หลี่เยว่หรูสีหน้าไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่ที่หลินเฟิงมาถึง เรื่องราวก็เปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องแค่การปั๊มตรา และเซ็นชื่อ“ฮุ่ยหราน งั้นพวกเธอก็ไปกันก่อนเถอะ ฉันไม่เคยมาเมืองจิง อยากจะเดินเที่ยวเล่นให้เต็มที่”จางกุ้ยหลานฝืนยิ้มออกมา“หือ?”หลินเฟิงมองอะไรบางอย่างออกมาจากสีหน้าของจางกุ้ยหลาน เธอเหมือนพยายามปิดบังอะไรไว้อยู่ดูท่าเธอมาเมืองจิงกับหลี่ฮุ่ยหรานเพราะมีเป้าหมายของตัวเองไม่น่าแปลกใจที่เมื่อครู่ตั้งแต่เริ่มต้นก็แสดงออกได้ว่าง่ายถึงขนาดนั้น ไม่ทำตัวเด่น นี่ไม่เหมือนกับนิสัยของเธอโดยสิ้นเชิง“อืม งั้นแม่ระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย”หลี่ฮุ่ยหรานพูดประโยคนี้จบ ก็ถือกระเป๋าเอกสาร เดินออกจากประตูโรงแรมไปพร้อมกับหลินเฟิง หลี่เยว่หรู และเหมียวชางขณะเดียวกับที่พวกเขาออกไปจากประตูโรงแรม จางกุ้ยหลานก็กดโทรหาเบอร์แปลกหน้าตามติดกันและเบอร์นี้กลับไม่ใช่เบอร์ท้องถิ่นประเทศมังกร แต่เป็นระยะไกลจากต่างประเทศ“ฉัน...ฉันมาถึงเมืองจิงแล้ว พวกแกอยู่ไหน ซินเอ่อร์ ซินเอ่อร์ล่ะ? เธอเป็นยังไงบ้าง?!”“คุณป้า ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย!”ในโทรศัพท์มีเสียงร้องโอดครวญของจางซินที
“หึหึ ฉันบอกกับเธอแล้วสินะ?”หลี่เยว่หรูกอดอกหัวเราะอย่างลำพองใจและพูดว่า:“บริษัทรับเหมาของเหมียวชางไม่ต้องมาดูด้วยซ้ำ ที่บริษัทของเขาได้มาตรฐาน เอาล่ะ พวกเราดูเสร็จแล้วก็ออกไปเที่ยวเถอะ”“กว่าจะได้มาเมืองจิงสักครั้ง ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่เพียงแค่งานที่น่าเบื่อหรอกนะ”ขณะพูด เธอก็โอบคอของเหมียวชางเอาไว้ไม่เสแสร้งแล้ว“อืม ในเมื่อเป็นแบบนี้...”หลี่ฮุ่ยหรานเพิ่งหยิบสัญญาออกมาจากในกระเป๋าเอกสาร ก็จะปั๊มตราและเซ็นชื่อ จู่ๆ หลินเฟิงกลับยื่นมือออกไป และจับมือของหลี่ฮุ่ยหรานที่จะหยิบสัญญาออกมา“หือ?”หลี่ฮุ่ยหรานเงยหน้าขึ้น และมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัย“หลินเฟิงนายจะทำอะไรอีก?!”หลี่เยว่หรูมองหลินเฟิงที่ยื่นมือออกมา และระเบิดโมโห เท้าเอวด่าทอหลินเฟิง:“นายตั้งใจมาหาเรื่องบาดหมางกับพวกเราใช่ไหม? ถ้าหากนายตั้งใจมาเสียเวลาของพวกเรา งั้นก็รีบหายไปจากสายตาของพวกเราซะ!”“คุณหลิน”เหมียวชางเดินเข้ามา สีหน้ายิ้มเย็นชาพูดว่า: “ที่นี่คือบริษัทของผม คนเหล่านี้เป็นพนักงานของผม พวกเราก็มีหนังสือรับรองธุรกิจที่ถูกกฎหมายและเป็นไปตามข้อกำหนดและได้รับการอนุมัติตามมาตรฐาน”“ตอนนี้คุณยังมา
“หลี่เยว่หรู ฉันจำได้ว่าก่อนออกมา คุณปู่เคยพูดเอาไว้ เรื่องนี้ให้ฉันมีอำนาจการตัดสินใจ”“เธอลืมไปแล้วใช่ไหม?”“ฉัน..ฉัน...”หรี่เยว่หรูเม้มปาก ล้วงโทรศัพท์ออกมา และร้องไห้โฮพูดว่า: “ฉันจะโทรหาแม่ของฉัน พวกแกรวมตัวกันรังแกฉัน...”“เธอ...”หลี่ฮุ่ยหรานสูดหายใจเข้าลึกๆ และล็อกกระเป๋าเอกสาร จ้องมองเหมียวชางอย่างเย็นชา:“เถ้าแก่เหมียว ในเมื่อสถานการณ์ที่คุณบอกมาไม่เป็นความจริง งั้นก็อย่าโทษฉันนะคะ การร่วมของฉันกับบริษัทของคุณก็พอแค่นี้แล้วกันค่ะ”“เอ๊ะ อย่า ประธานหลี่ เอ๊ย ประธานหลี่...”เหมียวชางตกตะลึงอย่างมาก รีบขยับเข้าไปใกล้และพูดไพเราะ ขอร้องอ้อนวอน: “ประธานหลี่ นี่เป็นโอกาสเดียวของผมนะครับ ผมสารภาพ ผมสารภาพ!”“บริษัทแห่งนี้ไม่ใช่ของผม เป็นของเพื่อนผม”“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมแนะนำคุณให้กับเพื่อนผม ท่างด้านเพื่อนผมต้องการเงินเจ็ดพันห้าร้อยล้านก็สามารถจัดการได้แล้ว ส่วนอื่นพวกเราแบ่งกันคนละครึ่งเป็นยังไง? เอ๊ะ คิดว่ายังไงล่ะครับ!”ได้ยินเหมียวชางขอร้องอย่างน่าไม่อายแบบนี้ หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีความคิดที่อยากจะอยู่ต่อที่นี่แม้แต่นิดเดียว เธอหันหลังเดินจากไปโดยตรง“ประธานหลี่!”ในตอน
เหมียวชางเป็นเพื่อนในเน็ตที่หลี่เยว่หรูรู้จักเธอเคยเห็นรูปภาพของเหมียวชางบนอินเทอร์เน็ต คนหน้าตาหล่อพอใช้ได้ ได้ยินว่าเขาบริหารบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองจิง จึงคิดถึงการทอดสะพานระหว่างกลางขึ้นมาได้แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์แบบนี้“เธอ?”เหมียวชางเหลือบมองหลี่เยว่หรูด้วยความดูถูก และฉีกยิ้มพูดว่า:“เธอไม่ส่องกระจกดูบ้าง ดูว่าเธอหน้าตาสภาพแบบนั้น เหมือนกับแม่หมูตัวใหญ่ต้นตำรับตัวหนึ่ง”“ถ้าฉันไม่ได้ทำเพราะเงิน จะชอบเธอได้งั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดฉีกหน้าแบบนี้ของเหมียวชาง หลี่เยว่หรูเหมือนกับโดนฟ้าผ่าแสกหน้า“ดังนั้นแล้วความรักออนไลน์ต้องระมัดระวังไง”หลินเฟิงเผชิญหน้ากับพวกอันธพาลที่ล้อมเข้ามา ก็ไม่ได้เป็ฯกังวล เหมือนกับสบายใจเฉิบ ถึงขั้นยังมีอารมณ์ล้อเล่นอีก“หลินเฟิง พวกเราควรทำอย่างไร?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างร้อนรน“วางใจเถอะ ในเมื่อวันนี้มีผมอยู่ที่นี่ ใครก็ไม่สามารถแตะต้องคุณได้”ฟังหลินเฟิงพูดจาใหญ่โต เหมียวชางก็นั่งลงทันทีเขาโยนประแจที่อยู่ในมือไปทางหลินเฟิง และตะคอกด้วยความโมโห: “พรรคพวก ลุยเข้าไปทั้งหมด!”“กระทืบผู้ชายคนนั้นให้ฉันอย่างหนัก กระทืบจนกว่าจะตาย
คนจำนวนสิบกว่าคน ถูกผู้ชายคนนี้กระทืบจนนอนหมอบลงอย่างง่ายดายขนาดนี้ อีกทั้งดูท่าทางผ่อนคลายของเขา แม้แต่เหงื่อก็ยังไม่มีนี่บ่งบอกถึงอะไร?ผู้ชายคนนี้เป็นไปได้อย่างมากกว่าจะเป็นนักบู๊!วันนี้เขาเจอกับเรื่องยากเข้าแล้ว!“เมื่อกี้ฉันได้ยินนายพูดว่า อยากจะเล่นผู้หญิงของฉันสินะ?”หลินเฟิงนั่งยองลง ดึงผมของเหมียวชาง ถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย“หลินเฟิง!”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ไกลออกไปมีใบหน้าจนปัญญาวุ่นวายอยู่นานเขาได้ยินแค่ประโยคนี้งั้นเหรอ?“เป็นยังไง? ตอนนี้ยังอยากเล่นไหม?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ และเผยรอยยิ้ม “เป็นมิตร” ออกมานี่ทำให้เหมียวชางตกใจจนขี้หดตดหาย ส่ายหน้าเหมือนกับกลองเขย่า เกือบจะทำให้มันสมองของตัวเองเขย่าจนสมดุลแล้ว“ผู้หญิงของฉัน ตัวเองยังทำใจเล่นไม่ได้”หลินเฟิงถอนหายใจ จากนั้นสายตาเปลี่ยนไปดุดัน:“นายช่างกล้าพูดจริงๆ นะ!”“ไม่กล้าแล้ว ผมไม่กล้าแล้วจริงๆ! ท่านนักบู๊ ปล่อยผมไปเถอะ! ปล่อยผมไปเถอะนะ!”เหมียวชางหน้าตาโศกเศร้า เขาซวยเกินไปแล้วจริงๆนักบู๊น้อยขนาดนั้น ทำไมเขาถึงได้เจอกับคนเก่งขนาดนี้กันนะ อีกอย่างยังเป็นคนที่มาจากสถานที่เล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญซวยจริง
หลี่เยว่หรูเสียใจความเสียใจของเธอไม่ใช่เพราะเหมียวชางอยากจะหลอกเงินเธอแต่เพราะเหมียวชางยอมที่จะไปเกาะหลี่ฮุ่ยหราน ก็ไม่ยอมแตะต้องเธอ ผู้หญิงที่พาตัวเองไปส่งถึงที่“ความแตกต่างของฉันกับหลี่ฮุ่ยหรานเยอะขนาดนี้จริงๆเหรอ?”หลี่เยว่หรูซื้อความมึนเมาอยู่ตรงเคาน์เตอรืของร้านเหล้าเล็กๆหลินเฟิงกลับนั่งอยู่ตรงโต๊ะกับหลี่ฮุ่ยหราน รอใครบางคนอยู่หลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง“สหายหลิน”คุณชายรองตระกูลจี นั่นคือจีอวิ๋นเจี๋ยที่ถอดความอ่อนแอที่เสแสร้งออกมาก่อนหน้านี้ทิ้งไป เขามาพบกับหลินเฟิงด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าเขาเพิ่งนั่งลง ก็เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้างกายหลินเฟิง และลังเลเล็กน้อย จากนั้นถามว่า:“ท่านนี้คือ...”“ท่านนี้คือหลี่ฮุ่ยหรานอดีตภรรยาของผม ครั้งนี้ที่เรียกคุณมา ก็เพราะเรื่องของเธอ”หลินเฟิงยิ้มพูดแนะนำ“อดีตภรรยา?”จีอวิ๋นเจี๋ยอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก้ลุกขึ้นยืนจับมือกับหลี่ฮุ่ยหรานเป็นมารยาท และพูดชื่นชม:“คุณหลี่ฮุ่ยหรานสวยงามเพริศพริ้งอย่างถึงที่สุด เมื่อครู่เข้าประตูมาผมเกือบสงสัยว่าเป็นดาราดังบางท่านมาซะอีก”เมื่อพูดคำหยอกล้อเหล่านี้จบ เขาก็กวาดตามองหลินเฟิง
“อุปกรณ์ก่อสร้างและค่าใช้จ่ายต่างๆ ระหว่างการดำเนินการ พวกเราตระกูลจีจะจ่ายให้ก่อน หลังจากพวกคุณตรวจรับแล้ว ค่อยจ่ายเงินให้พวกผมภ่ายในครั้งเดียวก็พอครับ”“ทำงานก่อน ค่อยรับเงิน”“เป็นบริษัทก่อสร้างเทวดาอะไรกันเนี่ย?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่กล้าที่จะเชื่อนิดหน่อยแล้ว เธอไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้มีบริษัทก่อสร้างที่น่าเชื่อถือขนาดนี้จริงๆหรือว่าเขาไม่กลัวว่าพวกเธอจะค้างชำระรายการใช้จ่ายงั้นเหรอ?เหมือนกับมองความสงสัยของหลี่ฮุ่ยหรานออก จีอวิ๋นเจี๋ยยิ้มบางและพูดว่า:“คุณหลี่ฮุ่ยหราน คุณอาจจะสงสัย แต่ผมจะบอกคุณว่า ผมเชื่อในคุณสมบัติของสหายหลิน”“การค้าขายที่สหายหลินแนะนำไม่มีทางผิดพลาด ยิ่งกว่านั้นคุณคืออดีตภรรยาของสหายหลิน”“จากมิตรภาพของผมกับสหายหลิน อย่าว่าแต่เงินแค่ห้าพันล้านบาท”“ห้าหมื่นล้านบาทก็ยังไม่เป็นไรครับ”หลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากเป็นรูปตัวโอ เธอรับรู้อย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก หน้าตาของหลินเฟิงมีประโยชน์ที่น่าเชื่อถือถึงขนาดนี้ด้วย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันต้องขอบคุณคุณที่ตรงนี้ก่อนนะคะ”หลี่ฮุ่ยหรานโค้งตัวเคารพไปทางจีอวิ๋นเจี๋ยด้วยความซาบซึ้ง จีอวิ๋นเจี๋ยรีบห้ามปรามไว้ และยิ้มพู
“แต่ว่า!”หลี่เยว่หรูยื่นมือออกไป จับใบหน้าของจีอวิ๋นเจี๋ย และหัวเราะพูดว่า: “นอกจากสี่ตระกูลนี้ อันที่จริงยังมีหนึ่งตระกูลที่มีไม่สามารถมองข้ามอำนาจไปได้”“นั่นก็คือตระกูลจี!”หลี่เยว่หรูพูดว่า: “อีกทั้งฉันยังได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ตระกูลจีเคยประกาศออกมา ว่าจะแทนที่ตระกูลหลินที่ช่วงนี้ไม่เปิดเผยตัวตนออกมา”“เธอว่า...”หลี่เยว่หรูมองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความสงสาร และฉีกยิ้มพูด:“ตระกูลจีที่ธุรกิจใหญ่โตขนาดนั้น อำนาจมากมายขนาดนั้น เป็นไปได้อย่างไรว่าเรื่องบ้าบอเล็กน้อยแค่นี้ของเธอ จะทำให้คุณชายเดินทางมาโดยเฉพาะ?”“ดังนั้นหลี่ฮุ่ยหราน ฉันถึงได้พูดว่าถูกหลอกแล้ว!”หลี่เยว่หรูตบไหล่ของจีอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มเยาะพูด:“ไอ้หนุ่ม ฝีมือการแสดงของนายไม่เลว หลินเฟิงจ่ายเงินเท่าไหร่จ้างนาย? ทำไมรอบตัวนายถึงไม่พอผู้คุ้มกันมาด้วย?”“ตอนที่ซื้อเสื้อผ้าชุดนี้คงจะจ่ายเงินไปไม่น้อยสินะ?”เห็นหลี่เยว่หรูดึงเสื้อผ้าของตัวเอง จีอวิ๋นเจี๋ยปัดมือของเธอออกด้วยความรังเกียจ และมองไปทางหลินเฟิงแล้วถามว่า:“สหายหลิน คนผู้นี้คือใคร?”“คนผู้นี้คือลูกพี่ลูกน้องของฮุ่ยหราน สหายจี ไม่จำเป็นต้องสนใจเ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน