบ้านของเราบริเวณไหนคะ"หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างอบอุ่น "พ่อว่าจะสร้างบริเวณที่ไม่ไกลจากบ้านเก่าของพวกเรานะ เมื่อพวกเราสร้างบ้านใหม่เสร็จ บ้านหลังเก่าก็สามารถนำมาเป็นเก็บของได้""เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะพ่อ" หลินชิงชิงตอบด้วยรอยยิ้มสดใสไม่ไกลกันนัก หลินเสี่ยวหลง น้องชายตัวน้อย วิ่งวนไปมาด้วยความตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับเมื่อนึกถึงบ้านหลังใหม่"ผมอยากให้บ้านเสร็จแล้วๆ แล้วครับอยากไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ของพวกเรากัน" เสียงใสๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นหลินชิงชิงมองน้องชายด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะเอ่ย "อีกไม่กี่อาทิตย์บ้านของเราก็จะเสร็จแล้วละอดใจเอาหน่อยนะน้องเล็ก"หลินเสี่ยวหลงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย"ครับ..พี่สาว"เมื่อคุยเรื่องบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่หลินชิงชิง กำลังอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นหลี่เหว่ยก็เดินมาหาเจิ้งเทียนฉี"สวัสดีครับท่านเจิ้ง" หลี่เหว่ยเอ่ยทักทายด้วยความดีใจเจิ้งเทียนฉีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "หลี่เหว่ย หลานมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?""พอดีช่วงที่เกิดเรื่องผมได้รับเลือกให้มาเป็นยุวชนปัญญาที่หมู่บ้านหลงเหมินพอดี ผมเลยแยกกับพ่อและแม่หนีคนพวกนั้นลงมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ครับ " หลี่เหว่ยกล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าใจ"แล้วพ่อแม่ของหลานล่ะ?" เจิ้งเทียนฉีถามต่อด้วยความเป็นห่วงรอยยิ้มของหลี่เหว่ยจางหายไป เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "พวกท่านอยู่ทางใต้ มณฑลกวางตุ้งครับ"เจิ้งเทียนฉีรับรู้ได้ถึงความเศร้าในน้ำเสียงของเด็กหนุ่มเขาเข้าใจดีว่าการพลัดพรากจากครอบครัวเป็นเรื่องยากลำบากเพียงใด โดยเฉพาะการเดินทางและการติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างยากลำบากเช่นนี้"ไม่ต้องห่วงไปนะอาเหว่ย" เจิ้งเทียนฉีพูดให้กำลังใจ "เดี๋ยวปู่จะส่งพวกลูกน้องไปช่วยหลี่หย่งและเฉินเหม่ยหลิง เอง"หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านเจิ้งเป็นอย่างมาก แม้จะรู้สึกคิดถึงพ่อแม่อยู่บ้าง แต่เขา
เมื่อรถบรรทุกสีเขียวเข้มของท่านเจิ้งแล่นมาจอดเทียบหน้าโรงเรียน หลินชิงชิง ผลักประตูรถออกพร้อมกับกระโดดลงมายืนบนพื้นถนน เธอหันไปยิ้มให้ชายชราผู้ทรงอำนาจที่นั่งอยู่ในรถ"ขอบคุณคุณปู่นะคะที่มาส่งหนู" เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใส"ไม่เป็นไรแม่หนูไม่ต้องคิดมาก" ท่านเจิ้งยิ้มตอบอย่างเป็นกันเองบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดทหารเดินอ้อมมาเปิดท้ายรถบรรทุก เขาหยิบจักรยานคันเล็กสีแดงสดออกมาวางลงบนพื้น "จักรของคุณหนูครับ""ขอบคุณค่ะ" หลินชิงชิงรับจักรยานมาถือไว้ เธอโค้งตัวให้อีกครั้งก่อนจะปั่นจักรยานเข้าไปในโรงเรียนเมื่อถึงเวลาเล่าเรียน หลินชิงชิงก็ทำท่าทางตั้งใจเรียนก้มหน้าดูหนังสือ เสียงบรรยายของคุณครูดังขึ้นเป็นระยะๆ ทว่าสำหรับเธอแล้ว เนื้อหาวิชานี้ช่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ เธอเหลือบมองหนังสือเพียงครู่เดียวก็เข้าใจทั้งหมดแล้วเมื่อไม่มีสิ่งใดดึงดูดความสนใจในโลกภายนอก หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าสู่มิติของเธอ ดูภายนอกเหมือนเธอยังคงตั้งใจเรียนอยู่ภายนอกมิติ เธอแบ่งสมาธิไว้ส่วนหนึ่งเสมอ เผื่อว่าอาจารย์จะเรียกเธอตอบคำถามวันนี้หญิงสาววางแผนจะปรุงครีมบำรุงผิวไว้
เมื่อหลินชิงชิงเห็นหลี่อ้ายเจีย เดินจากไปเธอหายใจโล่งอก เธอรู้สึกโชคดีที่วันนี้คนงานเร่งสร้างรั้วและประตูไม้บานใหญ่จนเสร็จเรียบร้อย หากไม่แล้ว พ่อแม่ของเธอคงนอนไม่หลับแน่ๆ คงคิดกังวลเรื่องข้าวของในบ้านที่จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าหัวขโมยทั้งหลาย"พ่อคะ โชคดีจริงๆ ที่พวกเราสร้างรั้วสูงและแข็งแรงแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงมีพวกโจรลักเล็กขโมยน้อย คิดจะมาขโมยของๆ เราแน่ๆ" เธอพูดพลางมองรั้วสูง 2 เมตรด้วยความพึงพอใจหลินเจิ้งเทียนพยักหน้าเห็นด้วย "จริงของลูก โชคดีที่วันนี้พ่อเร่งงานจนเสร็จ""งั้นพ่อกับแม่รอหนูแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวหนูไปตามเสี่ยวหลงก่อน หนูให้เขาแอบอยู่กับคุณย่าข้างนอก เพราะน้องกลัวคุณย่ามากๆ" หลินชิงชิงบอกพ่อแม่ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อหญิงสาวเดินออกไปนอกบ้านเธอเห็นน้องชายเธอยังแอบอยู่ข้างพุ่มไม้อยู่ เธอเดินไปหาหลินเสี่ยวหลงทันที"น้องเล็ก ออกมาได้แล้ว" หลินชิงชิงเอ่ยเสียงแผ่ว ร่างเล็กๆ ของหลินเสี่ยวหลงค่อยๆ โผล่ออกมาจากพุ่มไม้อย่างลังเล ดวงตากลมโตของเขาจ้องมองพี่สาวอย่างสำรวจ"พี่...พี่สาวไม่เป็นไรใช่ไหม" เสียงเล็กๆ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลินชิงชิงยิ้มบางๆ ก่อนจะย่อตัวลงลูบหัวน้องชายเบา
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท
เช้าวันถัดมา หลังจากหลินชิงชิงตื่นนอน เธอพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังจะออกจากบ้าน หญิงสาวเลยเอ่ยถามคนทั้งคู่"พ่อกับแม่จะไปไหนกันแต่เช้าคะ" หลินชิงชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีดำสนิทจับจ้องไปที่บิดามารดาที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน"พ่อกับแม่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายน่ะลูก" หลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นพ่อตอบพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู "ถึงแม้ช่วงนี้บ้านเราจะพอมีเงินจากที่ลูกขายสมุนไพรได้ แต่พ่อก็อยากเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือสูง ๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่"หลินชิงชิงได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักของพ่อแม่ น้ำตาคลอหน่วยเล็กน้อย แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่เก็บงำไว้ "พ่อคะ แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เดี๋ยวหนูพาพ่อกับแม่ไปดูอะไรบางอย่าง แต่พ่อและแม่ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูอาจเป็นอันตรายได้"หลินเจิ้งเทียนและภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยเห็นลูกสาวพูดจาจริงจังแบบนี้มาก่อน "มีอะไรเหรอลูก บอกพ่อกับแม่ได้เลย" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามห
หวังอ้ายหลินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก ภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุยังคงวนเวียนในหัว ราวกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน รถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาหา เสียงกรีดร้องของผู้คน กลิ่นไหม้ของยางรถยนต์ และความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกายแต่แล้วภาพเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงมิติอันว่างเปล่า รอบตัวเธอมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงความเงียบงันที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาททันใดนั้น แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดึงดูดให้เธอเคลื่อนที่เข้าหาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเข้าใกล้ แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นภาพ เป็นภาพเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถยนต์รูปทรงแปลกตาที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง"นี่มันที่ไหนกัน" หวังอ้ายหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเธอล่องลอยไปตามท้องถนน มองดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันด้วยความสนใจ ราวกับกำลังท่องเที่ยวอยู่ในโลกอนาคต กระทั่งสายตาของเธอสะดุดเข้ากับร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธ
หลังจากขึ้นบ้านใหม่เสร็จเรียบร้อย สมาชิกบ้านสามต่างก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่อันกว้างขวางเมื่อคืนพวกเขานอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่หลินเสี่ยวหลงลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน เขาสูดหายใจเข้าลึก อากาศยามเช้าสดชื่น"บ้านของเราสวยจังเลยครับ" หลินเสี่ยวหลงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นหลินชิงชิงหันมายิ้มให้ "แน่นอนอยู่แล้ว พี่สาวออกแบบเองกับมือ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในขณะเดียวหวังจื้อเหยา ผู้เป็นแม่ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้ม "ลูกๆ ตื่นกันแล้วเหรอ ลงไปทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวต้องรีบไปโรงเรียน วันนี้มีสอบปลายภาคไม่ใช่เหรอ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู"แม่ครับ ผมจะตั้งใจสอบครับ" หลินเสี่ยวหลงยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยกับมารดาหวังจื้อเหยา หัวเราะเบาๆ "แม่รู้ว่าเสี่ยวหลงของแม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งใจทำให้เต็มที่นะลูก" เธอมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ หลินชิงชิงก็ปั่นจักรยานจากไปส่งหลินเสี่ยว